“เชียงการีลา หูฉลาม ซีฟู้ด” เมนูจีนหอเจี๊ยะ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2548 13:20 น.
บรรยากาศชั้นล่างนั่งสบายๆ ของ “เชียงการีลา หูฉลาม ซีฟู้ด”
       เอ่ยชื่อภัตตาคาร “เชียงการีลา” ขึ้นมา คออาหารจีนหลายๆคนคงจะรู้จักกันดี เพราะว่า “เชียงการีลา” ถือเป็นหนึ่งในร้านอาหารจีนที่มีรสชาติถูกปากคนไทยที่เปิดขายมานานกว่า 40 ปี อีกทั้งยังเปิดขายในหลายสาขาอีกด้วย
      
       สำหรับ “ผู้จัดการตระเวนกิน” แล้วภัตตาคารเชียงการีลา ถือเป็นหนึ่งในบัญชีร้านชื่อร้านอาหารจีนที่มักจะนึกถึงอยู่บ่อยๆ ครั้นโอกาสเหมาะจึงได้ออกไปตระเวนกินยัง “เชียงการีลา หูฉลาม ซีฟู้ด เรสเทอรองต์” ซึ่งเป็นสาขาเปิดใหม่ย่านถนนนราธิวาส โดยร้านนี้จะเน้นไปที่เมนูหูฉลาม และซีฟู้ดสดๆ ในเมนูอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งเป็นหลัก
กุ้งแป๊ะซะเนื้อหวาน
       ทันทีที่มาถึงร้าน “เชียงการีลา หูฉลาม ซีฟู้ด เรสเทอรองต์ ” ก็ทำเอาเราแปลกใจนิดหน่อยกับบรรยากาศของร้านใหม่นี้ ที่ตกแต่งฉีกภาพภัตตาคารจีนรูปแบบเก่า โดยตกแต่งแบบจีนโมเดิร์นสมัยใหม่ ดูกว้างขวางน่านั่งดี ซึ่งที่นี่มีที่ให้เลือกนั่งได้ตามสบาย ถึง 2 ชั้น แถมมีห้องวีไอพีแบบเป็นส่วนตัวถึง 5 ห้องให้เลือกใช้บริการ
      
       หลังจากที่ดูสถานที่จนทั่วและหาที่นั่งได้แล้ว “ผู้จัดการตระเวนกิน” ไม่รีรอ รีบขอเมนูมาเปิดสั่งอาหารทันที
เป็ดปักกิ่ง
       เราเลือกสั่งเมนูซีฟู้ดมาเปิดมื้อเป็น กุ้งแป๊ะซะ (250 บาท) ที่พอยกมาตกกะใจเพราะตอนแรกนึกว่าจะเป็นแบบแป๊ะซะหม้อไฟเดือดๆ ที่ไหนได้คือกุ้งลวก (แป๊ะซะเป็นคำแต้จิ๋วคือการลวก) กุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่ลวกมาสดๆ เวลากินแค่แกะเปลือกกุ้งออก เปลือกล่อนออกง่ายไม่มีเนื้อติดเปลือกเลย ส่งเข้ามาปากเคี้ยวได้รสชาติกุ้งเนื้อแน่นหวาน และมี น้ำจิ้ม 2 สไตล์ให้เลือกจิ้ม มีน้ำจิ้มสไตล์ฮ่องกง เป็นน้ำจิ้มซีอิ๊วปรุงรสชาติ ใส่ต้นหอมทุบและพริกแดง จิ้มแล้วออกรสเค็มๆ หวานๆ หอมกลิ่นต้นหอม น้ำจิ้มอีกอย่างเป็นน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบไทยๆ รสชาติ เผ็ด เปรี้ยว
      
       ตามติดมาที่ รวมมิตรทะเลผัดซอสซัมบ้า (200, 300, 400 บาท) มีทั้งหอยเชลล์ ปลาหมึก กุ้ง ผัดกับซอสซัมบ้า เป็นซอสที่ทางร้านดัดแปลงมาจากซอสเอ็กซ์โอ โดยการเพิ่มรสชาติของพริกและเครื่องเทศ ทำให้ได้รสชาติเผ็ดยิ่งกว่า ซอสเอ็กซ์โอ รวมมิตรทะเลจานนี้กินแล้วได้รสชาติความสดของอาหารทะเลที่เข้ากันดีกับซอสที่ เผ็ดได้ที่ออกเค็มนิดๆ
หูฉลามแผ่นน้ำแดง
       ต่อด้วยเมนูเด็ด หูฉลามแผ่นน้ำแดง (หม้อเล็ก 800 หม้อใหญ่ 1,200 บาท) ที่มาแล้วไม่ควรพลาดสั่งด้วยประการทั้งปวง หูฉลามแผ่นชิ้นโต (นำเข้าจากฮ่องกง) ปรุงตามสูตรโบราณสไตล์แต้จิ๋ว ออกแนวหูฉลามน้ำแดง น้ำข้นแบบขลุกขลิก เมนูนี้โดดเด่นตรงหูฉลามมาเป็นแผ่น เนื้อนุ่มเคี้ยวกรุบๆ ส่วนน้ำซุปรสนุ่มหวาน กลมกล่อม แถมกินแล้วบำรุงสุขภาพ เพราะน้ำซุปมีส่วนผสมมาจากขาหมูแฮมฮ่องกง โครงไก่ และเครื่องเทศ สมุนไพรจีนหลากชนิด
กล้วยหอมสโนไวท์
       เป็ดปักกิ่ง (ตัวละ 450 บาท) อีกหนึ่งเมนูเด็ดชวนกิน เป็ดเชอรี่ตัวใหญ่พิเศษ ผ่านการย่างด้วยวิธีพิเศษสไตล์ฮ่องกง จนได้เป็ดปักกิ่งที่หนังกรอบสด ไม่เหนียว กินคู่กับแผ่นแป้ง ผักสด และน้ำจิ้มม้วนเป็นคำส่งปากปาก เคี้ยวแล้วสัมผัสถึงความนุ่มของแป้งและหนังเป็ดที่กรอบกรุบเคี้ยวมัน ส่วนเนื้อเป็ดที่เหลือยังเอาไปทำเป็นเมนูเป็ดได้อีก 2 จาน (คิดราคาอย่างละ 100 บาท) ที่นิยมทำก็มี เป็ดทอดกระเทียม, เมี่ยงเป็ด, ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเนื้อเป็ด, เนื้อเป็ดผัดพริกไทยดำ
      
       เราปิดท้ายมื้อล้างปากด้วยของหวาน กล้วยหอมสโนไวท์ (ชิ้นละ 30 บาท) เป็นแป้งนุ่มๆ คล้ายเค้กฝรั่งเศส ข้างในเป็นไส้กล้วยหอม ผสมพุทราแดง ทอดแล้วราดด้วยน้ำตาลไอซิ่ง เคี้ยวแป้งนุ่มๆ ได้รสความหวานของกล้วยและเปรี้ยวนิดๆ ของพุทราแดง และก็มีน้ำขิงให้ซดดื่มคู่กัน ช่วยให้ชุ่มคอดีนัก
      
       ถึงแม้ว่า “ผู้จัดการตระเวนกิน” จะปิดมื้ออิ่มไปแล้ว แต่ก็ยังมีเมนูอื่นๆ อีกที่น่าลิ้มลองอย่าง ปลาบู่ทอดสิงคโปร์ (350 บาท) แมงกะพรุนน้ำมันงา (80 บาท) และในช่วงกลางวันที่นี่จะมี ติ่มซำ (เข่งละ 30 บาทขึ้นไป) ให้เลือกกินมากกว่า 30 ชนิด อาทิ ปลาทอง ฮะเก๋าสามสี ขนมจีบปู ซาลาเปาไส้หมูแดง กุ้งขนมปังทอด ฯลฯ แต่เห็นทีต้องติดเอาไว้ก่อน เดี๋ยวคราวหน้ามาใหม่จะกินให้ครบทุกอย่างเลย