ASTVผู้จัดการออนไลน์ | 12 ตุลาคม 2547 17:19 น. | |
| ||
แต่ฮิ..ฮิ ไม่เห็นต้องเป็นข่าว
เหตุผลก็เพราะนอกจากอีชั้นไม่ไปกิน
ตอนที่เขากำลังจะปิดร้านแล้ว
อีชั้นก็ยังไม่สั่ง “ชาบู..ชาบู” แล้วจุดไฟ
ด้วยตัวเองหร้อก
คุณตัน..ก็ตันไหน
เพราะ คนชื่อตัน ที่อีชั้นรู้จักมรอยู่คนเดียว คือ “ตัน โออิชิ”
ซึ่งถ้าจะเรียกให้เต็มยศ ก็ต้องพูด..ต้องเขียนให้เต็มคำว่า
“คุณตัน ภาสกรนที” เจ้าของภัตตาคารโออิชินั่นล่ะ
คุณตันสั่งเด็กให้มาตามอีชั้นไปกิน “พระกระโดดกำแพง”
อะ..ชะ..ช้า
นี่หลวงพี่ หลวงพ่อ ถ่อมากระโดดถึงเมืองไทยแล้วหรือไง
ครั้งสุดท้ายที่อีชั้นไปนิมนต์ให้ท่านกระโดดมาในไหเหล้า โน้น..แน่ะ อีชั้นไปกินที่เซี่ยงไฮ้
ที่ต้องไปกินที่นั่นก็เพราะ “พระกระโดดกำแพง” นั้นมีกำเนิดเกิดขึ้นที่เมืองนี้เมื่อปี ค.ศ. 1877 ก็ประมาณร้อยกว่าปีผ่านมา
เรื่องนี้มีประวัติบันทึกไว้ ในเรื่องอาหารฮองเต้ของสมัยราชวงศ์ชิง
อีชั้น..เป็นแฟนเก่าของคุณตัน มาตั้งแต่ท่านยังไม่ได้เป็นเจ้าของ บริษัทมหาชน มูลค่าหลายพันล้านอย่างเช่นทุกวันนี้
เอ๊า..ไปก็ไป เรื่องกินขอให้บอกเถิด เรื่องกินไม่เคยหนี โดยเฉพาะกินฟรี ถ้าไม่ดีอีชั้นก็ไม่กินของใคร
ต่อให้ช้าง ม้า วัว ควาย นักการเมือง หรือผู้ยิ่งใหญ่ และผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายมาฉุด จ้างก็มาหยุดอีชั้นไม่ได้ นี่ล่ะเป็นกฎข้อหนึ่ง สำหรับการที่จะเป็น “นักวิจารณ์อาหาร” ที่จะต้องบัญญัติเอาไว้ในหัวใจ
คืนที่อีชั้นไปกิน “พระกระโดดกำแพง” ตามนัด มีสเตอร์ตัน ดันไม่มาซะนี่ ให้คุณ “ฐิติมา ศรีอุทัยวงศ์” หรือ “คุณจู” มาทำหน้าที่ต้อนรับขับสู้ นิมนต์พระลงหม้อแทน
เอาล่ะ..ตันไม่มา จูมาแทนก็โอเค
ว่าถึง “คุณจู” นี่จะต้องลำเลิกเรื่องเก่าเอามาเขียนเล่าให้เจ้านายรู้จักมักจี่..แต่อย่ามักจีบ เพราะเธอมีฝาละมีแถมมีลูกแล้ว
“คุณจู”..เป็นลูกค้าทัวร์เก่าแก่คนหนึ่งของอีชั้น เธอเคยไปทัวร์เปิบพิสดาร อาหารฮองเต้ ที่ฮ่องกง ที่มาเก๊า ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2520 ปีแรกที่อีชั้นเริ่มทำทัวร์เปิบพิสดาร มาถึงปีนี้ ก็ตกราวๆ 27 ปีแล้ว
คุณจูตอนนี้ไม่ใช่เด็กสาวจากชลบุรีที่อีชั้นเคยต้อนรับขับสู้อยู่บน เครื่องบิน บนรถ บนเรือ เวลาออกทัวร์ แต่เธอเป็นกรรมการบริหารของบริษัทโออิชิ (มหาชนป
ก็ว่ากันง่ายๆ คือเธอเป็น “นัมเบอร์ทู” หากมีสเตอร์ตันเป็น “นัมเบอร์วัน”
อีตอนเธอจะเปิดภัตตาคารโออิชิแห่งแรกในซอยทองหล่อ เธอก็ยังเคยนิมนต์ ฮัดฉ่า..อีนี่ม่ายช่าย เธอยังเคยเชิญอีชั้นไปร่วมเป็นเกียรติเปิดป้าย
จากร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่นเจ้าแรกในเมืองไทย เปิดมาได้ยังไม่ถึง 10 ปีเห็นจะได้ ตอนนี้กลายเป็นบริษัทมหาชนระดับพันล้านไปแล้ว
เพราะฉะนั้น คนชื่อตันไม่มีวันตัน เหมือนคนชื่อจู ไม่มีวันจน
| |||
ทำไมต้องว่าอย่างนั้น
เหตุผลก็เพราะมันไม่ใช่ของแท้อย่างที่อีชั้นเคยกินที่เซี่ยงไฮ้
เพราะเครื่องปรุงของพระกระโดดกำแพง ซึ่งก็คือหูฉลามตุ๋น จะต้องประกอบด้วย เครื่องอีก 20 อย่าง ยกเอามาเป็นแซมเปิลก็ได้ว่า
นอกจากจะมีหูฉลามแล้ว ยังจะต้องมีเอ็นกวาง ตัวเดียวอันเดียวเสือ ปลิงทะเล หอยเป๋าฮื้อ ไก่ดำต้องไก่สมัยราชวงศ์ถัง บางครั้งก็ต้องมีตีนอูฐ ลิ้นนกกระเรียนเป็นสำคัญ
ส่วนเครื่องยาจีนนั้นก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า “พระกระโดดกำแพง” จะต้องเข้าโสมคนอย่างดีพิเศษ หญ้าหนอนที่เรียกว่า “ตังฉ่ำเฉา” เก๋ากี้ รากหญ้าน้ำลายมังกร
แล้วก็เครื่องตุ๋นจีนอีกสัก 10 อย่าง จากนั้นก็ต้องตุ๋นด้วยไฟอ่อนๆ นานสัก 10 ชั่วโมง จึงจะยกมาถวายฮองเต้..ฮองเฮาได้
ที่ภัตตาคารโออิชิ เขามีตุ๋น “พระกระโดดกำแพง” จริงๆ
ใครไม่ได้รับเชิญไปกินอย่างอีชั้น ก็ไปกินฝีมือเขาได้
“พระกระโดดกำแพง” อยู่ในเมนูบุฟเฟ่ต์ของร้านโออิชิทุกแห่ง แต่ไม่ใช่กินหม้อใหญ่ๆ กินพระกระโดดกำแพงของอร่อยที่แสนแพง จะมีเจ้าหน้าที่ร้านเขาคอยบริการตักให้หมดถ้วยเมื่อไหร่ ก็ให้มาขอต่อได้ทีละถ้วย..ทีละถ้วย ช่วยให้ยิ่งเจริญอาหาร ไม่ต้องกินเมนูอื่นซึ่งมีร้อยรายการของร้าน ก็คุ้มแล้วล่ะ...เจ้านาย
นี่ถ้าคืนนั้น ท่านสส. กับเพื่อนไม่ไปกินชาบู ชาบู ตอนที่เขากำลังจะปิดร้าน ทั้งยังทำผิดหน้าที่ คือสส. หรือท่านผู้แทนทำหน้าที่พิจารณากฎหมายในสภา
ไม่ใช่ทำหน้าที่จุดไฟแอลกอฮอลล์เยลลี่ อย่างที่เขาว่ากัน
ป่านนี้ท่านไม่ต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงพยาบาลหร๊อก แต่ถึงนอนก็ไม่เป็นไร ให้มีสเตอรันหอบตุ๋น “พระกระโดดกำแพง” ไปขมาท่าน
...อร่อยอย่างนั้นท่านคงอโหสิกรรมให้ แล้วคงเลิกกินชาบู ชาบูเด็ดขาด ฟาดพระกระโดดกำแพงอย่างเดียวเท่านั้น อร่อยยอด ปลอดภัยอีกต่างหาก เชื่ออีชั้นเต๋อะ...
“แม่ช้อยนางรำ”
“พระกระโดดกำแพง” มีบริการที่ “ภัตตาคารโออิชิบุฟเฟ่ต์” และ “โออิชิเอ็กซ์เพรส” ทุกแห่ง ตลอดเดือนตุลานี้ รายละเอียดถามที่ 0-2712-3456 เจ้าค่ะ
ผู้จัดการออนไลน์