| บรรยากาศทางเข้าร้าน |
| | ช่วงเวลาค่ำๆ ของฤดูหนาวในกรุงเทพฯ เป็นช่วงเวลาที่ “ตระเวนกิน” มีความสุขเป็นที่สุด เพราะได้รับลมเย็นสบายที่พัดมาเบาๆ แบบไม่หนาวเหมือนในจังหวัดอื่นๆ แถมยังเป็นเวลาที่จะได้นั่งกินมื้อเย็นแบบสบายๆ ไม่ต้องรีบร้อนเหมือนมื้ออาหารอื่นๆ ในมื้อนี้ “ตระเวนกิน” จึงอยากจะพานักกินมานั่งชิลล์ๆ ในสวนให้สบายใจกันที่ร้าน “บ้านไม้ใบ” ใน ซ.สายไหม 41 ซึ่งร้านนี้เค้าเปิดให้บริการกันมากว่า 5 ปีแล้ว
|
| ที่นั่งโซนเรือนใหญ่ |
| | สิ่งที่เห็นได้โดดเด่นจากร้านนี้ก็คือ ร้านจะอยู่ท่ามกลางวงล้อมของต้นไม่นานาชนิด แต่เน้นหนักไปทางไม้ใบ ที่มีสีเขียวชอุ่ม ช่วยให้เราสดชื่น สบายตา และคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวัน ซึ่งชื่อของร้าน ก็มาจากไม้ใบที่มีอยู่โดยรอบเหล่านี้เอง การตกแต่งภายในร้านจะออกแนวล้านนา และเน้นให้ลูกค้านั่งสบายๆ และที่ตรงกลางร้านจะมีบ่อน้ำ มีศาลากลางน้ำที่ใช้เป็นสถานที่เล่นดนตรีสด ซึ่งจะมีทุกๆ วัน ตอนเวลาประมาณ 19.00 น. นอกจากนี้ ทางด้านหลังก็ยังมีกังหันน้ำอันใหญ่เป็นจุดเด่น ที่มองเห็นได้จากภายนอกร้าน
|
| มุมเรือนไม้ที่ตกแต่งแบบล้านนา |
| | ส่วนลูกค้าที่เข้ามาภายในร้าน สามารถเลือกนั่งได้ทั้งโซนเรือนใหญ่กลางร้าน โซนสวนนั่งสบายๆ และโซนเรือนไม้ ที่ตกแต่งในแนวล้านนา เป็นโซนที่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความพลุกพล่าน ซึ่งเมื่อเข้ามานั่งแล้วทางร้านก็จะเสิร์ฟน้ำใบเตยกลิ่นหอม หวานเย็นชื่นใจมาให้ดับกระหายกันก่อนฟรีๆ แต่ถ้าได้ลองแล้วติดใจก็ต้องสั่ง น้ำใบเตย (เหยือกละ 50 บาท) มากินกันเอง
|
| ออส่วนทะเลกรอบ |
| | ทางด้านอาหารที่มีให้เลือกกินกันนั้น มีทั้งอาหารไทย จีน และซีฟู้ด ที่ต้องมาลองลิ้มรสชาติกันเองว่าเด็ดขนาดไหน ว่าแล้วก็อย่ารอช้า เราสั่งเมนูแรกมากินกันเลย เริ่มที่ ออส่วนทะเลกรอบ (100 บาท) ที่ขนมาทั้งกุ้ง ปลาหมึก เนื้อปู และเห็ดหอม ตีให้เข้ากับแป้ง และไข่ไก่ นำลงไปทอดให้กรอบนอกนุ่มใน และเสิร์ฟในกระทะร้อนที่มีถั่วงอกรองอยู่ด้านล่าง มาพร้อมกับซอสพริกเพิ่มรสชาติความอร่อย เมนูนี้ชิมแล้วต้องบอกว่ากรอบนอกนุ่มใน ถูกใจเสียจริง
|
| เป็ดราดกระเพาะปลา |
| | แล้วมากันที่ เป็ดราดกระเพาะปลา (120 บาท) เมนูนี้ออกแนวแบบอาหารจีน ทางร้านใช้เป็ดมาตุ๋นกับเครื่องพะโล้จนเปื่อย แล้วแล่เอาแต่เนื้อมาจัดใส่จาน ราดหน้าด้วยกระเพาะปลาน้ำแดงใส่เห็ดหอม ที่ตุ๋นมาจนเข้าที่ เสิร์ฟกับจิ๊กโฉ่วรสเปรี้ยว ชิมแล้วได้รสชาติกลมกล่อม หอมเห็ดหอม เนื้อเป็ดนุ่มกำลังดี ไม่มีกลิ่นสาบ
|
| ต้นแซ่บซี่โครงหมูอ่อน |
| | ต่อด้วยเมนูอาหารไทยแซ่บๆ ต้มแซ่บซี่โครงหมูอ่อน (100/150 บาท) เมนูนี้ใช่ซี่โครงหมูอ่อนมาตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม แล้วนำไปลงต้มกับเครื่องต้มแซ่บ อาทิ ข่า ตะไคร้ และเครื่องเทศอื่นๆ นอกจากนี้ก็ยังมีกะหล่ำปลีซอย มะเขือเทศ แล้วปรุงรสให้เผ็ดเปรี้ยวเค็ม ก่อนจะโรยหน้าด้วยโหระพา และผักชีฝรั่ง เสิร์ฟมาในหม้อไฟร้อนๆ ให้ซดกันคล่องคอ ลองตัดใส่ถ้วยมาชิมคำแรกก็แซ่บถึงใจเลยทีเดียว ซี่โครงหมูก็นุ่มเปื่อย ไม่เหนียว
|
| ปลาช่อนทอดราดสมุนไพร |
| | ถัดไปเป็น ปลาช่อนทอดราดสมุนไพร (180 บาท) จานนี้ใช้ปลาช่อนสดตัวขนาดพอเหมาะมาทอดกรอบ แล้วทำยำสมุนไพร ที่ประกอบไปด้วย ขิง ตระไคร้ซอย หอมแดงซอย มะนาวหั่นชิ้นเล็ก กุ้งแห้ง และถั่วลิสงคั่ว ปรุงให้ออกสามรส ราดบนตัวปลา แล้วกินคู่กับใบชะพลู ที่เข้ากันเป็นอย่างดี ตัวปลาเนื้อนุ่มกรอบนอก กินคู่กับยำสมุนไพรจะได้ครบรส เคี้ยวแล้วหอมกลิ่นสมุนไพรขึ้นจมูก
|
| บัวลอยเผือก |
| | และถ้าอิ่มของคาวกันแล้ว ก็ขอแนะนำให้สั่ง บัวลอยเผือก (40 บาท) มากินตบท้ายเพื่อความอร่อยสมบูรณ์แบบ บัวลอยถ้วยนี้เสิร์ฟมาอุ่นๆ ชิมแล้วหอมมันหวานกะทิ ลูกบัวลอยก็นุ่มหนึบ ได้รสเผือกแบบเต็มๆ ส่วนถ้าใครอยากจะลิ้มลองเมนูอื่นๆ บ้าง ก็ขอแนะนำ ยำไม้ใบ (80 บาท) เห็ดโคนผัดกุ้ง (100 บาท) ไก่บ้านทอดสมุนไพร (80 บาท) หรือจะเป็น กุ้งสะดุ้งไฟ (150 บาท) ซึ่งทั้งหมดนี้ จะได้มาชิมกันที่ร้าน “บ้านไม้ใบ” ในบรรยากาศสบายๆ กลางสวนแห่งนี้
|
| มุมสวนที่นั่งสบายไม่แพ้กัน |
|
|