แพทย์เตือน 2 โรคสำหรับคนวัยทำงาน (ไทยโพสต์)
ความอ้วนนั้นนอกจากจะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเบาหวานแล้ว ยังเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคอื่นๆ ตามมามากมาย และหนึ่งในนั้นประกอบด้วยโรคกรดไหลย้อนและโรคนอนกรน ซึ่งเป็นโรคที่มักพบได้ในกลุ่มของคนวัยทำงานที่มีอายุระหว่าง 35-40 ปี และหากไม่รักษาอาจเสี่ยงต่อความจำเสื่อมและหัวใจวายฉับพลันได้
นายแพทย์ฆนัท ครุฑกูล ผู้จัดการศูนย์หัวใจ หลอดเลือด และเมตาบอลิก รพ.รามาธิบดี กล่าวถึงโรคกรดไหลย้อนว่า เป็นโรคที่มักพบได้ค่อนข้างบ่อย โดยมีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่ทำให้เกิดโรคนี้ เช่น เกิดจากภาวะที่มีกรดในกระเพาะมากจนเกินไปจนทำให้กรดดังกล่าวล้นออกมา และเกิดการไหลย้อนออกมายังบริเวณส่วนต่างของร่างกาย หรืออีกสาเหตุหนึ่งคือ การที่ภายในกระเพาะของเรามีกรดอยู่แล้ว ประกอบกับกล้ามเนื้อหูรูดบริเวณหลอดอาหารคลายตัวมากจนผิดปกติ จึงทำให้กรดที่มีอยู่ไหลย้อนออกมาได้เช่นกัน
ซึ่งลักษณะอาการของโรคกรดไหลย้อนนั้น ผู้ป่วยจะมีอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลำคอ ขณะเดียวกันหากกรดไหลย้อนไหลเข้าไปยังบริเวณหลอดอาหารและเส้นเสียง ก็จะทำผู้ป่วยประสบกับปัญหาเสียงแหบ หรือมีอาการหอบหืดตามมาได้เช่นกัน หรือพูดง่ายๆ ว่าหากกรดไหลย้อนไหลเข้าไปยังบริเวณอวัยวะส่วนใดของร่างกาย ก็จะทำเกิดความผิดปกติกับอวัยวะส่วนนั้น ๆ ได้
คุณหมอระบุด้วยว่า โรคกรดไหลย้อนมักพบได้ในผู้ที่มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มากและอิ่มจน เกินไป หรือรับประทานอาหารแล้วนอนทันที รวมทั้งการลุกขึ้นมารับประทานอาหารในขณะที่กำลังนอน ดังนั้น พฤติกรรมต่างเหล่านี้ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้เช่นกัน และที่สำคัญโรคกรดไหลย้อนนั้น มักพบได้กับผู้ที่อยู่ในช่วงวัยทำงานที่มีอายุระหว่าง 35-45 ปี โดยคนในช่วงอายุดังกล่าวมีปัจจัยเสี่ยงมาจากการมีน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างมาก นั่นเอง
ส่วนวิธีการป้องกันและรักษาโรคกรดไหลย้อนนั้น คุณหมอแนะนำว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยการควบคุมน้ำหนักไม่ให้มากจนเกินไป พร้อม ๆ กับการออกกำลังกายเป็นประจำ ขณะเดียวกันก็ต้องเลือกรับประทานที่ไม่ไปกระตุ้นที่ทำให้เกิดการหลั่งกรด เช่น หลีกเลี่ยงการรับประทานชา กาแฟ และแอลกอฮอล์ รวมถึงช็อกโกแลต ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคนี้ ที่สำคัญไม่ควรรับประทานอาหารจนอิ่มมากเกินไป
สำหรับการรักษาโดยการวิธีการผ่าตัดนั้น คุณหมอกล่าวว่า ในส่วนนี้ต้องขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ หากอาการไม่รุนแรงมากก็รักษาโดยการรับประทานยา แต่ถ้าป่วยเป็นโรคนี้แล้วและมีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ร่วมด้วย ก็ต้องรักษาโดยการผ่าตัดตามขั้นตอนที่แพทย์วินิจฉัยเป็นพิเศษต่อไป
นอกจากนี้ "โรคนอนกรน" หรือภาวะที่หยุดหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งเกิดจากการอุดกลั้นของการหายใจในขณะที่นอนหลับ ก็สามารถพบในผู้ที่อยู่ในช่วงวัยทำงานได้เช่นกัน โรคนี้มักพบได้กับคนอ้วนรวมถึงผู้ที่มีประวัติการนอนกรน จึงทำให้เวลาตื่นนอนแล้วรู้สึกมีอาการไม่สบายตัว และหายใจไม่สะดวก รู้สึกอ่อนเพลีย มีอาการง่วงคล้ายคนนอนไม่เต็มที่ ซึ่งปัญหาการนอนกรนนี้มีความเกี่ยวข้องจากความอ้วนเป็นสาเหตุหลัก
ส่วนวิธีการรักษาโรคนอนกรนได้ดีที่สุดนั้น ก็หนีไม่พ้นการควบคุมน้ำหนักให้ลดลงเช่นเดียวกับโรคกรดไหลย้อน ขณะเดียวกันวิธีการรักษาอีกหนึ่งวิธีก็คือการผ่าตัด หากผู้ป่วยรายใดจำเป็นต้องผ่าตัด คุณหมอได้ให้รายละเอียดว่าการผ่าตัดจะประกอบไปด้วย 1.การผ่าตัดลิ้นไก่ 2.การผ่าตัดเพื่อขยายท่อทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ทางแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการรักษาต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากการผ่าตัดในกรณีของการผ่าตัดลิ้นไก่แล้ว หากผู้ป่วยไม่ควบคุมน้ำหนักก็สามารถกลับมานอนกรนได้อย่างเดิม
ขณะเดียวกันหากปล่อยให้อาการนอนกรนเรื้อรังต่อไปเรื่อย ๆ คุณหมอกล่าวว่า จะส่งผลต่อเรื่องของระบบประสาท เนื่องจากสมองนั้นจำเป็นต้องได้รับออกซิเจนแม้ในขณะที่นอนหลับ แต่ถ้าหากขาดออกซิเจนก็จะส่งผลให้ระบบประสาทมีความผิดปกติ จนปอดและหัวใจทำงานหนักขึ้น เมื่อหัวใจทำงานหนักมากก็จะส่งผลให้ประสบกับภาวะหัวใจวาย และปอดทำงานมากผิดปกติเช่นกัน นอกจากนี้ การขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมองยังทำให้ผู้ป่วยโรคนอนกรนนั้น เสี่ยงต่อการเป็นโรคความจำเสื่อมได้อีกด้วย
จึงอาจได้กล่าวว่า โรคสำหรับผู้ที่อยู่ในวัยทำงาน 2 โรคนี้ ล้วนแล้วแต่มาจากความอ้วนทั้งสิ้น ดัง นั้น วิธีป้องกัน 2 โรคนี้ที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนการปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร โดยการหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต และไม่รับประทานอาหารในปริมาณที่มากจนเกินไป เพียงเท่านี้ก็สามารถลดโอกาสการเกิด 2 โรคนี้ได้อย่างแน่นอน
http://health.kapook.com/view19530.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก