homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

โทรศัพท์มือถือ อันตรายต่อระบบสมองจริงหรือ?



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้อ่านบทความ หรือได้รับการบอกต่อ ๆ กันมาว่า อย่าวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ตัวนะ อย่าคุยโทรศัพท์มือถือนานนะ เพราะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือ จะส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้สมองเสื่อม เป็นมะเร็งสมองได้

          โอ้โห...ฟังแล้วดูน่ากลัวขึ้นมาทันที เพราะเราเองก็ใช้โทรศัพท์มือถือกันอยู่ทุกวัน ก็ย่อมอดกังวลไม่ได้ว่า  ความเชื่อทั้งหลายเกี่ยวกับการเตือนภัยโทรศัพท์มือถือนี้ จะจริงหรือไม่อย่างไรเพราะฉะนั้นวันนี้เราไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

          ก่อนหน้านี้เราคงเคยได้ยินข้อมูลที่ว่า คลื่นไมโครเวฟที่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือนั้นจะส่งผลกระทบต่อสมอง และระบบประสาทได้จึงได้มีฟอร์เวิรด์เมล์บอกต่อ ๆ กัน ว่าไม่ควรเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ตัวโดยเฉพาะเวลานอนก็ควรปิดโทรศัพท์มือ ถือเสีย

          ด้วยเหตุนี้จึงได้มีนักวิจัยจากหลายประเทศทำการศึกษาค้นคว้าข้อมูลนี้ เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง ก่อนที่จะมีงานวิจัยจากประเทศอังกฤษออกมาเปิดเผยว่า คลื่นไมโครเวฟจากโทรศัพท์มือถือก็มีผลต่อสมอง ในแง่ที่ทำให้สมองมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำถามแบบ "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" ได้รวดเร็วขึ้น แต่ไม่มีผลต่อการทำงานของสมองในแง่อื่น ๆ และยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นอันตรายต่อสมอง

          ทั้งนี้จริงอยู่ที่ว่า หากสิ่งมีชีวิตได้รับคลื่นรังสีในปริมาณมาก ๆ ย่อมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จนทำให้เกิดอันตรายได้ แต่เนื่องจากความถี่ของคลื่นไมโครเวฟโทรศัพท์มือถือ กับเตาไมโครเวฟประกอบอาหารต่างกัน และกำลังส่งสัญญาณของโทรศัพท์มือถือก็ต่ำมาก ส่วน สนามแม่เหล็กที่ส่งออกมาก็มีขนาดเล็กมาก เกินกว่าจะมีผลกระทบต่อเซลล์ในร่างกาย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องวิตกว่าการใช้โทรศัพท์มือถือจะทำให้ภูมิคุ้มกันแย่ลง หรือส่งผลกระทบต่อสมองและระบบประสาท

          ส่วนที่เคยมีงานวิจัยจากสวีเดน และราชสมาคมในลอนดอนระบุไว้ว่า เด็กหรือวัยรุ่นอายุน้อยกว่า 20 ปี ที่ใช้โทรศัพท์มือถือ มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งบริเวณส่วนต่อของหูกับสมอง หรือเนื้องอกในสมองมากกว่าคนทั่ว ๆ ไปถึง 5 เท่า เนื่องจากสมองและระบบประสาทยังไม่พัฒนาเต็มที่ และเด็กยังมีกะโหลกบางและเล็กกว่าผู้ใหญ่ ทำให้คลื่นพลังงานจากโทรศัพท์มือถือ สามารถทะลุทะลวงเข้าสู่สมองเด็กได้มากกว่า ขณะที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือหลังอายุ 20 ปี มีโอกาสเป็นเนื้องอกในสมองชนิดร้ายแรง เพียง 50% เท่านั้น แค่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งบริเวณส่วนต่อของหูกับสมองแค่ 2 เท่า

          ข้อมูลนี้อาจจะดูน่ากลัวแต่ในความเป็นจริงแล้ว นักวิจัยเองก็ยอมรับว่ายังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะยืนยันว่า การใช้โทรศัพท์มือถือในระยะยาว เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งที่บริเวณสมอง เพราะการเกิดมะเร็งสมองได้ต้องใช้เวลานานหลายปี และอาจมีปัจจัยอื่น ๆ เป็นองค์ประกอบด้วยจึงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปอีก

          สอด คล้องกับรายงานของสถาบันวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ ภายใต้การดูแลขององค์กรอนามัยโลกหรือ WHO ที่ระบุว่า จากการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 13,000 คน ในระยะเวลา 10 ปี พบว่าโทรศัพท์มือถือ ไม่ได้มีส่วนเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งสมองชนิดเนื้องอกเยื่อหุ้มสมอง และเนื้องอกในระบบประสาทส่วนกลาง แม้จะคุยโทรศัพท์นานกว่า 30 นาที ก็ยังไม่อาจสรุปได้ว่า โทรศัพท์มือถือเป็นสาเหตุของการเกิดเนื้องอกในสมองได้โดยตรง พบแต่เพียงว่าผู้ที่คุยโทรศัพท์มือถือนานกว่า จะมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือบ่อยครั้งแต่ระยะเวลาสั้น ๆ

          ทั้งนี้ ใช่ว่าการใช้โทรศัพท์มือถือจะไม่มีผลต่อสมองผู้ของใช้เลยเสียทีเดียว เพราะในวงการแพทย์ได้ยืนยันถึงผลกระทบของโทรศัพท์มือถือกับสมองไว้เรื่อง หนึ่งว่า หากคุยโทรศัพท์มือถือนาน ๆ จะทำให้ผู้ใช้เกิดอาการปวดศีรษะ ผิวหนังเหี่ยวย่น ความจำแย่ลงด้วย

          สรุปก็คือ ณ วันนี้ นักวิจัยยังไม่ฟันธงว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือจะส่งผลอันตรายต่อระบบสมอง หรือประสาท อย่างที่ใคร ๆ กลัวกัน มีแต่เพียงคำเตือน ที่ว่า การใช้โทรศัพท์มือถืออาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งสมองมากกว่าผู้ ไม่ได้ใช้เท่านั้น และต้องมีการศึกษาวิจัยต่อไปอีกในอนาคต

          แต่ถ้าหากใครยังไม่แน่ใจ หรือเกรงว่าผลวิจัยในอนาคตจะออกมาตรงกันข้ามกับข้อมูล ณ วันนี้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เราก็ควรใช้โทรศัพท์มือถืออย่างระมัดระวังมากขึ้นโดย

     เปลี่ยนไปใช้สมอลล์ทอล์ก หรือ บลูทูธ เพื่อหลีกเลี่ยงการถือโทรศัพท์แนบกับศีรษะ

     ไม่ควรคุยโทรศัพท์นานเกินไป โดยเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือประมาณ 15 นาที

     ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือ หากอยู่ในบริเวณที่มีสัญญาณต่ำ เพราะจะทำให้โทรศัพท์ปล่อยคลื่นความถี่สูงกว่าปกติ

     อย่าให้เด็กเล็กใช้โทรศัพท์มือถือโดยเด็ดขาด หากไม่จำเป็นจริง ๆ

          ทราบข้อมูลดี ๆ แบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมปฏิบัติตามนะคะ ป้องกันไว้ก่อนรับรองว่าดีที่สุดค่ะ

http://health.kapook.com/view21090.html