รู้สภาพถนนออกต่างจังหวัด ....ก่อนไปเที่ยวสงกรานต์ปีนี้

ที่มา dailynews.co.th
หลายคนคงอยู่ในช่วงเตรียมตัวออกเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดช่วงเทศกาล สงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้ เพื่อให้การเดินทางสะดวกกว่าที่เคย ลองมาดูคำแนะนำจากกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ว่าไปเส้นทางไหนดีหรือไม่ดีอย่างไร

พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. เปิดเผยว่า การเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ น่าเป็นห่วงตรงจุดที่ถนนชำรุดเสียหายจากอุทกภัยครั้งที่ผ่านมา ที่ขณะนี้ยังซ่อมไม่เสร็จ 4 เส้นทาง ได้แก่ ถนนสาย 340 จากช่วงบางบัวทองไปสุพรรณบุรี ถนนสาย 305 (รังสิต-องครักษ์) ถนนสาย 11 อินทร์บุรี-ตากฟ้า และถนนสาย 122 ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ซึ่งยังสามารถใช้สัญจรไปมาได้ แต่อาจต้องชะลอความเร็ว ส่งผลให้เกิดปริมาณการจราจรที่หนาแน่น ส่วนการเดินทางขาออกจากกรุงเทพฯ คาดว่าจะหนาแน่นที่สุดในวันที่ 12 เม.ย. แต่เชื่อว่าจะไม่สาหัสมาก เพราะมีวันหยุดยาวตั้งแต่ช่วงวันที่ 6-9 เม.ย. คาดว่าประชาชนจะทยอยเดินทางไปแล้วบางส่วน ที่น่าห่วงคือช่วงขากลับระหว่างวันที่ 14-17 เม.ย. เพราะจะมีการเดินทางกลับมาทำงาน ซึ่งจะทำให้รถเข้าเมืองหนาแน่นมาก ซึ่ง บก.ทล. ได้เตรียมความพร้อมรับมือระบายการจราจรบนทางหลวงไว้แล้ว

สำหรับเส้นทางที่สามารถใช้เดินทางออกสู่ภูมิภาคได้ ประกอบด้วย เส้นทางสู่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 7 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 31) หรือใช้ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ต่อสายอุตราภิมุข เข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) ถึงต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งสู่อ่างทอง เพื่อเดินทางสู่ภาคเหนือ หรือเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรีเพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  เส้นทางที่ 2 จากถนนรัตนาธิเบศร์ (ทางหลวงหมายเลข 302) ใช้ถนนบางบัวทอง–สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนตะวันตก (ทางหลวงหมายเลข 9) จนถึงต่างระดับบางปะอินแล้วใช้ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือใช้ถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) เพื่อไปภาคเหนือ

เส้นทางที่ 3 จากถนนรัตนาธิเบศร์ (ทางหลวงหมายเลข 302) ใช้ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) ผ่านจังหวัดสุพรรณบุรีไปสู่จังหวัดชัยนาท เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ไปสู่จังหวัดนครสวรรค์   เพื่อไปภาคเหนือ  เส้นทางที่ 4 จากถนนรามอินทรา (ทางหลวงหมายเลข 304) ใช้ถนนต่างระดับลำลูกกา (ทางหลวงหมายเลข 9) ถึงแยกพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) เลี้ยวขวาเพื่อเดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือเลี้ยวซ้ายไปต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) เพื่อสู่ภาคเหนือ

เส้นทางที่ 5 จากบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ (ทางหลวงหมายเลข 304) ห้าแยกปากเกร็ด ใช้ถนนติวานนท์ (ทางหลวงหมายเลข 306) เลี้ยวขวาเข้าถนนบางพูน-บางปะหัน (ทางหลวงหมายเลข 347) ผ่านต่างระดับเชียงรากน้อยจนบรรจบถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ที่ อ.บางปะหัน แล้วเดินทางไปภาคเหนือ หรือเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เส้นทางที่ 6 จากต่างระดับรังสิต ไปตามถนนรังสิต-องครักษ์ (ทางหลวงหมายเลข 305) ผ่านทางต่างระดับธัญบุรี ตรงไปจังหวัดนครนายก กบินทร์บุรี เพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ เส้นทางที่ 7 จากถนนรามอินทรา ใช้ถนนรามอินทรา-สุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่านฉะเชิงเทรา พนมสารคาม กบินทร์บุรี ปักธงชัย เข้าสู่ถนนมิตรภาพ (สาย 2) ไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางสู่ภาคตะวันออก มี 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ไปตามถนนบางนา-บางปะกง (ทางหลวงหมายเลข 34) จนถึง กม. 39 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 7) ที่ต่างระดับบางควาย มุ่งสู่พัทยาไปภาคตะวันออก เส้นทางที่ 2 จากถนนศรีนครินทร์ (ทางหลวงหมายเลข 3344) ใช้ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 7) มุ่งสู่พัทยาไปภาคตะวันออก เส้นทางที่ 3 จากถนนรามอินทรา (ทางหลวงหมายเลข 304) ใช้ถนนสุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา เข้าทางหลวงหมายเลข 314 แล้วใช้ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรี (สาย 7) มุ่งสู่พัทยาไปภาคตะวันออก

เส้นทางสู่ภาคใต้ มี 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ใช้ถนนธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35 : ถนนพระราม 2) เข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) เดินทางสู่จังหวัดภาคใต้ เส้นทางที่ 2 ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เพื่อเข้าสู่จังหวัดภาคใต้ และ เส้นทางที่ 3 จากขนส่งสายใต้ใหม่ ใช้ถนนบางกอกน้อย-นครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลข 338) เข้านครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี สู่จังหวัดภาคใต้

นอกจากนี้ยังมีเส้นทางที่คาดว่าจะมีการจราจรติดขัดควรหลีกเลี่ยง โดยในเส้นทางสายเหนือ มีจุดที่มีการจราจรติดขัดอยู่ 6 จุด หากหลีกเลี่ยงได้ควรเลี่ยง ได้แก่ 1.ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (วงแหวนตะวันออก ช่วงบางพลี-บางปะอิน) ที่ด่านเก็บค่าผ่านทาง ที่รถยนต์ต้องชะลอตัวแม้จะยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียม และยังมีจุดเชื่อมต่อกับถนนพหลโยธิน ที่ กม. 53 ที่มีปริมาณรถมาก และมีปั๊มน้ำมันหลายแห่ง 2.วงแหวนตะวันตก เขตอำเภอบางบัวทอง ต่อเนื่องถนนสาย 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี ซึ่งมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3.ทางหลวงหมายเลข 32 สายเอเซีย มีการก่อสร้างสะพานกลับรถเป็นช่วง ๆ 4.ทางหลวงหมายเลข 117 (นครสวรรค์-พิษณุโลก) มีผิวการจราจรชำรุดที่ กม. 22-23
5.ถนนพหลโยธิน บริเวณสะพานเดชาติวงศ์ จังหวัดนครสวรรค์ และ 6.ทางหลวงหมายเลข 21 พุแค-หล่มสัก การจราจรติดขัดที่ช่องเขา จังหวัดสระบุรี ที่เป็นทางขึ้นเขาลาดชัน และที่สี่แยกม่วงค่อม เป็นทางแยกไปจังหวัดชัยภูมิ กับจังหวัดลพบุรี

เส้นทางสายอีสาน จุดที่มีการจราจรติดขัด มี 4 จุด ได้แก่ 1.ถนนพหลโยธิน ช่วงวังน้อยมีการก่อสร้างสะพานจุดกลับรถ และสี่แยกแพะโคก จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นทางแยกตัดกับถนนเลี่ยงเมืองสระบุรี ที่มีการก่อสร้างสะพานต่างระดับ 2.ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ กม. 2-3 อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี มีการก่อสร้างสะพานกลับรถ กม. 14 อำเภอแก่งคอย มีการปรับปรุงผิวจราจร กม. 27-30 เป็นทางขึ้นเขาลาดชันและโค้งซิกแซ็ก กม. 85-87 บริเวณลำตะคอง เป็นทางโค้งขึ้นลงเนิน ทางเลี่ยงเมืองจังหวัดนคร
ราชสีมา กับถนนมิตรภาพบริเวณต่างระดับข้ามทางรถไฟจอหอ และจุดตัดทางแยกเป็นช่วง ๆ ถึงจังหวัดขอนแก่น 3.ทางหลวงหมายเลข 304 ที่แยกนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ถึงอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางขึ้นเขาลาดชัน และมีทางโค้งหักมุมอันตรายหลายจุด และ 4.ทางหลวงหมายเลข 348  อำเภอตาพระยา ถึงอำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นทางขึ้นลงเขาลาดชัน

เส้นทางสู่ภาคตะวันออก มีจุดการจราจรติดขัด 2 จุด ได้แก่ 1.ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพ-ชลบุรี ที่ กม. 0-12 ต่อเนื่องจากถนนพระราม 9 ถึงต่างระดับขึ้นสนามบินสุวรรณภูมิ และ 2.ทางหลวงหมายเลข 3 ถนนบางนา-ตราด ผิวการจราจรไม่ค่อยดีเป็นบางช่วง ขณะที่เส้นทางสู่ภาคตะวันตกและภาคใต้มีจุดที่มีการจราจรติดขัด 2 จุด ได้แก่ 1.ทางหลวงหมายเลข 35 ถนนพระราม 2 กม. 59-62 บริเวณต่างระดับอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม และ 2.ทางหลวงหมายเลข 338 ถนนบรมราชชนนี กม. 27 บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม มีช่องจราจรเป็นคอขวด

เมื่อทราบข้อจำกัดในเส้นทางที่จะเดินทางแล้ว ก็ขอให้วางแผนก่อนการออกเดินทางให้ดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางนานเกินไป และที่สำคัญขอให้เคารพกฎจราจรให้มาก โดยเฉพาะเรื่องความเร็ว จะได้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยไม่เป็นการเพิ่มจำนวนอุบัติเหตุมากเกินควร.