อัพเดทโรคฮิต ของสาวออฟฟิศแต่ละวัย (Woman Plus)
ผู้หญิงวัยทำงาน ต้องเสี่ยงกับโรคร้ายอะไรบ้าง ไปดูพร้อม ๆ กัน จะได้หาทางป้องกันแก้ไขไว้แต่เนิ่น ๆ ค่ะ
ผู้หญิง อายุ 22-30 ปี
โรคเสี่ยงที่ 1 : ไมเกรน
อาการ : ปวดศีรษะข้างเดียว สาเหตุ : เกิดจากความผิดปกติในการขยายและหดตัวของหลอดเลือด อาจเกิดจากความเครียด การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนช่วงมีประจำเดือน หรือโรคอ้วน วิธีแก้ : ดูแลน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนวันละ 7-8 ชั่วโมง บริโภคอาหารให้เป็นเวลาดื่มน้ำให้เพียงพอ ดูแลระดับคอเลสเตอรอลให้ปกติจำกัดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ โรคเสี่ยงที่ 2 : กรดไหลย้อน อาการ : เจ็บหน้าอก สาเหตุ : กรดในกระเพาะไหลย้อนมาในหลอดอาหารทำให้เกิดการอักเสบของหลอดอาหาร เมื่อมีอาหารอยู่ในกระเพาะจะมีกรดออกมาจำนวนมาก เมื่ออาหารได้รับการย่อยแล้วจะถูกบีบไปยังลำไส้เล็ก วิธีแก้ : ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ลดความเครียด และออกกำลัง กายอย่างสม่ำเสมอ โรคเสี่ยงที่ 3 : กระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการ : ปัสสาวะบ่อย แสบ ขัด ครั้งละไม่มาก รู้สึกถ่ายไม่สุด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เจ็บมากตอนปลายของปัสสาวะ มีอาการปวดที่ท้องน้อยบางรายมีเลือดออกมาด้วย ปัสสาวะมีกลิ่น บางคนอาจมีไข้ เบื่ออาหาร และอาเจียน สาเหตุ : สาเหตุเกิดจากการกลั้นปัสสาวะมากไป รับประทานน้ำไม่เพียงพอ วิธีแก้ : ดื่มน้ำมาก ๆ และอย่ากลั้นปัสสาวะ ควรทำความสะอาดบ่อยขึ้น ถ้ามีอาการเป็นมาก ควรพบแพทย์นรีเวช
ผู้หญิง อายุ 30-35 ปี
โรคเสี่ยงที่ 1 : เบาหวาน อาการ : น้ำตาลในกระแสเลือดสูง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ สาเหตุ : ความผิดปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ วิธีแก้ : ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมประมาณ 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร โรคเสี่ยงที่ 2 : ปวดหลัง อาการ : ปวดยอกบริเวณหลัง สาเหตุ : เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันในการทำงาน การนั่ง การยืน วิธีแก้ : ปรับพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ด้วยการฝึกกายบริหารให้กล้ามเนื้อหลัง นั่งให้ถูกท่า ใส่รองเท้าส้นสูงให้น้อยลงควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โรคเสี่ยงที่ 3 : กระเพาะอาหาร อาการ : ปวดท้อง ท้องอืดอาหารไม่ย่อย สาเหตุ : รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา วิธีแก้ : รับประทานอาหารให้เป็นเวลาอย่างสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดอาหารหมักดองและแอลกอฮอล์ทุกชนิดhttp://health.kapook.com/view17309.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
