ไฮโปไกลซีเมีย โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ฮ้า
ว.....หาวอีกแล้ว เมื่อคืนก็ว่านอนหลับสนิทดีแล้วนะ
ทำไมตื่นเช้ามานั่งทำงานถึงสัปหงกทุกที แถมยังรู้สึกเพลีย อยากนอนตลอดเวลา
หนุ่มสาววัยทำงานคนไหนมีอาการแบบนี้
ต้องติดตามเรื่องราวที่กระปุกดอทคอมนำมาเสนอวันนี้ค่ะ
เพราะคุณอาจกำลังเป็นฮิตของคนเมือง อย่าง "โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง" หรือ "ไฮโปไกลซีเมีย" ก็เป็นได้


แล้วโรคอ่อนเพลียเรื้อรังนี้คือโรคอะไรกันนะ?

        
ต้องบอกว่า โรคที่ว่านี้ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคอะไรหรอกนะ
แต่เป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตแบบผิด ๆ
โดยเรียกเป็นชื่อภาษาอังกฤษว่า Chronic fatigue syndrome (CFS) หรืออาจจะเรียกว่า โรคไฮโปไกลซีเมีย (Hypoglycemia) ซึ่งเป็นภาวะที่น้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้ไร้เรี่ยวแรงทำอะไรตลอดทั้งวัน

          มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยแล้วว่า พฤติกรรมอะไรที่ทำให้เรามีอาการไฮโปไกลซีเมียดังที่ว่า
ง่าย ๆ เลยก็ อย่างเช่น การบริโภคอาหารจำพวกแป้งขัดขาว น้ำตาล
อาหารฟาสต์ฟู้ด น้ำอัดลม พิซซ่า หรือขนมหวานมากเกินไป
ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
ทีนี้
ตับอ่อนก็จะผลิตอินซูลินออกมาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้ลดต่ำลง
พอระดับน้ำตาลลดลงไม่เท่าไหร่ เราเกิดรับประทานอาหารจำพวกนี้เข้าไปอีก
น้ำตาลในเลือดก็สูงขึ้นมาอีกแล้ว
ตับอ่อนจะผลิตอินซูลินออกมาลดน้ำตาลอีกครั้ง
ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นแล้วลงต่ำสลับกันไปตลอดเวลา
ซึ่งเท่ากับว่า ตับอ่อนก็ต้องทำงานตลอดเวลาด้วยเช่นกัน


        
นอกจากนั้นแล้ว ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องเผชิญกับสภาวะแวดล้อมอันเป็นพิษ
ความเครียด ความรีบเร่ง
ความยุ่งเหยิงในการดำเนินชีวิตที่ต้องแข่งขันกับเวลา นอนดึก
ก็ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เมื่อยล้า เหนื่อยได้ง่าย ๆ และยิ่งใครทำงานหนัก
พักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ยิ่งซ้ำเติมให้เจ็บป่วยหนักขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว




ปวดหัว



อาการอะไรบ่งบอกว่าเป็นโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง

        
ทีนี้ลองมาดูกันค่ะว่า อาการอะไรบ้างที่บ่งบอกว่า
คุณกำลังถูกโรคยอดฮิตชนิดนี้คุกคาม โดย อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กล่าวว่า
ผู้ที่อาจถูกแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคไฮโปไกลซีเมียนั้น
จะมีอาการอ่อนเพลียโดยหาสาเหตุไม่ได้ แถมยังนอนไม่หลับ ปวดเมื่อยตามตัว
ระบบขับถ่ายทั้งหนักเบาก็รวนเรไปหมด แต่ถึงกระนั้น
หากสรุปโดยรวมแล้วยังมีอีกหลายอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้
และแพทย์จำแนกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

1.กลุ่มความผิดปกติทางร่างกาย คือ

          อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
          ปวดหัว-เวียนศีรษะ
          นอนไม่หลับ
          เหงื่อแตกบ่อย ๆ
          มือสั่น
          ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง
          เป็นตะคริวบ่อย
          เกิดการชักกระตุก
          คันตามผิวหนัง
          หน้าร้อนผ่าวบ่อย ๆ
          มีอาการภูมิแพ้
          มือเท้าเย็น
          เนื้อตัวชาบางครั้ง
          การทรงตัวไม่ดี

2.กลุ่มความผิดปกติของระบบต่าง ๆ คือ

          ท้องอืด ท้องเฟ้อ
          ปากแห้งคอแห้ง
          เบื่ออาหาร
          อยากกินของหวาน ๆ
          หิวอย่างรุนแรงก่อนถึงเวลากินอาหาร
          ถ่ายอุจจาระผิดปกติ
          ถ่ายปัสสาวะผิดปกติ
          หายใจไม่ค่อยออก
          ปากและลมหายใจมีกลิ่นแปลก ๆ
          หัวใจเต้นผิดปกติ
          เป็นลมบ่อย ๆ
          อ้วน-น้ำหนักเกิน
          กามตายด้าน

3.กลุ่มความผิดปกติทางจิตใจ และระบบประสาท

          รู้สึกเบื่อหน่าย
          ฟุ้งซ่านขาดสมาธิ
          วิตกกังวลโดยง่าย
          ลังเลตัดสินใจไม่ได้
          รู้สึกสับสนปั่นป่วน
          ทนเสียงอึกทึก และแสงจ้า ๆ ไม่ได้
          เบื่อการพบปะเพื่อนฝูง ไม่ชอบเข้าสังคม
          การประสานงานส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเลวลง
          โมโหง่าย
          ฝันร้ายบ่อย
          ความจำเสื่อม
          มีอาการทางประสาท
          อยากฆ่าตัวตาย

           อย่าง
ไรก็ตาม ไม่จำเป็นที่ผู้ป่วยจะมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน
บางอาการอาจเกิดขึ้นแล้วหายไป แล้วสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้อีก โดย
มีอาการหลัก ๆ คือ รู้สึกเหนื่อย เพลีย ไม่มีแรง
ทั้งที่นอนมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่กลับไม่รู้สึกสดชื่นเลย อยากนอนตลอดเวลา
บางคนนั่งทำงานไปได้ถึงตอนบ่าย ๆ เกิดรู้สึกง่วงเพลียจนอยากหลับเลยทีเดียว
แถมยังสมองมึนซึม ปวดเนื้อปวดตัว รวมทั้งระบบขับถ่ายจะมีปัญหาอยู่ตลอดเวลา
ลำไส้แปรปรวน
ถ้ามีอาการเหล่านี้ ก็ส่งสัญญาณว่า โรคไฮโปไกลซีเมียกำลังมาเยือนคุณแล้วล่ะ




อ่อนเพลียเรื้อรัง



มาดูแลตัวเองกันดีกว่า

          เพื่อ
ป้องกันไม่ให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย หรือใครที่มีอาการดังข้างต้นแล้ว
ก็ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่แล้วล่ะ เรามีข้อแนะนำดังนี้


          1.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยงดเติมน้ำตาลในอาหาร เลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลมาก รวมทั้งอาหารฟาสต์ฟู้ด

          2.ปรับ
อารมณ์ไม่ให้เครียด เพื่อไม่ให้ร่างกายหลั่นฮอร์โมนอะดรีนาลีน
ไปกระตุ้นให้ผนังลำไส้ขับกรดออกมามาก จนเกิดเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
นอกจากนั้นแล้ว ความเครียด ยังนำไปสู่โรคต่าง ๆ มากมาย
รวมทั้งยังทำให้นอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ
ซึ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลงอีกต่างหาก

          3.ก่อนนอนไม่ควรทานอาหารหนัก ๆ รวมทั้งดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนผสม เพราะจะทำให้หลับยาก ยิ่งทำให้รู้สึกอ่อนเพลียมากขึ้น

          4.อย่าเปิดไฟเวลานอน และพยายามอย่าให้มีแสงเล็ดลอดเข้าไปในห้องนอน เพราะจะยิ่งทำให้นอนไม่หลับ

          5.ฝึกหายใจ หรือนั่งเงียบ ๆ สัก 5 นาที ก่อนนอน เพื่อผ่อนคลายความเครียด

          6.ออก
กำลังกายเป็นประจำ สำหรับใครที่มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง
ควรออกกำลังแต่พอควร อย่าหนักมากเกินไป
เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นให้ร่างกายทรุดลงไปอีก

          7.หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่จะทำให้เครียด ซึมเศร้า และไม่ควรหมกมุ่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานานเกินไป

          8.ไม่ควรใช้ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท หรือยาคลายเครียด

          9.หากมีอาการเครียดบ่อย ๆ ให้ฝึกทำสมาธิ เพื่อควบคุมจิตใจให้สงบ

          10.พยายามเข้านอนแต่หัวค่ำ อย่าออกไปเที่ยวกลางคืนบ่อยนัก

          11.ในรายที่เป็นมาก อาจต้องปรึกษาแพทย์ และอาจรับประทานวิตามินบีเสริมเพื่อช่วยลดความเหนื่อยล้า

          รู้จักโรคนี้กันไปแล้ว หนุ่มสาวชาวเมืองคนไหนที่มีอาการดังข้างต้น ก็อย่าลืมรักษาสุขภาพตัวเองให้มาก ๆ นะคะ





อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก