"เลิศรสโภชนา"อาหารจีนรสเลิศ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 สิงหาคม 2548 15:38 น.
บรรยากาศร้าน "เลิศรสโภชนา"นั่งกินอาหารจีนสบายๆในห้องแอร์เย็นๆ
       
      
       หากจะถามว่าสิ่งประดิษฐ์ใดในโลกที่มหัศจรรย์ที่สุด หลายๆ คนคงจะตอบไปอย่างที่ใจคิด อย่างเช่นความสามารถของพี่น้องตระกูลไรท์ที่ประดิษฐ์เครื่องร่อนทำให้มนุษย์ รู้ว่าเราสามารถบินได้อย่างไร หรือจะเป็น โทมัส อัลวา เอดิสันที่สามารคิดค้นหลอดไฟฟ้าได้เป็นผลสำเร็จ

      
       แต่สำหรับ "ผู้จัดการตระเวนกิน" แล้วคิดว่า เจ้า "ตะเกียบ" ของชาวจีนนี่แหละมหัศจรรย์ที่สุด ก็จะไม่ให้คิดอย่างนั้นได้ไงละ ในเมื่อเพียงแค่ไม้เหลายาวๆสองแท่งก็สามารถใช้คีบอาหารเข้าปากได้แล้ว
สุกี้พระรามลงสรง
       พอพูดถึง "ตะเกียบ" ก็พลอยนึกไปถึงอาหารจีนขึ้นมา ในบัดดล เหตุเพราะอาหารจีนกับตะเกียบถือได้ว่าเป็นของคู่กัน เนื่องจากชาวจีนรู้จักใช้ตะเกียบมากว่าพันปี นอกจะเป็นอุปกรณ์การกินที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะอาหารของชาวจีน ตะเกียบยังเปรียบเสมือนเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชาวจีน ว่ากันว่าคนที่จับตะเกียบได้ถูกต้องจะปัดพู่กันจีนในการเขียนอักษรได้คล่อง แคล่วอีกด้วย
      
       และพอพูดถึงอาหารจีนก็ทำให้กระเพาะส่งเสียงจ๊อกๆขึ้นมาทันใด "ผู้จัดการตระเวนกิน" เป็นคนตามใจปากและกระเพาะอยู่แล้ว มื้อนี้เราเลยจะไปหม่ำอาหารจีนที่ร้าน "เลิศรสโภชนา" ย่านเจริญกรุงกัน
ปลาดิบจีน
       เลิศรสโภชนาเป็นร้านอาหารจีนแต้จิ๋ว ซึ่งคุณอุทัย ศิริจรรยากุล เจ้าของร้านได้บอกกับเราว่าเปิดขายมานานกว่า 30 ปีและที่ร้านมีเมนูเด็ดที่รับรองว่ามีแห่งเดียวในประเทศไทยคือ สุกี้พระรามลงสรง (150 และ 200 บาท) ที่ เสิร์ฟมาในหม้อสุกี้ เด่นตรงที่น้ำซุปเข้มข้น เพราะใส่สารพัดเครื่องเทศและสมุนไพรกว่า 20 ชนิด เวลากินคล้ายสุกี้คือใส่หมู ไก่ หรือเนื้อ กุ้ง (ตามแต่ชุดที่เลือกสั่ง) รสชาติที่ได้จะออกเค็มนิดๆ เข้มข้นเครื่องเทศ อร่อยไปอีกแบบ
      
       ถัดมาเป็นอีกเมนูที่น่าสนใจคือ กุ้งนึ่ง (250บาท) ที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ว่า น่าสนใจเพราะเหมือนกับกินไข่ตุ๋นใส่กุ้ง เนื่องจากที่ร้านจะใช้กุ้งแม่น้ำผ่ากลางตัว แล้วนำไปใส่ในไข่ที่ปรุงรสและตีไว้ เสร็จแล้วนำไปนึ่ง ทำให้เมนูกุ้งนึ่งจานนี้หน้าตากระเดียดไปทางไข่ตุ๋นแถมรสชาติก็คล้ายเสีย ด้วย เวลากินได้กลิ่นเหล้าจีนอ่อนๆ แต่สำหรับใครที่ชอบรสชาติจัดจ้านทางร้านก็เตรียมน้ำจิ้มซีฟู้ดไว้ให้
กุ้งนึ่ง
       ใครๆก็รู้ว่าเนื้อปลาดีต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่พลาดที่จะสั่ง หัวปลาเผือก(150 และ 280บาท) หัวปลาของที่นี่ใช้ปลาซ้งเฮ้อ (ปลา จีน) นำมาชุบแป้งแล้วทอดให้สุก เสร็จแล้วนำไปต้มกับเผือกพร้อมกับปรุงรสออกกลางๆคือไม่เค็มไม่หวานจัด แต่เวลาตักน้ำซุปเข้าปากแล้วได้กลิ่นหอมของเผือกบวกกับหอมเจียวจนเกรียมซึ่ง เป็นสูตรของทางร้าน ส่วนเนื้อตรงหัวปลาก็ไม่เปื่อยยุ่ยจนเกินไป เรียกว่ากินจนเพลินเลยทีเดียว
      
       เคยกินแต่ปลาดิบสัญชาติญี่ปุ่นกันมานักต่อนัก มาคราวนี้ "ผู้จัดการตระเวนกิน" เลือกที่จะสั่ง ปลาดิบจีน (200 บาท) มา ลองลิ้นดูบ้าง แต่ขอสารภาพตามตรงว่าพอเห็นหน้าค่าตาแล้วก็ไม่แน่ใจว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร เพราะภาพที่เห็นคือเนื้อปลาเฉาเฮ้อ (ปลาจีน) แล่บางๆโรยด้วยงาขาว กินแกล้มกับหัวไชเท้าขูดเป็นเส้นๆ หัวไชโป๊ว แตงกวาและคื่นฉ่าย ราดด้วยน้ำจิ้มหวาน แต่พอส่งเข้าปากแล้วก็ให้แปลกใจเพราะจากที่คิดว่าไม่น่าจะเข้ากันได้ กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว เนื้อปลาสดไม่มีกลิ่นคาว เวลาเคี้ยวจะออกหวานหน่อยๆและมีรสเค็มนิดๆจากหัวไชโป๊ว เผลอแป๊ปเดียวหมดจานไม่รู้ตัว
หัวปลาเผือก
       สำหรับใครที่ยังมีที่ว่างเหลือในกระเพาะ ทางร้านเลิศรสโภชนาก็ยังมีเมนูน่าสนใจอีกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น ขาหมูตุ๋นถั่วดำเมืองจีน(โถละ 80 บาทหม้อไฟ 150 บาท) หอยกะพงผัดพริก (80บาท) ไก่นานึ่ง 200 บาท ยำกระเพาะปลา 120 บาท แต่สำหรับ "ผู้จัดการตระเวนกิน" นั้น ขอนั่งพักซักก่อนที่จะกลับไปหม่ำๆต่อ
      
       
*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *