| โดย Uncle fat | 8 กุมภาพันธ์ 2550 08:50 น. | |
โดย...หมอหลินตันเฉียน
หากคุณอายุ 40 ปีขึ้นไปและต้องทำงานที่ต้องใช้แรงงานหนัก ต้องตระหนักเอาไว้ให้มากว่า คุณกำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะเผชิญกับปัญหาที่กระดูกสันหลัง ไม่ว่าจะเป็นอาการงอก บวมหรืออักเสบก็ตาม
| ||
อาทิ ในช่วงเริ่มแรกของการเกิดโรค จะมีสัญญาณบ่งบอกอย่างเช่น ตื่นขึ้นมาตอนเช้าจะรู้สึกเจ็บเอว นั่งนานๆ แล้วปวดเอวมากเป็นพิเศษ เป็นต้น หากลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายก็จะหายไปหรือคลายลงเองได้ แต่ถ้าต้องทำงานหนักอาการก็จะกลับมาก่อกวนอีก
ส่วนคนที่เป็นมาก เมื่อวินิจฉัยลงไปให้ละเอียดจะพบว่า กระดูกสันหลังผิดไปจากเดิม จากที่เคยยืดหยุ่นจะกลับกลายเป็นแข็ง จะบิดตัว จะเอี้ยวตัวหรือจะเคลื่อนไหวอะไรก็เป็นไปด้วยความลำบาก ขณะที่เมื่อกดลงไปที่เอวจะเจ็บ เวลาเคาะลงไปจะรู้สึกเจ็บลึกๆ
ถ้าไปฉายเอกซเรย์ ก็จะพบภาวะความเปลี่ยนแปลงของกระดูก หมอนรองกระดูก และระยะห่างของข้อกระดูกที่ผิดไปจากเดิมอย่างชัดเจน
แน่นอนว่า เรื่องนี้ผู้ที่จะรู้ดีที่สุดย่อมหมายถึงตัวคุณเองเพราะต้องประสบกับปัญหาด้วยตัวเอง
สำหรับหลักในการรักษาโรคนี้นั้น ศาสตร์การแพทย์แผนจีนทุยหนากำหนดแนวทางในการ “บรรเทา” หรือ “กำจัด” อาการเจ็บปวดเอาไว้ในหลากหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการนวดและการใช้ยา
ด้านการนวดแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการผ่อนคลายและทำให้เกิดความอุ่นร้อน ซึ่งสามารถใช้ทั้งการกด การนวด การคลึง การตบ การถูประกอบกันไป
ขั้นตอนแรก-ใช้นิ้วมือทั้ง 4 นวดกล้ามเนื้อรอบๆ เอวเพื่อผ่อนคลาย
ขั้นตอนที่สอง- กดและนวดตรงจุดที่เกี่ยวข้องกับทำงานของตับและไต เช่น “จุดมิ่งเหมิน” ซึ่งอยู่ตรงบั้นเอวด้านหลัง “จุดซิ่งซู” หรือจุดไต จุดที่เกี่ยวข้องกับลำไส้ใหญ่ที่ รวมทั้งจุดที่อยู่บริเวณน่องเพื่อทำให้ขามีกำลังเพิ่มขึ้น ฯลฯ
ขั้นตอนที่สาม – กดและสะบัดหรือดีดนิ้วลงตรงบริเวณจุดที่เจ็บที่จุดตรงแนวกระดูกสันหลัง เพราะจะเป็นจุดที่มีปัญหามากกว่าที่อื่น จากนั้นให้นวดในกลุ่มนั้นเพื่อรักษาและปรับสภาพกระดูกให้คืนสู่ปกติ
และขั้นตอนที่สี่-ให้ใช้ฝ่ามือถูตรงกล้ามเนื้อรอบเอวทั้งสองข้างเพื่อให้เกิดความร้อน
อย่างไรก็ตาม การนวดเพียงอย่างเดียวไม่สามารถรักษาอาการให้หายไปได้ ต้องใช้ยาควบคู่ไปด้วย เพื่อปรับเลือดลม กระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดลมให้ดีขึ้น รวมทั้งเพื่อบำรุงความแข็งแรงของ “ไต” และ “ตับ” เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับอาการด้วย ซึ่งการจ่ายยาก็จะต้องวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยแต่ละรายไป
ดังนั้น สรุปได้ว่า ถ้าอยากจะรักษาให้หายขาดต้องใช้ทั้งการนวดและการรับประทานยาควบคู่กันไป
และทิ้งท้ายกันที่คำแนะนำที่สำคัญเพิ่มเติมว่า ในระหว่างการรักษา ผู้ป่วยสามารถช่วยบำบัดอาการด้วยการใช้ “เข็มขัด” ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยพยุงเอวไม่ให้ต้องแบกรับน้ำหนักมากเกินไปและ ทำให้เอวเกิดความอุ่นร้อน ป้องกันไม่ให้ความเย็นซึมเข้าไปในร่างกายได้ รวมทั้งหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายด้วย เช่น อาจจะไปว่ายน้ำ วิ่งหรือเล่นชี่กงก็ได้
ที่สำคัญคือ สำหรับผู้มีปัญหาโรคของกระดูกสันหลัง ในการนอนต้องพยายามเลี่ยงการนอนฟูกนุ่มๆ โดยนอนบนที่นอนที่แข็งพอสมควร คือนอนแล้วตัวจะต้องไม่ยุบลงไป เพราะถ้านอนบนฟูกนุ่มจะทำให้อาการขยายตัวขึ้น