| บรรยากาศโต๊ะนั่งภายในร้าน เฮือนลำพูน |
| | "ตระเวนกิน" มีโอกาสผ่านไปผ่านมาแถวๆ ซอยสวนผัก-ตลิ่งชัน ก็หลายครั้งหลายครา ขับรถผ่านครั้งใดก็จะเห็นร้านอาหารที่ซ่อนตัวอยู่ในแมกไม้ร่มรื่น ซึ่งป็นร้านอาหารเหนือที่มีผู้คนแวะเวียนมากินกันไม่ขาดสาย ตั้งใจว่าอยากจะลองแวะชิมอาหารร้านนี้ดูสักที แต่ก็พลาดเสียทุกครั้ง จนกระทั่งมาคราวนี้เราไม่ปล่อยให้พลาดโอกาสอีกแล้ว ขอเข้ามาชิมอาหารเหนือตามที่ใจเรียกร้องเสียที ยังร้านอาหารแห่งนี้ที่มีชื่อว่า "เฮือนลำพูน" เมื่อเดินเข้ามาถึงในร้าน ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพนักงาน และโดยเฉพาะเจ้าของร้าน พี่จันทร์หอม ศรีตะเขตต์ ที่ออกมาต้อนรับขับสู้ลูกค้าเป็นอย่างดี พร้อมกับการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง เจอตัวเจ้าของร้านแบบนี้ ก็เลยขอคุยถึงความเป็นมาเสียหน่อย ร้านเฮือนลำพูนนี้ตั้งขึ้นมาได้ประมาณ 7 ปีแล้ว เหตุที่ชื่อเฮือนลำพูนก็เพราะพี่จันทร์หอมเป็นคนลำพูนแท้ๆ โดยในช่วงแรกนั้น ได้ทดลองเปิดเป็นร้านเล็กๆ เพื่อสำรวจความนิยมจากลูกค้าก่อน ต่อมาก็ขยับขยายมาเปิดเป็นร้านอย่างใหญ่โตที่เห็นในปัจจุบัน
|
| โต๊ะนั่งแบบเป็นซุ้ม |
| | บรรยากาศในร้านเป็นแบบสบายๆ ร่มรื่น สามารถที่จะมานั่งกินอาหารได้ทั้งวัน การตกแต่งเน้นวัสดุที่ทำจากไม้ และประดับประดาด้วยบรรดาของที่บ่งบอกเอกลักษณ์ของภาคเหนือ โต๊ะนั่งก็แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ คือ โซนกลาง โซนที่เป็นซุ้มโต๊ะส่วนตัว โซนริมป่า และโซนห้องแอร์ มาพูดถึงอาหารเหนือของที่นี่ เมื่อถามถึงวัตถุดิบที่นำมาทำอาหาร ก็ได้รับคำตอบว่า วัตถุดิบส่วนหนึ่งก็นำมาจากภาคเหนือโดยเฉพาะ อย่างเช่น พวกเครื่องเทศ เครื่องแกงต่างๆ ข้าวเหนียว ที่มีทั้งข้าวเหนียวขาว และข้าวเหนียวกล้อง สำหรับคนรักสุขภาพ โดยเฉพาะเห็ด ที่เป็นเมนูเด่นของร้าน ก็สั่งตรงมาจากทางเหนือเลยทีเดียว จุดเด่นของอาหารเหนือที่ร้านเฮือนลำพูน เน้นที่ความสดใหม่ของวัตถุดิบ ความหอมของเครื่องเทศ รสชาติกลมกล่อม ตามตำรับอาหารเหนือแท้ๆ โดยที่ราคาไม่แพงจนเกินไป และมีอาหารเหนือแบบครบสูตร ที่สามารถเลือกสั่งได้ตามที่อยากกิน และนอกจากนี้ก็ยังมีบริการอาหารไทย อาหารอีสาน และเมนูปลาต่างๆ ด้วย
|
| ออเดิร์ฟเหนือ |
| | หลังคุยกันจนหนำใจแล้ว มาลองชิมอาหารเหนืออร่อยๆ กันดีกว่า เมนูแรกเริ่มที่ ออเดิร์ฟเหนือ (110 บาท) ที่ประกอบไปด้วยแหนมสด หมูยอทอด แคปหมู ไส้อั่ว และน้ำพริกหนุ่ม ซึ่งสองอย่างหลังนั้นทางร้านทำขึ้นเองสดๆ ใหม่ๆ ส่วนอย่างอื่นก็คัดสรรมาจากร้านที่มีคุณภาพดี จิ้มไส้อั่วเข้าปาก ก็ได้กลิ่นเครื่องเทศเข้าปากทันที ไส้อั่วรสเข้มข้น กินกับข้าวเหนียวก็เข้ากันดี ส่วนน้ำพริกหนุ่มก็เข้าที ไม่เผ็ดจนเกินไป
|
| ข้าวซอยไก่ |
| | ต่อด้วย ข้าวซอยไก่ (35 บาท) เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน เน้นที่น้ำแกงที่นำมาเคี่ยวเป็นชั่วโมง ไก่ที่ใช้ก็จะเป็นปีกไก่บน ส่วนเส้นข้าวซอยนั้นใช้เส้นบะหมี่เหลืองแบน ที่ให้ความเหนียวนุ่ม และก็ยังนำไปทอดกรอบเพื่อโรยหน้าอีกด้วย ชิมน้ำแกงข้าวซอยแล้วต้องบอกว่าหอมกลิ่นเครื่องแกงอ่อนๆ ได้รสกลมกล่อม ไม่มัน ไม่เลี่ยน เนื้อไก่นุ่ม เส้นเหนียวอร่อย กินคู่กับเครื่องเคียงอย่าง หอมแดงซอย ผักกาดดอง และมะนาว หรืออาจจะเพิ่มรสเผ็ดด้วยพริกผัดก็แล้วแต่จะชอบ
|
| ลาบคั่วหมู |
| | ถัดมาเป็นเมนู ลาบคั่วหมู (70 บาท) เป็นลาบแบบเมืองเหนือ ที่ใช้เนื้อหมูสันนอกเอามาสับ รวนให้สุกพร้อมกับคลุกเคล้าด้วยเครื่องเทศต่างๆ พริกป่น และโรยหน้าด้วยกากหมู หอมเจียว พริกแห้งทอด กินคู่กับผักพื้นบ้านเมืองเหนือนานาชนิด รสชาติอร่อย หอมเครื่องเทศ ถ้ากินข้าวเหนียวตามเข้าไปอีกคำก็ยิ่งอร่อยล้ำเหลือ
|
| แกงโฮะ |
| | ตามมาด้วย แกงโฮะ (70 บาท) แกงเหนือที่เป็นเอกลักษณ์ ใช้เนื้อหมูและน้ำแกงจากแกงฮังเล ที่รสชาติคล้ายมัสมั่น แต่เข้มข้นกว่า นำมาใส่ผักต่างๆ อย่าง มะเขือเปาะ มะเขือพวง ถั่วฝักยาว ตำลึง บวบงู กะหล่ำดอก หน่อไม้ดอง ใส่วุ้นเส้น และโรยหน้าด้วยใบมะกรูด และผักชีฝรั่ง หน้าตาออกมาเป็นแกงแบบแห้งๆ แต่หอมเครื่องเทศ รสชาติถูกลิ้น
|
| แกงเลียงเห็ด 3 อย่าง |
| | แล้วมาซดน้ำของ แกงเลียงเห็ด 3 อย่าง (100 บาท) ที่โดดเด่นมาด้วยเห็ดหล่ม ที่เป็นเห็ดหายาก พบได้เฉพาะภาคเหนือในช่วงหน้าฝน ส่วนเห็ดอีกสองอย่างก็คือ เห็ดเข็มทอง และเห็ดนางฟ้า ส่วนอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือ ใบแมงลัก น้ำแกงเลียงของที่นี่ก็เด็ดไม่เหมือนใคร เพราะเป็นสูตรแบบทางเหนือที่จะไม่ใส่กระชาย และกุ้งแห้ง แต่จะใส่น้ำปลาร้าเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความอร่อย แกงเลียงถ้วยนี้นอกจากจะหอมอร่อยแล้ว ก็ยังดีต่อสุขภาพด้วย
|
| ตำกระท้อน |
| | ตำกระท้อน (60 บาท) เป็นอีกเมนูรสชาติดีที่ใช้กระท้อนคัดพิเศษ มาตำเหมือนส้มตำไทย-ปู รสชาติจัดจ้าน ได้ความเปรี้ยวอมหวานจากกระท้อน และได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ด้วย ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่มีให้กินเฉพาะหน้ากระท้อนเท่านั้น
|
| ไก่ทอด |
| | และเมนูสุดท้ายซึ่งเป็นเมนูเด็ดของร้าน ที่ไม่ว่าโต๊ะไหนก็สั่งกันอย่าง ไก่ทอด (60 / 80 / 100 บาท) ที่เสิร์ฟมาในตะกร้าสาน เป็นไก่เนื้อที่นำมาหมักกับเครื่องเทศสูตรเฉพาะ นำมาทอดด้วยน้ำมันใหม่ ทำให้สีเหลืองสวย กรอบนอก นุ่มใน หอมเครื่องเทศ โดยหน้าด้วยกระเทียมเจียว แล้วมาเพิ่มรสชาติด้วยน้ำจิ้มที่มีให้กินทั้งน้ำจิ้มแจ่ว และน้ำจิ้มหวาน ส่วนเมนูอาหารเหนืออย่างอื่นที่น่ามาลองชิม ก็มีหลายเมนู อาทิ แหนมย่างใบตอง (50 บาท) ข้าวกั้นจิ้น (30 บาท) แกงผักหวานไข่มดแดง (90 บาท) ตำขนุน (50 บาท) แกงหน่อไม้ใบย่านาง (70 บาท) รวมถึงขนมหวาน อาทิ ลอดช่องแตงไทย (20 บาท) เผือกข้าวเหนียวดำน้ำกะทิ (20 บาท) รวมมิตรน้ำแข็งไส (25 บาท) และอีกสารพัดเมนูอาหารเหนือที่มีให้กินกันจนพุงกาง และขอบอกว่ารสชาตินั้นช่างลำแต้ๆ เจ้า |