homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

เครื่องสำอางของคุณ หมดอายุหรือยัง/ เอมอร คชเสนี

โดย เอมอร คชเสนี 6 พฤษภาคม 2554 17:10 น.
ผู้หญิง กับเครื่องสำอางดูจะเป็นของคู่กัน บางคนมีนิสัยชอบซื้อ เห็นอะไรออกใหม่ หรือสีสันสดสวยเป็นต้องขอลอง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็สะสมไว้มากมายจนใช้ไม่ทันและหมดอายุ บางคนแต่งหน้าไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่ขอซื้อติดตัวไว้ เผื่อมีโอกาสได้ออกงาน ไม่เคยได้หยิบมาใช้จนกระทั่งมันหมดอายุ บางคนยังมีนิสัยช่างเสียดาย อุตส่าห์ซื้อมาเป็นร้อยเป็นพัน จะทิ้งก็นึกเสียดายเงิน ยิ่งไปกว่านั้นบางคนไม่รู้หรือไม่เคยสนใจเลยว่าเครื่องสำอางที่ใช้อยู่หมด อายุหรือยัง จะทิ้งก็ต่อเมื่อใช้จนหมดแล้วเท่านั้น บางคนเก็บไว้นานเป็นสิบปีเลยทีเดียว โดยหารู้ไม่ว่าการใช้เครื่องสำอางที่หมดอายุนั้นเสี่ยงอันตรายไม่น้อยที เดียว







       แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เตือนว่า การใช้เครื่องสำอางหมดอายุอาจเป็นสาเหตุของปัญหาผิวหน้า เช่น สิว ฝ้า กระ ผื่นแพ้ต่างๆ ผิวหนังอักเสบ คัน บวมแดง ร้ายแรงกว่านั้น ก็คือ อาจก่อให้เกิดโรคผิวหนังเรื้อรัง เยื่อบุตาอักเสบ และปากเปื่อย ฯลฯ
      
       เครื่องสำอางสามารถเสื่อมสภาพได้เมื่อเวลาผ่านไป พวกสารกันบูดอาจจะอ่อนฤทธิ์ลงกว่าตอนที่เพิ่งซื้อมา หรือการสัมผัสกับฝุ่นละออง อากาศ แสงแดด ความร้อน ความชื้น หรือเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนอยู่ตามนิ้วที่ใช้ทาเครื่องสำอาง และเข้าไปสะสมอยู่ในผลิตภัณฑ์
      
       จากการสำรวจ พบว่า ผู้หญิงร้อยละ 89 ไม่รู้ว่ามีข้อมูลบอกอายุขัย หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจหรือไม่อ่าน เพราะพิมพ์ด้วยตัวอักษรที่เล็กมาก ร้อยละ 72 ไม่เคยล้างฟองน้ำหรือแปรง และร้อยละ 68 จะเปลี่ยนเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก็ต่อเมื่อใช้จนหมดแล้วเท่านั้น โดยไม่สนใจว่าใช้มานานเท่าไรแล้ว
      
       เครื่องสำอางที่ดีควรจะระบุวันเดือน ปีที่ผลิต จะให้ดียิ่งกว่านั้นควรจะบอกวันหมดอายุเอาไว้ด้วย แต่สาวๆ หลายคนคงจะเจอปัญหาเหมือนๆ กัน นั่นคือเครื่องสำอางที่ซื้อมากลับไม่ได้ระบุวันหมดอายุเอาไว้
       

       คณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.ชี้แจงสาเหตุที่ฉลากเครื่องสำอางไม่ระบุวันหมดอายุว่า “โดยทั่วไปอายุของเครื่องสำอางจะยาวนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับส่วนประกอบของ ผลิตภัณฑ์ การบรรจุ วัตถุกันเสีย และวิธีการเก็บรักษาเครื่องสำอาง สาเหตุที่กฎหมายไม่กำหนดให้ฉลากเครื่องสำอางแสดงวันหมดอายุให้ผู้บริโภคทราบ ก็เนื่องจากอายุของเครื่องสำอางสามารถผันแปรได้ง่ายตามวิธีการเก็บรักษา หากเก็บรักษาเครื่องสำอางในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม ได้แก่ การเก็บอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง ถูกแสงแดด ความร้อน จะทำให้วัตถุกันเสีย และสารที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอางเสื่อมสภาพเร็ว และอาจจะทำให้เครื่องสำอางนั้นหมดอายุก่อนวันหมดอายุจริงก็ได้ หรืออีกนัยหนึ่ง หากถูกเก็บอยู่ภายใต้สภาวะที่เหมาะสมอาจจะคงคุณภาพได้ยาวนานกว่าวันหมดอายุ ดังนั้น จึงเป็นไปได้ยากที่จะให้ผู้ผลิตกำหนดวันหมดอายุที่แน่นอนแสดงบนฉลาก สำหรับวิธีตรวจสอบเบื้องต้นว่าเครื่องสำอางหมดอายุหรือไม่ สามารถตรวจสอบจากสีและกลิ่นของเครื่องสำอางได้ หากเครื่องสำอางเกิดการเปลี่ยนสภาพ เปลี่ยนสี หรือเปลี่ยนกลิ่น ให้ทิ้งทันที เนื่องจากเครื่องสำอางนั้นเสื่อมสภาพแล้ว” (ข้อมูลจากบริการสายด่วน อย.1556)
      
       ดังนั้น ผู้บริโภคจึงต้องรู้จักสังเกตด้วยตัวเองว่าเครื่องสำอางที่ใช้อยู่นั้นหมด อายุหรือยัง โดยมีหลักคร่าวๆ ให้พิจารณาดังนี้
      
       - มาสคารา หมดอายุภายใน 3 เดือน หลังจากเปิดใช้ สาเหตุที่มาสคาร่ามีอายุการใช้งานสั้น เนื่องจากด้ามแปรงที่ปัดขนตาเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย เพราะต้องจุ่มเข้า-ออก ทำให้สัมผัสกับอากาศบ่อยครั้ง ดังนั้นไม่ควรปั๊มมาสคาร่า ให้ใช้วิธีขยับแปรงกระทบด้ามเบาๆ ก็พอแล้ว
      
       - รองพื้น หากเป็นแบบผสมน้ำ จะหมดอายุภายใน 1 ปีหลังจากเปิดใช้ หากเป็นแบบผสมน้ำมันจะหมดอายุภายใน 1 ปีครึ่งหลังจากเปิดใช้ สามารถยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้นโดยปิดฝาให้สนิทแล้วเก็บไว้ในตู้เย็น และใช้แปรงหรือฟองน้ำแทนการสัมผัสรองพื้นโดยตรง
      
       - แป้งฝุ่นทาหน้าหรือบลัชออนทาแก้ม หมดอายุภายใน 2 ปีหลังจากเปิดใช้ ควรยืดอายุการใช้งานด้วยการใช้แปรงแทนการใช้มือสัมผัสโดยตรง
      
       - อายแชโดว์ หมดอายุภายใน 2 ปีหลังจากเปิดใช้ครั้งแรก
      
       - อายไลเนอร์ หรือดินสอเขียนขอบตา หากเหลาเป็นประจำ จะหมดอายุภายใน 2 ปีหลังจากเริ่มใช้ แต่ถ้าหากเป็นอายไลเนอร์ชนิดน้ำจะมีอายุเพียงแค่ 3-6 เดือนหลังจากเปิดใช้
      
       - ลิปสติก หมด อายุภายใน 2 ปีหลังจากเปิดใช้ครั้งแรก แต่ลิปกลอสมีอายุการใช้งานเพียง 1 ปีเท่านั้น โดยเฉพาะแบบจิ้มจุ่ม สามารถยืดอายุการใช้งานของลิปสติกให้นานขึ้นโดยปิดฝาให้สนิทแล้วเก็บไว้ใน ตู้เย็น และควรใช้คู่กับพู่กันทาปากจะดีกว่าการทาลงบนริมฝีปากโดยตรง เพราะจะทำให้เนื้อลิปสติกปลอดจากการปนเปื้อนของแบคทีเรีย
      
       - ลิปไลเนอร์ หรือดินสอเขียนขอบปาก หมดอายุภายใน 2 ปีหลังจากเปิดใช้ครั้งแรก
      
       - ดินสอเขียนคิ้ว หมดอายุภายใน 2 ปีหลังจากเปิดใช้ครั้งแรก
      
       - ยาทาเล็บ ปกติ จะหมดอายุภายใน 1 ปีหลังเปิดใช้ ระหว่างนั้นหากไม่ค่อยได้ใช้ ควรเขย่าขวดบ่อยๆ จะช่วยไม่ให้น้ำยาทาเล็บเกาะตัวกัน หากเก็บไว้จนแข็งให้ใช้น้ำยาล้างเล็บผสมลงไปแล้วเขย่าให้สีละลาย จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้
      
       - น้ำหอม หาก ยังไม่ได้เปิดใช้และเก็บให้ห่างจากแสงสว่างและความร้อน จะหมดอายุภายใน 3 ปี แต่หากเริ่มเปิดใช้ จะหมดอายุภายใน 1 ปีครึ่ง แต่ถ้าเริ่มมีกลิ่นผิดปกติหรือมีกลิ่นฉุน มีสีคล้ำลงหรือเปลี่ยนสี หรือมีลักษณะข้นเหนียว แสดงว่าน้ำหอมนั้นหมดอายุแล้ว
      
       - ครีมหรือโลชั่นบำรุงผิว หมด อายุภายใน 1 ปีหลังจากเปิดใช้ครั้งแรก หรือสังเกตสัญลักษณ์คล้ายรูปกระป๋องเปิดฝาที่ข้างขวด เช่น มีตัวเลข 12M อยู่ในกระป๋อง หมายความว่าหลังจากเปิดใช้จะมีอายุการใช้งาน 12 เดือน
      
       ทั้งหมดนั้นเป็นวิธีการประเมินในเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาวันที่ผลิตประกอบด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าเครื่องสำอางนั้นวางอยู่บนชั้นวางสินค้ามานานแค่ไหนก่อน ที่เราจะไปซื้อ ต้องคำนวณระยะเวลาการใช้งานหลังจากเปิดใช้ประกอบกับดูวันที่ผลิตหรือวันหมด อายุด้วย
      
       นอกจากนี้ เครื่องสำอางอาจมีอายุการใช้งานนานหรือสั้นกว่านี้ ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการเก็บรักษา ดังนั้นทางที่ดีจึงควรหมั่นสังเกตเครื่องสำอางอยู่เสมอ ตามหลักการง่ายๆ ดังนี้
      
       - การดมกลิ่นเป็นวิธีที่ง่ายและใช้ได้ผลมากที่สุด เมื่อซื้อเครื่องสำอางมาใหม่ๆ ให้ลองดมกลิ่นดูแล้วจำไว้ หลังจากนั้น ก่อนจะใช้ทุกครั้งก็ให้ดมกลิ่นดูก่อนเพื่อเปรียบเทียบกันว่ากลิ่นเปลี่ยนไป หรือยัง เพราะเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เมื่อหมดอายุแล้วมักจะมีกลิ่นหืน
      
       - สังเกตสีของเครื่องสำอางว่าเปลี่ยนไปหรือไม่ หรือมีเชื้อราขึ้นหรือไม่
      
       - ถ้ามีการแยกชั้นของเนื้อครีม และน้ำมันในผลิตภัณฑ์ หรือลิปสติกที่มีเม็ดเหงื่อหรือหยดน้ำเกาะ ก็ไม่ควรนำมาใช้อีก เพราะเม็ดเหงื่อที่เห็นก็คือไขมันที่แยกตัวออกมาจากเนื้อครีมนั่นเอง
      
       - หากไม่แน่ใจจริงๆ ว่าหมดอายุแล้วหรือยัง ให้ทดลองทาที่ใต้ท้องแขนแล้วทิ้งไว้สัก 30 นาทีก่อนนำไปใช้ เพื่อดูว่าแพ้หรือไม่ แต่หากไม่อยากเสี่ยงก็ทิ้งไปไม่ต้องเสียดาย
      
       วิธีการดูแลรักษาเครื่องสำอาง
      
       - เก็บเครื่องสำอางไว้ในที่สะอาด แห้ง และเย็น หลีกเลี่ยงที่ร้อน ชื้น และแสงแดดส่องถึง
      
       - การเก็บเครื่องสำอางไว้ในตู้เย็นไม่ดีเสมอไป เพราะความชื้นในตู้เย็นจะทำให้เครื่องสำอางที่มีเนื้อเป็นแป้งเสียคุณสมบัติได้
      
       - ควรปิดฝาบรรจุภัณฑ์ให้เรียบร้อยทันทีที่ใช้เสร็จ เพื่อป้องกันฝุ่นและเชื้อโรคที่อาจเข้าไปปนเปื้อน
      
       - อุปกรณ์แต่งหน้า เช่น พัฟฟ์ และแปรง ก็ควรหมั่นล้างทำความสะอาดสักเดือนละครั้งด้วยน้ำสบู่อุ่นๆหรือเปลี่ยนใหม่ อยู่เสมอ เพราะเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียได้เช่นกัน
      
       - ไม่ควรใช้เครื่องสำอางและอุปกรณ์แต่งหน้าร่วมกับคนอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโรคถึงกัน
      
       การซื้อเครื่องสำอางลดราคาก็ ต้องดูให้ดี เพราะส่วนใหญ่มักเป็นสินค้าใกล้หมดอายุแล้ว จึงสามารถนำมาขายได้ในราคาถูก สำหรับคนที่แต่งหน้าเป็นประจำทุกวันเมื่อเลือกดีแล้วก็ซื้อได้เลย แต่ไม่แนะนำให้ซื้อยกโหล เพราะเครื่องสำอางอาจเสื่อมสภาพก่อนที่จะได้ใช้ น่าเสียดายยิ่งกว่าไม่ได้ซื้อเก็บไว้เสียอีก ส่วนคนที่นานๆ แต่งหน้าที ก็อย่าซื้อเยอะนัก เพราะถ้าซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาเงินไปทิ้งเฉยๆ
      
       ติดตามฟังรายการ “Happy & Healthy”
       ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00-12.00 น.
       ทางคลื่นของประชาชน คนนำปัญญา FM 97.75 MHz
       และ www.managerradio.com
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000055919