ที่มาตรฐานของโรงพยาบาลได้ตกต่ำลงอย่างน่าตกใจทั้งการดูแลที่ไม่เป็นอย่างที่ควรรวมทั้งเคสที่พยาบาลปฏิบัติต่อคนไข้ในด้านลบทำให้รัฐบาลสกอตแลนด์ตัดสินใจปิดโรงพยาบาลนี้อย่างสมบูรณ์ในปี 2002 แต่ถึงอย่างนั้นประสาทก็ยังตั้งแต่งานให้เห็นได้ช่วงนี้นึกถึงเรื่องหลอนในอดีตไม่น้อยเลยล่ะคุณลุกกันเลยทีเดียวหรือเส้นทางลัดใต้ดินจะเป็นอย่างไรหากรถไฟใต้ดินที่กรุงกำลังใช้บริการอยู่นั้นมีแรงรับแอบซ่อนอยู่อย่างในหนังเรื่อง Harry Potter หนึ่งในนั้นก็คือเมโทรทูเส้นทางรถไฟรับระดับความลึกกว่า 200 เมตรในมอสโกมีหน้าตาเหมือนกับอุโมงค์ยักษ์เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและเส้นทางภายในอย่างเชื่อมต่อไปยังสถานที่สำคัญต่างๆในตัวเมืองอีกด้วยคาดว่าอาจมีไว้สำหรับขนส่งสินค้าและเป็นสถานที่หลบภัยสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐแม้ว่าปัจจุบันจะยังใช้การอยู่แต่คนที่สามารถเข้าไปได้ต้องมีแบบผ่านพิเศษเท่านั้นนอกจากนี้ไปเมืองแห่งความเจริญอย่างมหานครนิวยอร์กก็มีทางรถไฟปริศนาแท็กซิกอีวันที่ถูกทิ้งร้างอยู่เช่นเดียวกันโดยวัดกันว่ามีไว้สำหรับระดับ VIP เท่านั้นแต่จะจริงหรือมั่วชัวร์หรือไม่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมาให้คำตอบได้ชัดเจนเลยแม้แต่คนเดียว
คุณรู้หรือไม่ว่าใต้ทะเลและมหาสมุทรตอนความรับเอาไว้มากมายและหนึ่งในนั้นก็คือเมืองโบราณภาพโรงเพทรีอายุกว่า 5,000 ปีที่นักโบราณคดีไปพบเขาแถวๆนอกชายฝั่งทางตอนใต้ของกรี๊ดและเชื่อกันว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับเมืองแอตแลนติสในตำนานก็ได้เนื่องจากมีโครงสร้างที่เกือบสมบูรณ์ถนนอาคารสุสานและสิ่งต่างๆครบครันเรียกว่าเจริญสุดในยุคนั้นแต่สิ่งที่ต้องคิดหาคำตอบกันต่อไปก็คือทำไมถึงมาอยู่ใต้ทะเลกันล่ะเรื่องนี้พวกเขาสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลจนพื้นดินเกิดทรุดตัวลงหรือไม่ก็สึนามิครั้งใหญ่ที่กลึงกินทั้งหมดจนโจมใต้ทะเลดูแล้วคิดช่างคล้ายๆกับแอตแลนติกในตำนานจริงๆแล้วคุณล่ะคิดว่ามันคือเมืองในตำนานไหมคอมเมนต์บอกเราหน่อยค่ะ
ประติมากรรมหินคานะหากคุณไปเยือนแถวๆหมู่บ้านคานักในฝรั่งเศสอาจจะต้องช็อคกับปฏิมากรรมจากหิน 1,029 ก้อนที่ตั้งเรียงกันเป็นแถวแน่ๆเพราะถึงที่อื่นจะมีหินมากมายแต่ไม่ใหญ่เท่านี้เลยพีคกว่าคือมันมีมาตั้งแต่เราเรา 3,300 ถึง 4,500 ปีก่อนคริสตกาลโดยเป็นฝีมือของชาวพรีเซลล์ติกที่นำมาตั้งไว้มีขนาดแตกต่างกันไปบ้างก็สูง 4 เมตรขณะที่บางก้อนสูงแค่ 60 ซมไม่มีใครรู้เลยว่าตั้งเอาไว้ทำไมได้แต่ดาวกันไปว่าอาจเป็นเกียรติแก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับใช้ในด้านดาราศาสตร์หรือแม้กระทั่งตรวจจับแผ่นดินไหวขณะที่ตนตำนานเก่าไว้ว่าจริงๆแล้วก้อนหินเหล่านี้คือทหารโรมันที่ต้องการจะบุกหมู่บ้านจะถูกพ่อมดเบอร์ลินสาปซะก่อนก็เลยมีสภาพอย่างที่เห็นเนื่องจากนี้ถ้าก้อนหินทั้งหมดบรรจบกันเป็นวงกลมนั่นหมายถึงการอวสานของโลกใบนี้หูยน่ากลัวก็หวังว่ามันจะเป็นเรื่องเล่าเท่านั้นนะเราล่ะขนลุกเลย
อาณาจักรลับบนเขา name Root กู้ไปใครจะเชื่อว่าเมื่อขึ้นไปบนยอดเขาสูง 2134 เมตรทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกีเราจะได้พบกับรูปปั้นสุดร้อนและสิ่งก่อสร้างจากหินจำนวนมากเรียงกันเป็นตราบทั้งหน้าคนสิงโตนกอินทรีย์เทพเจ้ากรีกและอื่นๆแต่ละตัวมีความสูงราวๆ 10 เมตรและน้ำหนักมากถึง 6 ตันถึงจะไม่มีใครรู้ว่าที่นี่ใครเป็นคนสร้างและสร้างไว้ทำไมแต่สันนิษฐานกันว่าอาจเป็นสุสานโบราณตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลถูกสร้างโดยกษัตริย์แอนติโอคัสที่ 1 TOT แห่ง commergen ว่าแต่ยุคนั้นเขาสร้างสิ่งที่งดงามแบบนี้ออกมาได้จำนวนมากและย้ายมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกันนะใครรู้ช่วยบอกที
ซากเครื่องบินในไอซ์แลนด์ปกติถ้าเครื่องบินตกก็มักถูกเก็บกู้ไม่ทิ้งทรัพย์ไว้ให้เห็นแต่เครื่องบินขนส่ง dct ของกองทัพเรือสหรัฐที่เกิดขัดข้องจนนักบินต้องบังคับเครื่องบินลงจอดบนหาดในโซเฮมาส์โดยไม่มีใครเป็นอะไรจะโชคร้ายที่เครื่องบินเสียหายไม่น้อยอาจโดยสภาวะแวดล้อมที่ยักษ์ต่อการเก็บกู้มันจึงถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ปี 1973 ก่อนจะกลายเป็นแลนด์มาร์คยอดนิยมที่มีนักท่องเที่ยวมาเช็คอินและถ่ายรูปมากมายปัจจุบันการเดินทางไปถึงจุดเครื่องบินตกไม่ได้ง่ายนักเพราะต้องเดินเท้าไปกลับเป็นระยะราว 7 กิโลเมตรถ้าไม่คิดก็มีลิ้นห้อยจะทักคิดว่ามันต้องถ่ายให้ได้สักครั้งก็ต้องลองค่ะถ้าพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย
หากวันดีคืนดีแวะไปเดินเล่นบนเนินเขาแห่งหนึ่งในสมมุติเสร็จที่อังกฤษจะเห็นว่าด้านบนมีหอคอยโบราณเซนต์ไมเคิลตั้งอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายทั้งสวยและน่าสะพรึงกลัวไปในเวลาเดียวกันไม่น่าแปลกเพราะที่นี่ถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศส่วนใครเป็นคนสร้างและสร้างเมื่อไหร่ยังไม่มีใครทราบแน่ชัดรู้แต่เพียงว่าถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในศตวรรษที่ 14 หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เท่านั้นส่วนจุดประสงค์ของที่นี่เชื่อว่าอาจเป็นสถานที่แสวงบุญของชาวคาทอลิกในยุคกลางมีความเกี่ยวข้องกับกษัตริย์อาเธอร์และเป็นประตูสู่นรกด้วยหูยถ้าเป็นจริงๆนี่ไม่รู้ว่าแถวนั้นจะมีพลังงานที่มองไม่เห็นมากน้อยแค่ไหนกันนะพูดแล้วก็ขนลุกเลยหรือ
นครรัฐที่หายสาบสูญ หากใครเป็นแฟนภาพยนตร์เรื่อง The Lost city of City คงรู้ระทึกและตื่นเต้นกับความลึกลับซับซ้อนของเรื่องแต่รู้หรือเปล่าว่านี่น่ะเรื่องจริงของเผลอซิแฮริสันฟรอเซ็ทนักสำรวจชาวอังกฤษชื่อดังโดยเขาพบเอกสารของนักเดินทางชาวโปรตุเกสปี 1753 ระบุไว้ว่ามีเมืองโบราณลึกลับในป่าสน Amazon เขาจึงออกเดินทางไปในป่าราวๆปี 1921 หลังจากนั้น Percy ก็ออกเดินป่าตามหานครรับซื้อที่ว่าเป็นเวลานานแล้วค่อยๆขาดการติดต่อไปยังปริศนาซึ่งหลังจากที่หายตัวไปไม่ขึ้นเห็บเคนเบิร์ตเจอร์ก็ตามรอยของเพอร์ซี่ไปเรื่อยๆจนพบกับฮูฮิฟุกุโบราณสถานเก่าแก่ในบราซิลใกล้กับจุดที่ทีมเขาหายไปซึ่งลือกันไปต่างๆนานาว่าบางทีอาจไปล่วงรู้พลังลึกลับของที่นี่เข้าจนต้องหายสาบสูญไปแล้วคุณล่ะคิดว่าเป็นเพราะอะไรกันคะ
ป้อมหาริฮะถ้าใครชอบปีนเขาแล้วไม่เห็นป้อมหารีฮาแห่งเทือกเขาปิอัมพะเกดวนเทียนในอินเดียคงร้องอื้อฮือก็ไม่ใช่แค่ความชันเกือบๆ 80 องศากว่าจะขึ้นไปเลาะซุ้มประตูด้านบนได้ก็ต้องเดินขึ้นบันไดหินตัดเกือบๆ 200 คันที่ทั้งแคบชันและลื่นอีกด้วยว่ากันว่าที่แห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์อย่าหวาดาในช่วงศตวรรษที่ 9-14 เพื่อปกป้องเส้นทางการค้าในสมัยอดีตแต่ก็ถูกบุกรุกและโจมตีหลายครั้งก่อนพิธีกองทัพอังกฤษจะเข้ามายึดครองสิ่งที่น่าทิ้งของป้อมนี้ก็คือถูกสร้างบนภูเขาหินทรงสามเหลี่ยมแต่บนยอดแปรรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทำให้ป้อมนี้ดูโดดเด่นและแม้พื้นที่ดังกล่าวจะเข้าถึงยากแต่ด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามดูลึกลับทำให้มีนักท่องเที่ยวยอมบุกฝ่าดงปีนขึ้นไปสูดอากาศที่นั่นมากมายเลยล่ะ
รูปปั้นโมไอส์ใต้น้ำประติมากรรมรูปปั้นโมอายสัญลักษณ์ของเกาะอีสเตอร์ที่รู้จักมักอยู่บนบกแต่เคยจะเชื่อว่าใต้น้ำก็มีก็นักประดาน้ำไปพบเขาจริงๆหน้าตาแบบเดียวกับที่เคยเห็นเด๊ะความสูงประมาณ 7.62 เมตรจมอยู่ใต้ทะเลระดับความลึก 9 เมตรแน่นอนว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้เลยทำให้ใครๆก็พากันลงไปพิสูจน์ด้วยตนเองก่อนจะเซ็งไปตามๆกันเมื่อมีข่าวลือออกมาว่านี่ไม่ใช่ของจริงแต่เป็นเพราะประกอบฉากภาพยนตร์เรื่องปลาหนุ่ยของเควิ่งคอสเนอร์ต่างหากว่าแต่ถ้าเป็นเรื่องจริงทำไมถึงไม่เก็บกลับไปด้วยล่ะเอ๊ะหรือว่าจะทิ้งไว้ให้เราสงสัยเฉยๆกันแน่นะ
ชัมบาร่าใครเคยดูภาพยนตร์ชื่อเดียวกันน่าจะต้องร้องออกขึ้นมาตามๆกันบอกเลยว่าสัมมาลาไม่ใช่แค่สถานที่ที่สวยงามจนน่าตกตะลึงเท่านั้นเพราะตำนานเรื่องเล่าก็น่าสนใจไม่แพ้กันเสื้อกันว่าฉ่ำบาร่าเป็นดินแดนแห่งความศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อทางพุทธศาสนาเป็นสังคมในอุดมคติเจริญรุ่งเรืองสงบและสว่างด้วยพลังแห่งพุทธศาสนาแต่แน่นอนว่าทุกวันนี้ยังมีการถกเถียงและมีข้อกังขากันว่าทำบาร่าหรือที่เรียกว่าฉันกีฬามีอยู่จริงหรือไม่บอกเลยว่าสถานที่นี้ไม่เคยปรากฏบนแผนที่โลกเลยแต่หลายคนเชื่อว่าอาจเต็มไปได้ทั้งแถวๆแม่น้ำศัตรูหลุดในหิมะประจำประเทศอีอินเดียหรือไม่ก็ในเทือกเขาหิมาลัยทั้งนี้แม้จะไม่คอนเฟิร์ม 100% แต่คาดว่าหากเขาถึงแล้วอาจจะรู้สึกถึงความสงบและเข้าถึงจิตวิญญาณแห่งตำนานก็ได้ใครจะรู้
หอระฆังกลางน้ำใครเห็นเป็นต้องสงสัยว่าทำไมหอระฆังถึงไปอยู่กลางน้ำกันล่ะเราจะเล่าให้ฟังข้าเรื่องมันมีอยู่ว่าในปี 1939 รัฐบาลโซเวียตได้ก่อสร้างเขื่อนเพื่อจัดตั้งสถานีไฟฟ้าพลังน้ำเลยต้องมีการอัญเชิญผู้คนออกไปก่อนจะปล่อยน้ำเข้ามาส่งผลให้สิ่งก่อสร้างในเมืองคานยาซีนจากยุคกลางทางบ้านถนนสถาปัตยกรรมต่างๆรวมทั้งมหาวิทยาลัยเซนต์นิโคลัสจมหายไปยกเว้นหอระฆังของวิหารเซนต์นิโกลาสที่ยังคงตั้งแต่งานอย่างงดงามอยู่กลางแม่น้ำโวกาสูงจากระดับน้ำถึง 74 เมตรเกือบเท่ากับอาคารสูง 23 ชั้นด้วยความยูนิตไม่เหมือนใครทำให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมภายในโครงสร้างโบราณสถานมากมายแม้ภายในหอคอยวางเปล่าเนื่องจากได้นำเครื่องเรือนออกไปก่อนที่ระดับน้ำจะสูงขึ้นแต่ในฤดูหนาวทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็งสามารถเดินไปชมหอระฆังได้สบายส่วนด้านในจะขังกันเบอร์ไหนงานนี้ต้องไปพิสูจน์กันแล้วล่ะ
ซากปรักหักพังบนเกาะสวากคิมขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่าก็ต้องมีความสำคัญและไม่ถูกทิ้งความกันง่ายๆแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเกาะ swagen หนึ่งในเมืองท่าที่มั่งคั่งของซูดานที่มีความสำคัญนานกว่า 3,000 ปีถึงได้มีสภาพเหมือนเกาะผีสิงแบบนี้เรื่องก็มีอยู่ว่าเมื่อท่าเรือทางตอนเหนือของสู่แดนถูกสร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 20 ในเมื่อมีที่ใหม่แล้วที่เก่าจึงถูกลดความสำคัญลงไปและแล้วในช่วงปลายปี 1930 บรรดาผู้คนที่นี่ก็อพยพออกไปทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองร้างในที่สุดส่วนประวัติความเป็นมาของที่นี่ก็คุ้มค่าเพราะไม่มีการบันทึกหรือวิจัยทางโบราณคดีอย่างละเอียดได้แต่เชื่อกันว่าเคยเป็นท่าเรือของโรมันที่ประตูเรมี่เคยกล่าวถึงว่าอยู่บนเกาะทรงกลมเท่านั้นยังไงก็ตามแม้ที่นี่จะเต็มไปด้วยความรักแต่ก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนอยากไปเห็นกับตาอยู่ดี
ที่คุณเห็นอยู่นี้ไม่ใช่ประตูสู่โลกแห่งความตายหรือโรคแฟนตาซีมันคืองานศิลปะฝีมือของศิลปินชาวออสเตรเลียคนหนึ่งที่สร้างขึ้นจากลวดคอนกรีตพอกและหุ้มด้วยปูนปลาสเตอร์เพื่อแสดงความเคารพต่อคุณพ่อของเขาที่จากไปในปี 1993 บนพื้นที่ของตัวเองใน New South Well มีลักษณะเป็นรั้วขนาดใหญ่สูง 7 เมตรยาว 24 เมตรดุๆไปก็แอบขายประสาทสไตล์โกธิคเหมือนกันนะน่าเสียดายหน่วยงานของรัฐมองว่ามันไม่มีความปลอดภัยจึงสั่งให้เรือทิ้งแกะเจ้าตัวไม่ยอมแพ้ง่ายๆต่อสู้และเพิ่มความแข็งแรงให้มากขึ้นแม้จะอยู่มาได้กว่า 20 ปีมันก็เริ่มเสื่อมโทรมจนมีแววว่าอาจจะถูกทิ้งร้างเพราะไม่ปลอดภัยขึ้นมาจริงๆแล้ว
หมู่บ้านโคเมสคอปทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศนามีเบียที่เต็มไปด้วยทะเลทรายอันกว้างใหญ่เราจะเห็นหมู่บ้านร้างแห่งหนึ่งที่ตั้งขึ้นท่ามกลางภูมิประเทศที่มีแต่ทรายและทรายซึ่งเมื่อร่องเข้าไปยังอาคารใดอาคารหนึ่งก็พบว่าแม้แต่ภายในอาคารก็ยังเต็มไปด้วยทรายเลยโดยหมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นชุมชนของเหล่าคนงานเหมืองเพชรชาวเยอรมันนอกจากบ้านเรือของครอบครัวคนงานแล้วชุมชนนี้ยังมีโรงพยาบาลโรงเรียนคาสิโนระบบขนส่งแบบร่างไปจนถึงสถานีเอกซเรย์ซึ่งเป็นแห่งแรกในซีกโลกใต้แต่หลังจากที่ขุดเพชรไปแล้ว 20 ปีสอบบ้างก็ได้พบว่ามีแหล่งเพชรทางตอนใต้ห่างจากเมืองไปอีก 270 กมจึงทำให้พวกเขาทยอยทิ้งพื้นที่ตรงนี้เพื่อไปขุดเพชรที่ตรงนั้นแทนอย่างไรเยื่อใยจึงกลายเป็นหมู่บ้านร้างอย่างสมบูรณ์ในปี 1956 ปัจจุบันหมู่บ้านร้างแห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของนามีเบียร์เช่นเดียวกับเกาะฮาชิมะของญี่ปุ่นที่มีประวัติความเป็นมาที่คล้ายคลึงกัน
สะพานโอเวอร์ตันมองเผินๆหลายคนก็รู้สึกว่าสะพานธรรมดาแต่แต่อย่าให้ภายนอกมันหลอกคุณที่จริงแล้วสะพานโอ๋จันทร์แห่งสกอตแลนด์นั้นขึ้นชื่อลือชาเรื่องอาถรรพ์มาตั้งแต่ปี 1960 ว่ากันว่าที่มีเคยมีสุนัขกระโดดลงไปด้านล่างจนสีแหงแก่กว่า 600 ตัวโดยส่วนใหญ่มักเป็นพันธุ์คอลลี่จมูกยาวรีซีฟเวอร์และราบอลยิ่งวันไหนอากาศร้อนแดดจ้าแล้วก็จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นประจำโดยเหล่านักวิทยาศาสตร์ก็ได้คำอธิบายกับเรื่องนี้ว่าสาเหตุทั้งหมดอาจเกิดจากกลิ่นที่เธอออกมาจากบริเวณใต้สะพานโดยเฉพาะกิ่งของเพียงพอสีน้ำตาลอาจเป็นสิ่งดึงดูดให้เหล่าสุนัขตัดสินใจกระโดดลงมาด้านล่างแต่ที่น่าสงสัยก็คือทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แค่ที่นี่ที่เดียวกันล่ะหรือว่าจริงๆแล้วแต่สะพานแห่งนี้จะมีบางสิ่งลึกลับที่ยังไม่มีใครรู้อยู่จริงๆนะ
วิหารแบบฮินดูแห่งนี้อยู่ในรัฐทมิฬนาถูกประเทศอินเดียค่ะความมหัศจรรย์ก็คือทุกองค์ประกอบของวิหารแกะสลักจากหินก้อนใหญ่หินก้อนเดียวโดยใช้ระยะเวลา 48 วันเท่านั้นว่ากันว่าวัดเวตูมวันคอยถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 8 เพื่อบูชาองค์พระศิวะผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าวัดมีความคล้ายกับวิหารไกรลาสซึ่งเชื่อกันว่าอาจเป็นต้นแบบของวิหารดังกล่าวก็ได้แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาสงสัยมากกว่านั้นคือใครเป็นคนสร้างที่นี่กันแน่เนื่องจากไม่พบหลักฐานอะไรเกี่ยวกับคนสร้างเลยสักชิ้นเดียวตามตำนานท้องถิ่นเก่าว่าที่นี่ถูกสร้างโดยพ่อกับลูกชายซึ่งคนเป็นพ่อสร้างบนเนินเขาส่วนลูกชายสร้างจากด้านล่างขึ้นมากแต่เกิดการขัดแย้งขึ้นมาซะก่อนลูกชายจึงถูกพ่อจัดการขั้นเด็ดขาดก่อนคิดค้นเป็นพ่อจะออกจากวัดไปทั้งๆที่สร้างไม่เสร็จก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมตัววัดถึงไม่สมบูรณ์มาจนถึงทุกวันนี้
waiting House Atom Smart ters เริ่มต้นกันด้วยวัตถุโบราณขนาดใหญ่รูปทรงคล้ายหลอดไฟที่ถูกวางทิ้งไว้อย่างเดียวดายในเพนซิลเวเนียใครเห็นเป็นต้นสงสัยว่ามันคืออะไรพอไปลองสืบพบว่ามันคือเครื่องเร่งไฟฟ้าสถิตแบบแหวน The graph ของบริษัท waiting House Electric Corporation ถูกสร้างขึ้นในปี 1937 เพื่อทดลองเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ตัวหอบคอยโดดเด่นด้วยดีไซน์คล้ายหลอดไฟความสูงเกือบๆ 20 เมตรก่อนจะเลิกทดลองไปในปี 1958 โดยไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนยังไงก็ตามอาคารนี้ก็ตั้งแต่งานมาเกือบ 80 ปีก่อนที่ในปี 2015 เจ้าของคนปัจจุบันเจอหรืออาคารเพื่อสร้างอพาร์ทเมนท์และนำมันมาวางทิ้งไว้อย่างที่เห็นและเมื่อถูกยัดส่วนออกมามันก็มีค่าเพียงแค่เศษเหล็กเก่าๆเท่านั้นน่าเสียดายเหมือนกันเนอะ
ปากน้ำเบอร์ 7 อาคารทรงกลมขนาดใหญ่พื้นที่ไม่ต่ำกว่า 4,000 ตารางเมตรที่คุณเห็นอยู่นี้เคยเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นกลางเมืองเคียฟแม้ภายนอกจะดูเหมือนกับโรงละครหรือสถานที่จัดงานแสดงอาคารที่สร้างขึ้นในปี 1973 มันคือสถานีรถโดยสารบริการในเมืองหลวงและเส้นทางระหว่างประเทศเช่นเยอรมนีโปแลนด์เบลารุสและทำหน้าที่เป็นครั้งต่อพาหนะใหญ่ที่สุดในโซเวียตรองรับรถได้ถึง 500 ครั้งเพราะว่าหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียตเส้นทางโดยสารถูกยกเลิกอย่างต่อเนื่องกลายเป็นที่จัดเก็บภาระที่ชำรุดแท้จนในปี 2015 อดีตสถานีนี้จึงปิดตัวลงอย่างถาวรหรือเพียงแต่ซากรถบัสนับร้อยเท่านั้น
หินอ่อนนาซ่าร็อค มองเผินๆอาจจะดูเหมือนหินธรรมดาพอเข้าไปสังเกตใกล้ๆเอ้าหินมันถูกผ่าซีแบบเนียนกริ๊บเลยนี่นาแค่นี้ก็น่าแปลกใจกันแล้วใช่ไหมล่ะแต่สิ่งที่ Amazing ไปกว่านั้นก็คือถึงจะโดนผ่ากลางไปแล้วมันก็ยังตั้งแต่งานอยู่บนฐานอันเล็กท่ามกลางทะเลทรายทางตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุดิอาระเบียได้แบบตรงเน่าโดยไม่มีทีท่าว่าจะโยกเยกหรือพังทลายลงมาเลยสักนิดเดียวว้าวทำได้ยังไงกันคะถึงจะยังไม่มีใครรู้ว่ารอยผ่านี้มาได้อย่างง่ายขนาดนักวิทยาศาสตร์เองก็ยังงงไม่น้อยได้แต่สันนิษฐานว่ารอยแยกอาจเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกหรือไม่ก็ตัวหินมีรอยเดิมอยู่แล้วพอถึงจุดหนึ่งมันก็เลยแตกและแยกออกมาอย่างที่เห็นจะด้วยความเป็นเหนือธรรมชาติแบบนี้หลายคนจึงคิดกันไปต่างๆนานาว่าอาจจะเกิดจากสิ่งลึกลับก็ได้แล้วคุณล่ะคิดว่ายังไงเป็นฝีมือมนุษย์ธรรมชาติหรือเหนือธรรมชาติกัน
พีระมิดโบราณแห่งมอสเป็นอีกหนึ่งพีระมิด เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งก็ว่าได้เพราะมีอายุเป็นหมื่นปีแถมพีระมิดแห่งดวงอาทิตย์ก็มีความสูงปากเข้าไปถึง 219 เมตรแล้วสูงใหญ่อลังการอย่างเดียวไม่พอมีการค้นพบว่ามันสามารถปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่อเนื่องคล้ายกับว่าเหมือนมีเครื่องจักรทำงานอยู่ภายในแบบไม่พักกันเลยล่ะชักสงสัยซะแล้วสิว่าในนั้นมันมีอะไรกันแน่นะชาวบ้านในละแวกนั้นคำนวณคร่าวๆว่าพีระมิดแห่งบอสเนี่ยอาจเป็นอารยธรรมของมนุษย์โบราณเมื่อประมาณ 12,000 ปีที่แล้วก็ได้เพราะมีการค้นพบว่าภายในพีระมิดนั้นเป็นคนกรีดที่แข็งแกร่งมากๆบ้างก็ว่านี่อาจไม่ใช่ฝีมือมนุษย์แต่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติเมื่อทิ้งร้างไว้จึงเกิดการกัดเซาะตามธรรมชาติจนมีสภาพเป็นมุมสามเหลี่ยมเหมือนกับพีระมิดอย่างในอียิปต์ซึ่งตอนนี้นักวิทยาศาสตร์และนักธรณีวิทยาเขาก็กำลังค้นหาคำตอบกันอยู่
สั่งซื้อการ์ตูนสยองขวัญ เล่มละ 20 บาท การ์ตูนแบบ PDF คลิกดูตัวอย่างแต่ละเล่มได้เลย
สั่งเลยแสกนคิวอาร์โค้ดเพิ่มไลน์ที่นี่