อิ่มนี้ที่บ้าน “แม่ช้อย นางรำ”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

27 พฤศจิกายน 2547 12:45 น.

“อาหารบ้านอีชั้น” เป็นอาหารไทยชาวบ้านโบราณเจ้าค่ะ        โดย: เเม่ช้อยนางรำ                บ้านอีชั้น..อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา        ตรงข้ามกับ”เจดีย์ศรีสุริโยทัย”        ระหว่าง “วัดกษัตราราม-วัดธรรมาราม”        ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา               บ้าน “แม่ช้อย นางรำ” อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ข้างๆ วัดกษัตราราม กับวัดธรรมาราม หรือจะว่ากันง่ายๆ ก็คือ อยู่ตรงข้ามกับเจดีย์ศรีสุริโยทัย               เจ้านายไม่ต้องว่ายข้ามแม่น้ำมาให้ยุ่งยากก็ได้เจ้าค่ะ

“กุ้งหอยปูปลา” ได้มาจากแม่น้ำเจ้าพระยาสดๆ ทุกวัน        เพียงแต่ขับรถข้ามสะพานที่อยู่ใกล้กับ “พระตำหนัก” ทางที่จะไปอำเภอเสนา บ้านแพน               พอข้ามสะพานเลี้ยวขวาเข้าวัด “กษัตราฯ” ขับรถเข้าไปในวัด ถัดวัดไปก็เป็นบ้านของคุณ “แสงชัย สุนทรวัฒน์” ที่เขามาซื้ออยู่ข้างๆ บ้านอีชั้น เพราะเราเป็นเพื่อนกัน เขาบอก “คุณแนนซี”ภรรยาเขาว่า               เวลาที่อยากจะกินข้าวก็ปีนกำแพงเข้าไปในบ้านแม่ช้อยขอเขากินได้ แต่ตอนนี้ อีชั้นต้องตักบาตรฝากพระไปให้คุณแสงชัยเขารับประทานแทน โดยไม่ต้องออกแรงปีนรั้วเข้ามาหาอีชั้นก็ได้               บริเวณบ้านอีชั้นคนกรุงเก่าเขาเรียกว่า “ตำบลบ้านป้อม” ที่เรียกอย่างนั้นก็สมัย “บุเรงนอง” ยกทัพมาตีอยุธยา ก็เลือกทำเลแถวบ้านอีชั้นนี่ล่ะเป็นที่ตั้งป้อมค่าย               กรุงแตกครั้งแรกก็บริเวณหน้าบ้านอีชั้นนี่ล่ะ เพราะคนไทยไส้ศึก เปิดประตูเมืองด้านวังหลัง ที่เรียกว่า “สวนหลวงสบสวรรค์” ให้ทัพพม่ารามัญกรูเข้าเมือง               ถัดบ้านอีชั้นไปหน่อยก็เป็น “วัดท่าการ้อง” ที่พงษาวดารเขียนบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ว่าก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตกครั้งสุดท้าย อีกามันร้องกันเต็มท้องฟ้า บางก็บินไปให้ยอดพระปรางค์เสียบอกตาย               โบราณท่านว่าเป็นลางอาถรรพณ์ รวมอยู่ในสิ่งอัศจรรย์ของกรุงเก่า ที่มีมากมาย               บรรพบุรุษของอีชั้นเล่าว่า บ้านอีชั้นแต่เดิมเป็นท่าข้ามฟากของพวกขุนน้ำขุนนางที่อยู่เกาะนอกเมือง จะเข้าประตูเมืองด้านทิศเหนือ แต่เป็นท่าไม่ใหญ่เหมือน “ท่าหัวรอ”

บรรยากาศภายในบ้านไทยโบราณ ต้นไม้ไทยร่มรื่นเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่        ที่เรียกอย่างนั้นก็เพราะคนรอไปขึ้นเรือข้ามฟากมากที่สุด จนกระทั่งพม่ามาตีกรุงแตก ครั้งที่ 2 ก็ตรงกำแพงเมืองด้านหัวรอนี่ไง               มีประวัติความเป็นมามากมายที่เกี่ยวข้องกับบ้านอีชั้น ถ้าไปพบกันอีชั้นจะเล่าให้ฟังมีทั้งตื่นเต้น มีทั้งสะเทือนใจ               โดยเฉพาะเรื่องของเจ้าของบ้านยามตกอับ ต้องเอาบ้านมาทำเป็นร้านอาหาร หาเงินส่งเสียลูกที่ยังเด็ก พ่อแม่ที่แก่เฒ่า สิบปากฝากชีวิตไว้กับสองมือนี่ไงมีพลัง               อีชั้นอยากจะเรียนเชิญเจ้านายและท่านผู้อ่านที่เคารพมารับประทานอาหารร่วมกัน               ชาติหน้าฟ้าใหม่จะได้มารับใช้เป็นเจ้านายลูกน้องกันต่อไปอีกชาติ แล้วมีโอกาสได้เกิดใหม่เป็นนักเขียน เขียนอะไรต่อมิอะไรให้ท่านได้อ่านกันอีก               อร่อยแล้วจะได้มาอยุธยาบ่อยๆ แล้วอย่าลืมเยี่ยมอุดหนุนร้านอาหาร “บ้านแม่ช้อย นางรำ” ช่วยอุดหนุนอีชั้นบ้าง ทำไปกำรี้กำไรไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่               ..ได้มือซ้ายจ่ายมือขวา ชีวิตอีชั้นมันรันทดอย่างที่ว่า อุดหนุนอาหารจานแพงช่วยอีชั้นก็แล้วกันนะเจ้าค่ะ เจ้านาย..               “แม่ช้อย นางรำ”                บ้านแม่ช้อยนางรำ ได้ที่ 0-3525-5268 และที่ 0-6569-2179 และ 0-1823-9394

เฝอไก่ (PHO’ GA’) ยอดอร่อยที่...ฮานอย / แม่ช้อย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 พฤศจิกายน 2547 18:05 น.

โดย : “แม่ช้อย นางรำ”

“ร้านเฝ๋อไก่” เจ้าอร่อยสุด...สุดที่ “ฮานอย”        “เฝอ...(ก๋วยเตี๋ยวญวน) ที่อร่อยที่สุด               อยู่ที่เมืองฮานอย ทั้งเฝอเนื้อ เฝอไก่               เดือนหน้าจะพาคุณไปเปิบที่ฮานอย               อยากอร่อยก็ตามอีชั้นมา”               กลางเดือนธันวานี้ อีชั้นจะเดินทางไปเวียดนามอีกแล้วเจ้าค่ะ...เจ้านาย               ที่ต้องเขียนบอกว่าอีกแล้ว ก็เพราะว่า อีชั้นไปบ่อย ก็เป็นแม่ช้อยนี่เจ้าค่ะ               อีชั้นจึงต้องรำไปทั่ว ที่ไหนเขามีอะไรกัน อีชั้นต้องไปที่ไหนเขามีอะไรให้ดู อีชั้นต้องเห็น และจำเป็นที่สุดก็คือที่ไหนเขามีอะไรอร่อย อีชั้นต้องไปเปิบ               ไปเวียดนามคราวนี้ จะไปเปิบและไปเที่ยวเฉพาะเวียดนามเหนือเท่านั้น คือจะไปที่เมืองฮานอย ซึ่งเป็นนครหลวงของชาวเวียดนาม แล้วจะไปเมือง “ซาปา” เขาว่าเป็นเมืองหลวงของชาวป่า ชาวเขา ที่เวียดนามมีอยู่หลายสิบเผ่า        ล้วนแล้วแต่มีความเป็นมาน่าสนใจที่สุดในโลก               เจ้าค่ะ...ในโลก ก็มีที่ไหนในโลกนี่ละ จะมี “ตลาดพรหมจรรย์” แต่ที่เมืองซาปาที่ว่านี้มีแห่งเดียวในโลกนี้ ที่ผู้หญิงจะหาความสุขทางเพศกับผู้ชายแปลกหน้าได้หากเธอพอใจ               อ๊าว..!! เจ้านาย ตาวาวแล้วซิเจ้าค่ะ มันก็ต้องตาวาวกันทั้งนั้น ถ้าเป็นผู้ชายไม่พายยังแข็ง               อีชั้นนะรู้จักเมืองซาปานี่มานานแล้ว เพราะพวกฝรั่งเขาว่าเป็นเมืองอัศจรรย์ในโลก คือทุกคืนวันเสาร์ จะมีสาวชาวเขาเผ่าต่างๆลงมาจากดอยเพื่อมาหาผู้ชายสักคนที่เธอจะนอนด้วย               หลังจากดื่ม กิน เต้นรำ อยู่ครึ่งคืนวันเสาร์ พอใจแล้วเธอจะหิ้วผู้ชายเอาไปนอนด้วยทั้งคืน ตื่นขึ้นตอนเช้าก็แยกย้ายบ้านใครบ้านมัน เจอกันอีกทีก็ไม่รู้จักกันแล้ว นี่เป็นประเพณีโบราณ ตั้งแต่ยุคหินใหม่เห็นจะได้

หน้าตาเฝ๋อไก่ฮานอยที่เห็นเป็นเช่นนี้        สังคมแบบนี้ เขาเรียกว่า “สังคมผู้หญิงเป็นใหญ่” เธอมีสิทธิเลือกผู้ชาย และถ้าลูกติดท้องเธอไป ก็เป็นลูกของเธอ               เมืองซาปา( SAPA) จึงเหมือนเมืองแห่งความฝันของผู้ชาย เพราะที่นั่นผู้หญิงเป็นฝ่ายเลือก โดยไม่ต้องการค่าตอบแทน               แต่เมืองนี้ โลกยังไม่รู้จักอย่างแพร่หลาย ก็เลยไม่ค่อยจะมีใครไป อีกอย่างหนึ่งก็คือ เมืองนี้เข้าไปในป่าลึกภูเขาสูง ติดกับแผ่นดินจีน ผู้หญิงที่นั่นมีเชื้อสายเป็นคนจีน หน้าตาสวยสะ ผิวพรรณขาวผ่อง ไม่สกปรกอย่างที่คิดกัน        เจ้านายอยากจะไปมั๊ยล่ะ ถ้าอยากจะไปก็รีบบอกมา คณะของเราจะเดินทางวันพฤหัสที่ 16 ธันวา เดินทางกลับวันจันทร์ที่ 20 ธันวา เป็นเวลาห้าวันกับอีกสี่คืน

“แม่ยายญวน” ชวนเปิบพิสดาร        รายละเอียดสอบถามได้ที่ หมายเลข (ศูนย์) สอง-หก-ห้า-สาม-เจ็ด-หนึ่ง-เจ็ด-หนึ่ง (0) 2653-7171 เขียนหนังสือกำกับตัวเลข เพื่อป้องกันการผิดพลาด เพราะเขียนตัวเลขทีไรเป็นต้องผิดกันให้ได้ทุกที               เฝอไก่ ( PHO’ GA’) ไปเวียดนามคราวนี้ ยืนยันการันตี เรื่องอาหารจะต้องอร่อยดี....               อย่างเฝอไก่เจ้านี้อร่อยที่สุดในเมืองฮานอย บ้านเรามีแต่เฝอเนื้อ แต่ที่นั่นทั้งเนื้อทั้งไก่อร่อยทั้งนั้น ความอร่อยทำให้คนญวนเรียก “เฝอ”ว่า..ชู้                รู้มั้ยทำไม ก็เพราะ เมียที่บ้านเหมือนน้ำพริกถ้วยเก่าของตาย ส่วนเฝอนั้นเป็นชู้ ของใหม่ตื่นเต้นอร่อยกว่าเป็นไหน..ไหน               ยังมีอาหารเวียดนามอร่อยอีกมากมายในฮานอยกับเมือง “นิงคมิงห์”กับเมือง “นามฮา”แล้วอีชั้นจะรายงานให้เจ้านายได้รู้เอาไว้ ตอนนี้ไปกินเฝออร่อยที่สุดในโลกที่ฮานอยกับอีชั้นก่อนนะเจ้าค่ะ               “สนใจร่วมเดินทางไปกับทัวร์ “แม่ช้อยอร่อยเหาะ” เหาะไปกินอาหารที่เวียดนาม(เหนือ) โทรศัพท์ติดต่อ ที่บริษัทพี.โอ.พี. ทราเวล หมายเลข (0) 2653-7171 เครื่องพ่วง 10 เบอร์เจ้าค่ะ”

อาเลตาจ ( AL’ E’TAGE ) “คองดองเบอล์” ร้านเดียวในเมืองไทย / แม่ช้อยนางรำ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

4 ธันวาคม 2547 13:27 น.

โดย : แม่ช้อยนางรำ

"อาหารฝรั่งเศส"ในกรุงเทพมีมากมาย ทำไมอีชั้นจึงต้องชวนเจ้านายมาที่นี่ ไม่ใช่เพราะยี่ห้อ “คองดองเบอล์” เท่านั้น               แต่เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่ไม่ต้องบินไป กินอร่อยกันถึงแพรีส               เจ้านายคะ               ไอ้ที่สัญญิงสัญญากับอีชั้นว่า จะพาไปกินอาหารฝรั่งเศสอร่อย...อร่อย รวมทั้งจะให้แม่ช้อยไปเรียนวิชาอาหารฝรั่งที่สถาบัน “ คองดองเบอล์”ถึงปารีสน่ะ...ลืมได้แล้ว

“คุณอิสริยา พิพัฒนกุลชัย”คองดองเบอล์ หนึ่งเดียวในเมืองไทย        ตอนนี้เจ้านายเพียงสั่งคนรถให้ขับไปที่สุขุมวิท 39 ซอยเดียวกับโรงพยาบาลพร้อมมิตร ของ“หมอเพรา นิวาตวงศ์” ก็เท่านั้นล่ะเจ้าค่ะ               เจ้านายก็จะพบร้านอาหารฝรั่งเศสที่ชื่อว่า “อา เลอตาจ” (AL’ E’TAGE) ที่นี่ไม่ใช่เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสอร่อยประจำเมืองเท่านั้น               แต่ร้านนี้เจ้าของร้านเป็นศิษย์รักศิษย์เอกจากสถาบันทำอาหารฝรั่งเศส ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ก็คือ“เลอ คอง ดอง เบอล์” (LE CORDON BLUE) กันทีเดียวเชียวเจ้าค่ะ               มามะ..อีชั้นจะแนะนำให้รู้จักคุณ “อิสริยา พิพัฒนกุลชัย”หนึ่งเดียวในเมืองไทยของ “คองดองเบอล์”                ที่ว่าสาวน้อยคนนี้เธอมีพรสวรรค์ในเรื่องทำอาหาร ทั้งๆที่ตระกูลของเธอเป็นตระกูลของ “ทันตแพทย์”ที่มีชื่อเสียงในเมืองไทย               เธอเรียนสำเร็จปริญญาตรีที่เมืองไทย แต่ไปทำปริญญาโทเรื่องอาหารที่คองดองเบอล์ ที่ว่า ก็นับว่าแปลก..แปลกดีเหมือนกัน               แต่ถ้าเจ้านายไปลองฝีมือของเธอทำอาหารแล้วต้องบอกว่า...อร่อยอย่าง นี้ต้อง โท-เทอ ไม่ได้มันต้องให้ปริญญาเอก ด๊อกเตอร์อาหารฝรั่งเศสไปเลย               คุณ “อิสริยา พิพัฒนกุลชัย”...คนนี้ เกิดมาเพื่อจะเป็นคนทำอาหาร โดยเฉพาะเชี่ยวชาญเรื่องอาหารฝรั่งเศส ชนิดถูกประมูลซื้อตัวตอนเรียนอยู่ที่นั่น               แต่ความคิดถึงบ้าน เงินเดือนเป็นแสน...แสนไม่ต้องการ ขอกลับมาอยู่บ้านทำอาหารในบ้านที่จัดการตบแต่งใหม่ จนกลายเป็น “คอมเพลกซ์”ใหญ่

“ RACK OF LAMP ”ซี่โครงแกะราดซอสโรสแมรี่        เข้าไปในซอยพร้อมมิตร สุขุมวิท 39 เพียงไม่กี่ร้อยเมตร ก็จะเห็นคอมเพลกซ์ 39 ตรงทางเข้าโรงพยาบาลพร้อมมิตรของหมอเพรานั้นล่ะเจ้าค่ะเจ้านาย               ความจริงอาหารฝรั่งเศส ก็อร่อยขึ้นชื่อบันลือโลกอยู่แล้ว แต่ในบรรดาสถาบันสอนอาหารฝรั่งเศส ก็“คองดองเบอล์”ที่ว่านี้ ก็ดังที่สุดในยุทธจักรของสถาบันสอนอาหารด้วยกัน               แต่คนไทยคนหนึ่ง ไปเล่าเรียนวิชามาจากที่นั่น แล้วยังมีพรสวรรค์รวมทั้งยังมีความรู้ซึ้งถึงรสลิ้นคนไทย เพราะเหตุนี้ไงอีชั้นถึงเรียนเจ้านายได้ว่า               อาหารฝรั่งเศสที่ร้านนี้ ร้าน“อา เลอตาจ” อร่อยที่สุดในเมืองไทย แถมสนนราคาก็ยังไม่แพงเท่าไหร่ มีเงินมาไม่ถึงพันก็อร่อยกันได้...บานเบอะ               เจ้านายเชื่ออีชั้นเถอะ แถมเมนูที่เธอทำก็มีเยอะมากกว่าตามโรงแรม ร้านอาหารฝรั่งเศสทั่วๆไปด้วย               เมนูแนะนำ ร้าน“อา เลอตาจ” สตาร์ทเตอร์ ฟัวกราส์ ตับห่านทอดหมักซอสแครนเบอร์รี่ ( FANFRIED FOIEGRAS CRANBERRY COMPOTE)

“CHOCOLATE FONDANT ”ชอกโกแลตฟอนเดล เหมือนเค้ก แต่ไม่ใช่ นุ่มนวลกว่า รสชาติอร่อยกว่า        เมนท์คอร์ท เนื้อสันในกับตับห่านราดซอสเห็ดทรัฟเฟิลส์ ( BEEF TOURNEDOS ROSSINI)               ของหวาน ช๊อกโกแลตฟอนเดลกับไอศกรีมโฮมเมทวนิลา ( CHOCOLATE FONDANT)               เมนูที่อีชั้นแนะนำ เป็นรสลิ้นของอีชั้นนะเจ้าคะ               แต่ถ้าเจ้านายอยากจะสั่งตามรสลิ้นของใคร..ของมัน ก็สั่งได้ตามสบาย เมนูอาหารฝรั่งเศสร้านนี้มีครบครบครันแบบ“คาดองเบอล์”                อาหารฝรั่งเศสจานแปลกๆแบบโรงแรมไม่ทำกัน เพราะหาคนชำนาญทำไม่ได้ แต่เจ้านายก็จะพบจะเปิบกันได้ที่นี่               อีชั้นขอแนะนำ ซี่โครงแกะอบราดด้วยโรสแมรี่ซอส..ยอดอร่อย สตูว์ขากระต่ายปรุงแบบเรโซเต้คือเคี่ยวกับไวน์ขาวใส่เครื่องหอมฝรั่งทาเรกอน รับรองว่า ในเมืองไทยมีขายแห่งเดียวที่นี่               เป็ดอบราดซอสแบลคเคอร์รี่...อร่อยที่สุด ส่วนอาหารแมนูฝรั่งเศสที่เจ้านายรู้จักอย่างซุปหอมใส ซุปลอปสเตอร์เข้มข้น นกพิราบอบ เนื้อกวาง มีทั้งนั้น เชิญเจ้านายเลือกได้ตามสบาย               อิ่มร้านอาหารข้างบนแล้วก็ให้ลงมาตรวจสุขภาพฟันร้านข้างล่าง อร่อยอย่างปลอดภัยอย่างนี้มี ที่ในโลก...เชื่ออีชั้นเถอะเจ้านาย!!               ร้าน “อา เลอตาจ” ในซอยสุขุมวิท39(ซอยพร้อมมิตร)ถนนสุขุมวิท โทรศัพท์ 0-2662-6503 โทรสาร 0-2662-6550

ASTVผู้จัดการออนไลน์

“หลิว” ( LIU)มากกว่าความเป็นภัตตาคารจีน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

11 ธันวาคม 2547 14:03 น.

โดย : แม่ช้อย นางรำ

ห้องอาหารจีน “หลิว” โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ        “โรงแรมคอนราด ซ่อนตัวอยู่ใน        ตึกออล ซีซัน ถนนวิทยุ        แต่ไม่สามารถซ่อนให้อีชั้นค้นพบว่า        อาหารจีนที่นี่มีพิเศษกว่าร้านทั่วไป”               แฟนคอลัมน์ถามอีชั้นว่า...กินติ่มซำที่ห้องอาหารจีนในโรงแรมคอนราดแล้วหรือยัง               “มันเหมือนกินอยู่ที่ฮ่องกงเชียวนะครับคุณแม่” เธอบอกเช่นนั้น               เจ้านายเจ้าคะ               เมื่อถามมาก็ตอบไปว่า...ไปกินมาแล้วเจ้าคะ แล้วอีชั้นก็พบว่า ร้านอาหารจีนที่ชื่อว่าหลิว ในโรงแรมคอนราดนั้น มีความพิเศษมากกว่าติ่มซำ ที่เป็นเมนูธรรมดา               ว่าอย่างนี้ ไม่ใช่ติ่มซำที่นี่จะไม่อร่อยนะเจ้าค่ะ เจ้านาย               แต่อีชั้นหมายความว่า               นอกเหนือไปจากติ่มซำแล้ว ยังมีเมนูอาหารจีนพิเศษที่นี่ ชนิดอยู่เมืองไทยไม่มีใครให้กิน               จะต้องบินไปกินกันถึงเมืองจีนนั้นล่ะเจ้าค่ะ ถึงจะได้เปิบกัน               *********               ห้องอาหารจีน “หลิว” ในโรงแรมคอนราด เป็นห้องอาหารจีนใหม่หมาด...หมาด เรียกว่ากลิ่นสะอาดของความอร่อยยังลอยให้สัมผัส               มื้อกลางวันแฟนติ่มซำแน่นขนาดต้องโทรศัพท์จองโต๊ะกันล่วงหน้า ซึ่งก็ยังดีกว่าจะให้ยืนรอคิวเหมือนฮ่องกง               อีชั้นคงจะไม่เขียนเรื่องติ่มซำ เพราะมันซ้ำเขียนบ่อยจัง               เอาว่าอีชั้นขอแนะนำเจ้านายให้เปิบมื้อเย็น มื้อค่ำกันดีกว่า               บรรยากาศดินเนอร์ กินแบบจีนสบายๆไม่เร่งรีบจะทำให้เจ้านายเอนจอยอี๊ตติ้งกินได้มากกว่ามื้อกลางวัน               เมนูดินเนอร์ของ “หลิว” มีให้เลือกมากมาย แบบร้านอาหารกวางตุ้งทั้งหลาย

“ขากบทอด”แบบ “กวางตุ้ง”        แต่ที่อีชั้นจะเขียนกันวันนี้               เป็นเมนูที่ร้านอาหารจีนกวางตุ้งในเมืองไทยไม่มี เจ้านายจะเรียกว่าเป็น “เมนูเปิบพิสดาร”               ก็ไม่ผิดระเบียบกติกา กันอย่างไร               เมนูอาจจะพิสดาร แต่กินกันได้ไม่พิศวง คนจีนเขากินเมนูแบบนี้มาเป็นพันปีแล้ว               *********               ที่ห้องอาหาร “หลิว” พ่อครัวเป็นคนกวางตุ้งแท้ๆ เพราะฉะนั้นอาหารจีนกวางตุ้งที่นี่ไม่มีการดัดแปลง               เมนูอาหารที่อีชั้นเคยรับประทานสมัยเด็กๆที่หายไปจากวงการ แต่ร้านนี้ยังมี               เจ้านายเคยกินตะพาบน้ำตุ๋นมั๊ย?               อร่อยนะเจ้าค่ะ น้ำตุ๋นเครื่องยาจีนผสมโสมเป็นแบบน้ำใส ซดแล้วชื่นใจหายเครียด               สมัยก่อนเวลาไม่สบาย หรือพักฟื้นไข้จะต้องวิ่งหาตุ๋นตะพาบน้ำใสกิน               เมนูนี้หายไปเมืองไทยไปนาน ร้านสุดท้ายที่อีชั้นเคยเขียนถึงอยู่แถวสะพานเหลือง ขายมานานเป็นสิบๆปี พอเจ้าของสูตรซี้ม่องเท่ง!!               อีก็เอาตำรากลับไปให้เง็กเซียนฮองเต้ เราก็ไม่ได้โด๊ปกัน               *****                ที่ร้านอาหารจีน “หลิว”ที่ว่ามีเมนูตะพาบน้ำตุ๋นยาจีน               แค่ซดน้ำก็ชื่นจิต เคี้ยวเนื้อตะพาบสักนิดยิ่งชื่นใจ

“หมุ่ยฉอยเคาหยก”หมูสามชั้นนึ่งผักแห้งจีน        เขาใช้ตะพาบตัวเล็กๆ เชิงตะพาบนุ่มๆใสๆคล้ายเยลลี่หรือวุ้นธรรมชาติ หาอะไรเสมอเหมือนไม่ได้ แม้กระทั่งหูฉลาม               ตุ๋นตะพาบนี้ทั้งอร่อย ทั้งเป็นยาโบราณ อีชั้นไปค้นเครื่องเทียบของจีนมาให้เจ้านายอ่าน ดังนี้เจ้าค่ะ               ******               ตุ๋นตะพาบน้ำใส        (ไหว่ซัวอีเน็กตุ๋นจุ่ยฮื้อ)        สรรพคุณ เสริมม้ามกระเพาะอาหาร บำรุงพลังไต        บำรุงยิน รักษาตับแข็ง ตับอักเสบเรื้อรัง        (“ไหว่ซัวอีเน็ก” เป็นเครื่องยาจีนโบราณ “จุ่ยฮื้อ”ก็คือ        ปลาน้ำหรือตะพาบน้ำนั่นล่ะเจ้าค่ะ)               *****               นอกจากจะหาร้านขายตะพาบน้ำตุ๋นยาจีนในเมืองไทยไม่มี คนที่ทำตุ๋นตะพาบน้ำก็ไม่มีอีกเหมือนกัน               ถึงมีก็ไม่รู้จักเครื่องยาจีนที่เอามาใช้ พ่อครัวร้าน “หลิว” เป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ จึงเก็บสูตรโบราณไว้ครบถ้วนขบวนยุทธ์               *****               ความจริงแค่ตุ๋นตะพาบน้ำก็น่าเพียงพอแล้วที่เจ้านายควรจะได้ไปเปิบเสริมสมรรถภาพในการทำงาน               แต่เมนูแปลกอีกรายการ ที่เจ้านายจะต้องสั่งล้างปากปิดท้าย ก็คือ “ตุ๋นไข่กบหิมะ”                ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นอาหารคาว ซึ่งไม่ใช่เป็นของหวาน               ไข่กบหิมะ ความจริงเป็นไขมันที่กบจะสะสมเอาไว้ตามหน้าท้อง เพื่อสู้กับอากาศหนาวเย็นเป็นน้ำแข็ง คนจีนเชื่อว่าคนกินแล้วจะได้แข็งแรงเหมือนกบจำศีลอยู่ในใต้ดินได้เป็นเดือนๆ โดยไม่ต้องกินอะไร               แค่สองเมนูที่ว่าเจ้านายก็ได้กำไรแล้วเจ้าค่ะ               ส่วนเมนูอื่นๆมากมายที่สั่งมาก็ถือว่าเป็นของแถมก็แล้วกันนะเจ้าคะ               ...เปิบแล้ว กินแล้ว บึบบับ!!อย่างไร แจ้งผลให้อีชั้นรู้บ้างเนอ...               “แม่ช้อย นางรำ”               ร้านอาหารจีน “หลิว”        ในโรงแรมคอนราด อาคารออล ซีซั่น        ถนนวิทยุ โทรศัพท์ 0-2690-9999 โทรสาร 0-2690-9931

ASTVผู้จัดการออนไลน์

“เทศกาลมาเก๊า” อาหารนานาชาติครั้งที่ 4

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

18 ธันวาคม 2547 12:44 น.

 “บินไปมาเก๊ากับ “แอร์เอเชีย”
       คราวนี้ไม่ใช่เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์
       แต่ไปเปิบอาหารอร่อยปีละครั้ง
       “มาเก๊า”กำลังดังต้องทำทุกๆปี”
       
      
       กลับมาแล้วเจ้าค่ะ..เจ้านาย
      
       กลับมาจากการไปร่วมเทศกาลอาหารนานาชาติที่มาเก๊า ตามคำเชิญของการท่องเที่ยวที่นั่น ผ่านสายการบิน “แอร์เอเชีย”
       
       คราวแรกอีชั้นรายงานไปว่า จะไปเป็นกรรมการตัดสินอาหาร
      
       แต่ที่ไหนได้ พอไปถึงงานเขากลับเชิญให้เป็นแขกร่วมรับประทานอาหารหวานคาวที่เขาจัดมากมาย เป็นร้อยเจ้าเห็นจะได้
      
       อิ่มเอี้ยมเฟ้เรไร จนจำแทบไม่ได้ว่าไปกินอะไรกับเขามา

“นกพิราบทอดกรอบ”

       
       
       “บินไปมาเก๊ากับ “แอร์เอเชีย”
       คราวนี้ไม่ใช่เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์
       แต่ไปเปิบอาหารอร่อยปีละครั้ง
       “มาเก๊า”กำลังดังต้องทำทุกๆปี”
       
      
       กลับมาแล้วเจ้าค่ะ..เจ้านาย
      
       กลับมาจากการไปร่วมเทศกาลอาหารนานาชาติที่มาเก๊า ตามคำเชิญของการท่องเที่ยวที่นั่น ผ่านสายการบิน “แอร์เอเชีย”
       
       คราวแรกอีชั้นรายงานไปว่า จะไปเป็นกรรมการตัดสินอาหาร
      
       แต่ที่ไหนได้ พอไปถึงงานเขากลับเชิญให้เป็นแขกร่วมรับประทานอาหารหวานคาวที่เขาจัดมากมาย เป็นร้อยเจ้าเห็นจะได้
      
       อิ่มเอี้ยมเฟ้เรไร จนจำแทบไม่ได้ว่าไปกินอะไรกับเขามา

สาวจีนมณฑลยูนนาน “ไก่ดำตุ๋นแห้ง”                เอาเป็นว่า ขอรายงานเจ้านายว่า               งาน “เทศกาลอาหารนานาชาติ” ของการท่องเที่ยวมาเก๊า จัดปีนี้เป็นครั้งที่ 4 สถานที่จัดก็หน้า “หอคอยมาเก๊า” หน้าอ่าวอาม้าหน้าเมือง               คราวแรกนึกว่าเขาจัดตามโรงแรม               แต่ถ้าจัดเช่นนั้นก็คงจะไม่พอรับแขก ที่ทุกคืนจะมากันเป็นพันจนเป็นหมื่นเห็นจะได้ ทุกคนล้วนแล้วแต่เอนจอยอีทติ้ง..เห็นแก่กินกันแทบทั้งนั้นละเจ้าค่ะ               แต่ขอเรียนเจ้านายว่า ใครมางานนี้ก็ต้องสนุก เพราะเขาเตรียมร้านอาหารอร่อยๆมีชื่อเสียงโด่งดังในเกาะมาเก๊ามาออกร้าน               เรียกว่าเข้าร้านที่ขายไม่ได้ เพราะมันแพง ก็ให้มาลองกินในร้านได้แค่จานละ 50 บาทเท่านั้น                แต่ละร้านเขาก็มีซุ้ม (ความจริงเป็นกระโจมแบบกลางทะเลทราย) ตั้งเรียงรายเอาไว้ให้บริการลูกค้า

บรรยากาศภายในงาน        อาหารที่เขาเตรียมมามีทั้งอาหารจีนทุกมณฑลแผ่นดินใหญ่               อาหารจากต่างประเทศ อย่างอินเดีย ญี่ปุ่น ปอร์ตุเกส ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน อังกฤษ ฯลฯ               ทุกร้านเริ่มด้วยจานละ 50 บาท คิดดูซิเจ้าค่ะว่า สเต็กเนื้ออิมพอร์ตอย่างดีเริ่มที่จานละ 50 บาท เป็นไปได้อย่างไง               แต่ก็เป็นไปแล้วในงานนี้               งานเขาจัดได้สนุกดี               ทุกคนมาในงานสามารถกินอาหารที่ไม่นึกไม่ฝันว่าชีวิตนี้จะได้กินกัน               อาหารที่สรรมาเลือกจากโรงแรมระดับ 4-5 ดาวที่ชาวบ้านชาตินี้คงไม่เดินเข้าไปรับประทานแน่               ก็เพราะจัดสนุก จัดได้อร่อยดีอย่างที่ว่า “การท่องเที่ยวมาเก๊า” จึงอยากให้เราได้เห็นกับตา จะได้ลืมเสียทีที่ว่า               มาเก๊า..เป็นดินแดนการพนัน

แต่ละซุ้มอาหารคนเข้าแถวยาวเหยียด        ความจริงอาหารอร่อยแปลกๆ ในเกาะมาเก๊ามีให้กินสารพัด               งานแบบนี้บ้านเราก็ทำได้               แต่ยังไม่เห็นมีใครทำกัน คอนเซ็ปต์อยู่ที่ว่า เอาอาหารดัง อาหารดี อาหารอร่อยจากร้านที่มีชื่อเสียง โรงแรมที่ขึ้นชื่อ ให้มาทำอาหารสำหรับชาวบ้านได้ลองรับประทานกันปีละครั้ง               ถึงจะขาดทุนบ้าง แต่ก็กำไรชื่อเสียงแทน               บ้านเราไม่ใช่อย่างนี้ ที่ขายๆ กันอยู่ร้านดัง โรงแรมเด่นที่ไหนเขาจะลงมาเล่นข้างถนน แล้วที่คุณสุดารัตน์บอกว่าแจกป้าย “คลีนฟู้ด-กู๊ดเทสต์”

“พ่อครัวตัวดี” สัญลักษณ์ของงานนี้ คนออกแบบบอกว่า “พ่อครัว” จะต้องเป็นหนุ่มหล่อหน้าตาเกลี้ยงเกลา        อีชั้นก็สงกะสัยจังท่านรัฐมนตรี               ร้านแผงลอยข้างถนน รถยนต์พ่นควันพิษใส่ มลภาวะรอบข้างมากมาย แล้วอย่างนี้จะไปอาหารสะอาดรสชาติดีได้อย่างไร               ยิ่งเห็นท่านให้สัมภาษณ์ว่า มอบป้ายให้ร้านหาบเร่แผงลอยเป็นหมื่นหรืออาจจะเป็นแสนราย จะได้ควบคุมได้อย่างไร               ถ้าแจกป้ายเพื่อเป็นการหาเสียง หาคะแนนเลือกตั้งละก็อีชั้นไม่เถียง               เพราะเลือกตั้งทีไร ชาวบ้านที่ไม่ค่อยจะประสีประสา ก็มักจะตามนักการเมืองไม่ค่อยจะทัน               ...เขาว่าคลีนก็คลีน เขาว่ากู๊ดก็กู๊ด จะสะอาดปลอดภัยกันอย่างไร ตัวใครตัวมันเจ้าค่ะ               ว่างๆ เจ้านายลองมาลุยกับอีชั้นสักมื้อดีมั๊ยเจ้าค่ะ แล้วจะได้รู้ว่า               ...คนฉลาดกิน คนกินเป็นเขาไม่จำเป็นต้องไปเยาวราชหรอกเจ้าค่ะ ของดีไม่ลงข้างถนนหรอกจะบอกให้....                “แม่ช้อย นางรำ”