เรียวขาสวย ด้วยท่าลดต้นขาง่าย ๆ


ลดต้นขา

Let’s get beautiful legs! (Woman Plus)

           สาว ๆ คนใดที่กลุ้มใจเกี่ยวกับรากฐานที่มั่นคง ทำให้ไม่กล้าโชว์เรียวขาสวย วันนี้เรามีวิธีลดต้นขาด้วยท่าง่าย ๆ มาฝากค่ะ

           เริ่มจากนอนราบลงบนพื้น ไขว้ข้อเท้าไว้ด้วยกัน แล้วพยายามงอเข่าให้เข้ามาชิดตัวให้มากที่สุด ขณะที่ข้อเท้ายังไขว้กันอยู่ จากนั้นค่อยยืดขาออก คลายข้อเท้าทั้งสองเท้าออกจากกัน แล้วกลับสู่ท่าเริ่มต้น

           ฝึกทำบ่อย ๆ ประมาณ 24 ครั้งต่อวันเพียงเท่านี้คุณก็จะมีต้นขาที่เรียวสวย ห่างไกลจาก "โต๊ะสนุ๊กเกอร์" เลยทีเดียว ลองไปทำกันดูนะคะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
KAPOOK.COM


รับมือกับปัญหานอนกรน



เรื่องของคนนอนกรน (คู่หูเดินทาง)


          เสียงกรน ที่ดังผิดปกตินั้นอาจเป็นอาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายอื่น ๆ ดังนั้นจึงไม่ควรมองข้ามอาการดังกล่าว เราจึงมีวิธีแก้อาการนอนกรนมาบอกกัน
           แนะนำให้นอนตะแคง หรือหนุนหมอนให้สูงขึ้นกว่าเดิม 2-3 นิ้ว อาการกรนจะดีขึ้นและน้อยลง

          แผ่นแปะรั้งจมูกจะช่วยรั้งให้รูจมูกที่เล็กกว่าปกติห รือรูจมูกที่ตีบตันกว้างขึ้น จึงแก้ไขอาการกรนที่เกิดจากการหายใจทางปากได้

          ลองไปพบทันตแพทย์ เพราะที่ครอบฟันจะช่วยรั้งขากรรไกรล่างและลิ้นมาด้านหน้าทำให้หายใจได้คล่องขึ้น

          หากกรนเสียงดังมาก ลองไปพบอายุรแพทย์หรือเข้ารับการตรวจจากคลินิกการนอนหลับดู

แต่ถ้าคนที่นอนข้าง ๆ คุณเป็นคนกรน แนะนำให้ปฏิบัติดังนี้ 
          เข้านอนเป็นคนแรกจะได้หลับสนิทก่อนที่เขาจะเข้านอน

          ที่อุดหูอาจช่วยให้ค่ำคืนของคุณเงียบลงได้ ลองหาซื้อที่อุดหูจากร้านยาใกล้บ้าน

          ทางออกสุดท้ายก็คือการแยกห้องนอนเสีย หากคุณทั้งสองคนเข้าใจกันดี การแยกห้องจะไม่ส่งผลร้ายต่อความสัมพันธ์ของคุณ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เท้าผ่อนคลายกายสบายใจ




เท้าผ่อนคลายกายสบายใจ (Modern Mom)
เรื่อง : วัสสาน

          ฟัง ดูแล้วอาจจะแปร่งหูสักหน่อยว่า เท้าอวัยวะล่างสุดของร่างกาย กับหัวใจอวัยวะเกือบสูงสุดของร่างกายไปเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันตั้งแต่เมื่อ ไร ไม่เชื่อก็คงต้องเชื่อล่ะค่ะ เพราะกายกับใจไม่ว่าส่วนไหน ก็แยกกันไม่ออก
 การผ่อนคลายใจไม่ตึงเครียด
          ร่างกายของคนเราสัมผัสกันกับจิตใจแบบแยกไม่ออก เพราะร่างกายและจิตใจมีความสัมพันธ์กัน เมื่อไรที่ร่างกายตึงเครียดจะทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานมากขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงผิวหนังลดลง ตรงกันข้ามกับภาวะผ่อนคลายที่ระบบประสาทพาราซิมพาเทติกก็จะทำงานมากขึ้น อย่างสมดุล จะทำให้ร่างกายหายใจช้าลง ชีพจรและความดันโลหิตลดลง มือเท้าอุ่นขึ้น

 3 วิธีผ่อนคลายกายสบายใจ

          หากจะบอกว่าเท้าเป็นอวัยวะที่ควรดูแลเป็นพิเศษคงไม่ผิดนักค่ะ เพราะตลอดทั้งเท้ารับภาระหน้าที่แบกรับน้ำหนักตัวเมื่อเท้าเมื่อยล้า จิตใจของเราก็จะพลอยเหนื่อยหนักตามไปด้วย เพราะเหตุนี้เราจึงต้องหาวิธีผ่อนคลายเพื่อความสบายข้างในใจค่ะ

      นวดเท้าผ่อนคลาย

          การนวดเท้าเพื่อสุขภาพได้รับความนิยมอยู่เสมอมาค่ะ คนที่มีเวลานาน ๆ ก็มักแวบไปนวดตามสปาบ้าง หรือตามงาน Eventใหญ่ ๆ ก็มักมีมุมนวดเท้าไว้บริการคนขี้เมื่อย แต่เราบางทีก็หาโอกาสแวบออกไปยากจริงไหมคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ เพียง 10-15 นาทีก่อนนอน คุณก็สามารถนวดบำบัดตัวเองได้ โดยนวดทั่วทั้งแข้งขา และเท้า ควรระวังข้อนิ้วและกลางฝ่าเท้าที่เนื้อบาง ให้นวดเพียงเบามือจุดสำคัญที่ควรนวด ได้แก่ กล้ามเนื้อทั้ง 2 ข้างของส้นหน้าแข้ง จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยขา จากนั้นนวดไล่ตั้งแต่โคนนิ้วไปจนถึงปลายนิ้วเท้า เพื่อลดอาการเครียด เกร็งปวดคอ และปวดหัว

       แช่เท้า 
 
          คนไทยเราอยู่เมืองร้อน อาจจะไม่คุ้นเคยกับการเอาเท้าแช่น้ำอุ่นทุกวัน หลังจากเลิกงาน แต่ผู้คนในเมืองหนาวจำนวนมากจะทำแบบนี้ค่ะ ไม่ใช่เพียงเพื่อให้เท้าหายจากความหนาวเหน็บ แต่เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท้าอีกด้วย เพราะการแช่เท้าในน้ำอุ่นทำให้เส้นเลือดที่ปลายเท้าขยาย ส่งผลทำให้การหมุนเวียนของโลหิตดีขึ้น สามารถคลายปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากข้อเท้า น่อง และหัวเข่า ทำให้เท้าเบาสบายพร้อมรับภาระหนักได้อีกทั้งวัน

       เดินเท้าเปล่า 

          ในวันที่เหนื่อยล้ามาก ๆ เมื่อกลับถึงบ้านและได้ถอดรองเท้า คุณจะรู้สึกสบายขึ้นอย่างประหลาดใช่ไหมคะ เพราะรองเท้าทำให้เท้าของเราไม่ได้รับพลังงานจากธรรมชาติอย่างไรล่ะ การถอดรองเท้าออกเมื่อสามารถทำได้และเมื่อกลับมาถึงบ้าน จึงเป็นการปลดปล่อยเท้าให้ได้สัมผัสอากาศมากที่สุดเท่าที่จะทำได้จะช่วยให้ คุณรู้สึกดีขึ้น

          นอกจากนั้น หากวันไหนที่คุณมีโอกาสพาเจ้าตัวเล็กไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ ก็อาจจะลองเดินเท้าเปล่าในสนามหญ้ากับลูกดูบ้าง เพราะการเดินเท้าเปล่าช่วยให้กล้ามเนื้อที่เท้าแข็งแรงและไม่เสื่อมสภาพเร็ว เกินไป ที่สำคัญคือช่วยให้โครงสร้างกระดูกของเท้าทำหน้าที่ได้เหมาะสมตามธรรมชาติ โดยไม่ถูกบีบรัดจากรูปทรงต่าง ๆ ของรองเท้าค่ะ ถ้าเป็นไปได้เดินเท้าเปล่า บนพื้นหญ้าที่เย็นฉ่ำและชุ่มชื้นไปด้วยน้ำค้างตอนเช้า จะทำให้สดชื่นและระบบในร่างกายก็พลอยสดชื่นแข็งแรงจากพลังของธรรมชาติอีก ด้วย

          คนเราเมื่อไรที่กายผ่อนคลาย ใจก็ย่อมเบิกบานและพร้อมรับกับทุกสิ่งที่จะเข้ามาอย่างมีสติค่ะ



 น้ำมันหอมระเหยทำเองง่าย ๆ
          จริงอยู่ว่าน้ำมันหอมระเหยมีมากมายในท้องตลาด แต่บางคนอาจจะชื่นชอบบางกลิ่นเป็นพิเศษ ทุกวันนี้การทำน้ำมันหอมระเหยสามารถทำได้เอง และไม่ยุ่งยากค่ะ

          เพียงน้ำน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบ 10 หยด มาผสมกับน้ำมันรองพื้น เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว น้ำมันโจโจบา น้ำมันสวีตอัลมอนด์ น้ำมันอโวคาโด น้ำมันดอกคำฝอย เป็นต้น 200 หยด (สัดส่วน 1 : 20) เพื่อควบคุมความเข้มข้นของน้ำมันหอมอยู่ที่ 1% จากนั้นบรรจุใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ควรใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน เพราะหากทิ้งไว้นานกว่านี้กลิ่นหอมอาจระเหยจนหมด

          *หมาย เหตุ สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ห้ามนวดเท้าด้วยน้ำมันหอมระเหย โดยเฉพาะโรสแมรีค่ะ เพราะกลิ่นจะไปกระตุ้นมดลูกให้บีบรัดตัว ทำให้มีโอกาสแท้งค่อนข้างสูง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก



หุ่นดีขึ้นด้วยวิธีแสนง่าย




หุ่นดีขึ้นด้วยวิธีแสนง่าย (คู่หูเดินทาง)

          ลองคำนึงถึงกิจวัตรประจำวันของคุณ แล้วกาทิ้งกิจกรรมที่ทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น

          อย่างเช่น เปลี่ยนไปใช้บันไดแทนลิฟต์ หรือบันไดเลื่อน ลงจากรถประจำทาง หรือรถโดยสารก่อนหน้า 2 ป้าย เพื่อเดิน และอาจจะลองหาเส้นทางที่มีวิวให้ชมตามข้างทางจะช่วยลดทอนความรู้สึกเหนื่อย ได้เป็นอย่างดี

          จากนั้นเพิ่มตารางออกกำลังกายไปในไดอารีของคุณในแต่ละสัปดาห์ เช่นเดียวกับที่คุณเขียนเวลานัดหมอฟัน เพื่อเป็นหลักฐานย้ำเตือน ถ้าหากให้การออกกำลังได้ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ควรนัดเพื่อน หรือคนสนิทให้ไปฟิตเนสพร้อม ๆ กัน เพื่อให้ช่วยกันเตือนไม่ให้หลงลืมวัน

          และ อีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลจริงแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ ทานผักและผลไม้ให้เพิ่มขึ้น ผลการวิจัยครั้งล่าสุดเผยว่า หากทานผักต้ม 3 มื้อ ทุก ๆ วัน หมายถึง คุณได้รับแคลอรีน้อยลงกว่าการทานเหมือนเดิมถึง 360 แคลอรี (นั่นหมายถึงคุณจะลดน้ำหนักได้ 1.5 กิโลกรัม ภายใน 1 เดือน ว้าว!!!)

          นอก จากนี้ สำหรับสาว ๆ ที่รักขนมหวานและช็อกโกแลตเป็นชีวิตจิตใจ ลองทานช็อกโกแลตแบบไม่ให้รู้สึกผิดมากเกินไป ด้วยการเลือกช็อกโกแลตที่มีโกโก้เกิน 80% เพราะมันจะมีสารต้านอนุมูลอิสระมาก แต่ปริมาณไขมัน และน้ำตาลน้อย เลยทำให้แคลอรีน้อยตามไปด้วย หรือถ้าอยากกินไอศกรีมมากจริง ๆ ลองแช่ผลองุ่นไว้ในช่องแช่แข็ง นำมาทานแทนไอศกรีม เพื่อสุขภาพ และรสชาติที่ดีกว่าเดิม


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


สูตรสาววัยทีนสวยใส ไร้หน้าท้อง


สูตรสาววัยทีนสวยใส ไร้หน้าท้อง (Lisa)

          แม้ สาว ๆ จะอายุล่วงเลยวัยทีนมาแล้ว ไม่ต้องกังวลที่จะอวดหุ่นสวย ๆ ไร้หน้าท้อง เพราะเรามีวิธีกำจัดพุง สำหรับสาว ๆ ผู้ยังมีระบบการเผาผลาญทำงานได้ดีอยู่มาบอกต่อ

          1.อยู่ห่างน้ำตาล ทั้งคุกกี้ เค้ก ไอศกรีม เครื่องดื่มรสหวาน เพราะทั้งหมดนี้อยู่ในบัญชีรายชื่อของกินที่ช่วยเพิ่มหน้าท้อง

          2.แบ่งเวลาออกกำลังกาย หากต้องการลดหน้าท้องอย่างได้ผล ควรออกกำลังอย่างน้อยวันละ 30 นาที

          3.ดื่มน้ำ การดื่มน้ำวันละ 10 แก้ว จะทำให้น้ำขับล้างโซเดียม น้ำตาลส่วนเกิน และของเหลวอื่น ๆ ในร่างกายออกไปได้

          4.ใช้พลังไฟเบอร์ช่วย เช่นเดียวกับการไดเอ็ตทั่วไป กินผักผลไม้ให้มาก ๆ จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย แล้วหน้าท้องป่อง ๆ ก็จะหายไป





          5.หลีกเลี่ยงอาหารทอดและอาหารไขมันสูง เตือนหลายครั้งแล้วนะ ว่าอยู่ห่าง ๆ เฟรนช์ฟรายไว้ให้ดี

          6.ลดแคลอรี คุณควรลดปริมาณแคลอรีที่บริโภคในแต่ละวันให้ได้ 500 แคลอรี กล่าวคือ ถ้าปกติคุณได้รับ 1,900 แคลอรีต่อวัน คุณก็จะต้องปรับลงเป็น 1,400 แคลอรีต่อวัน แต่อย่าให้เหลือต่ำกว่า 1,200 แคลอรี เพราะมันจะทำให้คุณขาดสารอาหารที่จำเป็นและรู้สึกอ่อนแรงได้

          7.เลือกอาหารออร์แกนิก ฮอร์โมน หรือสารที่เติมแต่งในอาหารและผลผลิตต่าง ๆ มีส่วนทำให้เกิดปัญหาน้ำหนักตัวมากเกินมาตรฐาน ดังนั้น หากคุณเลือกอาหารสดจากธรรมชาติแท้ ๆ นอกจากจะได้คุณค่าครบถ้วนแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดไขมันหน้าท้องได้ด้วยนะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก


สร้างความสุขด้วยตัวเองง่าย ๆ




สร้างความสุขด้วยตัวเองง่าย ๆ (Hair)

          คน เรามักชอบคิดว่า ถ้ามีหน้าที่การงานที่ดีกว่านี้ มีเงินมากกว่านี้ มีบ้านหลังใหญ่กว่านี้ มีรถราคาแพงกว่านี้ หรือแม้แต่การได้ใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่านี้ ชีวิตจะความสุขมากขึ้น

          ทั้งที่ความจริงแล้ว ต่อไปมีเงินทองล้นฟ้า ใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม มีรถสุดหรูให้ขับโฉบเฉี่ยวไปมา มีคฤหาสน์หลังโต ก็เป็นความสุขเพียงภายนอกที่ไม่มีวันพอ เพราะคนเราย่อมมีความต้องการเพิ่มขึ้นเสมอ ไม่มีวันหยุด แต่ถ้าขาดซึ่งใจที่สงบแล้ว ความสุขก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย ใจที่เต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ อารมณ์ ซึ่งเป็นอันตรายต่าง ๆ ย่อมทำให้เรารู้สึกสุขได้ยาก เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่ฉลาดย่อมเข้าใจดีว่าชีวิตไม่ยืนยาว และจะไม่ยอมจมจ่อมอยู่กับความอยากได้อยากมีลม ๆ แล้ง ๆ แต่จะรีบลงมือทำให้เกิดขึ้นเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้

          และนี่คือวิธีง่าย ๆ ในการสร้างความสุขให้กับตัวเอง

1.ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น

          ยอมรับว่าเรามีทั้งส่วนดีส่วนเสีย พยายามมองหาส่วนดี เห็นคุณค่า ชื่นชมและพัฒนาส่วนดีนั้นให้ดียิ่งขึ้น พยายามอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะเมื่อใดก็ตามที่ทำเช่นนี้ความรู้สึกเป็นทุกข์ ไม่ว่าจะสวยไม่เท่าคนอื่น โชคดีไม่เท่าคนอื่น ประสบความสำเร็จในงานไม่เท่าคนอื่น ฯลฯ จะตามมาทันที จำไว้เสมอว่าความสำเร็จไม่ใช่กุญแจสู่ความสุข แต่เป็นความสุขต่างหากที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ

2.มองโลกอย่างเข้าใจ

          คิดเสมอว่าสิ่งใด ๆ ล้วนเป็นอนิจจัง ไม่มีอะไรยั่งยืน วันนี้สุข พรุ่งนี้อาจทุกข์ แทนที่จะไปยึดติดอยู่กับสิ่งใด สู้มองโลกให้เป็น ทำใจให้สบาย จดจ่ออยู่กับปัจจุบันจะดีกว่า การพยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เหนือการควบคุมของเรา มีแต่จะทำให้เกิดความรู้สึกผิดหวังในภายหลัง และเมื่อใดก็ตามที่ประสบปัญหา แทนที่จะหมกมุ่นอยู่กับสิ่งนั้น ลองหัดคิดในแง่บวกตั้งสติแล้วค่อย ๆ แก้ปัญหาไปทีละเปลาะ หรือบางครั้งอาจใช้ธรรมะเข้าข่มก็ช่วยได้มาก ก่อนเข้านอน อย่าลืมปล่อยวางเรื่องชวนเครียดทิ้งไว้กับวันนั้น เพื่อที่จะได้นอนหลับสนิทและตื่นขึ้นมาสู้ชีวิตในวันใหม่ด้วยจิตใจที่แจ่มใส ปลอดโปร่ง สดชื่น ขอบตาไม่ดำคล้ำเป็นหมีแพนด้า

3.ไม่เครียด

          ความเครียดเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครหนีความเครียดพ้น แต่ก็ไม่ควรสร้างขึ้นมาโดยไม่จำเป็น เพราะแต่ละวันเรามีเรื่องเล็กเรื่องน้อย รายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย แทนที่จะจริงจังกับทุกเรื่อง ควรเลือกให้ความสำคัญเฉพาะเรื่องที่สำคัญจริง ๆ สิ่งใดไร้สาระก็ปล่อยให้ผ่านไปหรือถ้าเกิดความรู้สึกเครียด ลองหาทางปลดปล่อยด้วยการเล่นกีฬาช้อปปิ้ง คุยกับเพื่อนฝูง หรือทำงานอดิเรกที่คุณชื่นชอบก็จะช่วยได้มาก

4.เปิดตัวเองให้มากขึ้น

          อย่าอยู่แต่ในโลกที่ตนเองคุ้นเคย ลองเปิดใจทำความรู้จักพูดคุยกับคนใหม่ ๆ หรือคุยกับเพื่อนฝูงที่ขาดการติดต่อมานานบ้าง ยิ่งสมัยนี้มีเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทำให้การสื่อสารเป็นไปได้ง่ายสารพัดช่องทาง แล้วคุณจะพบว่าเมื่อปฏิบัติตัวให้เป็นมิตรกับคนอื่น คุณก็จะได้รับความเป็นมิตรกลับคืนมาอย่างน่าชื่นใจ

5.ถือคติยิ่งให้ยิ่งได้

          คุณอาจคิดว่าการรับจะทำให้มีความสุข...อาจจะใช่ แต่นั่นก็เพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง การให้อาจเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างมีน้ำใจเผื่อแผ่ให้คนรอบข้างและสัตว์ต่าง ๆ บริจาคช่วยการกุศลตามกำลังศรัทธา เมื่อยิ่งให้คุณก็จะยิ่งซาบซึ้งถึงคำว่าความสุข

6.ใส่ใจตัวเอง

          อย่ามัวแต่สนใจคนรอบข้างจนลืมที่จะใส่ใจตัวเองทั้งร่างกายและความรู้สึกบ้าง ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วยอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำกิจกรรมที่โปรดปรานบ้าง เช่น การไปผ่อนคลายในสปา ชมภาพยนตร์ อ่านหนังสือ ฟังเพลง จัดบ้าน ทำสวน ทำอาหาร ฯลฯ

          บาง ครั้งการสร้างความสุขให้กับตัวเองอาจต้องอาศัยความอดทนบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลัง ลองเปลี่ยนใจ เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อตัวเอง ต่อโลก แล้วคุณจะพบว่าคนที่โชคร้ายที่สุดก็สามารถ/เป็นคน ๆ เดียวกับคนที่มีความสุขที่สุดก็ได้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ฉบับเดือนตุลาคม 2554


สาว ๆ กินเก่ง มาลดความอ้วนกันเถอะ!


สาว ๆ กินเก่ง มาลดความอ้วนกันเถอะ! (Woman's Story)

          ความ อ้วนเป็นสิ่งที่สาว ๆ ไม่พึงประสงค์ให้เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะความอ้วนมาเยือนเมื่อไหร่ เป็นอันต้องควักเงินออกจากกระเป๋ามาซื้อเสื้อผ้าใหม่ นอกจากนั้นยังทำให้หุ่นของเราไม่เป็นที่น่ามอง แถมตามมาด้วยโรคภัยไข้เจ็บอีกมากมาย ดังนั้นทางที่ดีเราควรหันมาลดความอ้วนด้วย วิธีง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

เข้าโรงพยาบาลเพื่อเช็กร่างกาย

          ใครที่รู้ตัวว่าตนเองเป็นคนอ้วนก็ควรหมั่นไปพบหมอเพื่อตรวจสุขภาพของร่างกาย เสียบ้าง เพราะการที่เราได้รับคำแนะนำจากหมอในเรื่องของการลดความอ้วนเป็นสิ่งที่ดี เวลาที่เราไปปรึกษาหมอ ส่วนใหญ่หมอจะขอตรวจเช็กระดับความดันเลือด คอเลสเตอรอล ระดับน้ำตาลในเลือดและไทรอยด์ เพื่อดูว่าปกติหรือไม่ นอกจากนั้น เราควรบอกหมอด้วยว่าตอนนี้เราคิดจะทำอะไร เพื่อที่หมอจะได้ชี้แนะแนวทางในการลดความอ้วนให้กับคุณอย่างถูกวิธี

เคลียร์ตู้กับข้าว/ตู้เย็น

          ตู้กับข้าวกับตู้เย็นเนี่ยแหละ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนเราเกิดความอ้วน เพราะเมื่อใดก็ตามที่ภายในตู้มีของกินที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อเราเห็นก็ต้องเกิดกิเลส เกิดความอยาก และต้องหยิบขึ้นมากิน ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราลดน้ำหนักไม่ได้ ทางที่ดีเราควรตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ควรซื้อเฉพาะของกินที่จำเป็น ที่กินแล้วไม่อ้วนอย่างผัก ผลไม้ นม ซีเรียล เป็นต้น แต่ถ้าเป็นพวกขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม ไม่ควรซื้อเก็บไว้จะดีที่สุด

ถ่ายรูปและจดบันทึก

          ความหมั่นพยายามถ่ายรูปตัวเองเก็บไว้ในช่วงที่คุณกำลังลดความอ้วน และควรชั่งน้ำหนัก วัดขนาดสัดส่วนของร่างกาย จดบันทึกไว้ในสมุด เพื่อที่เราจะได้นำมาเป็นแรงผลักดันในการลดน้ำหนัก นอกจากนั้นควรจดบันทึกด้วยว่าในแต่ละวันเราทานอะไรเข้าไปบ้าง เพราะเราไม่รู้หรอกว่าในแต่ละมื้อเราทานอาหารขยะเข้าไปมาแค่ไหน ทางที่ดีควรจดบันทึกเอาไว้ เพื่อในวันต่อไปเราจะได้เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ที่ไม่ส่งผลต่อความอ้วน ของเรา

จัดสภาพแวดล้อมรอบข้าง

          สภาพแวดล้อมรอบข้างก็เป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจให้เราเกิดกิเลส หรือความอยากได้เหมือนกัน อย่างเช่นภายในที่ทำงาน ถ้าเพื่อนร่วมงานซื้อขนมมาเลี้ยงหรือตั้งไว้บนโต๊ะ คุณก็จะเกิดความอยากกินขึ้นมาทันที ทางที่ดีคุณควรบอกเพื่อนของคุณว่าควรซื้อของกินที่มีประโยชน์อย่างเช่นผลไม้ เป็นต้น นอกจากนั้นควรมีน้ำเปล่าแช่ไว้ในตู้เย็นเสมอ เวลาที่เรารู้สึกกระหายน้ำการดื่มน้ำเปล่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ตั้งเป้าหมาย

          คุณต้องเป็นคนที่ยอมรับความจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น และต้องรู้จักตั้งเป้าหมายที่เป็นจริงและเห็นผลชัดเจน ด้วยการจดบันทึกไว้อย่างสม่ำเสมอ อย่างเช่น ถ้าคุณต้องการลดน้ำหนักให้ได้ 10 กิโลกรัม คุณก็ควรตั้งเป้าไว้ที่ 5 กิโลกรัมก่อน และจัดการอีก 5 กิโลกรัมเมื่อคุณบรรลุเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้ ซึ่งการมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้เรามีกำลังใจในการลดน้ำหนัก

หาที่ปรึกษา

          การที่คุณตัดสินใจจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างของตนเองด้วยวิธีการลดความอ้วน คุณควรมีที่ปรึกษาที่ดี อย่างเช่น เพื่อน ครอบครัว หมอ เพื่อที่เราจะปรึกษาพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาความอ้วนที่เกิดขึ้น เผื่อว่าเขาจะมีคำแนะนำดี ๆ ให้กับเราได้ค่ะ

มีคำสอนเป็นที่ยึดหลัก

          ในขณะที่ตั้งใจลดความอ้วน คุณอาจจะหาคำคมดี ๆ ที่ร้างกำลังใจให้กับเราหรือคุณอาจจะนำเอาบันทึกที่คุณจดไว้ในขณะที่ลดความ อ้วน เอาไปแปะไว้ในส่วนที่คุณเห็นได้ง่าย อย่างเช่น กระจกห้องน้ำ ประตูห้องนอน หรือตามฝาผนังบ้าง ประตูตู้เย็น ซึ่งเหมือนกับเป็นการเตือนใจให้คุณอย่าท้อแท้กับการลดความอ้วน เพื่อสุขภาพที่ดีและหุ่นที่สวย

หมั่นออกกำลังกาย

          วิธีที่ดีที่สุดของการลดความอ้วนก็คือหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยให้หุ่นของเราเฟิร์มแล้ว ยังทำให้สุขภาพร่างกายของเราดีตามไปด้วย ซึ่งการลดน้ำหนักด้วยวิธีการออกกำลังกาย จะให้เห็นผลทันทีคงเป็นไปไม่ได้ มันต้องใช้เวลาเหมือนกับวิธีอื่น ๆ แต่ถ้าเราหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ จากคนที่เคยอ้วนก็จะค่อย ๆ มีรูปร่างผอม อีกทั้งยังส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของเราด้วย

          คนเราจะอ้วนจะผอมก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ถ้าเราบังคับตนเองไม่ได้ และยังกินตามใจปาก ความอ้วนมันก็คงอยู่กับเราต่อไป แต่ ถ้าเราหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ และเลือกรับประทานแต่ของที่มีประโยชน์อย่างผัก ผลไม้ ความอ้วนก็จะไม่เกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอนค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ปีที่ 12 ฉบับที่ 272 ตุลาคม 2554

เมื่อ ปวด มาป่วน ท้อง สาว ๆ


ปวดท้อง


เมื่อ ปวด มาป่วน ท้อง (She's smart)
โดย: อันดามัน

          ผู้หญิง เรากับอาการปวดท้องแทบจะเป็นของคู่กัน ปวดมาทีไรไม่เป็นอันทำอะไรทุกที ยิ่งถ้าเป็นคนเครียดหรือมีนิสัยการกินไม่เป็นมิตรกับท้องไส้ และระบบย่อยอาหารยิ่งแล้วใหญ่ เลยเก็บเรื่องราวเกี่ยวกับโรคและอาการป่วนท้องที่มักเป็นกันมาบอก เพื่อคุณ ๆ จะได้มีวิธีรับมือกับเรื่องป่วนท้องที่มากวนใจค่ะ

โรคกระเพาะ

          ถ้าคุณปวดหรือจุกแน่นท้องแถวใต้ลิ้นปี่หรือหน้าท้องช่วงบน ต้องสังเกตตัวเองหน่อยค่ะ ถ้ามีอาการนี้ในช่วงท้องว่าง ช่วงก่อนหรือหลังกินอาหารเป็นประจำก็เป็นไปได้ว่าเราเป็นแผลในกระเพาะหรือ โรคกระเพาะเข้าให้แล้ว

          โรคนี้มักจะเป็น ๆ หาย ๆ ฉะนั้นอย่าทำชะล่าใจกินยาลดกรดเคลือบกระเพาะแก้อาการเฉพาะหน้าแบบขอไปที เพราะอาจทำให้โรคลุกลามจนกระเพาะทะลุได้ ทางที่ดีให้คุณหมอตรวจรักษา และดูแลป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดแผลในกระเพาะด้วยสูตรง่าย ๆ คือ กินอาหารตรงเวลา อย่ากินจนอิ่มมากเกินไป งดหรือลดอาหารรสเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด และเมื่อต้องกินยาอะไรก็ตามต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอ เพราะยาบางชนิดมีผลกับปริมาณกรดในกระเพาะของเราค่ะ

ท้องเสีย

          อาการปวดท้องแบบที่มีข้าศึกโจมตีวันละหลาย ๆ หน แถมถ่ายออกมาเป็นน้ำจนร่างกายอ่อนเพลีย สิ่งที่ต้องระวังก็คือการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในร่างกายมากเกินไป อาการนี้ไม่ต้องถึงขั้นพึ่งยา แค่ดื่มน้ำเกลือแร่ชดเชยน้ำที่เสียไป งดอาหารแข็ง ๆ อาหารที่มีกากใยเยอะ ๆ อาหารที่ย่อยยาก เช่น ผัก ผลไม้ นม อาหารมัน ๆ เปลี่ยนไปกินอาหารย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ไปพลางก่อน แต่ถ้ามีอาการท้องเสียอยู่นานหรือเรื้อรัง มีไข้ร่วมด้วย มีมูกหรือเลือดปนออกมา หรือมีอาเจียนร่วมด้วย และดื่มน้ำได้น้อยแต่ปัสสาวะมาก อย่างนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ต้องพึ่งคุณหมอสถานเดียวค่ะ

ท้องผูก

          ถ้าปกติคุณเป็นคนธาตุหนักถ่ายวันเว้นวันอยู่แล้วก็ไม่เป็นปัญหาค่ะ แต่ถ้าหลายวันผ่านไปยังไม่มีวี่แววว่าจะถ่าย (น้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์) แถมถ่ายทีไรเป็นต้องใช้กำลังภายในเข้าช่วยจนหน้าบิดหน้าเบี้ยว

          อาการนี้ก็ไม่ต้องพึ่งยาแต่ต้องปฏิวัตินิสัยการกินและนิสัยการขับถ่ายของตัว เองค่ะ พยายามฝึกตัวเองให้ถ่ายเป็นเวลา และตามสูตรค่ะกินอาหารไฮไฟเบอร์อย่างผัก ผลไม้ ธัญพืชต่าง ๆ ข้าวกล้องให้มาก ดื่มน้ำเยอะ ๆ ส่วนสิ่งที่ไม่ควรทำคือใช้ยาระบายทุกครั้งที่มีปัญหานี้ เพราะจะทำให้ระบบขับถ่ายของคุณเคยชินกับการที่ต้องมียากระตุ้น

ท้องผูกท้องเสีย

          อันนี้เป็นอาการกวนตัวที่สุดแสนจะกวนใจค่ะ เพราะบางคนท้องผูกเรื้อรัง บางคนก็ท้องเสียเรื้อรัง บางคนเดี๋ยวเสียเดี๋ยวผูกสลับกันให้วุ่น บางคนกลั้นอุจจาระไม่อยู่หรือถ่ายไม่สุด สรุปคือคนเป็นโรคนี้ IBS หรือลำไส้แปรปรวนจะมีอาการปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ ระบบขับถ่ายผิดปกติ ที่น่าเศร้าคือโรคนี้ส่วนใหญ่เป็นในผู้หญิง แถมยังหาสาเหตุแน่ชัดไม่ได้และรักษาให้หายขาดก็ไม่ได้ แต่ข่าวดีคือคนส่วนใหญ่ที่เป็นจะมีอาการไม่รุนแรง

          ถ้าคุณมีอาการเข้าข่ายก็ต้องให้คุณหมอตรวจอย่างละเอียด ส่วนวิธีรักษานั้นคุณหมอก็จะรักษาตามอาการ และที่ต้องทำควบคู่ไปด้วยคือดูแลสุขภาพของระบบทางเดินอาหารด้วยการออกกำลัง กาย พักผ่อนให้เพียงพอ พยายามเครียดให้น้อยจะช่วยบรรเทาอาการของโรคได้ค่ะ

          ปัญหาปวดท้องที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ส่วนใหญ่วิธีที่ช่วยป้องกันและรักษาโรคได้ดีก็อยู่ที่สุขนิสัยในการกินที่ดี ของตัวเราเองแทบทั้งนั้น ฉะนั้นหันมาปรับเปลี่ยนนิสัยการกินอยู่ของตัวเองกันเถอะค่ะ นอกจากลดเรื่องกวนท้องที่มากวนใจได้แล้ว สุขภาพเรายังแข็งแรงด้วยนะคะ

สมุนไพรแก้ปวดท้อง

          ชา (ชง) : การชงชาดื่ม นอกจากสร้างความรื่นรมย์แล้ว ยังเป็นยาระบายอ่อน ๆ

          ขิง : จิบน้ำขิงหลังมื้ออาหารช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานดี และยังต่อต้านเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้ด้วย

          ใบสะระแหน่ : ขับลมในกระเพาะลำไส้ แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ

          พริกไทยสด : เป็นยาขับลมช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดเฟ้อ แถมยังกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทได้ดีอีกด้วยค่ะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก