1. ดวงตาที่รับบริจาค เรานำไปใช้ประโยชน์อะไรบ้าง
ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่า ดวงตาที่นำมาบริจาค เราไม่ได้นำเอาทั้งดวงมาใช้ เราใช้เฉพาะส่วนหน้าสุด ที่เรียกกระจกตาเท่านั้น เพราะฉะนั้นกลุ่มผู้ป่วยที่จะได้รับประโยชน์จากการทำผ่าตัดชนิดนี้จะเป็นผู้ มีความผิดปกติทางด้านหน้าที่เรียกว่า กระจกตา
ในส่วนของกระจกตาที่เกิดโรคบางอย่าง เช่น แผลเป็น แผลติดเชื้อ มีความโค้งที่ผิดปกติ ทำให้การมองเห็นไม่ดีพอ แต่ถ้าได้รับการเปลี่ยนกระจกตาจะสามารถกลับมามองเห็นได้ใกล้เคียงเหมือนปกติ อีกครั้ง
สำหรับผู้ที่มีความผิดปกติด้านอื่น เช่น จอประสาทตา หรือเส้นประสาทตา จะไม่สามารถทำการผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาได้
2. ปัจจุบันการบริจาคดวงตา พบปัญหามากน้อยแค่ไหน
ปัญหาที่พบคือ กลุ่มผู้ป่วยที่แสดงความจำนงขอรับบริจาคตา มีปริมาณค่อนข้างมาก จากตัวเลขล่าสุดของสภากาชาดไทย มีผู้ป่วยรอรับบริจาคดวงตาประมาณ 3,000 กว่าราย ส่วนในกลุ่มของผู้ป่วยที่เราสามารถให้หรือบริจาคกระจกตาต่อปี มีประมาณ 200 - 250 รายเท่านั้น ซึ่งจะเห็นว่ามีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ทำให้รอคิวผ่าตัดค่อนข้างนาน โดยทั่วไปเฉลี่ยรายละประมาณ 3 - 5 ปี ซึ่งจะพิจารณาตามความสำคัญของกลุ่มผู้ป่วยด้วย เช่น ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องใช้กระจกตา ก็จะมีการจัดคิวเร่งด่วนให้
3. ปัญหาที่เกิดขึ้นในกลุ่มของผู้ป่วยที่รอรับดวงตา เกิดขึ้นจากสาเหตุใดบ้าง
ผู้ป่วยที่รอรับการบริจาคนั้นมีอยู่ 2 กลุ่มหลัก กลุ่มแรกคือกลุ่มที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งพบว่าการพยากรณ์โรคมักไม่ค่อยดี เนื่องจากในกลุ่มนี้มักจะมีความผิดปกติของระบบอื่น ๆ ในดวงตาร่วมด้วย กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่เป็นในภายหลัง ซึ่งเคยมีการมองเห็นที่ดีมาก่อน เช่น มีอุบัติเหตุแล้วเกิดแผลเป็นเกิดขึ้นที่กระจกตา ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะมีการพยากรณ์โรคที่ดีกว่า อย่างไรก็ตามขึ้นกับความรุนแรงของโรคที่เป็นด้วย ในช่วงระยะเวลารอการเปลี่ยนกระจกตา แพทย์จะมีการติดตามอยู่เป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ที่คงที่สามารถรอได้
4. ความเชื่อที่ว่าการบริจาคดวงตาแล้ว จะทำให้ชาติหน้าเกิดมาแล้วจะไม่มีดวงตา คุณหมอมีความเชื่อหรือทัศนคติเรื่องนี้ว่าอย่างไร
เรื่องนี้มีข้อจำกัดค่อนข้างมากเนื่องจากเป็นเรื่องของความ เชื่อส่วนบุคคล เรามักจะได้ยินว่าคนส่วนใหญ่ที่ไม่นิยมบริจาคดวงตาเพราะกลัวว่าเกิดมาชาติ หน้าแล้วจะไม่มีดวงตาใช้ แต่ถ้าพิจารณากันตามหลักการและเหตุผลแล้วจะพบว่าหลาย ๆ ครั้งที่มีการผ่าตัดเอาอวัยวะบางอย่างออกไป เช่น ผู้ป่วยหญิงบางคนต้องตัดมดลูกและรังไข่ออก ทำไมจึงไม่กลัวว่าเราจะไม่มีมดลูก ไม่มีรังไข่ หรือบางรายที่ต้องตัดไส้ติ่งออก จึงไม่กลัวว่าชาติหน้าจะไม่มีไส้ติ่ง หรือจะมีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ซึ่งในกรณีนี้ก็ไม่มีใครกลัว ก็จะเหมือนกันกับการบริจาคดวงตา คือ
1. เมื่อเราบริจาคดวงตา หมายถึง หลังจากที่เราเสียชีวิต ไม่ต้องการใช้มันแล้ว
2. ถ้าเราไม่บริจาค ก็อาจเผาหรือฝังสูญไปกับเรา แต่ถ้าบริจาค ผู้อื่นที่ได้รับไปจะมีโอกาสมองเห็นและมีชีวิตอยู่ในสังคมได้เหมือนปกติ
ดังนั้น ความเชื่อเรื่องนี้เป็นความเชื่อที่สำคัญ เราพยายามที่จะเปลี่ยน เพราะประโยชน์ในการบริจาคดวงตา ถือเป็นกุศลอย่างมากที่จะทำให้ชีวิตของคน ๆ หนึ่ง สามารถดำเนินต่อไปและยังบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมได้ด้วย
5. ในการบริจาคดวงตา ทั้งผู้รับและผู้ให้มีข้อจำกัดเรื่องใดบ้างหรือไม่
ในกลุ่มของผู้บริจาค จะต้องไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่อาจเป็นอันตรายแก่ผู้รับบริจาคซึ่งจะมีการ ตรวจเช็คก่อนเสมอ ถ้าไม่มีปัญหาใด ๆ ส่วนใหญ่เราจะรับไว้หมด สำหรับผู้รับบริจาคจะขึ้นอยู่กับจักษุแพทย์เป็นผู้ตัดสินใจว่าสภาพตาแบบนี้ เมื่อเปลี่ยนกระจกตาแล้วจะสามารถทำให้การมองเห็นดีขึ้นหรือไม่
6. ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสายตา ต้องใส่แว่น สามารถบริจาคดวงตาได้หรือไม่
กลุ่มผู้ที่ได้รับการทำผ่าตัดตามาแล้วยังสามารถบริจาคดวงตา ได้ ซึ่งจะถูกนำมาใช้ในกรณีรีบด่วน เช่น ผู้ป่วยที่มีกระจกตาทะลุ จะนำมาใช้เพื่ออุดรอยรั่วที่กระจกตา หรือผู้ที่มีการติดเชื้ออย่างรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมได้ จะนำมาใช้เพื่อเอากระจกตาที่ติดเชื้อออก ผู้ป่วยเหล่านี้สามารถใช้กระจกตาได้ทุกชนิด สำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่รีบด่วน เช่น เป็นแผลเป็น กลุ่มนี้แพทย์อาจพิจารณาใช้กระจกที่มีคุณภาพดีกว่ากลุ่มแรก
7. ในกรณีของการบริจาคดวงตาจะเหมือนหรือแตกต่างจากการบริจาคอวัยวะส่วนอื่นๆหรือไม่
ขณะนี้ที่เราทำกันอยู่ไม่ได้พิจารณาถึงความเข้ากันได้ของ หมู่เลือดและเนื้อเยื่อระหว่างผู้ให้และผู้รับเหมือนในการเปลี่ยนอวัยวะอื่น ๆ เพราะกระจกตาเป็นส่วนที่ไม่มีเส้นเลือดมาเลี้ยง ต่างจาก ตับ หัวใจ ปอด ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันค่อนข้างมาก สำหรับส่วนกระจกตาซึ่งเป็นส่วนที่ใส แทบจะไม่มีเส้นเลือดมาเลี้ยงเลย โอกาสที่ร่างกายจะไม่รับ มีน้อยกว่าส่วนอื่น ปัจจุบันเราจึงยังไม่ได้คำนึงถึงเรื่องการเข้ากันของหมู่เลือดและเนื้อเยื่อ เท่าไรนัก แต่ตามทฤษฎีแล้ว ถ้ามีการเข้ากันของหมู่เลือดและเนื้อเยื่อจะทำให้โอกาสสำเร็จของการทำผ่าตัด สูงขึ้น
8. ในเรื่องของการผ่าตัด ประสิทธิภาพของการมองเห็นจะเป็นอย่างไร
ขึ้นอยู่กับโรคที่ผู้ป่วยเป็น ถ้าเป็นโรคที่ไม่รุนแรงมาก ก็มีโอกาสที่จะกลับมามองเห็นใกล้เคียงกับปกติ แต่ในรายที่เป็นมาก การมองเห็นอาจไม่ดีเท่าเดิมแต่อย่างน้อยก็สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นจึงต้องมีการแนะนำผู้ป่วยก่อนได้รับการผ่าตัด ซึ่งบางครั้งจุดประสงค์ของการผ่าตัดอาจไม่ใช่เพื่อการมองเห็น แต่ช่วยเก็บดวงตาให้ผู้ป่วยได้มีเช่นคนทั่วไป
9. อายุการใช้งานของกระจกตาที่เปลี่ยนใหม่ จะแตกต่างจากเดิมหรือไม่
กระจกตาที่ใส่เข้าไปก็เหมือนของแปลกปลอม เป็นธรรมดาที่ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อต้านอยู่ แม้ว่าที่กระจกตาจะมีน้อย แต่โอกาสที่ร่างกายจะปฏิเสธกระจกตาที่เปลี่ยนใหม่ก็ยังมี ทำให้กระจกตาขุ่นมัวขึ้น ไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้นในช่วงแรกหลังการผ่าตัด แพทย์จะให้ยาหยอดกดภูมิคุ้มกันซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของเราจะไม่ปฏิเสธเนื้อเยื่อใหม่
10. ผู้ประสงค์จะบริจาคดวงตา สามารถติดต่อขอบริจาคได้ที่ใด
ศูนย์ดวงตาของสภากาชาดไทย หรืออาคารเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร ชั้น 7 สถานเสาวภา ถนนอังรีดูนังต์
11. ข้อแนะนำการถนอมสายตา
| | ||
1. เมื่อเราใช้สายตาไประยะหนึ่ง เช่น 1 ชั่วโมง ควรพักสายตาสักครู่ด้วยการหลับตา มองไปไกล ๆ ประมาณ 2 - 3 นาที แล้วค่อยกลับมาทำงานใหม่
2. ควรรับการตรวจสภาพสายตา อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เหมือนการตรวจสุขภาพร่างกายทั่วไป
โลกใบนี้ยังมีหลายสิ่งที่รอคอยเราอยู่ การมองเห็นของดวงตาใครสักคนก็เช่นกัน ที่ยังรอความเมตตาจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ลองคิดดูสิว่า ถ้าวันหนึ่งคนที่ใกล้ชิดคุณสามารถกลับมามองเห็นอีกครั้งหนึ่ง คุณจะมีความสุขเพียงใด
--------------------------------------------------------------------
ข้อความประชาสัมพันธ์แนบท้าย
94 พรรษา สมเด็จพระสังฆราช
ศิริราชตรวจสุขภาพฟรี
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชนมายุ 94 พรรษา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลจัดหน่วยแพทย์พิเศษให้บริการตรวจรักษาฟรี อาทิ ตรวจโรคทั่วไป ตรวจตา หู คอ จมูก ผิวหนัง ทันตกรรม และแพทย์แผนไทยประยุกต์ ในวันพุธที่ 3 ตุลาคม 2550 เวลา 08.00 - 15.00 น. ณ ร.ร.วัดบวรนิเวศวรวิหาร
คอลัมน์สายตรงสุขภาพกับศิริราช/รศ.นพ.สบง ศรีวรรณบรูณ์ จักษุแพทย์http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000114236