ถ้าปัญหาใหญ่ของผู้ชาย คือหัวล้าน หัวเถิก ปัญหาคับอกคับใจของผู้หญิง ก็คงจะเป็น “เซลลูไลท์” หรือก้อนไขมันตะปุ่มตะป่ำใต้ผิวหนัง ที่หลายคนเรียกว่า ผิวเปลือกส้ม ซึ่งพบได้ในผู้หญิงแทบทุกคน ไม่ว่าจะอ้วนหรือผอม และเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่ยุบง่ายๆ ซะด้วย
ลองสำรวจตัวเองดู บริเวณต้นขาและก้นมักจะเกิดเซลลูไลท์มากที่สุด ลองขยุ้มเนื้อขึ้นมา จะเห็นเป็นรอยนูนๆ อาการแรกเริ่มจะเป็นเฉพาะตอนที่ขยุ้ม ถ้ารุนแรงขึ้นมาหน่อย จะเห็นริ้วรอยเฉพาะเวลายืน แต่ถ้ารุนแรงที่สุด จะเห็นได้อย่างชัดเจนไม่ว่าจะนั่ง นอน หรือยืน
เซลลูไลท์ (แพทย์ออกเสียงว่า เซล-ลู-ลีท หรือเซล-ยู-ลีท) พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้หญิงมีผิวหนังบางกว่า และมีไขมันหนากว่าผู้ชาย เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น ผิวหนังจะยิ่งบางลงและหย่อนยานขึ้น และมีก้อนไขมันมาแทรกตามชั้นผิวหนังมากขึ้น ทำให้มีลักษณะของเซลลูไลท์เกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าสัมพันธ์กับปัญหาในระบบไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง การที่พบเซลลูไลท์ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย จึงเชื่อกันว่าฮอร์โมนเพศหญิงน่าจะเกี่ยวข้องด้วย
เซลลูไลท์เป็นมหันตภัยความงามของผู้หญิงก็ว่าได้ ดังนั้นจึงมีโฆษณาชวนเชื่อมากมาย ว่ามียาหรือกรรมวิธีต่างๆ ที่สามารถขจัดศัตรูความงามที่ว่านี้ได้ แต่สมาคมแพทย์ผิวหนังของสหรัฐอเมริกาเตือนว่า ไม่มีวิธีใดๆ ไม่ว่าจะมีราคาแพงแค่ไหน ที่จะขจัดเซลลูไลท์ได้ง่ายๆ
การรับประทานอาหาร โดยเพิ่มปริมาณผักผลไม้สด บางคนบอกว่าเอนไซม์จากผักผลไม้ช่วยย่อยสลายไขมันได้ บางคนบอกว่า สับปะรด มะละกอ มะม่วง และลูกกีวี มีเอนไซม์ซึ่งช่วยการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้เซลลูไลท์ดูดีขึ้น
บางคนบอกว่าการรับประทานอาหารที่มีกรดไขมัน น้ำมันปลา ถั่ว และเมล็ดพืช ช่วยระบบการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง
ทั้งหมดที่กล่าวมายังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าช่วยขจัดเซลลูไลท์ได้ แต่หากคุณรับประทานได้ตามที่ว่ามา ข้อดีมีแน่ๆ อยู่แล้ว
บางคนบอกให้หลีกเลี่ยงอาหารหวาน อาหารมัน ประเภทนม เนย น้ำตาล ช็อกโกแลต ไอศกรีม โดยบอกว่าอาหารทั้งมันและหวานจะไปเพิ่มอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหนังหย่อนยาน เกิดริ้วรอย และเพิ่มแคลอรี่ให้กับร่างกาย อันนี้ก็ช่วยทางอ้อมมากกว่า เพราะน้ำหนักตัวที่มากขึ้น เซลลูไลท์ก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
อาหารเสริม ยังไม่มีอาหารเสริมใดๆ ที่พิสูจน์ด้วยหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ว่าขจัดเซลลูไลท์อย่างได้ผล
การหายใจเข้าออกลึกๆ ช่วยนำพาออกซิเจนเข้าสู่เนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ทำให้การเผาผลาญพลังงานมีประสิทธิภาพดีขึ้น แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าช่วยขจัดเซลลูไลท์ได้เช่นกัน
การขัดถูผิวและการนวด อาจช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลืองได้ แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันเช่นกันว่าช่วยขจัดเซลลูไลท์ได้
การพันต้นขาหรือก้นด้วยพลาสติกให้แน่น เพื่อให้เหงื่อออก โดยหวังว่าจะลดปริมาณเซลลูไลท์ วิธีนี้ไม่ได้ผลอะไรเลย เซลลูไลท์ไม่สามารถไหลออกมาเป็นเหงื่อได้ สิ่งที่สูญเสียไปคือน้ำเท่านั้น
การฝังเข็ม ใช้ไม่ได้ผลกับผู้ที่มีเซลลูไลท์จำนวนมาก และถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิต ไขมันก็จะกลับมาอีก
เครื่องมือหรือเครื่องออกกำลังกาย เช่น สายพานหรือเข็มขัด ที่เอามาเขย่าหรือสั่นลงบนบริเวณที่มีเซลลูไลท์ วิธีนี้ไม่ได้ผล เพราะไม่เกิดการเผาผลาญไขมัน ควรออกกำลังกายด้วยตนเองจะดีกว่า
เครื่องสำอาง เชื่อกันว่าจะซึมผ่านชั้นผิวหนัง ลงสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อไปละลายไขมันส่วนเกิน ส่วนผสมของเครื่องสำอางกลุ่มนี้คือ เมทธิลแซนทีน หรือสารสกัดจากพืชบางชนิด เช่น กาแฟ ชา โคล่า ยังไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อย่างแน่ชัดว่า สารกลุ่มนี้จะซึมผ่านเซลล์ผิวหนังลงไปละลายไขมันได้จริง
การดูดไขมัน อาจทำให้เซลลูไลท์เล็กลงได้ แต่อาจมีข้อแทรกซ้อนจากการผ่าตัด เช่น เลือดออก หรือเกิดแผลเป็น และถ้ากลับมาอ้วนอีก ก็จะเกิดเซลลูไลท์ขึ้นได้อีก
การจัดระเบียบไขมัน โดยใช้เครื่องมือดูดไล่ไขมันให้เรียงตัวเป็นระเบียบ ผู้ที่เคยรักษาด้วยวิธีนี้ ส่วนใหญ่คิดว่าทำให้ดูดีขึ้นได้บ้าง แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานมายืนยันว่าได้ผลจริงจังแค่ไหน
การขจัดเซลลูไลท์ที่ดูจะได้ผลดีที่สุด แต่ต้องใช้เวลาและความพยายามมากสักหน่อย ก็คือ
การควบคุมน้ำหนัก พยายามให้น้ำหนักคงที่ อย่าปล่อยตัวให้อ้วนเกินไป ถ้าอ้วนอยู่แล้ว ต้องค่อยๆ ลดน้ำหนักลง ด้วยการควบคุมอาหาร พร้อมๆ กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ช่วยให้ก้อนไขมันตะปุ่มตะป่ำดูลดน้อยลงได้ ไม่ควรลดน้ำหนักแบบฮวบฮาบ เพราะน้ำหนักจะลดเร็ว แต่ก็จะกลับคืนมาเร็ว การที่ผิวหนังเดี๋ยวยืดเดี๋ยวขยาย จะทำให้ผิวหนังหย่อนยาน หรือยิ่งทำให้เซลลูไลท์เด่นชัดขึ้น
การออกกำลังกาย การออกกำลังกายแบบแอโรบิกทุกวัน เช่น เดินเร็วๆ วิ่งเหยาะๆ ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ หรือเต้นแอโรบิก สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30-40 นาทีขึ้นไป จะทำให้เกิดการเผาผลาญไขมัน ทำให้เซลลูไลท์มีขนาดเล็กลง และยังทำให้กล้ามเนื้อกระชับได้สัดส่วน ทำให้แลดูว่าผิวเรียบขึ้นได้
สรุปว่าการขจัดเซลลูไลท์ที่ได้ผลดีที่สุดและเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่ สุด คือการควบคุมน้ำหนักและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พูดง่ายแต่ทำยาก แต่ถึงจะทำยาก ก็ทำได้ล่ะน่า