| |  |  | แพทย์ผิวหนังเตือน หญิงมีครรภ์ระวังการใช้ยารักษาสิว ทั้งชนิดทาและกิน อาจทำให้ทารกในครรภ์พิการได้ หากรับยากลุ่มฮอร์โมนมากเกินไปทารกชายอาจกลายเพศได้ นายแพทย์ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์อเมริกันบอร์ดสาขาโรคผิวหนัง อาจารย์พิเศษภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยในบทความเรื่อง “โรคสิวในเวชปฏิบัติ” ว่า ยารักษาสิวหลายตัวทั้งในรูปแบบยาทาและยากินมีผลเสียต่อทารกในครรภ์ โดยในกลุ่มยาที่จะต้องระวัง คือ ยาทากลุ่มกรดวิตะมิน เอ หรือ เรตินอยด์ ได้แก่ Tretinoin, Isotretinion, Adapalene ซึ่งยากลุ่มนี้ไม่ยืนยันว่าจะปลอดภัยหากใช้ในหญิงตั้งครรภ์(Pregnancy Category C) ส่วน Tazarotene นั้น ห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์โดยเด็ดขาด(Pregnancy Category X) ส่วนยากินรักษาสิวที่ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์โดยเด็ดขาด คือ ยากลุ่มเตตตร้าชัยคลิน ได้แก่ Tetracycline, Doxycycline และ Minocycline ซึ่งเป็นยากินรักษาสิวที่นิยมกันมาก แต่มีผลต่อกระดูกและฟันของเด็กในครรภ์ และไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี หรือจนกว่าฟันแท้จะขึ้นครบ ส่วนยากินกลุ่มซัลฟา และยากินรักษาสิวกลุ่มฮอร์โมน เช่น Spironolactone, Cyproterone acetate หรือระหว่างรับยาตัวนี้ห้ามตั้งครรภ์เด็ดขาด เพราะทารกเพศชายจะมีลักษณะกลายเป็นเพศหญิง นายแพทย์ประวิตร กล่าวต่อไปว่า ยา รักษาสิวส่งผลเสียต่อทารกมากที่สุด คือ เรตินอยด์ ซึ่งทำให้ทารกทั่วโลกพิการหลายพันคน ดังนั้น จึงห้ามใช้ยาชนิดนี้ขณะตั้งครรภ์ หากรับยาอยู่ให้หยุดรับยาก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 เดือน รวมถึงคุณแม่ที่ให้นมอยู่ด้วย ทั้งนี้การใช้ยาในคุณแม่ตั้งครรภ์จะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะแม้จะมีการเตือนถึงอันตรายนี้อยู่เสมอ แต่ก็ยังพบว่ามีการตั้งครรภ์ 3-4 ครั้ง ใน 1,000 คน |
|