รศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน
ภาควิชาโสตนาสิกลาริงซ์วิทยา
เลือดออกจากหู เป็นภาวะที่พบได้ไม่บ่อย ส่วนใหญ่มักพบร่วมกับเลือดออกผิดปกติในอวัยวะส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
สาเหตุของเลือดออกจากหู เกิดจาก
1.สาเหตุเฉพาะที่ เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด ได้แก่ การบาดเจ็บตั้งแต่หูชั้นนอก ชั้นกลาง จนถึงหูชั้นใน จากการแคะ เขี่ย แกะ เกา กระทบกระแทกจนทำให้เกิดการฉีกขาดของเส้นเลือดหรือเยื่อบุแก้วหู ซึ่งบางรายอาจเกิดจากมีสิ่งแปลกปลอม หรือเนื้องอกเกิดขึ้นในช่องหู
2.สาเหตุจากโรคบางชนิด ทำให้กลไกในการห้ามเลือดผิดปกติ เช่น ความผิดปกติของเกร็ดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด โรคไขกระดูกฝ่อ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคฮีโมฟีเลีย เป็นต้น
การวินิจฉัย สามารถทำได้โดย
๐ แพทย์จะซักประวัติ ตั้งแต่ สาเหตุที่ทำให้เลือดออก และเลือดออกส่วนไหนของร่างกาย มีประวัติเลือดออกง่ายแต่หยุดยากหรือไม่ ในอดีตหรือคนในครอบครัวมีการใช้ยาที่ทำให้กลไกในการห้ามเลือดผิดปกติไปหรือ ไม่ มีอาการทางหูอื่นๆ ร่วมด้วยหรือไม่ เช่น ปวดหู มีหนองไหล มีหูอื้อ เสียงดังในหู หรือเวียนศีรษะบ้านหมุน
๐ แพทย์จะตรวจหูโดยละเอียด ตั้งแต่ ใบหู โครงสร้างโดยรอบหู ช่องหูชั้นนอก เยื่อบุแก้วหูอาจใช้เครื่องมือดูดทำความสะอาดหู และช่องหูว่า มีรอยถลอก ฉีกขาดหรือไม่ และมีจุดเลือดออก หรือรอยจ้ำเขียวที่อวัยวะส่วนอื่นหรือไม่ หรือ มีตับ ม้าม ต่อมน้ำเหลืองโต หรือเข้าข่ายโรคตับแข็ง เช่น ตาเหลือง ท้องโต มีน้ำในช่องท้อง หรือเส้นเลือดบริเวณผนังหน้าท้องโป่งพองหรือไม่
๐ การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ตรวจการได้ยิน ตรวจความผิดปกติของกลไกห้ามเลือด ตรวจเกล็ดเลือด การแข็งตัวของเลือด ตรวจไขกระดูก มีมะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง
| ||
1.ห้ามเลือดให้หยุด โดยใช้ผ้าก๊อซกดบริเวณที่เลือดออกภายนอก เช่น ใบหู (ถ้ามี) หรือทำการเย็บแผล ถ้าเลือดออกจากช่องหูชั้นนอก อาจใส่ผ้าก๊อซที่ทำเป็นเส้น และชุบยาห้ามเลือดเข้าไปในช่องหูชั้นนอก หรือจี้ให้เลือดหยุด
2.ควรนอนพัก ยกศีรษะสูง นำน้ำแข็งหรือเจลประคบเย็นมาประคบบริเวณหน้าผาก คอ หรืออมน้ำแข็งเพื่อให้เลือดหยุดประมาณ 10 นาที แล้วจึงเอาออกประมาณ 10 นาที ทำเช่นนี้สลับกันไปเรื่อยๆ จนกว่าเลือดจะหยุด
3.ควรหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณหู การออกแรงมาก การเล่นกีฬาที่หักโหม หรือยกของหนัก ภายใน 24-48 ชั่วโมงแรก เพราะอาจทำให้มีเลือดออกจากหูได้อีก
“และสุดท้าย รักษาที่สาเหตุ จะได้ไม่กลับเป็นซ้ำครับ”