นั่งกินอาหาร ท่ามกลางสวนบาหลี ที่ “คูพู คูพู บาร็อง”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 มิถุนายน 2548 13:58 น.
บรรยากาศภายในร้าน “คูพู คูพู บาร็อง” ร่มรื่นชวนนั่ง รับลมเย็นๆ
       เคยมีความรู้สึกเช่นนี้ไหม ?? ที่เวลาออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารนอกบ้าน แต่เหมือนราวกับว่าเรากำลังนั่งกินข้าวอยู่ในสวนหน้าบ้านของตัวเอง
      
       หลายคนอาจจะบอกว่าเคย และอีกหลายคนอาจจะบอกว่าไม่เคย สำหรับ “ผู้จัดการตระเวนกิน” แล้วบอกได้เลยว่าความรู้สึกที่ว่านี้เพิ่งจะเกิดขึ้น เมื่อได้ไปตระเวนกินที่ร้านอาหารชื่อว่า “คูพู คูพู บาร็อง” (KUPU KUPU BARONG) มา
นั่งกินข้าวท่ามกลางสวนสวยสไตล์บาหลี
       ที่เรากล้าพูดเช่นนี้ ก็เพราะว่าด้วยบรรยากาศของร้าน “คูพู คูพู บาร็อง” แห่งนี้ตกแต่งได้อารมณ์เหมือนได้นั่งกินข้าวอยู่ในสวนจริงๆ แถมสวนที่ว่านี้เป็นสวนสไตล์บาหลีที่สวยงาม มีน้ำพุ รูปปั้น หินแกะสลัก วางอยู่ทั่วทุกมุม โต๊ะเก้าอี้ที่นั่งตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ให้ความรู้สึกร่มรื่น ชวนนั่ง รับลมเย็นๆ รวมไปถึงยังมีซุ้มที่นั่งที่ตกแต่งเป็นลักษณะอาคารไม้สไตล์บาหลีให้เลือก นั่งอีกหลายซุ้ม พร้อมกับมีดนตรีเล่นเพลงสดๆ ให้ฟังเคล้าไปกับบรรยากาศ
กรีนบาหลี
       นอกจากเรื่องบรรยากาศที่ชวนนั่งของที่นี่แล้วเรื่องอาหารก็มีความน่า สนใจไม่แพ้กัน อาหารของที่นี่เป็นอาหารสไตล์ฟิวชั่น รวมทั้งมีอาหารนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย ยุโรป อินโดนีเซีย หลากหลายเมนูให้เลือกลิ้มลอง
      
       อย่างที่ “ผู้จัดการตระเวนกิน” ได้ลองสั่งมาลองลิ้มชิมรสชาติก็มีหลายเมนู เริ่มที่เมนูนี้ กรีนบาหลี (100 บาท) หน้าตาเหมือนเมี่ยงก๋วยเตี๋ยวจัดมาเป็นคำๆ เป็นแผ่นก๋วยเตี๋ยวที่ห่อด้วยไส้ข้างในมีเนื้ออกไก่ฉีกที่คลุกเคล้ากับ เครื่องเทศไทย ใส่เห็ดหอมกับแห้ว และมีน้ำซอสพริกเขียวราดหน้ามาอีกที เวลากินส่งเข้าปากเคี้ยวกร้วมทั้งคำแป้งก๋วยเตี๋ยวนุ่มเข้ากับไส้ไก่ข้างใน ที่รสชาติกลมกล่อมได้ที่ ผสานกับน้ำซอสที่ออกเผ็ดนิดหน่อยกำลังดี เคี้ยวเพลินแบบส่งเข้าปากคำต่อคำกันเลย
      
       ถัดมาเป็น สะเต๊ะกุ้ง (160 บาท) หน้าตาชวนหม่ำไม่น้อย เป็นกุ้งแม่น้ำสดๆ หมักกับพริกแกงของอินโดนีเซียและผงกะหรี่นานกว่า ครึ่งชม. และเสียบด้วยตะไคร้ (ซึ่งใช้ตะไคร้ทุบเพราะกลิ่นตะไคร้จะซึมเข้าไปในตัวกุ้ง) แล้วนำไปย่างจนเนื้อกุ้งสุกได้ที่กำลังดี พร้อมเสิร์ฟราดด้วยซอสพริกเขียวที่ผสมกับเครื่องสมุนไพรไทย (ตัวน้ำซอสคล้ายๆ น้ำจิ้มซีฟู้ด) ลิ้มรสชาติเนื้อกุ้งหวานได้รสชาติเครื่องแกงที่หมักถึงเนื้อใน หอมกลิ่นเครื่องแกงและผงกะหรี่อ่อนๆ ส่วนน้ำซอสที่ราดมาออก3 รสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด
สะเต๊ะกุ้ง
       ต่อด้วย ลาบเป็ดย่าง (160 บาท) ที่ไม่เหมือนลาบเป็ดทั่วๆ ไป ตรงที่ทางร้านเลือกใช้เป็ดเชอรี่เอาแต่ตรงส่วนเนื้ออกเท่านั้น เพราะจะได้เนื้อเป็ดที่เนื้อแน่น ไม่เหนียว และนำมาหมักกับเครื่องเทศไทยทิ้งไว้ 15 นาที ให้เครื่องหมักซึมถึงเนื้อในแล้วถึงจะเอาไปย่างจนเนื้อเป็ดสุก แล้วก็ทำน้ำลาบที่ใช้เครื่องลาบครบสูตแต่ว่ามีความพิเศษตรงที่จะใส่เครื่อง เทศของอินโดนีเซียผสมลงไปด้วย ทำให้ลาบเป็ดย่างจานนี้รสชาติเด็ด เนื้อเป็ดไม่เหนียว เคี้ยวนุ่มลิ้น รสจัดจ้านแซบครบเครื่องลาบ หอมกลิ่นข้าวคั่วและเครื่องสมุนไพรที่ใส่มาด้วย
      
       ปิดท้ายมื้อด้วยเมนูปลาชื่อเก๋ไก๋ว่า ซีบาส บาร็อง (240 บาท) เป็นปลากะพงขาวแร่เอาก้างออกหมดแล้วมาทอดกรอบ แล้วราดด้วยเครื่องยำน้ำสมุนไพร เครื่องที่ราดมาคล้ายๆ กับเครื่องเมี่ยงคำ มีทั้งกุ้งแห้ง ขิง ตะไคร้ หัวหอม มะนาว พริก ตักชิ้นปลาพร้อมกับเครื่องยำเข้าปาก เคี้ยวแล้วสัมผัสได้ถึงรสชาติที่คล้ายๆ กับกินเมี่ยง แต่รสชาติออกเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดกว่า และเนื้อปลากะพงเคี้ยวกรุบกรอบ
ลาบเป็ดย่างรสแซบ
       แต่อย่าเพิ่งนึกว่าอาหารที่น่าลิ้มลองจะมีแค่เท่าที่ “ผู้จัดการตระเวนกิน” ได้สั่งมาลองลิ้มนี้เท่านั้น เพราะว่ายังมีเมนูอื่นๆ ที่ชวนกินอีกหลายรายการ อาทิ สเต็กภารตะ (300 บาท) ก๋วยเตี๋ยวกุ้ง 2 จอมพล (120 บาท) หอยเชลล์ผักขม (150 บาท) หมึกหยุมหยิม (140 บาท) รวมทั้งมีของหวานอย่าง ขนมนายช้าง (100 บาท) และไอศกรีมโฮมเมดที่ทางร้านทำเองอีกหลากหลายรสให้เลือกกินกัน
      
       สำหรับมิตรรักนักกินทั้งหลาย ถ้าหากกำลังมองหาร้านอาหารที่มีบรรยากาศสบายๆ ราวกับว่าได้มานั่งกินข้าวอยู่ในสวนที่บ้านของตัวเอง พร้อมกับมีเมนูอาหารรสเลิศให้ได้ลิ้มลองแล้วล่ะก็ ลองแวะมาที่ร้าน “คูพู คูพู บาร็อง” แห่งนี้กันดู แล้วจะรู้ว่าเวลาได้นั่งกินข้าวในบรรยากาศสวน (สไตล์บาหลี) สวยๆ อย่างนี้มันช่างสำราญใจเสียจริง