ผิวหน้าหมองคล้ำ ขอบตาดำเป็นหลินปิงน้อย ผลจากการอดตาหลับขับตานอน อ่านคำแนะนำฟื้นฟูสุขภาพผิวจากผู้เชี่ยวชาญ
ผิวหน้าหมองคล้ำ ขอบตาดำเป็นหลินปิงน้อย ผลจากการอดตาหลับขับตานอน แพทย์ผิวหนังมีคำแนะนำสำหรับการฟื้นฟูสุขภาพผิว
นพ.จักกฤษณ์ อัครเศรณี ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม กล่าว ว่า การพักผ่อนน้อยมีผลกระทบต่อผิวของเราโดยตรง ตั้งแต่ผิวหมองคล้ำ ไวต่อการแพ้ อักเสบ การติดเชื้อและผื่นคันแดงเกิดง่าย โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแห้งอยู่แล้วก็ยิ่งแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย ส่วนคนที่หน้ามันก็ยิ่งมันเยิ้มกว่าเดิม รวมถึงมีสิวอักเสบและริ้วรอยก่อนวัยได้ง่ายกว่าคนที่นอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่ม
การ ดูแลผิวที่เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำได้ไม่ยาก เริ่มจากศึกษาถึงสาเหตุให้เข้าใจกันก่อนว่า กรณีที่ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ จะมีระดับ ฮอร์โมนความเครียดสูงกว่าปกติ ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับความแข็งแรงและสภาวะปกติของผิว ทำให้เกิดภาวะไวต่อการแพ้และอักเสบของผิว ทั้งยังลุกลามไปยังผื่นแพ้ชนิดต่างๆ รวมไปถึงโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวกับภาวะภูมิคุ้มกันของผิวอีกด้วย
คนที่มีผิวหน้ามันก็จะมันเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ปริมาณสิวและสิวอักเสบมากขึ้นตามไปด้วย และยังทำให้กระบวนการสร้างและการสลายของเซลล์ต่างๆของร่างกายทำงานผิดปกติ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงต่อกระบวนการชราของผิว เพราะจะทำให้ผิวเหี่ยวย่นเกินกว่าวัยนั่นเอง
การนอนน้อยยังส่งผลโดยตรงถึง คอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ผิวเต่งตึงและชุ่มชื้น เพราะปกติคอลลาเจนจะสร้างได้สมบูรณ์ในภาวะที่มีการนอนหลับที่เพียงพอ การนอนน้อยร่างกายจะสร้างคอลลาเจนไม่เพียงพอ และส่งผลให้ผิวชราก่อนวัย ผิวขาดความชุ่มชื่น ความสามารถในการป้องกันผิวจากสารเคมี มลภาวะ แสงแดด รวมถึงเชื้อโรคต่างๆ ลดลง และมีสิวอักเสบเพิ่มมากขึ้นด้วย
การนอนน้อยยังมีผลให้ร่างกายกระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองหลาย ตัวเพิ่มขึ้น หนึ่งในฮอร์โมนที่ถูกหลั่งออกมามากขึ้นคือ ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีในร่างกาย ส่งผลให้สภาพผิวโดยรวมดูหมองคล้ำ และยิ่งดูแย่มากยิ่งขึ้นเมื่อรวมกับระบบการซ่อมแซมผิวที่แย่ลงจากการขาดคอ ลลาเจน
แพทย์ด้านผิวหนัง กล่าวต่อว่า เมื่อรู้สาเหตุที่ทำให้ผิวหนังแก่ก่อนวัยแล้ว วิธีแก้ไขง่ายๆ เลยก็คือ การพักผ่อนให้มากขึ้น ออกกำลังกายให้มากขึ้น แต่หากหลายๆ คนไม่สามารถทำได้ จึงต้องหาทางเลือกอื่นทดแทน เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้กับผิวได้อย่างชาญฉลาด
ผู้ที่มีปัญหาหน้ามันและสิวเห่อ ต้องพยายามทำให้ผิวหน้าแห้งมากขึ้น เช่น ใช้ผลิตภัณ์บำรุงผิวที่มีสารช่วยลดความมันบนใบหน้า แต่ก็มีข้อควรระวังคือ อาจเกิดอาการระคายเคืองกรณีไม่เคยใช้มาก่อน
ฉะนั้น ควรเริ่มใช้จากปริมาณและความถี่น้อยๆ ก่อนสักระยะ และควรพบแพทย์หากมีสิวมากขึ้น เพื่อรับยากลุ่มยาฆ่าเชื้อทั้งแบบทาหรือกิน เพื่อไม่ให้มีสิวอักเสบมากเกินไป เนื่องจากสิวอักเสบเหล่านี้จะทิ้งแผลและรอยดำในระยะยาว และไม่ควรล้างหน้าบ่อยเกิน หรือแกะ บีบ สิว เพราะระยะยาวจะทำให้อาการโดยรวมยิ่งแย่จนกลายเป็นหลุมสิวหรือสิวอักเสบ เรื้อรังในที่สุด
กรณีที่ผิวแพ้มาก มีอาการแสบ แห้ง ลอก หรือเกิดอาการแพ้ ผื่นคัน ควรใช้ครีมบำรุงที่ไม่กระตุ้นการเกิดสิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวที่อ่อนแอหรือสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ครีมบำรุงดังกล่าวจะทำให้อาการแสบแดงแห้งลอกทุเลาลงได้
หรือหาครีมที่มีส่วนประกอบของสารออกฤทธ์ เพื่อกดการสร้างของเซลล์เม็ดสีเช่นวิตามินซีมาใช้ รวมถึงกินวิตามินเสริมในกลุ่มวิตามินซี วิตามินบี วิตามินอี และกลูตาไธโอน เพื่อยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่มากขึ้นในช่วงเวลาที่พักผ่อนน้อย
หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัดๆ เป็นระยะเวลานานๆ ร่วมกับใช้ครีมกันแดดชนิดมีค่า SPF สูงๆ และ PA +++ เนื่องจากช่วงนี้ผิวหน้าอ่อนแอมาก และมีปัจจัยที่ทำให้ดำคล้ำได้ง่าย ถ้ายิ่งถูกแดดก็จะยิ่งกระตุ้นให้ผิวดำคล้ำมากขึ้น
หากปัญหาการแพ้หรือสิวเป็นมากขึ้น ควรรีบพบแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อแก้ปัญหาไม่ให้ลุกลาม แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรกดสิวหรือฉีดสิวโดยไม่จำเป็น เนื่องจากจะทำให้เกิดปัญหาระยะยาวได้มาก ทั้งเรื่องหลุมสิว รอยดำและปัญหาสิวเรื้อรัง และควรดื่มน้ำสะอาดในปริมาณมากขึ้นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
แพทย์ด้านผิวหนัง กล่าวว่า คำแนะนำข้างต้นเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและแก้ที่ปลายเหตุเท่านั้น การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ นอนพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เพื่อผิวสุขภาพดี แข็งแรง ขาวใส ไม่มีสิวอย่างยั่งยืนและถูกต้อง
credit : bangkokbiznews