ด้วยเหตุนี้ จึงขอส่งท้ายปีกระต่าย ต้อนรับปีมังกรทอง ด้วยการรวบรวม 6 ร้านเบเกอรี่รสอร่อยถูกใจ มาให้เลือกชมเลือกชิมกันตามอัธยาศัย ซึ่งจะมีร้านใดบ้างนั้นเชิญทัศนากันได้เลย | ||||
นอกจากจะขายเบเกอรี่แล้ว ทางร้านก็ยังมีเมนูอาหารตามสั่งให้เลือกลองชิมกันด้วย ไม่ว่าจะเป็น สลัดปลาแซลมอนรมควัน ที่ใช้ผักสลัดปลอดสาร ส่วนทีเด็ดของจานนี้อยู่ที่น้ำสลักซีฟู้ดรสชาติจัดจ้าน หรือจะลองชิม สปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล ทีโบนสเต็ก รวม ถึงอีกหลากหลายเมนูชวนกินก็ย่อมได้ ร้านตั้งอยู่ระหว่าง ซ.อินทามระ 33-35 ห่างจากแยกสุทธิสารประมาณ 150 เมตร เปิดทุกวัน (หยุดเดือนละ 2 พุธ) เวลา 10.00-22.00 น. อาหารตามสั่งบริการเฉพาะเวลา 11.00-14.00 น. และ 17.30-22.00 น. โทร. 08-3257-0007, 08-1900-6992 | ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
ทั้งหมดนี้คือ 6 ร้านเบเกอรี่แสนอร่อย ที่หอมละมุนจากเตา ส่งความอร่อยให้ทุกคนได้ไปลิ้มลองในช่วงปีใหม่นี้ |
หอมกรุ่นจากเตา กับ 6 ร้านเบเกอรี่แสนอร่อย
อิ่มสุขสันต์ที่ “บ้านใจรัก”
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
แต่หากใครคิดว่าเมนูเหล่านี้ที่แนะนำมาอาจจะยังไม่อิ่มท้องพอ ก็ยังมีเมนูรสเด็ดอื่นๆ ที่น่ากินอีก อาทิ แกงมัสมั่นเนื้อ (150 บาท ไก่ 120 บาท) ปลาหมึกผัดไข่เค็ม (150 บาท) ปลาช่อนใจรัก (250 บาท) ปลาหิมะนึ่งซีอิ้ว (ราคา ตามน้ำหนัก ประมาณ 600 บาท/ชิ้น) และอีกสารพัดเมนูอาหารเลิศรสที่ชวนให้สั่งมาลองลิ้ม พร้อมกับฟังบทเพลงไพเราะจากการเล่นเปียโนสดของนักดนตรีได้ในทุกวันศุกร์และ เสาร์ เวลา 19.00-22.00 น. เรียกว่าหากมิตรรักนักกินอยากจะหาร้านอาหารนั่งสบายๆ พร้อมกับได้อิ่มเอมกับอาหารจานเด็ดที่ถูกปาก “บ้านใจรัก” เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ เลย * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * “บ้านใจรัก” ตั้งอยู่ที่ 136/28 หมู่ 17 ถ.กาญจนาภิเษก แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. การเดินทางขับรถมุ่งหน้าไปทางถ.บรมราชชนนี ถึงแยกต่างระดับฉิมพลี ให้ขึ้นสะพานเลี้ยวเข้าถกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าไปบางใหญ่ พอลงสะพานมาแล้วให้ชิดซ้ายไว้ สังเกตจะเห็นป้ายร้านบ้านใจรักอยู่ริมถนน ร้านตั้งอยู่ด้านในมาร์เก็ต สแควร์ จอดรถได้ภายในมาร์เก็ต สแควร์ เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น. ถ้ามากินศุกร์-อาทิตย์ ช่วงเย็น แนะนำให้โทร.มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2885-0772 |
อร่อยบวกฮา “เบนิฮานา”เทปันยากิ
เสียงหัวเราะดังอย่างครื้นเครงของ “ตระเวนกิน” และผอง เพื่อนร่วมก๊วนกิน กำลังสนุกสนานกับการกินอย่างเพลิดเพลิน เพราะในมื้อนี้เราได้ชวนกันมาอิ่มหนำอย่างสำราญกับอาหารญี่ปุ่นสไตล์เทปันยา กิ กันที่ห้องอาหารเบนิฮานา อนันตรา กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งที่นี่มีทั้งอาหารอร่อย และความฮาต้อนรับลูกค้าทุกคนที่มากิน | ||||
ห้องอาหารเบนิฮานาตกแต่งแบบญี่ปุ่นสวยงามทันสมัย เน้นโทนสีดำแดงแฝงไว้ด้วยความอบอุ่นชวนนั่งสบายๆ ภายในห้องมีเคาน์เตอร์หินแกรนิตขนาดใหญ่ 2 ตัว เป็นเคาน์เตอร์บาร์บริการเครื่องดื่มแบบครบครัน และเคาน์เตอร์ซูชิบาร์ ที่เชฟจะทำซูชิและซาชิมิสดใหม่พร้อมเสิร์ฟต่อหน้า หรือจะเลือกไปนั่งมุมโต๊ะนั่งกินซูชิที่มองเห็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น และใจกลางห้องมีชุดกิโมโนขนาดใหญ่และชั้นวางสาเก ที่มีสาเกนานาชนิดจากญี่ปุ่นให้เลือกดื่มตามใจชอบ และมีโต๊ะเทปันยากิแบบส่วนตัวที่มาพร้อมเครื่องดูดควันสีทองเหลือง | ||||
ในมื้อนี้เราก็ได้เลือกสั่งมาทั้งเมนูเทปันยากิ ซูชิและซาซิมิมากินกันแบบเต็มที่ เอาล่ะได้เวลามาอิ่มหนำกับเทปันยากิของที่นี่กันแล้ว พวกเราเข้านั่งประจำที่โต๊ะเทปันยากิ เชฟก็จะเข็นรถอุปกรณ์มาเข้าที่ ซึ่งในมื้อนี้เราได้เชฟอารมณ์ดี มากด้วยลีลาเด็ด นามว่าณัฐวัชร์ จันทะวงศรี หรือมีฉายาเก๋ๆ ว่าเชฟอาจารย์กู้ มาปรุงอาหารให้ถึงโต๊ะกันเลย | ||||
| ||||
เชฟอาจารย์กู้โชว์การปรุงทำปลาแซลมอนด้วยลีลาอันน่าตื่นเต้น คล่องแคล่วในการใช้อุปกรณ์ทำครัวและภาชนะต่าง ๆ มีการโยนอุปกรณ์ต่างๆ ใส่กระเป๋าเสื้อ ใส่หมวกที่อยู่บนหัวเรียกเสียงปรบมือในความแม่นยำ และขณะปรุงก็โยนกระปุกเกลือ พริกไทย แบบสนุกสนาน แถมยังให้เราได้ลองความแม่นด้วยการโยนใส่หมวกกของเชฟเอง และส่งมุขขำๆ ให้ได้หัวเราะกันอย่างครื้นเครง พอปรุงปลาแซลมอนเสร็จก็ตักเสิร์ฟลงจานที่อยู่ตรงหน้าเรา ชิมแล้วสัมผัสได้ถึงความนุ่มของเนื้อปลาที่สดหวานอยู่ในตัว และมีซอสเทอริยากิหอมหวาน และน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของเบนิฮานาให้เลือกจิ้มกินอยู่ 3 แบบ มีซอสขิง ซอสครีมมัสตาร์ด ซอสเผ็ด | ||||
พอปรุงเนื้อและตับห่านเสร็จเชฟก็เสิร์ฟใส่จาน ลิ้มรสเนื้อสันในเคี้ยวนุ่มหนึบหนับปากมาก กินคู่กับซอสเห็ดทรัฟเฟิลรสดีเช้ากันจริงๆ ส่วนตับห่านด้านนอกกรอบนิดๆ เนื้อในหวานนุ่มมากกินคู่กับซอสสาหร่ายหวานหอมเข้ากัน หน่อไม้ฝรั่งขาวก็หวานกรอบ | ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * “เบนิฮานา” (Benihana) ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อนันตรา กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ถ.เจริญนคร กทม. การเดินทางสามารถเดินทางจากสะพานตากสินข้ามมายังฝั่งธนบุรี เมื่อลงสะพานแล้วให้เลี้ยวซ้ายแล้ววิ่งตรงไปจนเจอสามแยก ให้เลี้ยวขวา ตรงไปตาม ถ.เจริญนคร จนถึงเจริญนคร 59 สังเกตุขวามือจะเห็นสถานีตำรวจบุคคโล และจะเห็นโรงแรมฯอยู่ทางซ้ายมือ หรือหากเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS หรือเรือด่วนเจ้าพระยา ให้ลงที่สะพานตากสิน แล้วใช้บริการเรือรับส่งของทางโรงแรมฯ เปิดบริการทุกวัน มื้อกลางวัน 11.30 - 14.30 น. มื้อค่ำ 18.00 - 22.30 น. ถ้ามากินศุกร์-อาทิตย์ ควรโทร.มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2476-0022 ต่อ 1416 |
ข้าวหมาก ขนมหวานไทยโบราณกินดีมีประโยชน์
รู้จัก “โปรไบโอติก” แบบไทย
เมื่อ เอ่ยถึง ข้าวหมาก จะว่าไปแล้วตั้งแต่เหนือจรดใต้ ในงานสำคัญ งานมงคลต่างๆ ต้องมีสิ่งนี้อยู่แทบจะทุกวาระสำคัญ แต่กับเด็กยุคปัจจุบันคงส่ายหน้าหากถามถึง และเพื่อความกระจ่างในข้อมูลที่น่าทึ่งเกี่ยวกับข้าวหมากนั้น
ภญ.ดร.สุ ภาภรณ์ ปิติพร กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาภูมิปัญญาไทย มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ให้ข้อมูลว่า ข้าวของไทยสามารถนำมาทำประโยชน์ได้หลายอย่าง ซึ่งข้าวหมากก็เป็นภูมิปัญญาไทยในการแปรสภาพข้าวให้มีรสหวาน นำมาเป็นเครื่องปรุงรสกับอาหารหลายประเภท และด้วยความหลากหลายของสรรพคุณทำให้ในปัจจุบันมีการค้นพบ “โปรไบโอติก (Probiotics)” ในข้าวหมากขึ้น โดยมีลักษณะเป็นอาหารเสริมซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิต สามารถก่อประโยชน์ต่อร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่มันอาศัยอยู่ โดย
การปรับกลไกจุลินทรีย์ในร่างกายให้มีความสมดุล
ทำให้ร่างกายสามารถสร้างเชื้อธรรมชาติในกระเพาะและลำไส้ที่ช่วยให้การย่อยดีขึ้น
สร้างวิตามินเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ อีกทั้งยังเป็นตัวต้านสารอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันต่างๆแก่ร่างกาย
ทั้งยังช่วยป้องกันมะเร็งอีกด้วย
ปัจจุบัน มีการนำโปรไบโอติกบรรจุแคปซูลขายเพื่อส่งเสริมแก่ผู้รักสุขภาพ แต่ก็ต้องแลกด้วยราคาที่แพงไม่ใช่เล่น ซึ่งความเป็นจริงแล้วบ้านเราเองได้รับสารโปรไบโอติกมาอย่างช้านานจากข้าว หมากนั่นเอง ซึ่งคนโบราณอาจมีการนำแป้งข้าวหมากใส่เติมลงไปในยา หรือเป็นเครื่องปรุงในอาหารหลากหลายประเภท ดังนั้นคนไทยจึงมีการกินโปรไบโอติกมาตั้งแต่อดีต ซึ่งในต่างประเทศก็เช่นกัน อย่าง ญี่ปุ่น ก็จะอยู่ในรูปของถั่วเน่า หรือ นัตโตะ, เกาหลีก็อยู่ในกิมจิ หรือแม้กระทั่งอินเดียก็มีโยเกิร์ต โดยทั้งหมดที่ว่ามานี้ก็คือโปรไบโอติกที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ”
เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดี
ภญ.ดร.สุ ภาภรณ์ อธิบายต่อว่า ในอดีตเชื่อว่า ข้าวหมากจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการการเจริญเติบโตในเด็กให้ดีขึ้น จึงต้องกินตอนเช้าเพื่อเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายอบอุ่น และกระตุ้นให้แบคทีเรียภายในร่างกายทำงาน โดยเฉพาะในเด็กที่ไม่แข็งแรง เหงื่อออกง่าย อ่อนเพลีย ตัวสั่น ก็มักจะให้กินข้าวหมาก และในผู้ใหญ่ที่เป็นไข้ ไม่มีแรง ผอมแห้ง หมอยาพื้นบ้านก็จะแนะนำให้คนไข้กินข้าวหมากกับน้ำต้มเคี่ยวของแก่นขี้เหล็ก ซึ่งหากมองในปัจจุบันก็จะพบว่าสิ่งเหล่านี้แทบจะไม่ถูกพูดถึง เนื่องจากแป้งข้าวหมากหายาก คนที่จะทำแป้งข้าวหมากก็ไม่มี
สำหรับ วิธีการทำแป้งข้าวหมากนั้นอาจมีขั้นตอนที่ยุ่งยากแต่ก็สามารถทำได้ภายในครอบ ครัวโดยการ นำข้าวเจ้าไปแช่น้ำและตำให้ละเอียด แล้วนำมาคลุกกับเชื้อยีสต์ จากนั้นนำสมุนไพรที่มีทั้ง ข่า, ขิง, ชะเอม, อบเชย และ ดีปลี บดให้ละเอียดนำมาคลุกกับข้าวที่เตรียมไว้ จากนั้นบ่มทิ้งไว้ 2 วัน ขณะเดียวกันก็นำข้าวเหนียวมานึ่งแล้วมาล้างน้ำให้สะอาด นำแป้งผสมหัวเชื้อที่บ่มไว้คลุกลงในข้าวเหนียวที่นึ่งปิดฝาทิ้งไว้ระยะหนึ่ง เชื้อยีสต์ก็จะเจริญเติบโตในข้าวเหนียวที่นำไปคลุก และจะได้มาเป็นข้าวหมากในที่สุด
“ตอน นี้อาหารการกินได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง อาหารที่ได้มาจากธรรมชาติหมดไป แทนที่ด้วยอาหารสำเร็จรูปที่อุดมไปด้วยสารเร่งต่างๆ ซึ่งเด็ก เยาวชนเองก็เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของอาหารเหล่านี้ ที่ทำให้พวกเขาต้องกินข้าว และให้เวลากับการดูแลสุขภาพน้อยลง อีกทั้งการที่เด็กได้รับแต่ของหวานจากอาหารสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยวทั้งหลายเป็นประจำ จะส่งผลให้มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวขึ้น ซึ่งยืนยันได้จากผลการวิจัยในต่างประเทศที่พบข้อมูลที่สำคัญนี้ ดังนั้น ทุกคนควรหันกลับมากินข้าวให้มากขึ้น เพราะข้าวนั้นยังมีสาร GABA ที่ทำให้เกิดการผ่อนคลาย นอนหลับ ป้องกันอัลไซเมอร์ และยังช่วยกระชับริ้วรอยต่างๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เราจะได้รับเมื่อเราหันมากินข้าวไทย”
http://kawmakpaphada.blogspot.com/
ขนมจีนน้ำยากะทิสด+ไข่ต้ม
ส่วนผสมเครื่องแกง
พริกแห้งเม็ดเล็กแกะเม็ดแช่น้ำ 20 เม็ด
พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเม็ดแช่น้ำ 10 เม็ด
กระเทียม 1/4 ถ้วยตวง
หอมแดงซอย 1/4 ถ้วยตวง
ตะไคร้ซอย 1/4 ถ้วยตวง
กระชายหั่น 1/4 ถ้วยตวง
ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 2 ช้อนชา
กะปิ 1/2 ช้อนชา
ส่วนผสม
เส้นขนมจีน 1 1/2 กิโลกรัม
ปลาน้ำดอกไม้ 600 กรัม
มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม
น้ำ 3 1/2 ถ้วยตวง
ตะไคร้หั่นท่อนขนาด 2 นิ้ว 5 ชิ้น
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ใบมะกรูดฉีก 1/2 ถ้วยตวง
ผักสด ผักลวก หรือ ผักดอง ไข่ต้ม
วิธีทำ
1. ล้างปลาและควักไส้และเหงือกออก พักไว้
2. คั้นมะพร้าวด้วยน้ำอุ่น 2 ถ้วย คั้นให้ได้หัวกะทิ 3 ถ้วย ใส่น้ำอุ่นอีก ½ ถ้วยคั้นให้ได้หาง 1 ถ้วยตวง จากนั้นเติมน้ำพร้อมกับใส่ตะไคร้ในในหม้อไฟปานกลางจนเดือดจัดใส่ปลาลงต้มนาน 15 นาที หรือจนมีกลิ่นหอมสังเกตุดูว่าเนื้อปลาล่อน ตักใส่จานเมื่ออุ่นแกะลงในโถปั่น ตามด้วยหัวกะทิ 1 ถ้วย ปั่นจนเนื้อละเอียด พักไว้
3. ทำน้ำยาโดยการปั่นเครื่องแกงทั้งหมด ตามด้วยทางกะทิปั่นด้วยกันให้ละเอียด เทลงใส่หม้อใส่หัวกะทิที่เหลือตามด้วยเนื้อปลา คนให้เข้ากันตั้งไฟปานกลาง เมื่อร้อนปรุงรสตามความชอบปิดไฟใส่ใบมะกรูด จัดขนมจีนใส่จานตักน้ำยากะทิสดราด เสิร์ฟพร้อมตะกร้าผักเหนาะ ไข่ต้ม แซ่บแท้
ข้าวแกงกะหรี่ไก่ญี่ปุ่น (Chikkin Kare Raisu)
ข้าวแกงกะหรี่ไก่ญี่ปุ่น (Chikkin Kare Raisu)
ซู้ด..ซู้ด..น้ำลายไหล นึกถึงแกงกะหรี่บ้านเราที่ทั้งหอมและสีชวนกินก็ต้องไม่พลาดเมนูนี้ ที่ญี่ปุ่นค่อนข้างเป็นที่นิยมเลยนะ แต่ความเผ็ดร้อนคงสู้ของพี่ไทยไม่ได้แน่ มาลองทำดูกันเลยดีมั้ยคะ???
เครื่องปรุง
ข้าวสวยญี่ปุ่น
3
ถ้วย
สะโพกไก่
2
ชิ้น
แครอท, มันฝรั่ง
1/2
หัว
หอมใหญ่
2
หัว
มันฝรั่งต้มสุกบดละเอียด
1/2
หัว
กระเทียมสับหยาบ
1
ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น พริมไทยป่น
1/2
ช้อนชา
ซีอิ้วญี่ปุ่น
1/4
ถ้วย
ผงกะหรี่
1
ช้อนชา
น้ำซุปปลาแห้ง
1
ถ้วย
น้ำ
1
ถ้วย
เนย
2
ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ล้างสะโพกไก่ เลาะกระดูกและหนังออก หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 2x2 ซม. พักให้สะเด็ดน้ำ
2. เคล้าเนื้อไก่กับเกลือ พริกไทยพอทั่ว หมักไว้ประมาณ 15 นาที
3. ล้างแครอท มันฝรั่ง ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 2x2 ซม. ปอกเปลือกหอม-ใหญ่ ล้างน้ำ หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 2x2 ซม.
4. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟกลางพอร้อน ใส่เนื้อที่หมักไว้ในข้อ 2 ลงทอดพอตึงตัว ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
5. ต้มแครอท มันฝรั่ง พอสุก ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
6. ผสมซีอิ๊วญี่ปุ่น น้ำซุป น้ำ ตั้งไฟเคี่ยวประมาณ 10 นาที ใส่ผงกะหรี่ ใส่หอมใหญ่ แครอทต้ม มันฝรั่งต้ม ไก่ทอด เคี่ยวสักครู่
7. ใส่เนยลงในกระทะ ตั้งไฟกลางพอเนยละลาย ใส่กระเทียม เจียวพอหอม ใส่ลงในหม้อไก่ คนให้เข้ากัน ใส่มันฝรั่งบด เคี่ยวพอน้ำมีลักษณะข้นเหนียว ปิดไฟ
8. วิธีจัดเสิร์ฟ ตักข้าวสวยใส่จาน ตกแต่งด้วยใบชิโซ ตักแกงกะหรี่วางข้างๆ
วิธีทำน้ำซุปปลาแห้ง
เนื้อปลาโอขูดแห้ง
20
กรัม
น้ำ
15
ถ้วย
ใส่น้ำลงในหม้อ ตั้งไฟกลางพอเดือด ใส่ปลาแห้ง เคี่ยวไฟอ่อนประมาณ 10 นาที ปิดไฟ กรองเอาแต่น้ำซุปใสๆ จะได้น้ำซุปประมาณ 15 ถ้วย
ที่มา http://www.siamkane.com/chicken_kare.php
ซู้ด..ซู้ด..น้ำลายไหล นึกถึงแกงกะหรี่บ้านเราที่ทั้งหอมและสีชวนกินก็ต้องไม่พลาดเมนูนี้ ที่ญี่ปุ่นค่อนข้างเป็นที่นิยมเลยนะ แต่ความเผ็ดร้อนคงสู้ของพี่ไทยไม่ได้แน่ มาลองทำดูกันเลยดีมั้ยคะ???
เครื่องปรุง
ข้าวสวยญี่ปุ่น
3
ถ้วย
สะโพกไก่
2
ชิ้น
แครอท, มันฝรั่ง
1/2
หัว
หอมใหญ่
2
หัว
มันฝรั่งต้มสุกบดละเอียด
1/2
หัว
กระเทียมสับหยาบ
1
ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น พริมไทยป่น
1/2
ช้อนชา
ซีอิ้วญี่ปุ่น
1/4
ถ้วย
ผงกะหรี่
1
ช้อนชา
น้ำซุปปลาแห้ง
1
ถ้วย
น้ำ
1
ถ้วย
เนย
2
ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ล้างสะโพกไก่ เลาะกระดูกและหนังออก หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 2x2 ซม. พักให้สะเด็ดน้ำ
2. เคล้าเนื้อไก่กับเกลือ พริกไทยพอทั่ว หมักไว้ประมาณ 15 นาที
3. ล้างแครอท มันฝรั่ง ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 2x2 ซม. ปอกเปลือกหอม-ใหญ่ ล้างน้ำ หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 2x2 ซม.
4. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ตั้งไฟกลางพอร้อน ใส่เนื้อที่หมักไว้ในข้อ 2 ลงทอดพอตึงตัว ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
5. ต้มแครอท มันฝรั่ง พอสุก ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
6. ผสมซีอิ๊วญี่ปุ่น น้ำซุป น้ำ ตั้งไฟเคี่ยวประมาณ 10 นาที ใส่ผงกะหรี่ ใส่หอมใหญ่ แครอทต้ม มันฝรั่งต้ม ไก่ทอด เคี่ยวสักครู่
7. ใส่เนยลงในกระทะ ตั้งไฟกลางพอเนยละลาย ใส่กระเทียม เจียวพอหอม ใส่ลงในหม้อไก่ คนให้เข้ากัน ใส่มันฝรั่งบด เคี่ยวพอน้ำมีลักษณะข้นเหนียว ปิดไฟ
8. วิธีจัดเสิร์ฟ ตักข้าวสวยใส่จาน ตกแต่งด้วยใบชิโซ ตักแกงกะหรี่วางข้างๆ
วิธีทำน้ำซุปปลาแห้ง
เนื้อปลาโอขูดแห้ง
20
กรัม
น้ำ
15
ถ้วย
ใส่น้ำลงในหม้อ ตั้งไฟกลางพอเดือด ใส่ปลาแห้ง เคี่ยวไฟอ่อนประมาณ 10 นาที ปิดไฟ กรองเอาแต่น้ำซุปใสๆ จะได้น้ำซุปประมาณ 15 ถ้วย
ที่มา http://www.siamkane.com/chicken_kare.php
เปรี้ยวปากกับ "ปลาสำลียำมะม่วง"
เมื่อ วันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมาหลายๆ คนคงจะได้ไปเที่ยวเล่นสาดน้ำกันมาอย่างสนุกสนานเต็มอิ่มแล้ว ส่วนตัว "กุ๊กเล็ก" เองก็ไม่ได้ไปไหนไกล แค่เล่นสาดน้ำกับเด็กๆ แถวบ้าน แล้วก็ขลุกอยู่ในครัวหาเมนูอาหารอร่อยๆ มาฝากกันเช่นเคย
และพอดีว่าช่วงนี้มีมะม่วงเปรี้ยวดิบๆเยอะ กุ๊กเล็ก จึงนำมะม่วงมาทำเมนู "ปลาสำลียำมะม่วง" มาให้ลองทำลองชิมกัน สำหรับยำมะม่วงที่ใช้หม่ำกับปลาสำลีนั้นเป็นคนละสูตรกับยำมะม่วงที่กุ๊กเล็ก เคยนำเสนอไปเมื่อตอนที่แล้ว
ว่าแล้วก็อย่ารีรอไปเตรียมส่วนผสมปลาสำลียำมะม่วงกันเลย
ส่วนผสม
ปลาสำลีขนาดกลาง 2 ชิ้น
ไข่ไก่ 1 ฟอง
แป้งอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
เกล็ดขนมปังป่นสำหรับชุบปลาทอด 1 ถ้วย
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือเล็กน้อยสำหรับทาบนเนื้อปลา
พริกทอดสำหรับกินแกล้มตามชอบใจ
ส่วนผสมยำมะม่วง
มะม่วงดิบเปรี้ยว 1 ลูก
หอมแดง 5 หัว
พริกขี้หนู 5 เม็ด
น้ำตาล น้ำปลา ตามใจชอบ
วิธีทำ เริ่มจากนำปลาสำลีมาล้างให้สะอาด ทาเกลือเล็กน้อยให้ทั่วตัวปลาแล้วนำมาผึ่งไว้ให้แห้ง หลังจากนั้นนำปลาสำลีทั้งสองชิ้นมาคลุกกับเเป้งให้ทั่ว แล้วนำไปชุบไข่ที่เตรียมไว้ แล้วมาคลุกกับเกล็ดขนมปังให้ติดทั่วกันทั้งชิ้นปลา เสร็จแล้วหันมาตั้งกระทะใส่น้ำมันให้พอท่วมชิ้นปลา ตั้งไฟปานกลาง พอน้ำมันร้อนดีแล้วก็นำปลาสำลีลงไปทอดจนเกล็ดขนมปังด้านนอกเริ่มเป็นสี เหลืองจึงตักออกมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน (ส่วนตอนจะกินให้โรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์กับพริกทอดตามใจชอบเพื่อ เพิ่มรสชาติ)
คราวนี้หันมาจัดการกับยำมะม่วงกันบ้าง นำมะม่วงเปรี้ยว(จี๊ด)มาซอยให้เป็นเส้นเล็กๆ เท่าๆ กัน จับเอาหอมแดงและพริกขี้หนูมาซอยๆๆ เป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นนำส่วนผสมยำมะม่วงมาคลุกรวมกัน เติมน้ำปลา น้ำตาลชิมรสตามใจชอบ หรือจะทำน้ำจิ้มซีฟู้ดไว้จิ้มกับปลาสำลีอีกอย่างหนึ่งด้วยก็ได้ ก็แค่เอาพริกขี้หนูและกระเทียมมาตำให้ละเอียด เติมน้ำปลาเล็กน้อย อยากให้รสเปรี้ยวหวานอย่างไรก็ใส่ได้ตามใจ
เป็นอันเสร็จเรียบร้อยกับเมนู "ปลาสำลียำมะม่วง" เนื้อปลาสำลีกรอบนอกนุ่มในกับยำมะม่วงรสเปรี้ยวปาก เมื่อกินคู่กันก็จะได้รสชาติที่กลมกล่อมเข้ากัน แต่ของอย่างนี้ไม่ลองชิมลองทำเองก็คงไม่รู้
โดย : กุ๊กเล็ก
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
เกี๊ยวกะหล่ำปลีซุปชาดำ
เกี๊ยวกะหล่ำปลีซุปชาดำ
เกี๊ยวกะหล่ำปลีซุปชาดำ
ส่วนผสมสำหรับเกี๊ยว 12 ชิ้น ( 4 ที่)
ส่วนผสมไส้เกี๊ยว
วิธีทำ
ขอบคุณเมนูจาก healthandcuisine
เกี๊ยวกะหล่ำปลีซุปชาดำ
ส่วนผสมสำหรับเกี๊ยว 12 ชิ้น ( 4 ที่)
- ใบกะหล่ำปลีลวก 12 ใบ
- เห็ดหอมแห้งดอกเล็กตัดก้านทิ้งแช่น้ำจนนิ่ม 9 ดอก
- ใบชาดำแห้ง ¼ ถ้วย
- น้ำเดือดจัด 5 ถ้วย
- น้ำมันเห็ดหอม 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- พริกไทย 1/8 ช้อนชา
- ดอกไม้จีนล้างน้ำอุ่นให้สะอาดสำหรับมัดเกี๊ยว
ส่วนผสมไส้เกี๊ยว
- มันฝรั่งต้มสุก 1 หัว
- เห็ดหอมแห้งแช่น้ำจนนิ่มหั่นฝอย 2 ดอกใหญ่
- เห็ดหูหนูดำหั่นเป็นเส้นเล็ก ¼ ถ้วย
- งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- เต้าเจี้ยว 2 ช้อนชา
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- พริกไทย ¼ ช้อนชา
- น้ำมันงา 1 ช้อนชา
- น้ำมันงาสำหรับจี่เกี๊ยวเล็กน้อย
วิธีทำ
- แช่ใบชาในน้ำเดือด 1 ถ้วย พักไว้ 30 วินาที รินน้ำทิ้ง เทน้ำเดือดที่เหลือแช่ใบชาเดิมพักไว้ 1 นาที กรองเอาแต่น้ำชา
ใส่หม้อพักไว้ - ทำ
ไส้เกี๊ยวโดย ยีมันฝรั่งให้ละเอียด ใส่เห็ดทั้งสองชนิด งา
แล้วคนให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว ซีอิ๊ว น้ำตาล พริกไทย น้ำมันงา
ใช้ส้อมคนส่วนผสมให้เข้ากันดี - ตักไส้เกี๊ยวใส่ใบกะหล่ำปลี ม้วนให้มิดชิด ใช้ดอกไม้จีนมัดให้เป็นท่อนกลมสวยงาม ทำอย่างนี้จนหมด
- ใส่น้ำมันงาเล็กน้อยลงในกระทะเทฟล่อนใช้ไฟกลาง นำเกี๊ยวที่ห่อไว้ลงไปจี่ให้สุกเหลืองทั้งชิ้น ตักขึ้นพักไว้
- นำ
หม้อน้ำชาตั้งไฟพอเดือด ใส่เห็ดหอม ปรุงรสด้วย ซีอิ๊ว เกลือ น้ำตาล
พริกไทย น้ำมันเห็ดหอม ต้มสักพัก จึงใส่เกี๊ยวที่เตรียมไว้ลงเคี่ยวประมาณ 3
นาที ปิดไฟ ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ
ขอบคุณเมนูจาก healthandcuisine
“ยำมะเขือยาว” อร่อยเบาๆ แต่จัดจ้าน
“ยำมะเขือยาว” อร่อยเบาๆ แต่จัดจ้าน
มื้อ นี้ “กุ๊กเล็ก” อยากจะทำเมนูอร่อยจัดจ้านแต่อิ่มเบาๆ สบายท้องดูบ้าง แต่ตำรับของ “กุ๊กเล็ก” นั้นต้องทำง่ายอยู่แล้ว ก็เลยเลือกเมนู “ยำมะเขือยาว” มานำเสนอกันให้ลองชิม
ส่วนผสมมีดังนี้
มะเขือยาว 2-3 ลูก
ไข่ไก่ต้ม 2 ฟอง
หอมแดง 2 หัว
หมูสับ 50 กรัม
พริกขี้หนู 4 เม็ด
น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
วิธีทำเริ่มจากนำมะเขือยาวมาตัดขั้วออก แล้วนำไปเผาจนสุก (ระวังอย่าให้ไหม้) แล้วลอกเปลือกออก หั่นมะเขือยาวเป็นท่อนๆ พักใส่จานไว้ นำหมูสับไปลวกจนสุก นำพริกขี้หนูมาซอย และนำหอมแดงมาซอยบางๆ ทำน้ำยำโดยผสมน้ำตาล น้ำปลา และน้ำมะนาวเข้าด้วยกัน (เพิ่มเติมรสชาติได้ตามชอบ) ใส่พริกขี้หนูและหอมแดงที่เตรียมไว้ ใส่หมูสับที่ลวกสุกแล้ว ตักใส่ถ้วยเล็กๆ เสิร์ฟพร้อมกับมะเขือยาวในจาน และไข่ต้มเพิ่มโปรตีนให้กับเมนูอร่อยในมื้อนี้
ที่มา manager
มื้อ นี้ “กุ๊กเล็ก” อยากจะทำเมนูอร่อยจัดจ้านแต่อิ่มเบาๆ สบายท้องดูบ้าง แต่ตำรับของ “กุ๊กเล็ก” นั้นต้องทำง่ายอยู่แล้ว ก็เลยเลือกเมนู “ยำมะเขือยาว” มานำเสนอกันให้ลองชิม
ส่วนผสมมีดังนี้
มะเขือยาว 2-3 ลูก
ไข่ไก่ต้ม 2 ฟอง
หอมแดง 2 หัว
หมูสับ 50 กรัม
พริกขี้หนู 4 เม็ด
น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
วิธีทำเริ่มจากนำมะเขือยาวมาตัดขั้วออก แล้วนำไปเผาจนสุก (ระวังอย่าให้ไหม้) แล้วลอกเปลือกออก หั่นมะเขือยาวเป็นท่อนๆ พักใส่จานไว้ นำหมูสับไปลวกจนสุก นำพริกขี้หนูมาซอย และนำหอมแดงมาซอยบางๆ ทำน้ำยำโดยผสมน้ำตาล น้ำปลา และน้ำมะนาวเข้าด้วยกัน (เพิ่มเติมรสชาติได้ตามชอบ) ใส่พริกขี้หนูและหอมแดงที่เตรียมไว้ ใส่หมูสับที่ลวกสุกแล้ว ตักใส่ถ้วยเล็กๆ เสิร์ฟพร้อมกับมะเขือยาวในจาน และไข่ต้มเพิ่มโปรตีนให้กับเมนูอร่อยในมื้อนี้
ที่มา manager
สูตรขนมหวาน : คัสตาร์ด
สูตรขนมหวาน : คัสตาร์ด
เพื่อนๆ ทราบหรือไม่ว่า คัสตาร์ดเหมาะสำหรับคนที่เจ็บคอ หวัดลงคอ หรือเป็นทอนซิลอักเสบ เพราะไม่ต้องเคี้ยว สามารถกลืนได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีเป็นขนมที่ให้คุณค่าอาหารอีกด้วย ลองไปทำกันเลย
ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
น้ำเย็น 1/2 ถ้วย
ไข่ไก่ 2 ฟอง
ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 2 ฟอง
นมสด 2 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
วานิลลา 2–3 หยด
วิธีทำ
ใช้ภาชนะทนไฟ เคี่ยวน้ำตาลจนน้ำตาลไหม้ ยกลง
นำน้ำตาลไหม้เทลงในภาชนะที่จะใช้ทำคัสตาร์ด ภาชนะอันหนึ่งใช้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วกรอกไปทาให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้เย็นจนจับตัวแข็ง
ตอก ไข่ไก่ 2 ฟอง พร้อมไข่แดง คนให้เข้ากัน แล้วใส่นมที่อุ่นกับน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ ใส่วานิลลา ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วกรอง เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ปิดหน้าด้วยกระดาษฟอยด์
เตรียมภาชนะใส่น้ำอุ่นวางไว้ใต้เตาอบ แล้วนำพิมพ์คัสตาร์ดเข้าอบ ใช้ไฟประมาณ 375 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 40 นาที
เขียนโดย : KimChi
ที่มา http://www.hilunch.com/custard
เพื่อนๆ ทราบหรือไม่ว่า คัสตาร์ดเหมาะสำหรับคนที่เจ็บคอ หวัดลงคอ หรือเป็นทอนซิลอักเสบ เพราะไม่ต้องเคี้ยว สามารถกลืนได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีเป็นขนมที่ให้คุณค่าอาหารอีกด้วย ลองไปทำกันเลย
ส่วนผสม
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
น้ำเย็น 1/2 ถ้วย
ไข่ไก่ 2 ฟอง
ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 2 ฟอง
นมสด 2 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
วานิลลา 2–3 หยด
วิธีทำ
ใช้ภาชนะทนไฟ เคี่ยวน้ำตาลจนน้ำตาลไหม้ ยกลง
นำน้ำตาลไหม้เทลงในภาชนะที่จะใช้ทำคัสตาร์ด ภาชนะอันหนึ่งใช้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วกรอกไปทาให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้เย็นจนจับตัวแข็ง
ตอก ไข่ไก่ 2 ฟอง พร้อมไข่แดง คนให้เข้ากัน แล้วใส่นมที่อุ่นกับน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ ใส่วานิลลา ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วกรอง เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ปิดหน้าด้วยกระดาษฟอยด์
เตรียมภาชนะใส่น้ำอุ่นวางไว้ใต้เตาอบ แล้วนำพิมพ์คัสตาร์ดเข้าอบ ใช้ไฟประมาณ 375 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 40 นาที
เขียนโดย : KimChi
ที่มา http://www.hilunch.com/custard
อิ่มอร่อยยกครัวกับเมนู “ข้าวมันไก่”
อิ่มอร่อยยกครัวกับเมนู “ข้าวมันไก่”
อาหารจานเดียว เป็นอาหารประเภทที่เลือกกินกันบ่อยๆ เพราะสะดวก รวดเร็ว โดยเฉพาะมื้อกลางวนที่ต้องรีบเร่งกลับไปทำงานต่อ แต่ถึงเป็นในวันหยุดสบายๆ แบบนี้ “กุ๊กเล็ก” ก็ยังอยากกินอาหารจานเดียวอยู่ดี อย่างเมนู “ข้าวมันไก่” ซึ่งเป็นอีกเมนูหนึ่งที่ไม่ได้ทำยากมากนัก แต่ก็อร่อยกันได้ทั้งบ้าน
ส่วนผสมมีดังนี้
เนื้อไก่ 800 กรัม (จะใช้เนื้ออก หรือสะโพกก็ได้ตามชอบ)
ข้าวสาร 3 กระป๋อง
เกลือป่น 2 1/2 ช้อนชา
ขิงฝานเป็นแว่น 6 แว่น
รากผักชี 4 ราก
กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
ฟัก 1/2 ลูก (ขนาดกลาง)
น้ำเปล่า
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมน้ำจิ้ม
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
เต้าเจี้ยว 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
ขิงสับ 3 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
พริกสด 2 เม็ด
เริ่มต้นที่การนำเนื้อไก่มาล้างให้สะอาด จากนั้นนำลงไปต้มกับน้ำเปล่าจนสุก โดยใช้ไฟอ่อนเพื่อไม่ให้น้ำซุปขุ่น นำข้าวสารมาซาวน้ำจนสะอาด แล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป รอจนร้อน แล้วใส่กระเทียมลงไปเจียวให้หอม ใส่ข้าวสารที่ซาวแล้วลงไปผัดให้เข้ากัน จากนั้นปิดไฟ เทใส่หม้อหุงข้าว ใส่ขิงฝานเป็นแว่นลงไป ใส่เกลือป่นประมาณ ½ ช้อนชา แล้วใส่น้ำซุปที่ได้จากการต้มเนื้อไก่ลงไปกะให้ปริมาณพอเหมาะ ให้หุงข้าวออกมาแล้วไม่นิ่มหรือร่วนจนเกินไป หุงข้าวจนสุก ส่วนน้ำซุป ให้ตักไก่ออกพักไว้ น้ำซุปที่เหลือใส่รากผักชีลงไป ใส่ฟักที่ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นแล้วลงไป ปรุงรสด้วยเกลือประมาณ 2 ช้อนชา ต้มต่อไปจนฟักนุ่มดี จึงปิดไฟ
ส่วนน้ำจิ้ม นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมกัน แล้วคนจนน้ำตาลละลายดี เวลาเสิร์ฟ ตักข้าวมันใส่จาน นำเนื้อไก่มาสับเป็นชิ้น โดยหน้าด้วยผักชี เคียงด้วยแตงกวา เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มข้าวมันไก่ และน้ำซุปร้อนๆ ก็อิ่มอร่อยกันไปได้อีกหนึ่งมื้อ
โดย : กุ๊กเล็ก
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
อาหารจานเดียว เป็นอาหารประเภทที่เลือกกินกันบ่อยๆ เพราะสะดวก รวดเร็ว โดยเฉพาะมื้อกลางวนที่ต้องรีบเร่งกลับไปทำงานต่อ แต่ถึงเป็นในวันหยุดสบายๆ แบบนี้ “กุ๊กเล็ก” ก็ยังอยากกินอาหารจานเดียวอยู่ดี อย่างเมนู “ข้าวมันไก่” ซึ่งเป็นอีกเมนูหนึ่งที่ไม่ได้ทำยากมากนัก แต่ก็อร่อยกันได้ทั้งบ้าน
ส่วนผสมมีดังนี้
เนื้อไก่ 800 กรัม (จะใช้เนื้ออก หรือสะโพกก็ได้ตามชอบ)
ข้าวสาร 3 กระป๋อง
เกลือป่น 2 1/2 ช้อนชา
ขิงฝานเป็นแว่น 6 แว่น
รากผักชี 4 ราก
กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ
ฟัก 1/2 ลูก (ขนาดกลาง)
น้ำเปล่า
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมน้ำจิ้ม
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
เต้าเจี้ยว 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
ขิงสับ 3 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
พริกสด 2 เม็ด
เริ่มต้นที่การนำเนื้อไก่มาล้างให้สะอาด จากนั้นนำลงไปต้มกับน้ำเปล่าจนสุก โดยใช้ไฟอ่อนเพื่อไม่ให้น้ำซุปขุ่น นำข้าวสารมาซาวน้ำจนสะอาด แล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไป รอจนร้อน แล้วใส่กระเทียมลงไปเจียวให้หอม ใส่ข้าวสารที่ซาวแล้วลงไปผัดให้เข้ากัน จากนั้นปิดไฟ เทใส่หม้อหุงข้าว ใส่ขิงฝานเป็นแว่นลงไป ใส่เกลือป่นประมาณ ½ ช้อนชา แล้วใส่น้ำซุปที่ได้จากการต้มเนื้อไก่ลงไปกะให้ปริมาณพอเหมาะ ให้หุงข้าวออกมาแล้วไม่นิ่มหรือร่วนจนเกินไป หุงข้าวจนสุก ส่วนน้ำซุป ให้ตักไก่ออกพักไว้ น้ำซุปที่เหลือใส่รากผักชีลงไป ใส่ฟักที่ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นแล้วลงไป ปรุงรสด้วยเกลือประมาณ 2 ช้อนชา ต้มต่อไปจนฟักนุ่มดี จึงปิดไฟ
ส่วนน้ำจิ้ม นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมกัน แล้วคนจนน้ำตาลละลายดี เวลาเสิร์ฟ ตักข้าวมันใส่จาน นำเนื้อไก่มาสับเป็นชิ้น โดยหน้าด้วยผักชี เคียงด้วยแตงกวา เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มข้าวมันไก่ และน้ำซุปร้อนๆ ก็อิ่มอร่อยกันไปได้อีกหนึ่งมื้อ
โดย : กุ๊กเล็ก
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
“ช่อลัดดาไส้กุ้ง”ห่อหุ้มคำรัก
เมนูนี้จะช่วยให้คนทำสนุก คนกินมีความสุข ด้วยวิธีการทำและสีสันหน้าตาของอาหารที่สวยงาม สูตรนี้ได้มาจาก "ห้องอาหารธาราคอฟฟี่ช้อป" ของ โรงแรมอิมพีเรียลธารา ที่ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 26 ที่เขาให้มาแบบไม่หวงสูตร ฉะนั้นถ้าใครขี้เกียจทำตาม “กุ๊กเล็ก” ก็ลองไปหากินได้ที่โรงแรม ส่วนใครที่อยากลองวัดฝีมือตัวเองก็ตามเข้าครัวเลยดีกว่า
ส่วนผสมแป้ง
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
แป้งมัน 1/2 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง
กะทิ 1/2 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
สีผสมอาหารสีเหลือง
ส่วนผสมไส้
เนื้อกุ้งขาวสับละเอียด 3 ขีด
มะพร้าวขูด 1 ถ้วยตวง
ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ใบ
รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
เริ่มจากการนำส่วนผสมของไส้อย่าง เนื้อกุ้ง กับมะพร้าวขูด คลุกเคล้าให้เข้ากันพักทิ้งไว้ จากนั้นหันมาตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใส่รากผักชี กระทียม พริกไทย ที่ตำแล้ว ผัดให้หอม จนได้ที่แล้วจึงนำส่วนผสมของเนื้อกุ้งที่หมักไว้มาปรุงรสด้วย เกลือ น้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ โรยหน้าด้วยใบมะกรูดฝอย
นำส่วนผสมแป้งทั้งหมดขึ้นตั้งไฟ ใส่สีผสมอาหารสีเหลืองลงไป กวนให้เข้ากันพอแป้งสุก ยกลงนวดให้แป้งนิ่ม ปั้นเป็นก้อนกลมๆ จากนั้นแผ่แป้งให้แบนๆ ตักไส้ที่ผัดไว้ใส่ลงบนแป้ง ค่อยๆห่อแล้วจับกลีบแป้งให้เป็นดอก นำไปนึ่งให้สุก ประมาณ 10 นาที กินเปล่าก็ได้หรือบ้านใครมีผักชีและพริกขี้หนู จะนำมากินแกล้มเป็นเครื่องเคียงก็ได้
ที่มา manager
Subscribe to:
Posts (Atom)