เปิบ"เนื้อจระเข้" ที่ อุทยานหินล้านปี

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 สิงหาคม 2548 16:20 น.
บรรยากาศภายใน "ห้องอุทยานหิน" โปร่งโล่งนั่งสบาย
       หากพูดถึง "จระเข้" ขึ้นมา หลายคนคงพากันนึกถึง สัตว์เลื้อยคลาน ที่อาศัยอยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำ ดูดุร้าย มีฟันแหลมคม กินเนื้อเป็นอาหาร หรือไม่ก็นึกไกลไปถึง กระเป๋าหนังจระเข้สวยๆ สักใบ เข็มขัดงามๆ สักเส้น
      
       แต่ถ้า "ผู้จัดการตระเวนกิน" แล้วมักนึกจระเข้ในแง่ที่เกี่ยวกับเรื่องกินๆ ใกล้ตัว อย่าง "เมนูเนื้อจระเข้" เสียมากกว่า
จระเข้แดดเดียว
       อย่า!! เพิ่งตกอกตกใจ หาว่าเรากลายเป็นพวกชอบกินของแปลก เปิบพิสดารไป เพราะอันที่จริงแล้ว ชาวเอเชียนิยมกินเนื้อจระเข้กันมานมนานแล้ว โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งเชื่อกันว่าการกินเนื้อจระเข้จะทำให้กลไกการทำงานของร่างกายดีขึ้น สร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคภัยไข้เจ็บ เนื่องจากเนื้อจระเข้มีคุณสมบัติในการเป็นยารักษาโรค โดยใช้เป็นส่วนประกอบผสมกับตัวยาสมุนไพร
      
       เนื้อจระเข้นั้นมีคุณค่าทางโภชนาการ มีโปรตีนสูง แต่ไขมันต่ำ และมีรสชาติดีคล้ายกับเนื้อหมูปนเนื้อไก่ ซึ่งบ้านเราก็นิยมกินเนื้อจระเข้เหมือนกัน โดยการนำเอาเนื้อจระเข้สด มาประกอบในการปรุงอาหารเหมือนกับเนื้อหมู เนื้อไก่ หรือเนื้อวัว ไม่ว่าจะเป็น ผัด ทอด ย่าง ตุ๋น หรือทำน้ำซุป ทำได้สารพัดเมนู
กระดูกอ่อนจระเข้ทอดกระเทียมพริกไทย
       และในมื้อนี้ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ก็ได้มีโอกาสไปตระเวนกินเนื้อจระเข้มา ที่ "ห้องอุทยานหิน"ใน "อุทยานหินล้านปีและฟาร์มจระเข้พัทยา" ซึ่งที่นี่จัดว่าเป็นฟาร์มจระเข้ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของบ้านเรา มีจระเข้จำนวนมากทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม โดยมี คุณส่วน พนมวัฒนากุล เป็นเจ้าของฟาร์ม
      
       คุณส่วน บอกกับเราว่าที่นี่มีเมนูเนื้อจระเข้บริการให้กับนักกินมานานแล้ว มีมาตั้งแต่สมัยเปิดฟาร์มเลยก็ว่าได้ ซึ่งที่นี่จะคัดสรรเนื้อจระเข้อย่างดีนำมาปรุง โดยเฉพาะเนื้อตรงส่วนบริเวณโคนหางที่เรียกว่า "บ้องตัน" เพราะเนื้อมันจะเด้ง มีความมันและความเหนียว จัดว่าอร่อยที่สุดกว่าเนื้อส่วนอื่นๆ นำมาปรุงเป็นเมนูเด็ดๆ ได้หลากหลายอย่าง
      
       ว่าแล้วคุณส่วนก็จัดแจงสั่งเมนูเนื้อจระเข้มาให้เราได้ลิ้มลองรสชาติกัน เมนูแรกที่เสิร์ฟมาอุ่นเครื่องเป็น จระเข้แดดเดียว (300 บาท) หน้าตาเหมือนหมูแดดเดียวไม่ผิดเพี้ยน ส่วนรสชาติก็ไม่ทิ้งกัน ถ้าไม่บอกว่าเป็นเนื้อจระเข้ก็ไม่รู้หรอก เพราะเนื้อนั้นเคี้ยวนุ่ม เหนียวหนึบกำลังดี และได้รสชาติเครื่องหมักกระเทียมพริกไทยที่ซึมถึงเนื้อใน แม้กินเปล่าๆ โดยไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มก็เด็ดแล้ว
ผัดเผ็ดจระเข้
       กระดูกอ่อนจระเข้พริกไทยดำ (300 บาท) ถูกส่งตามมาติดๆ เมนูนี้กินเพลินปากเคี้ยวกระดูกอ่อนกรุบๆ ติดเนื้อส่วนที่มีมันหน่อยๆ เคี้ยวนุ่มหนุบหนับปาก เรียกว่าส่งเข้าปากเคี้ยวแบบชิ้นต่อชิ้นจนเผลอแป๊ปเดียวหมดจาน
      
       เลยต้องรีบเสิร์ฟ ผัดเผ็ดจระเข้ (500 บาท) มาทันที เมนูนี้กินกับข้าวสวยร้อนๆ สุดยอดความเอร็ดอร่อย เนื้อจระเข้ผัดกับเครื่องแกงเผ็ดใส่พริกไทยอ่อนและมะเขือพวง โรยหน้าด้วยใบกระเพราทอดกรอบอีกที ตักคลุกกินกับข้าวสวยร้อนๆ รสชาติเด็ดดวง เนื้อจระเข้เหนียวนุ่มเผ็ดจัดจ้านเข้ากับเครื่องแกง
สเต็กจระเข้
       ด้วยความเผ็ดของเมนูผัดเผ็ดจระเข้ เราเลยต้องดับความเผ็ดกันด้วยเมนูน้ำๆ ซุปจระเข้ (200 บาท) เป็นซุปน้ำใส มีเนื้อจระเข้หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ อยู่ในน้ำซุปที่ผสมกับเครื่องเทศยาจีน เคี้ยวเนื้อจระเข้นุ่มๆ ซดน้ำซุปร้อนๆ หอมกลิ่นยาจีนอ่อนๆ หายเผ็ดแถมชุ่มคอดีแท้ เล่นเอาซดจนหมดถ้วยอิ่มท้องพอดี
      
       ทว่าคุณส่วนบอกว่าเนื้อจระเข้ยังเอาไปทำเมนูอื่นๆ ได้อีก อาทิ สเต็กจระเข้ (500 บาท) จระเข้ทรงเครื่อง (500 บาท) ไข่เจียวจระเข้ (200 บาท) ไข่เจียวจระเข้สับ(500 บาท) บาร์บีคิวจระเข้ (500 บาท)
      
       แต่เห็นทีว่ามื้อนี้ "ผู้จัดการตระเวนกิน" คงต้องขออิ่มท้องกับเมนูเนื้อจระเข้แต่เพียงเท่านี้ ส่วนถ้าใครสนใจอยากจะลิ้มลองรสชาติเนื้อจระเข้ขึ้นมากันบ้าง ก็หาโอกาสแวะมาชิมกันได้ที่ "ห้องอุทยานหิน" ของ "อุทยานหินล้านปีและฟาร์มจระเข้พัทยา" ถือว่าลองมาเปลี่ยนรสชาติ หาความแปลกใหม่ให้กับการกิน