ลิ้มลองอาหารสวิส เติมสีสันให้ชีวิต ที่ “รร.บันยันทรี”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 กันยายน 2547 12:06 น.
บรรยากาศดีๆ รับลมเย็นๆ ดูทิวทัศน์เมืองกรุง ที่ห้องอาหารเวอร์ทิโก
       “สวิตเซอร์แลนด์” แดนดินถิ่นในฝันของใครหลายๆ คน ที่หมายมั่นปั้นมืออยากจะไปเที่ยวสักครั้ง ซึ่งก็รวมถึง “ผู้จัดการตระเวนกิน” เองด้วย และไม่ใช่แค่จะไปดูสิ่งสวยๆ งามๆ ของบ้านเมืองเขาเท่านั้น แต่ยังอยากจะลองกินอาหารสวิสดูสักที เพราะได้ยินว่ามีของดีที่ขึ้นชื่อหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ อาหารทะเลสดๆ ชีส และช็อกโกแลต แสนอร่อย
       

       และแล้วความฝันก็เป็นจริง ได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติอาหารสวิสต้นตำรับกับเขาสักครั้ง โดยไม่ต้องบินไปกินไกลถึงที่สวิสนู่น ถือว่าเป็นความโชคดีสุดๆ ที่ โรงแรมบันยันทรี เขาจัด “เทศกาลอาหารสวิตเซอร์แลนด์” ขึ้นโดยเชิญเชฟมาทิอาส ดรอส และทีมงานบินตรงจากโรงแรมแกรนด์แบลล์วู เมืองเกสตาดบนเทือกเขาแอลป์ ซึ่งโรงแรมนี้ได้รับรางวัลโรงแรมยอดเยี่ยมประจำปี 2546 และตัวของเชพมาทิอาส เองก็มีประสบการณ์การทำอาหารกว่า 20 ปี มีรางวัลการันตีฝีมืออีกนับไม่ถ้วน
กุ้ง Spring Roll เสิร์ฟพร้อม Fresh Apple
       โอ้โห...เป็นความพิเศษที่พิเศษจน “ผู้จัดการตระเวนกิน” อดใจไม่ไหวต้องขอไปชิมอาหารจานเด่นของเชฟชาวสวิสเสียแล้ว ยิ่งบวกกับบรรยากาศของห้องอาหารเวอร์ทิโก ที่อยู่สูงถึงชั้น 61 หรือชั้นดาดฟ้าของโรงแรม ได้นั่งกินอาหารรับลมธรรมชาติเย็นๆ เห็นทิวทัศน์ของกรุงเทพฯได้รอบทิศกว้างไกล ก็ยิ่งเสริมให้มื้อนี้พิเศษสุดๆ
      
       “ผู้จัดการตระเวนกิน” ดูรายการอาหารแล้ว เห็นเป็นภาษาอังกฤษยาวๆ ก็นึกหวั่นๆ เหมือนกันว่าหน้าตาส่วนผสมจะเป็นแบบไหน จะเรียกถูกเรียกผิดรึเปล่า แต่พออ่านๆ ไปในชื่ออาหารนั้นก็จะบอกรายละเอียดคร่าวๆ ของอาหารอยู่แล้ว เลยไม่รอช้าขอเบิกโรงกับจานแรกเป็น
เนื้อรมควันเสิร์ฟพร้อม Cherry Tomato
       Pastoral Salad with Crisp Prawns Embroidered with Green Apples in Granny Smith Reduction (550 บาท) ดูหน้าตาแล้วก็เป็นกุ้งห่อแป้งเสิร์ฟพร้อมแอปเปิลเขียวนั่นเอง ซึ่งนอกจากความกรุบกรอบของแผ่นแป้ง และกุ้งสดตัวใหญ่เนื้อแน่นมีกลิ่นหอมใบโหระพาโชยอ่อนๆแล้ว ยังได้ความเปรี้ยวของซอสแอปเปิล ซึ่งน่าจะเป็นความเด่นของจานนี้ เพราะต้องใช้แอปเปิลเขียว 10 กก. ถึงจะได้ซอส 1 ลิตร และเพื่อให้มีอรรถรสยิ่งขึ้นแนะนำว่าควรจะกินกุ้งพร้อมๆกับแอปเปิลจะได้มีรส ชาติดียิ่งขึ้น
      
       จานต่อมาเป็นเนื้อรมควันเสิร์ฟพร้อม Cherry Tomato ชื่อเต็มๆ ของจานนี้ก็คือ Tartar of “Gstaad Air Dried Meat” and Carpaccio of “Simmentaler Beef” with Parmesan Tuile (720 บาท) เนื้อรมควันจานนี้ เป็นเนื้อวัวมาจากสวิสซึ่งที่โน่นเขามีวิธีการทำโดยเอาเนื้อสันหมักกับซอส 2 วัน แล้วแขวนตากลมไว้ 3 เดือน จึงจะนำมาปรุงรสชาติได้ จานนี้ “ผู้จัดการตระเวนกิน” ขอยกนิ้วให้ในความกรรมวิธีการทำจนได้ออกมาเป็นเนื้อรมควันรสดี
เนื้อย่างเสิร์ฟพร้อมกับมัน Rosti
       ตามต่ออารมณ์เนื้อย่างกันที่ เนื้อย่างเสิร์ฟพร้อมกับมัน Rosti จานนี้เป็น 1 ใน 5 ของเมนูชุด Wagyu Tendorloin with Truffle Reduction Purce of Green Peas and Sauteed Rocket Salad (3,850 บาทต่อชุด) เป็นเนื้อจากออสเตรเลีย ย่างสุกขนาดกลางๆ ไม่เหนียวหยาบ กินกับมัน Rosti ที่เป็นมันมาจากสวิสก็ช่วยแก้เลี่ยนได้ดี
      
       ปิดท้ายด้วยของหวานที่คงจะขาดไม่ได้ นั่นก็คือ Chocolate Dessert of the Region (480 บาท) เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าช๊อกโกแลตของสวิตเซอร์แลนด์ขึ้นชื่อมาก พอได้กลิ่นความหอมมัน และสัมผัสกับความลื่นรสนุ่มลิ้นของจานนี้ เลยทำให้เพลิดเพลินและรื่นรมย์กับการกินเป็นนานสองนาน
Chocolate Dessert of the Region
       มื้อนี้เลยได้อิ่มเอมทั้งกระเพาะและบรรยากาศ สำหรับใครที่อยากจะลิ้มลองอาหารสวิสคงจะต้องรีบไปตระเวนกินกัน เพราะ “เทศกาลอาหารสวิตเซอร์แลนด์” มีแค่วันนี้ – 10 ต.ค.นี้เท่านั้น ไม่งั้นคงต้องนั่งเครื่องบินบินตามไปกินถึงสวิสนู่นเลย ไกลเอาเรื่องนะจะบอกให้
      
       *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *
       โรงแรมบันยันทรี จัด “เทศกาลอาหารสวิตเซอร์แลนด์” ตั้งแต่วันนี้ – 10 ต.ค.นี้ ที่ “ห้องอาหารเวอร์ทิโก” ชั้น 61 เวลา 18.30-22.30 น. หรือถ้าชอบบรรยากาศในสวนสวยที่ “ห้องอาหารร่มไทร” อยู่บริเวณลอบบี้ชั้นล่าง มีบริการบุฟเฟต์อาหารนานาชาติด้วย เปิดบริการเวลา 11.45-14.30 น. และ 18.00-22.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2679-1200
      
       โรงแรมบันยันทรี ตั้งอยู่ที่ ถ.สาทรใต้ เขตสาทร กทม. ถ้าไปทางรถยนต์ โรงแรมอยู่ทางซ้ายมือ ด้านหลังอาคารไทยวา 1 ถ้าไปทางรถไฟฟ้า ลงที่สถานีช่องนนทรี ถ้าไปทางรถไฟฟ้าใต้ดิน ลงที่สถานีลุมพินี ประตูที่ 2 หรือ 3