| บรรยากาศร้าน “ฮอกไกโด” |
| | ไป “ฮอกไกโด” กันไหม?? ไปหม่ำปูยักษ์ “ปูทาราบะ” ตัวใหญ่แสนอร่อย เป็นปูทะเลที่โด่งดังของเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น แต่ว่าไม่ต้องเสียเวลาและเสียเงินมากมายนั่งเครื่องบินไปไกลถึงเกาะ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นกันหรอกน่ะ เพราะแค่ขับรถออกจากบ้านมุ่งหน้ามาที่ถนนสุรวงศ์ ก็ถึงแล้ว “ฮอกไกโด” (Hokkaido Restaurant) ร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ ที่มีความน่าสนใจ ตั้งแต่เมื่อมาถึงร้านก็จะเจอกับเจ้าปูยักษ์ทาราบะสีส้มสดใส ขยับกล้ามไปมาโชว์เด่นเป็นสง่าเรียกลูกค้าอยู่หน้าร้าน
|
| ห้องนั่งแบบวีไอพี |
| | แค่เห็นเจ้าปูยักษ์ขยับกล้ามก็เชิญชวนให้ต้องรีบเข้าไปในร้านกันแล้ว พอเข้าไปด้านในร้านก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศร้านที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์แบบ ญี่ปุ่นโมเดิร์น ดูอบอุ่นสบายๆ มีหลายโซนให้เลือกนั่ง มีห้อง VIP ที่มีความเป็นส่วนตัว มีมุมโต๊ะนั่งแบบสบาย และมีโซนโต๊ะนั่งแบบสายพาน เหมาะมากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกินซูชิ และตรงนี้ก็เห็นเชฟปรุงอาหารให้ดูแบบเพลิดเพลินด้วย
|
| เชฟโชว์ปูทาราบะตัวใหญ่ส่งตรงจากญี่ปุ่น |
| | มาถึงเมนูอาหารญี่ปุ่นของที่นี่ ทางร้านนำเสนออาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับฮอกไกโดขนานแท้ และมีจุดเด่นที่น่าสนใจตรงที่ทางร้านมีเมนูปูยักษ์สั่งตรงจากเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ให้นักกินชาวไทยได้ลิ้มรสชาติปูยักษ์อย่างสมใจปาก และยังได้นำเข้าวัตถุดิบในการปรุงอาหารมาจากญี่ปุ่นด้วย เรียกว่ามากินอาหารที่นี่ได้รสชาติเดียวกับไปกินถึงที่ญี่ปุ่นไม่ผิดเพี้ยน
|
| ปูทาราบะ |
| | ว่าแล้วก็ไม่ขออารัมภบทให้มากความไปกว่านี้ เปิดเมนูสั่งเจ้าปูยักษ์มากินกันดีกว่า ปูทาราบะ (1 ตัว 4,500 บาท++) ถูกเสิร์ฟมาแบบทั้งตัว ตัวใหญ่คับจาน ส่งตรงมาจากเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเจ้าปูทาระบะตัวยักษ์นี้ทางร้านคัดไซด์ที่นิยมกินกันมาแล้ว มีน้ำหนักต่อตัวอยู่ที่ 1.7 - 1.9 กก. โดยปูทาราบะจะผ่านกรรมวิธีการต้มผสมกับน้ำเกลือ จากนั้นพอมาถึงที่ร้านก็เก็บไว้ในตู้แช่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสม ซึ่งตู้แช่ที่นี่จะมีความพิเศษสามารถแช่ให้เนื้อปูแข็งได้ โดยที่สมองและส่วนอื่นยังเหมือนเดิม พอลูกค้าสั่งก็นำปูเสิร์ฟมาได้ทันที ซึ่งปูทาราบะนี้นิยมกินส่วนที่เป็นขาปู เพราะขาปูใหญ่มาก มีเนื้อเยอะกินได้เต็มปากเต็มคำ เนื้อปูนั้นกินสดๆ นุ่มหวานมากๆ หรือจะจิ้มกินคู่กับโชยุก็ได้
|
| ปูขน |
| | อีกหนึ่งปูยักษ์ที่ชวนกินไม่แพ้กันคือ ปูขน (1 ตัว 1,800 บาท) เป็นเมนูปูอิมพอร์ตจากเกาะฮอกไกโดเช่นกัน ปูขนนี้นิยมกินปูที่มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 600-650 กรัม และปูขนจะผ่านกรรมวิธีการทำเหมือนปูทาราบะ เสิร์ฟมาทั้งตัว ปูขนนี้มีจุดเด่นอยู่ตรงที่มีมันปูให้กินแบบมันปาก ส่วนเนื้อของปูขนก็หวานสดนุ่มปากจริงๆ
|
| ชุดปลาดิบรวม |
| | และเดี๋ยวจะหาว่ามีแต่ปูที่ชวนกินเท่านั้น ที่ร้านฮอกไกโดยังมีเมนูอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ ให้ได้ลิ้มลองกันด้วย อย่างถ้าใครชอบกินปลาดิบแนะนำเลยว่าควรสั่ง ชุดปลาดิบรวม (ราคา แล้วแต่เลือกปลา) มีปลาดิบสารพัดหน้าให้เลือกกกินตามใจชอบ อย่างที่อยากนำเสนอมีปลาโอโตโร่ และปลาชูโตโร่จากญี่ปุ่น คาซึโนโกะ (ไข่ปลาแซลมอน) กุ้งหวานตัวใหญ่ ปลาตาเดียว ปลาแซลมอน ปลากะพงแดง ปลาดิบของที่นี่สดจริง หวานจังอร่อยถูกปากมากเลย
|
| ชุดรวมข้าวปั้นปลาดิบ |
| | เมื่อกินปลาดิบแล้วก็ต้องมาอิ่มเต็มที่กับ ชุดรวมข้าวปั้นปลาดิบ (ราคาแล้วแต่เลือกหน้า) ซึ่งมีสารพัดหน้าให้เลือกกินมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้าวปั้นปลากะพงแดง ข้าวปั้นปลาโอช่วงกลาง ข้าวปั้นปลาตาเดียว ข้าวปั้นหน้ากุ้งหวานตัวใหญ่ ข้างปั้นปลาโอช่วงท้อง ข้าวปั้นปลาแซลมอน และอีกนานาข้าวปั้นที่ล้วนแล้วแต่รสดี เพราะทางร้านเลือกใช้ข้าวจากญี่ปุ่นแท้ๆ มาทำเป็นข้าวปั้น
|
| สลัดปู |
| | แล้วมาอร่อยกันต่อกับ สลัดปู (250 บาท++) เป็นเมนูสลัดสูตรพิเศษของที่นี่ที่ไม่ควรพลาดสั่ง จานสลัดมีผักสดๆ อย่างผักกาดแก้ว แตงกวาญี่ปุ่น และมีไข่ต้มใส่มา ส่วนทีเด็ดอยู่ที่ใส่เนื้อปูขนมาด้วย แล้วราดด้วยน้ำสลัดสูตรเฉพาะ ชิมสลัดปูถูกปากตรงที่ผักสลัดสดกรอบกินเข้ากับเนื้อปูสดหวานและน้ำสลัดที่ กลมกล่อมลิ้น
|
| กุ้งทอดคลุกซอสมายองเนส |
| | ต่อด้วยเมนูนี้ กุ้งทอดคลุกซอสมายองเนส (180 บาท++) คนชอบกินกุ้งต้องติดใจ เพราะทางร้านนำเอากุ้งส่งตรงจากญี่ปุ่น มาคลุกกับเครื่องเทศแล้วทอดจนกุ้งสุกกรอบ แล้วราดด้วยซอสมายองเนสสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศญี่ปุ่นกว่า 7-8 อย่าง กินแล้วเนื้อกุ้งหวานกรอบกลมกลืนเข้ากับซอสมายองเนสหอมหวาน
|
| ด้านหน้าร้านฮอกไกโดมีปูยักษ์ขยับได้ |
| | และยังไม่หมดสำหรับเมนูอาหารญี่ปุ่นของที่ร้านนี้ยังมีที่น่ากินอีก อาทิ ปลาหมึกอราเร่หวาน (120 บาท++) ปลาทาระญี่ปุ่นหม้อไฟ (400 บาท++) ข้าวหน้าฮอกไกโดพิเศษ (500 บาท++) ปลาซาบะใส่มิโซะต้ม (200 บาท++) และเมนูญี่ปุ่นรสเลิศอีกมากมาย ที่ทางร้าน “ฮอกไกโด” ยินดี นำมาเสนอ จึงอยากจะชวนให้ทุกคนลองมาลิ้มรสชาติปูยักษ์ที่ส่งตรงมาจากเกาะฮอกไกโด ที่ถ้ามาลองชิมแล้วขอบอกว่าไม่ผิดหวัง เหมือนได้บินไปกินถึงที่ญี่ปุ่นเลย * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * |