ค่านิยมผิวขาวเนียน หน้าใสไร้สิว เกิดขึ้นในคนทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่นได้รับการปลูกฝังค่านิยมแบบนี้อย่างไม่รู้ตัว ด้วยโฆษณาต่างๆ ที่เกลื่อนหน้าจอทีวี
สิวดูเหมือนเป็นปัญหาเล็กๆ และไม่น่าจะมีอันตรายอะไร แต่รู้หรือไม่ว่าการกินยาเพื่อลดสิวที่ทำกันทั่วๆ ไปนั้น มีอันตรายร้ายแรงแบบที่คาดไม่ถึง
พ.ญ.อรยา กว้างสุขสถิตย์ อนุกรรมการประชาสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย อธิบายว่า ปัญหาสิวไม่ใช่สุขภาพกาย ซึ่งสำหรับวัยรุ่นปัญหาสิวดูเหมือนจะกระทบสุขภาพใจมากกว่า เพราะจะทำให้ไม่สวยงามตามสมัยนิยม
สิวเป็นสิ่งที่เกิดจากการเปลี่ยน แปลงฮอร์โมนเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ฮอร์โมนนี้จะกระตุ้นต่อมไขมัน ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและผลิตไขมันออกมามากขึ้น ซึ่งการสร้างเคราติน ที่ผิดปกติบริเวณรูขุมขนทำให้เกิดการอุดตันที่รูขุมขน
และแบคทีเรียที่ชื่อโคโลนี แบคทีเรียแอกเน่ ที่เพิ่มมากขึ้นบริเวณรูขุมขน เป็นตัวกระตุ้นให้สิวอักเสบมากขึ้น
นอก จากนี้ ยังมีสาเหตุอื่นๆ เช่น ความเครียด การนวด ขัดถูใบหน้าแรงๆ และการใช้ยาบางอย่าง เช่น สเตียร์รอย หรือเครื่องสำอางและสารเคมีบางอย่าง
วิธี รักษาที่แพทย์แนะนำ หากเป็นสิวเพียงเล็กน้อยควรล้างหน้าให้สะอาด ไม่บีบ ไม่แกะ พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานให้ถูกสุขลักษณะ หลีกเลี่ยงการใช้ยา สารเคมี เครื่องสำอาง
แต่ถ้ามีการอุดตันอาจต้องใช้ยาช่วย เช่น ทาเบนซิลเปอร์ออกไซด์ หรือยาทา กลุ่มกรดวิตามินเอ จะทำให้สิวลอกง่าย แต่ถ้าใช้ไม่ถูกต้องอาจเกิดการระคายเคือง นอกจากนี้ไม่ควรบีบ เจาะสิวเอง ถ้าใช้ยาทาต่อเนื่องหลายสัปดาห์ไม่ดีขึ้น หรือสิวหายแล้วเป็นรอย ควรพบแพทย์
สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ การซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยารับประทานโรแอคคูเทน (roaccutane) หรือแอคโนติน (acnotin) หรือไอโซเทน (isotane) ซึ่งเป็นยาในกลุ่มไอโซเตรติโนอิน ซึ่งเป็น กรดวิตามินเอขนาดสูง มีผลข้างเคียงมาก ข้อดีคือ ทำให้สิวหาย เร็วขึ้น
แต่ ข้อเสียคือ ตับทำงานผิดปกติ ไขมันและระดับน้ำตาลในเส้นเลือดสูง ปวดศีรษะ อาจรุนแรงจากความดันในสมองสูง ปวดกระดูก กล้ามเนื้อและข้อ
ลำไส้ ใหญ่อักเสบจากการขาดเลือด ทำให้ปากแห้ง ผิวแห้ง ตาแห้ง ผมร่วงบาง เล็บเปราะ เล็บอักเสบ ด้านจิตใจพบว่าอาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้า และเคยมีคนฆ่าตัวตายด้วย
ที่สำคัญห้ามหญิงมีครรภ์รับประทานเด็ดขาด เพราะทำให้ทารกพิการได้
หน้า 28
ขอบคุณ
ข่าวสดออนไลน์