น้ำผลไม้คั้นสด บำรุงอวัยวะภายในทั่วร่างกาย
น้ำผลไม้คั้นสด บำรุงอวัยวะภายในทั่วร่างกาย (สุขกายสบายใจ)
เรื่อง : สุธารัชฎ์ รัตนารามิก
"น้ำ ผลไม้คั้นสด" ควรเป็นสิ่งแรกที่เข้าสู่ร่างกายในตอนเช้า เพราะจะช่วยทำความสะอาดระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย รวมถึงการอุ่นเครื่องให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว กระฉับกระเฉง อีกทั้งร่างกายสามารถดูดซึมคุณค่าจากผลไม้สดได้ง่ายกว่าอีกด้วย ดังนั้นควรดื่มก่อนกินมื้อเช้าประมาณ 10 นาที หรือหากดื่มหลังมื้ออาหารในแต่ละวัน ควรค่อย ๆ จิบน้ำผลไม้และกลั้วไปรอบ ๆ ปากเพื่อเพิ่มเอมไซน์ในอาหารช่วยให้กระเพาะอาหารย่อยได้ดีขึ้น
หากคุณเริ่มต้นวันด้วยกาแฟรสชาติเข้มข้น มื้อกลางวันดับกระหายด้วยน้ำอัดลม เติมพลังช่วงบ่ายด้วยการจิบชาฝรั่ง ตกเย็นกลับบ้านดื่มน้ำเปล่าเย็น ๆ ให้ชื่นใจหายเหนื่อย ถ้าตลอดทั้งวันคุณมีพฤติกรรมการดื่มลักษณะเช่นนี้ จริงอยู่อาจไม่กระทบต่อสุขภาพในระยะยาว แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเปลี่ยนให้ 1 แก้วใน 1 วันเป็นตัวช่วยสะสมความแข็งแรงให้กับอวัยวะภายในได้
จาก ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Medicines กล่าวถึงเรื่องการดื่มน้ำผลไม้คั้นสดช่วยถนอมสุขภาพสมองให้แข็งแรง ซึ่งมีผลสรุปทางการวิจัยว่าผู้ที่ดื่มน้ำผลไม้คั้นสดมากกว่า 3 แก้วใน 1 สัปดาห์มีแนวโน้มความเสี่ยง 76% ห่างไกลจากโรคอัลไซเมอร์ แต่ก็ถือว่าอยู่ในอัตราเสี่ยงระดับต่ำเมื่อเทียบกับผู้ที่ดื่มน้ำผลไม้คั้น สดเพียงอาทิตย์ละ 1 แก้ว หรือไม่ดื่มเลย
นับว่างานวิจัยนี้มีเหตุผลที่ดีพอในการโน้มน้าวใจให้คนหันมาสนใจเรื่องการ ดื่มน้ำผลไม้คั้นสดมากขึ้น เรามีทางเลือกน้ำผลไม้ใกล้ตัว ที่จะช่วยดูแลอวัยวะภายในของเราให้สุขภาพดีอยู่เสมอมาฝากคุณค่ะ
สารประกอบไนโตรเจนในเนื้อสีแดงของผลบีทรูท จะช่วยขยายหลอดเลือดและกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น จากผลการวิจัยล่าสุดของออสเตรเลียพบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำบีทรูทคั้นสดทุกเช้ามีระดับความดันโลหิตในสมองที่สดต่ำลง และมีความจำที่ดีขึ้นอีกด้วย
เกรปฟรุตหมายถึงผลไม้รสเปรี้ยว มีคุณสมบัติทางเคมีเป็นฤทธิ์ร้อนจึงช่วยเผาผลาญไขมัน และลดระดับอินซูลินซึ่งเป็นตัวการของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ในผลการวิจัยของสหรัฐพบว่าผู้ที่จิบน้ำเกรปฟรุตคั้นสดก่อนเมื้ออาหารทุกมื้อ โดยที่ไม่ได้ลดอาหารหรือไดเอ็ทนั้นมีน้ำหนักตัวที่ลดลงมากกว่า 1.5 กิโลกรัม ภายใน 3 เดือน
นักวิทยาศาสตร์ชาวแคนนาเดียน พบว่า ไลโคปีนในน้ำมะเขือเทศสดเปรียบเสมือนธนาคารกระดูกที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและ ฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ดังนั้นหากดื่มน้ำมะเขือเทศคั้นสดวันละแก้วก็จะได้รับแคลเซียมซึ่งเทียบได้ กับการบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงวัยสูงอายุ ควรบริโภคน้ำมะเขือเทศคั้นสด 2 แก้วต่อวันในระยะเวลา 4 เดือนขึ้นไป เพื่อช่วยลดอัตราการเป็นโรคกระดูกพรุน
สารฟลาโวนอยในผลส้มจะช่วยลดอัตราไขมันเลว (LDL) และเพิ่มอัตราไขมันดี (HDL) ซึ่งส่งผลต่อระดับคอเลสตอรอลในร่างกายลดต่ำลง นักวิทยาศาสตร์ชาวบราซิลได้ ทำการวิจัยพบว่าในน้ำส้มคั้นสด ช่วยลดความดันโลหิต บำรุงระบบการไหลเวียนโลหิตและหลอดเลือด และยังช่วยป้องกันโรคหัวใจอีกด้วย
การดื่มน้ำเลมอนคั้นสดปริมาณ 8 ออนซ์ผสมกับน้ำเปล่าในแต่ละมื้อ ช่วยกระตุ้นให้ตับผลิตน้ำดีได้มากขึ้น ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานปกติตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยของศูนย์โรคไตในซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนียเผยว่า ผู้ป่วยติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่ดื่มน้ำเลมอนผสมกับน้ำเปล่าในอัตรา 4.2 เป็นประจำทุกวันจะช่วยลดขนาดก้อนนิ่วในไตได้ โดยมีฤทธิ์เข้าไปละลายก้อนนิ่วในถุงน้ำดีและไตแล้วขับออกมาทางปัสสาวะ รวมทั้งช่วยฆ่าแบคทีเรีย และยังช่วยให้อัตราของกรดฟอสฟอริกในปัสสาวะลดลงจาก 1% เหลือเพียง 0.13% ซึ่งเป็นผลดีต่อร่างกาย
จากผลการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์เป็นบทความในหัวข้อ "Cellular and Molecular Life Sciences" กล่าวไว้ว่า เอนไซม์บรอมิเลน (Bromelain) ช่วยบำรุงข้อต่อในอวัยวะต่าง ๆ และมีฤทธิ์บรรเทาอาการของโรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis) โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis) โรคไขข้ออักเสบ (Rheumatoid arthritis) และลดอาการเบอร์ไซติส (Bursitis) หรืออาการบวมอักเสบของข้อต่อที่หัวไหล่ได้ โดยจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียทำให้อาการไม่เรื้อรัง
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงวิตามินซีที่มีในสับปะรด ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis) โรคปริทันต์ หรือรำมะนาด (Periodontal disease) อันเป็นโรคที่ส่งผลให้เกิดโรคหัวใจ และโรคลมอัมพาต หรืออาการเส้นเลือดในสมองแตก (Stroke) ได้อีกด้วย
น้ำ ผลไม้คั้นสด นับว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าสารอาหารสูงกว่าเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ และยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ ให้กับร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ข้อแนะนำเพื่อประโยชน์สูงสุดในการบริโภคคือ ควรดื่มไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน (ประมาณ 4 ถึง 8 ออนซ์) โดยไม่เพิ่มความหวานใด ๆ อีก เพราะในผลไม้มีน้ำตาลตามธรรมชาติอยู่แล้ว อีกทั้งให้แคลอรีเพียง 60-80 แคลอรีเท่านั้น ซึ่งถือว่าเหมาะที่จะเป็นตัวช่วยดูแลสุขภาพของเราในทุก ๆ วัน เป็นวิธีง่าย ๆ ที่คุณก็สามารถบำรุงสุขภาพให้ดีขึ้นได้...เดี๋ยวนี้เลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือสุขกายสบายใจ ฉบับ 07 กันยายน 2554
น้ำผลไม้คั้นสด บำรุงอวัยวะภายในทั่วร่างกาย
น้ำผลไม้คั้นสด บำรุงอวัยวะภายในทั่วร่างกาย (สุขกายสบายใจ)
เรื่อง : สุธารัชฎ์ รัตนารามิก
"น้ำ ผลไม้คั้นสด" ควรเป็นสิ่งแรกที่เข้าสู่ร่างกายในตอนเช้า เพราะจะช่วยทำความสะอาดระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย รวมถึงการอุ่นเครื่องให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว กระฉับกระเฉง อีกทั้งร่างกายสามารถดูดซึมคุณค่าจากผลไม้สดได้ง่ายกว่าอีกด้วย ดังนั้นควรดื่มก่อนกินมื้อเช้าประมาณ 10 นาที หรือหากดื่มหลังมื้ออาหารในแต่ละวัน ควรค่อย ๆ จิบน้ำผลไม้และกลั้วไปรอบ ๆ ปากเพื่อเพิ่มเอมไซน์ในอาหารช่วยให้กระเพาะอาหารย่อยได้ดีขึ้น
หากคุณเริ่มต้นวันด้วยกาแฟรสชาติเข้มข้น มื้อกลางวันดับกระหายด้วยน้ำอัดลม เติมพลังช่วงบ่ายด้วยการจิบชาฝรั่ง ตกเย็นกลับบ้านดื่มน้ำเปล่าเย็น ๆ ให้ชื่นใจหายเหนื่อย ถ้าตลอดทั้งวันคุณมีพฤติกรรมการดื่มลักษณะเช่นนี้ จริงอยู่อาจไม่กระทบต่อสุขภาพในระยะยาว แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเปลี่ยนให้ 1 แก้วใน 1 วันเป็นตัวช่วยสะสมความแข็งแรงให้กับอวัยวะภายในได้
จาก ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Medicines กล่าวถึงเรื่องการดื่มน้ำผลไม้คั้นสดช่วยถนอมสุขภาพสมองให้แข็งแรง ซึ่งมีผลสรุปทางการวิจัยว่าผู้ที่ดื่มน้ำผลไม้คั้นสดมากกว่า 3 แก้วใน 1 สัปดาห์มีแนวโน้มความเสี่ยง 76% ห่างไกลจากโรคอัลไซเมอร์ แต่ก็ถือว่าอยู่ในอัตราเสี่ยงระดับต่ำเมื่อเทียบกับผู้ที่ดื่มน้ำผลไม้คั้น สดเพียงอาทิตย์ละ 1 แก้ว หรือไม่ดื่มเลย
นับว่างานวิจัยนี้มีเหตุผลที่ดีพอในการโน้มน้าวใจให้คนหันมาสนใจเรื่องการ ดื่มน้ำผลไม้คั้นสดมากขึ้น เรามีทางเลือกน้ำผลไม้ใกล้ตัว ที่จะช่วยดูแลอวัยวะภายในของเราให้สุขภาพดีอยู่เสมอมาฝากคุณค่ะ
สารประกอบไนโตรเจนในเนื้อสีแดงของผลบีทรูท จะช่วยขยายหลอดเลือดและกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น จากผลการวิจัยล่าสุดของออสเตรเลียพบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำบีทรูทคั้นสดทุกเช้ามีระดับความดันโลหิตในสมองที่สดต่ำลง และมีความจำที่ดีขึ้นอีกด้วย
เกรปฟรุตหมายถึงผลไม้รสเปรี้ยว มีคุณสมบัติทางเคมีเป็นฤทธิ์ร้อนจึงช่วยเผาผลาญไขมัน และลดระดับอินซูลินซึ่งเป็นตัวการของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ในผลการวิจัยของสหรัฐพบว่าผู้ที่จิบน้ำเกรปฟรุตคั้นสดก่อนเมื้ออาหารทุกมื้อ โดยที่ไม่ได้ลดอาหารหรือไดเอ็ทนั้นมีน้ำหนักตัวที่ลดลงมากกว่า 1.5 กิโลกรัม ภายใน 3 เดือน
นักวิทยาศาสตร์ชาวแคนนาเดียน พบว่า ไลโคปีนในน้ำมะเขือเทศสดเปรียบเสมือนธนาคารกระดูกที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและ ฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ดังนั้นหากดื่มน้ำมะเขือเทศคั้นสดวันละแก้วก็จะได้รับแคลเซียมซึ่งเทียบได้ กับการบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงวัยสูงอายุ ควรบริโภคน้ำมะเขือเทศคั้นสด 2 แก้วต่อวันในระยะเวลา 4 เดือนขึ้นไป เพื่อช่วยลดอัตราการเป็นโรคกระดูกพรุน
สารฟลาโวนอยในผลส้มจะช่วยลดอัตราไขมันเลว (LDL) และเพิ่มอัตราไขมันดี (HDL) ซึ่งส่งผลต่อระดับคอเลสตอรอลในร่างกายลดต่ำลง นักวิทยาศาสตร์ชาวบราซิลได้ ทำการวิจัยพบว่าในน้ำส้มคั้นสด ช่วยลดความดันโลหิต บำรุงระบบการไหลเวียนโลหิตและหลอดเลือด และยังช่วยป้องกันโรคหัวใจอีกด้วย
การดื่มน้ำเลมอนคั้นสดปริมาณ 8 ออนซ์ผสมกับน้ำเปล่าในแต่ละมื้อ ช่วยกระตุ้นให้ตับผลิตน้ำดีได้มากขึ้น ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานปกติตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยของศูนย์โรคไตในซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนียเผยว่า ผู้ป่วยติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่ดื่มน้ำเลมอนผสมกับน้ำเปล่าในอัตรา 4.2 เป็นประจำทุกวันจะช่วยลดขนาดก้อนนิ่วในไตได้ โดยมีฤทธิ์เข้าไปละลายก้อนนิ่วในถุงน้ำดีและไตแล้วขับออกมาทางปัสสาวะ รวมทั้งช่วยฆ่าแบคทีเรีย และยังช่วยให้อัตราของกรดฟอสฟอริกในปัสสาวะลดลงจาก 1% เหลือเพียง 0.13% ซึ่งเป็นผลดีต่อร่างกาย
จากผลการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์เป็นบทความในหัวข้อ "Cellular and Molecular Life Sciences" กล่าวไว้ว่า เอนไซม์บรอมิเลน (Bromelain) ช่วยบำรุงข้อต่อในอวัยวะต่าง ๆ และมีฤทธิ์บรรเทาอาการของโรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis) โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis) โรคไขข้ออักเสบ (Rheumatoid arthritis) และลดอาการเบอร์ไซติส (Bursitis) หรืออาการบวมอักเสบของข้อต่อที่หัวไหล่ได้ โดยจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียทำให้อาการไม่เรื้อรัง
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงวิตามินซีที่มีในสับปะรด ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis) โรคปริทันต์ หรือรำมะนาด (Periodontal disease) อันเป็นโรคที่ส่งผลให้เกิดโรคหัวใจ และโรคลมอัมพาต หรืออาการเส้นเลือดในสมองแตก (Stroke) ได้อีกด้วย
น้ำ ผลไม้คั้นสด นับว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าสารอาหารสูงกว่าเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ และยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ ให้กับร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ข้อแนะนำเพื่อประโยชน์สูงสุดในการบริโภคคือ ควรดื่มไม่เกิน 1 แก้วต่อวัน (ประมาณ 4 ถึง 8 ออนซ์) โดยไม่เพิ่มความหวานใด ๆ อีก เพราะในผลไม้มีน้ำตาลตามธรรมชาติอยู่แล้ว อีกทั้งให้แคลอรีเพียง 60-80 แคลอรีเท่านั้น ซึ่งถือว่าเหมาะที่จะเป็นตัวช่วยดูแลสุขภาพของเราในทุก ๆ วัน เป็นวิธีง่าย ๆ ที่คุณก็สามารถบำรุงสุขภาพให้ดีขึ้นได้...เดี๋ยวนี้เลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
KAPOOK.COM
หนังสือสุขกายสบายใจ ฉบับ 07 กันยายน 2554
เมนูเด็ด...บอกลาปัญหาเรื่องเท้า
เมนูเด็ด...บอกลาปัญหาเรื่องเท้า (Modernmom)
เรื่อง : โอบา
"You are what you eat" สุขภาพดีเริ่มต้นจากการกิน เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ใครก็รู้ แต่จะมีสักกี่คนที่ทราบว่ามีอาหารชนิดใดบ้างที่กินแล้ว จะทำให้เท้าแข็งแรงและมีสุขภาพดี และอาหารชนิดใดบ้างที่กินแล้วจะส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพเท้าของตัวเอง...มาค้นหาคำตอบจากเมนูเหล่านี้กันค่ะ
มาเริ่มต้นดูกันสิว่า อาหารที่กินแล้วบำรุงสุขภาพเท้าให้แข็งแรงมีอะไรกันบ้าง...
ลองปรับเปลี่ยนวิถีการกินเพียงเล็กน้อย สุขภาพเท้าก็ดูแลได้ง่ายนิดเดียว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
KAPOOK.COM
กินแบบมือโปรยังไงก็ไม่อ้วน
กินแบบมือโปรยังไงก็ไม่อ้วน (E-magazine)
สำหรับ บางคนที่รักการกินแต่ไม่ชอบออกกำลังกาย บรรดาอาหารที่เข้าสู่ร่างกายก็อาจกลายร่างมาเป็นไขมัน ขณะเดียวกันก็ยังมีบางคนที่ชอบออกกำลังกายและชอบกิน ๆๆ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องลงเอยกับความอ้วน ซึ่งจะมีหนทางใดบ้าง ที่จะทำให้เราได้อิ่มเอมไปกับอาหารโดยไม่ต้องกลัวหุ่นพะโล้ถามหา
วันนี้ เรามีสูตรลดน้ำหนักที่ไม่ว่าจะคุณจะทานมากแค่ไหน แต่ก็ยังดูดีเพียวระหงอยู่เสมอกับ 3 วิธีไดเอท ด้วยอาหารที่ทั้งอิ่มแถมยังเฟิร์มได้ไม่ยาก
ไฟเบอร์ (Fiber) คือเส้นใยอาหาร ซึ่งมี 2 ชนิดคือ ไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ และไฟเบอร์ชนิดที่ไม่ละลายน้ำ ภายใน 1 วัน ผู้หญิงควรได้รับไฟเบอร์ 25 กรัม ขณะที่ผู้ชายควรได้รับ 30 กรัม โดยไฟเบอร์ที่ปัจจุบันนี้หลายคนนำไปผสมกับเครื่องดื่มหรืออาหาร เป็นสิ่งที่ไม่ให้พลังงานแต่ช่วยให้อาหารเดินทางเร็วขึ้นจึงมีการดูดซึมน้อย อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณอาหารที่ต้องการรับประทาน จึงสามารถช่วยลดน้ำหนักได้
นอกจากนี้ ไฟเบอร์สามารถช่วยขจัดสิ่งตกค้างในร่างกายและระบบทางเดินอาหาร แม้จะเห็นข้อดีมากมายขนาดนี้ เจ้าไฟเบอร์ก็มีข้อควรระวังคือ การทานไฟเบอร์ในปริมาณมาก จำเป็นต้องดื่มน้ำเปล่าในปริมาณมาก ๆ อย่างน้อยวัน 6-8 แก้วขึ้นไป เนื่องจากไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ จะดูดซึมน้ำในระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้มีปัญหาท้องผูก ส่วนในระยะยาวอาจส่งผลให้เป็นโรคริดสีดวงทวารได้
การบริโภคสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของผู้ชื่นชอบรับประทานรสหวานแต่ไม่อยากมีน้ำหนัก เกิน สำหรับคนปกติควรได้น้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม ใน 1 วัน ซึ่งหมายถึงทานให้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดีต่อสุขภาพ เนื่องจากคนเราได้รับน้ำตาลทางอ้อมจากอาหารประเภท แป้ง ผักผลไม้ อยู่แล้ว การบริโภคน้ำตาลมาก ๆ อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน เบาหวาน หัวใจ และความดัน
ดังนั้นหลายคนจึง พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลแล้วหันมาทานอาหารที่ใส่สารให้ความหวานแทน ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี แต่คุณควรศึกษาส่วนประกอบแต่ละชนิด อย่างชนิดของสารให้ความหวานที่นิยมใช้ เช่น
อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคให้ถูกต้อง ถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการดูแลสุขภาพและควบคุมน้ำหนัก ซึ่งการค่อย ๆ ลดน้ำตาลโดยไม่ใช้ความหวานทดแทนในอาหาร จึงเป็นวิธีการบริโภคที่ถูกต้องที่สุด
สาว ๆ หลายคนมักมองข้ามถั่วเหลืองเพราะเวลากินจะรู้สึกอิ่ม จนทำให้คิดไปเองว่าตนเองจะอ้วนหากรับประทานเข้าไปในปริมาณที่มาก แต่คุณรู้หรือไม่ว่า "ถั่วเหลือง" เป็นแหล่งรวมโปรตีนที่มีคุณภาพสูง มีไขมันไม่อิ่มตัว และไม่มีโคเลสเตอรอล
สารสำคัญในถั่วเหลืองประกอบด้วย
ดังนั้นในกรณีที่น้ำหนักเท่ากัน เนื้อสัตว์ให้โปรตีนน้อยกว่าถั่วเหลืองมาก จึงให้แคลอรีที่น้อยกว่า การกินถั่วเหลืองจะทำให้ไม่อ้วน โดยเฉพาะนมถั่วเหลือง 200 มิลลิลิตร ให้โปรตีนเท่ากับนมวัว แต่ให้พลังงานประมาณ 80 แคลอรี ดังนั้นคนที่ต้องการลดน้ำหนักสามารถใช้วิธีดื่มนมถั่วเหลืองได้ แต่การดื่มแต่นมถั่วเหลืองอาจจะไม่ได้รับสารอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะแคลเซียมซึ่งพบน้อยกว่าในนมวัว ควรจะรับประทานกับอาหารที่เสริมกันอย่างผักคะน้า ที่ให้พลังงานต่ำเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
นอก จากนี้ ควรระวังในการเลือกทานผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองที่ให้รสหวานด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การควบคุมน้ำหนักที่ถูกต้อง ก็ควรรับประทานอาหารสลับกันบ้างเป็นบางมื้อ และให้ครบ 5 หมู่ ไม่ควรทานอาหารซ้ำ ๆ กันบ่อย ๆ เพราะจะได้รับสารอาหารเหมือนเดิม และมากเกินความต้องการของร่างกายสุดท้ายก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพอย่างอื่นตาม มา
ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info
5 วิธีเติมพลังให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น
5 วิธีเติมพลังให้ออกกำลังกายได้นานขึ้น (Lisa)
รถ ที่ปราศจากน้ำมันไม่อาจวิ่งไปไหนได้ และคุณก็ไม่อาจออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสม ถ้าปราศจากพลังงาน และนี่คือเคล็ดลับการกินที่จะช่วยให้คุณมีพลังวังชาเสมอ สำหรับการออกกำลัง
มันเป็นเรื่องยากที่จะออกกำลังในเวลาที่คุณกินไม่พอ ดังนั้น เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้ต่ำ คุณต้องกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตปริมาณเล็กน้อยตลอดทั้งวัน
ถ้าคุณดื่มน้ำไม่พอ คุณก็สามารถรู้สึกเวียนหัวและสับสนมึนงงได้ แม้แต่การขาดน้ำเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ความสามารถของร่างกายลดลงได้ และเวลาออกกำลังกายก็อย่ารอให้ร่างกายกระหายน้ำ ดื่มน้ำ 6-8 ออนซ์ ก่อนและหลังออกกำลัง และดื่มน้ำทุก 15 นาทีในขณะออกกำลัง
น้ำเปล่าดีที่สุด แต่ถ้าคุณอ่อนแรงเร็วเวลาออกกำลัง หรือเหงื่อออกมาก เครื่องดื่มให้พลังงานก็จะช่วยได้มาก เพราะมันมีกลูโคสที่ร่างกายต้องการเพื่อพลังงาน
โปรตีนไม่ได้ให้พลังงานแก่คุณเหมือนกับที่คุณได้จากคาร์โบไฮเดรต แต่มันให้ความอืดแก่คุณมากกว่า แนะนำให้ผสมโปรตีนกับคาร์โบไฮเดรตเข้าด้วยกันในทุกมื้ออาหาร และของว่าง และการกินโปรตีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังออกกำลัง ยังสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อที่ช่วยเผาผลาญแคลอรี
กินวิตามินรวมหรือแร่ธาตุเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับสารอาหารเพียงพอ โดยเฉพาะธาตุเหล็กที่จำเป็นสำหรับการมีพลังวังชา และสังกะสี ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการทำงานของเอนไซม์มากกว่า 200 ชนิดในร่างกายของเรา ซึ่งเรามักจะไม่ค่อยได้แร่ธาตุตัวนี้เพียงพอในอาหารของเราเท่าไหร่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
KAPOOK.COM
หุ่นสวยด้วยพลังไฟเบอร์
หุ่นสวยด้วยพลังไฟเบอร์ (Lisa)
Dietary Fiber หรือเส้นใยอาหาร คือตัวช่วยสำคัญในการลดน้ำหนักเลยล่ะ เพราะมันช่วยในการย่อยอาหารและการขับถ่าย ลดระดับคอเลสเตอรอล เสริมสร้างการควบคุมน้ำหนักและคุมระดับน้ำตาลในเลือด รวมทั้งต้านการก่อตัวของมะเร็งและลดโอกาสเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ เพื่อการควบคุมน้ำหนักอย่างได้ผล และทำให้เรามีสุขภาพดี มาลองกินอาหารที่มีไฟเบอร์ให้เป็นนิสัยกันดีกว่าค่ะ
อาหารที่มีไฟเบอร์ขั้นเทพ
กินอย่างไรให้ได้ไฟเบอร์
อาหาร ที่อุดมด้วยไฟเบอร์อาจไม่ใช่สิ่งแรกที่แล่นเข้ามาในหัวเมื่อถูกความหิวเข้า โจมตี แต่นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการเลือกรับประทานเพื่อสุขภาพที่ดีเลยล่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
KAPOOK.COM
ว้าย!!! อาหารรสเผ็ดทำขาใหญ่ไม่รู้ตัว
ภัยร้ายจากอาหารรสเผ็ด (Woman Plus)
คุณ รู้หรือไม่ว่า ยำ ส้มตำ และเมนูอาหารรสเผ็ดจัดจ้านจานอื่น ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของคุณผู้หญิงทั้งหลายนั้น ล้วนเป็นเมนูที่จะทำให้คุณผู้หญิงต้องกลับมานั่งกลุ้มใจกับปัญหาขาใหญ่อย่าง ไม่ทันตั้งตัว
เนื่อง จากอาหารรสเผ็ดมีทั้งรสเผ็ด เปรี้ยว หวานซึ่งช่วยกันกลบรสเค็มไว้ ทำให้ความเค็มที่มาจากโซเดียมซึ่งมีคุณสมบัติอุ้มน้ำไว้ในเนื้อเยื่อไหลลง สู่ที่ต่ำ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สาว ๆ ที่ชอบกินอาหารรสเผ็ดต้องนั่งกลุ้มกุมขมับกับปัญหาขาใหญ่อย่างไม่รู้สาเหตุ
ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาก็คือ ไม่ควรกินอาหารรสเค็มและเผ็ดบ่อยจนเกินไป แต่ควรเลือกกินอาหารที่มีผักและผลไม้ ทั้งยังต้องหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรูปร่างที่สวยงามและสุขภาพที่แข็งแรง นอกจากนี้อาจแก้ปัญหาขาใหญ่ได้ด้วยการนวดกดจุด โดยการนวดเอาน้ำที่บวมคั่งในกล้ามเนื้อขาออกไปทางระบบน้ำเหลือง ซึ่งจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ แล้วขาของคุณผู้หญิงก็จะค่อย ๆ เล็กลง กลับมาเรียวสวยเหมือนเดิม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
KAPOOK.COM
ช็อกโกแลตก็มีดีต่อสุขภาพเหมือนกันนะ
ช็อกโกแลตก็มีดีต่อสุขภาพเหมือนกันนะ (Lisa)
ช็อกโกแลต อาหารโปรดของสาว ๆ อาจมีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นเลย และนี่คือข้อดีของช็อกโกแลตต่อสุขภาพของคุณ
ตอนนี้ช็อกโกแลตถือว่าเทียบได้กับถั่วเหลืองและชาเขียวในเรื่องการเป็นอาหาร ที่อุดมด้วยแอนตี้ออกซิเดนท์ ที่ช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะ ยาฆ่าแมลง การสูบบุหรี่ ความเครียด และอาหารสำเร็จรูป
แมกนีเซียมที่มีอยู่ในช็อกโกแลตในปริมาณสูง มีประโยชน์ต่อการทำงานของหัวใจและความดันโลหิตสูง ถึงแม้ในทางเทคนิคมันจะเป็นไขมันแบบอิ่มตัว แต่เนื่องจากกรดสเตียริกที่มีในช็อกโกแลตมีคุณภาพดี จะทำให้มันไม่อุดตันเส้นเลือด หรือทำให้เกิดระดับคอเลสเตอรอลสูง
ระดับโปรเจสเตอโรนที่ลดลงก่อนมีประจำเดือน ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากเกิดอารมณ์แปรปรวนในช่วงเวลานั้นของเดือน แมกนีเซียมได้พิสูจน์แล้วว่า สามารถเพิ่มระดับโปรเจนเตอโรนในช่วงก่อนมีประจำเดือนที่ช่วยลดปัญหานี้ได้
ถ้าคุณเครียด เซโรโทนินสามารถช่วยได้ วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างเซโรโทนินก็คือ การออกกำลัง อย่างไรก็ตาม อาหารที่มีกรดอะมิโนทริปโตฟานสามารถเปลี่ยนเป็นเซโรโทนินในร่างกายได้ เดาซิว่าอะไรที่มีทริปโตฟานมาก ใช่แล้ว ช็อกโกแลตไงล่ะ
ช็อกโกแลตทำให้เกิดสิวหรือเปล่า? งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ที่มหาวิทยาลัยเพนซิเวเนียในสหรัฐฯ ซึ่งให้คนไข้ที่เป็นสิวอักเสบจำนวน 65 คน กินช็อกโกแลตในปริมาณมาก ๆ และพบว่า 46 คนไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในเรื่องสิว 10 คนดีขึ้น และ 9 คนแย่ลง บ่งชี้ว่าช็อกโกแลตไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อการเป็นสิว
ช็อกโกแลตอุดมไปด้วยพลังงานและมีกาเฟอีน จึงสามารถทำให้คุณตื่นตัวได้ในยามที่ต้องการ นอกจากนี้ ถ้าคุณเลือกช็อกโกแลตที่มีกาเฟอีนสูง ๆ มันจะมีน้ำตาลน้อยกว่าและดีกว่าสำหรับคุณ
นักวิจัยพบว่าสารประกอบที่ชื่อ ธีโอโบรไมน์ ในช็อกโกแลตมีประสิทธิภาพมากกว่ายาโคดีอีนในการกดอาการไอโดยไม่มีผลข้าง เคียง อย่างเช่น ง่วงนอน หรือท้องผูก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
7 งานบ้านทำเพลินเบิร์นแคลอรี่
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอมคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายทั้งหลาย (ถ้าคุณเป็นหนุ่มที่ทำงานบ้านเองล่ะก็ คุณก็รวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยค่ะ) ที่ทำงานตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ กลับบ้านก็ต้องจัดการงานบ้านให้เรียบร้อยสะอาดตาเข้าที่เข้าทาง จนไม่มีเวลาปลีกตัวไปออกกำลังกายจริง ๆ จัง ๆ หากกลัวว่าปล่อยไว้แบบนี้แล้วเดี๋ยวจะอวบตันหุ่นไม่สวยก็โล่งใจได้ค่ะ
เพราะว่างานบ้านทั้งหลายที่คุณได้หยิบได้จับอยู่ทุกวันก็นับเป็นการออกกำลังกายทางหนึ่งด้วยเช่นกัน แถมยังได้ประโยชน์สองเด้ง ทั้งบ้านก็เรียบร้อยน่าอยู่และคุณก็ได้เบิร์นพลังงานนำสารอาหารตาง ๆ ที่ทานเข้าไปออกมาเผาผลาญได้ด้วย งานบ้านทำเพลิน ๆ แต่ได้ออกกำลังกายไปด้วยจะมีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ
การกวาดและถูบ้านรวมถึงการดูดฝุ่น (สำหรับคุณพ่อบ้านแม่บ้านสมัยใหม่) เป็นการเคลื่อนไหวออกกำลังกายทั้งท่อนบนและท่อนล่าง หากคุณใช้เวลาดูดฝุ่นหรือกวาดทุกซอกทุกมุมในบ้านสักครึ่งชั่วโมง คุณสามารถเบิร์นพลังงานได้ราว 376-752 แคลอรี่เลยทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว น้ำหนักของเครื่องดูดฝุ่น และการออกแรงของคุณ หลังจากกวาดกำจัดฝุ่นผงเสร็จไปขั้นตอนหนึ่งแล้ว ขั้นต่อมาก็คือการถูพื้น ยิ่งถ้าคุณถูด้วยมือโดยการคุกเข่าลงไปถู แม้จะดูเก้ ๆ กัง ๆ ไปสักนิดแต่วิธีนี้จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ดีเชียวค่ะ โดยการถูบ้านครึ่งชั่วโมงจะใช้พลังงานราว 111-222 แคลอรี่เลยทีเดียว
งานเก็บกวาดจานชามมาล้างให้สะอาดช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานได้เช่นกัน แม้จะไม่มีการขยับเคลื่อนไหวของร่างกายมากมายนัก แต่อย่างน้อยมันก็ใช้พลังงานราว 63 แคลอรี่ต่อครึ่งชั่วโมง และอาจเพิ่มขึ้นได้อีกเท่าตัวเป็น 126 แคลอรี่ หากคุณหยิบจานที่สกปรกมาก ๆ มาล้างซ้ำอีกครั้ง หรือต้องออกแรงในการล้างมากกว่าปกติ อย่างการล้างกระทะหรือขัดหม้อค่ะ
แม้การซักผ้าเดี๋ยวนี้จะเปลี่ยนรูปแบบจากการซักมือไปเป็นซักด้วยเครื่องซัก ผ้าที่แสนสะดวกสบาย แต่อย่างน้อยขั้นตอนในการแยกเสื้อผ้า กลับผ้าก่อนซัก รวมถึงการคลี่สะบัดและตากผ้า ก็ช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานได้สัก 75-100 แคลอรี่แล้วล่ะ
หน้าต่างเป็นหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่บ้านไหน ๆ ก็ต้องมี บางบ้านที่เป็นหน้าต่างโปร่ง ๆ อันเป็นทางผ่านของลมยิ่งต้องเช็ดให้สะอาด ลมจะได้ไม่หอบฝุ่นที่จับตัวอยู่เข้ามาในบ้าน ส่วนบ้านไหนเป็นหน้าต่างกระจกก็ต้องเช็ดขัดถูให้สะอาดใสเพื่อความสวยงาม ทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงที่คุณเช็ดหน้าต่างนี้สามารถเบิร์นพลังงานได้ 150 แคลอรี่ ยิ่งในกรณีที่ต้องมีการปีนป่ายหรือต่อเก้าอี้เพื่อเช็ด ก็จะยิ่งต้องการพลังงานมากขึ้น และหากบ้านใครหลังใหญ่ ๆ มีหน้าต่างเยอะ ๆ ล่ะ ก็คุณคงต้องใช้เวลามากเกินครึ่งชั่วโมงในการทำความสะอาดมันแน่นอน
เตียงนอนผ้ามีผ้าปูตึงเปรี๊ยะ หมอนนุ่ม ๆ ฟู ๆ วางพร้อม ช่างเรียกร้องให้โถมกายลงไปนอนเสียจริง ๆ และวิธีการจัดเตรียมเตียงนอนให้น่านอนก็เป็นการออกกำลังกายได้ด้วย การที่คุณดึงผ้าปูเตียงทุกมุมให้ตึง พับผ้าห่ม ตบหมอน วางจัดเรียงให้พร้อม ช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานไปได้คราวละ 70 แคลอรี่ในทุก ๆ วัน
สำหรับบ้านที่มีบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เมื่อคราวที่หญ้าเริ่มงอกยาวจนดูรกตาก็ได้เวลามาออกกำลังกายกันสักยก การตัดหญ้าด้วยเครื่องตัดหญ้าที่คุณต้องออกแรงผลักและเข็นให้มันไปตัดหญ้าใน พื้นที่ที่ต้องการสักครึ่งชั่วโมงก็ช่วยเผาผลาญพลังงานไปได้แล้วอย่างน้อย 135 แคลอรี่ และอาจพุ่งขึ้นอีกเท่าตัวได้เลยหากเครื่องตัดหญ้านั้นค่อนข้างหนัก หรือต้องกำจัดวัชพืชในพื้นที่ ๆ เข้าถึงยาก อย่าซอกเล็ก ๆ หรือพื้นที่ขรุขระ
พาหนะคันย่อมที่ช่วยพาเราไปไหนต่อไหนอย่างสะดวกสบาย แต่ถ้าใช้งานสมบุกสมบันไปหน่อย เจ้ารถคันเก่งก็ฝุ่นเขรอะขมุกขมัวได้ จึงต้องอาบน้ำให้มันสักหน่อย การล้างรถสักครึ่งชั่วโมงต้องการพลังงานอย่างน้อย 150 แคลอรี่ และจะยิ่งมากกว่านี้หากคุณอยากจะเสริมหล่อด้วยการขัดแว็กซ์ให้มันปลาบไปทั้ง คัน
เห็น ไหมคะ ไม่ต้องไปถึงฟิตเนสก็สามารถออกกำลังกายได้เช่นกัน เริ่มจากหยิบจับทำงานบ้านของเรานี่เอง ได้ทั้งบ้านสะอาด ๆ และหุ่นสวย ๆ ไปพร้อมกันด้วยล่ะ :D
7 เรื่องในห้องครัวที่อาจจะทำให้คุณอ้วนไม่รู้ตัว
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
"ห้อง ครัว" เป็นหัวใจหลักของบ้าน และบางทีก็เป็นสถานที่ที่ทำให้คุณอ้วนได้โดยไม่รู้ตัว รู้ไหมว่า หลาย ๆ อย่างในห้องครัว มีความเกี่ยวพันกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นมาได้ด้วย ลองไปดูกันว่า อะไรบ้างที่เป็นปฏิปักษ์ต่อน้ำหนักตัวของคุณ
ขนาดจานที่ใหญ่จะทำให้คุณทานมากขึ้น แน่นอนว่า น้ำหนักของคุณมีสิทธิ์จะพุ่งอย่างไม่น่าแปลกใจ โดยผลการศึกษาชิ้นหนึ่งในต่างประเทศ ระบุไว้ว่า หากจานของคุณเล็กลงกว่าเดิม 2 นิ้ว แคลอรีที่เข้าสู่ร่างกายของคุณจะน้อยลงถึงมื้อละ 22% ซึ่งนั่นหมายความว่า ใน 1 เดือน คุณจะสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 2 ปอนด์เลยล่ะ
ทางแก้ไข
หันมาใช้จานเล็ก ๆ ถ้าจะทานอาหารที่มีแคลอรีสูง ส่วนจานใหญ่ ๆ ก็ให้ใส่พวกผักแทน นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า ขนาดจานที่เหมาะสมที่สุดในการรับประทานอาหารก็คือ ประมาณ 10 นิ้ว เพราะถ้าขนาดจานเล็กเกินไป ก็อาจจะทำให้คุณไม่อิ่ม คิดจะขอจานที่สองตามมา ซึ่งนั่นไม่ได้ช่วยเรื่องการลดน้ำหนักแน่นอน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ยิ่งแสงไฟนั้นมีกำลังวัตต์สูงเท่าไหร่ ความเครียดของคุณก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น แถมมันยังไปกระตุ้นความอยากอาหาร และเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณทานเร็ว และมากเกินขนาดปกติเสียด้วยสิ และแม้ว่าจะหรี่ไฟลงแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นหรอกนะ
ทางแก้ไข
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ขณะที่คุณกำลังทำอาหาร ให้เปิดแสงไฟได้เท่าที่คุณต้องการ แต่ในเวลาที่คุณทานอาหารควรปรับแสงไฟทั้งหมดภายในห้องไม่ให้มากเกิน 240 วัตต์ เช่น คุณอาจจะใช้หลอดไฟ 60 วัตต์ 4 ดวง หรือใช้หลอดไฟ 40 วัตต์ 6 ดวงก็ย่อมได้ แต่ถ้าเป็นหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ ปรับแสงไฟให้ได้รวมกันประมาณ 75-100 วัตต์ก็เพียงพอแล้ว
ห้องครัวในหลาย ๆ บ้านก็มักเป็นเหมือนที่ทิ้งขยะ แล้วรู้ไหมว่า ห้องครัวที่ดูสกปรก เลอะเทอะ วางขนมนมเนยระเกะระกะไปทั่ว จะยิ่งทำให้คุณคว้าอาหารมาทานได้ง่ายขึ้นนั่นเอง นอกจากนั้นแล้ว สภาพที่ดูระเกะระกะไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ยังทำให้ระดับของคอร์ติซอลในเลือดเพิ่มขึ้นได้ด้วย และทำให้เกิดอาการเครียดตามมา ทีนี้พอเครียดแล้วล่ะก็ ความหิวก็จะเริ่มถามหาแล้วล่ะ
ทางแก้ไข
ถึงเวลาต้องเก็บข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเสียที โดยการจัดพวกอุปกรณ์ครัวต่าง ๆ ไว้บนชั้นให้เป็นระเบียบเรียบร้อย จัดให้ส่วนที่ใช้เตรียมอาหารดูโล่งให้มากที่สุด นอกจากนี้ หากคุณจัดแบ่งระหว่างที่รับประทานอาหาร กับที่ประกอบอาหารให้เป็นสัดส่วนแยกออกจากกันให้ชัดเจน คุณจะให้ความสนใจกับการรับประทานอาหารที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าเรื่องอื่น และจะสามารถจับสัญญาณได้เมื่อท้องอิ่มแล้ว แต่หากมีสิ่งใดเข้ามารบกวนการรับประทานอาหารของคุณ ผลการศึกษาก็ชี้ว่า มันจะทำให้คุณทานมากขึ้นกว่าเดิมอีก 15% เลยล่ะ
ยิ่งแก้วน้ำของคุณมีขนาดกว้างเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้คุณดื่มน้ำหวาน น้ำผลไม้ น้ำอัดลมมากกว่าการใช้แก้วใบสูงผอมแน่นอน นั่นเพราะว่า เรามักจะเทน้ำให้พอดีกับแก้ว อย่างเช่นผลการศึกษาในอเมริกาที่พบว่า ชาวอเมริกันที่ดื่มน้ำส้มด้วยแก้วน้ำใบใหญ่ทุก ๆ เช้า จะมีปริมาณแคลอรีเพิ่มขึ้นถึง 350 แคลอรีต่อวัน และนั่นอาจหมายถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นปีละ 3 ปอนด์เลยทีเดียว
ทางแก้ไข
เปลี่ยน ซะ!!! หันมาใช้แก้วใบผอม ๆ สูง ๆ แทน ส่วนแก้วใบใหญ่ ๆ ก็รินน้ำเปล่าธรรมดา หรือเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรีลงไปแทน มันจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า คุณสามารถจะลดน้ำหนักลง 1 ปอนด์ได้ง่าย ๆ ภายใน 6 เดือน เพียงแค่ลดน้ำตาลที่เติมลงในเครื่องดื่มวันละ 1 ช้อนแค่นั้นเอง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ความจุของตู้กับข้าวมีผลต่อน้ำหนักของคุณด้วย เพราะนักวิจัยพบว่า หากตู้กับข้าวที่บ้านคุณใหญ่เกินไป คุณก็มีแนวโน้มจะซื้อกับข้าว หรือขนมนมเนยแพคใหญ่ ๆ แทนที่จะซื้อแพคเล็ก ๆ มาเก็บไว้ในตู้ได้มากขึ้น และเมื่อคุณมีวัตถุดิบพร้อมสรรพแล้วเสียขนาดนั้น นักวิจัยก็บอกว่า คุณมีแนวโน้มถึง 23% ที่จะทำอาหารหลากชนิดขึ้น ซึ่งยิ่งมีอาหารหลากหลายเมนูมากเท่าไหร่ แน่นอนว่าคุณจะทานอาหารได้เยอะขึ้นนั่นเอง ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น หากคุณเห็นคุกกี้ 4 แบบบนโต๊ะ คุณก็มีแนวโน้มจะหยิบมาลองชิมทั้ง 4 แบบ 4 ชิ้นใช่ไหมล่ะ นั่นล่ะจ๊ะเหตุผลเดียวกัน
ทางแก้ไข
พึงระวังการซื้อของที่แพคเป็นหลาย ๆ ชิ้นให้ดี นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณน้ำหนักเกิน เพราะฉะนั้น เวลาซื้อของ ให้เปลี่ยนไปซื้อแพคที่ชิ้นเล็กลง หรือซื้อเพียงชิ้นเดียวก็พอ และจำไว้ว่า หากสินค้าชนิดไหนมีหลากหลายรูปแบบ หลากรส หลากสี หลากกลิ่นให้เลือกสรร อย่าไปตกหลุมพรางเชียวล่ะ เลือกเพียงอย่างเดียวก็พอนะ
นอกจากตู้กับข้าวที่ใหญ่เกินไปแล้ว ห้องครัวที่ใหญ่เกินไปก็อาจทำให้คุณอ้วนเอาได้ดื้อ ๆ เพราะยิ่งห้องครัวใหญ่เท่าไหร่ มันจะแปรสภาพจากห้องครัวเป็นสถานที่ทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างได้พร้อมกัน เช่น นั่งดูทีวีขณะนั่งรับประทาน หรือนั่งทำงาน คุยโทรศัพท์ไปพร้อม ๆ กับการทานอาหารเช้า แต่ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า คนที่นั่งทานอาหารไปแล้วนั่งดูทีวีไปพร้อม ๆ กัน มีแนวโน้มจะทานอาหารบ่อยขึ้น และมากขึ้นกลายเป็นมื้อใหญ่พิเศษของวันได้เลย
ทางแก้ไข
ย้ายทีวี และโน้ตบุ๊กออกจากห้องครัวไปซะ หรือหากจะคุยโทรศัพท์ก็ไปนั่งคุยในห้องนั่งเล่นซึ่งไม่มีอาหารตั้งตรงหน้ามา ยั่วให้เราอยากทานไปพลางคุยไปพลางจะดีกว่า ที่สำคัญ อย่าลืมปิดไฟห้องครัวซะ ในช่วงที่ไม่ใช่เวลารับประทานอาหาร เพื่อส่งสัญญาณให้รู้ว่า ห้องครัวปิดแล้วนะจ๊ะ อย่าเข้าไปหาอะไรทานเสียล่ะ
การศึกษาจากมหาวิทยาลัยแอริโซน่า บอกว่า ทุก ๆ วัน เราจะต้องทิ้งอาหารลงขยะไปถึง 1 ใน 4 ของที่ซื้อมาเตรียมไว้ เหตุผลง่าย ๆ เลยก็คือ "ลืมทาน" และปล่อยมันทิ้งไว้ในตู้ หรือเก็บไว้ในที่ที่เราไม่ค่อยได้เห็น หรือนึกถึงมากนัก อย่างเช่นช่องแช่ผักในตู้เย็น ที่ทุกคนเข้าใจตรงกันว่า ช่องนี้จะช่วยถนอมอาหารให้สด เก็บไว้ได้นาน แต่หากคุณลืมเปิดช่องแช่ผักเสียล่ะ ยังไงซะอาหารพวกนั้นก็คงเน่าเสียก่อนเราได้หยิบออกมาปรุงทานแน่ ๆ
ทางแก้ไข
ง่าย ๆ เลยค่ะ แค่คุณเปลี่ยนมาซื้ออาหารสัปดาห์ละครั้ง อย่าซื้อเก็บไว้ทีละมาก ๆ และพยายามเก็บอาหารไว้ในตู้เย็นที่ระดับสายตา หรือใส่ไว้ในถ้วยสวย ๆ หากเป็นอาหารที่ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในที่เย็นก็นำออกมาวางไว้บนโต๊ะในครัว ก็ได้ สำหรับผักผลไม้โดยทั่วไปแล้วรสชาติจะเยี่ยมที่สุด หากเราวางไว้ในอุณหภูมิห้อง ไม่ว่าจะเป็นส้ม เกรปฟรุต มะม่วง หรือมะเขือเทศ
รู้ถึงหลุมพรางของห้องครัวแล้ว ก็อย่าลืมแก้ไขกันด้วยล่ะ จะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจในยามที่เข็มบอกน้ำหนักเคลื่อนไปทางขวานะจ๊ะ
ตื่นเช้าพร้อมไก่ขัน สร้างหุ่นสวยสุขภาพดี
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ใคร ที่ตื่นมาพร้อมกับการกดปุ่มเลื่อนเวลาปลุกของนาฬิกาออกไปเรื่อย ๆ ลองหันมาฟังทางนี้ค่ะ หากอุตส่าห์ตั้งใจจะตื่นเช้าทั้งที ให้รีบลุกขึ้นจากที่นอนแล้วหากิจกรรมทำให้ตื่นเต็มตาดีกว่า เพราะทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโรแฮมตัน ประเทศอังกฤษ เขา ได้ทำแบบสอบถามผู้คนทั้งชายหญิง 1,100 รายถึงเรื่องสุขภาพและพฤติกรรมการนอน โดยผลการทำแบบสอบถามชุดนี้สามารถสรุปได้ว่า คนที่ตื่นเช้ามักจะเป็นคนที่หุ่นดีและสุขภาพดีกว่าคนที่ใช้เวลาอยู่บนที่นอน จนกระทั่งสายหรือบ่ายคล้อย
จากการสำรวจ 13 เปอร์เซ็นต์ของบรรดาผู้ทำแบบสอบถามตื่นนอนก่อน 7 นาฬิกาในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ และไม่นอนขี้เซาอยู่แต่บนเตียงในวันเสาร์-อาทิตย์ อีก 6 เปอร์เซ็นต์ตอบว่าเข้านอนก่อน 3 ทุ่มในวันทำงานและนอนดึกเป็นพิเศษเมื่อถึงวันหยุด ส่วนอีก 81 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ อยู่นอกเหนือจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตื่นสาย นอนดึก หรือใช้ชีวิตแบบนกฮูกอย่างนอนตอนกลางวันแล้วตื่นตอนกลางคืน
จาก การวิเคราะห์ประเมินผลจากแบบสอบถาม พบว่ากลุ่มคนที่ตื่นนอนเช้าเป็นกลุ่มที่มีสัญญาณบ่งชี้ว่ามีสุขภาพจิตดี ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องความเครียดหรือวิตกกังวล นอกจากนี้คนกลุ่มนี้มักให้ความสำคัญกับอาหารเช้า ซึ่งนับเป็นมื้อสำคัญ เพราะมื้อเช้าช่วยเติมกระเพาะที่ว่างมาทั้งคืน ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหาร ร่างกายสดชื่น สมองปลอดโปร่ง และไม่รู้สึกโหยเกินไปในมื้อกลางวัน ซึ่ง ความหิวโหยจากการเว้นอาหารเช้าอาจทำให้ทานมื้อต่อไปมากเกินกว่าที่ร่างกาย ต้องการ คนกลุ่มที่ตื่นเช้าจึงมีแนวโน้มที่จะหุ่นดีและสุขภาพดีกว่าคนที่ตื่นสายกว่า
โดย หนึ่งในทีมผู้ทำการสำรวจ ด็อกเตอร์จอร์ช ฮูเบอร์ กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า แม้นี่จะเป็นเพียงปัจจัยเล็ก ๆ ประการหนึ่งในการมีรูปร่างและสุขภาพที่ดี แต่ก็นับว่ามันเป็นปัจจัยที่ส่งผลสำคัญ ไม่แพ้เรื่องอื่น ๆ เลยทีเดียว นอกจากนี้ผลการสำรวจยังพบอีกด้วยว่าคนที่นอนดึกมักประสบปัญหาเรื่องการนอน และมีคุณภาพการนอนที่ไม่ดี
รู้อย่างนี้แล้ว เพื่อรูปร่างและสุขภาพที่ดีของคุณ เช้าวันต่อไปนาฬิกาปลุกเมื่อไหร่ให้รีบเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงเลยนะคะ