homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

“ไวน์ดี”บนเครื่องไทยอินเตอร์



โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 สิงหาคม 2547 17:00 น.






 โดย ... “แม่ช้อยนางรำ”






ไวน์แดง-ไวน์ขาว ระดับ “กรองคลู”
       บินกันมาเป็นสิบ..สิบปีก็เพิ่งคราวนี้
      
       เจอ “ไวน์ดี” บนเครื่องไทยอินเตอร์
      
       จึงอยากเสนอให้เจ้านายได้รู้เอาไว้
      
       จะได้เลิกบ่นเสียทีว่าเราสู้เขาไม่ได้
       

       เจ้านายขา...
       

       ความจริงอีชั้นตั้งใจไว้ว่า จะเอาเรื่อง “ไวน์ดี บนเครื่องไทยอินเตอร์” มาเขียนในบทสุดท้าย สำหรับการเดินทางไป เค.แอล (กัวลาลัมเปอร์) มะละกา และก็สิงคโปร์
      
       เพราะอยากจะเรียงเรื่องเมนูอร่อยที่ช้อยจะเอามาเชิญเจ้านายไปเปิบนั้น อยากจะว่ากันเป็นรายทาง
      
       เริ่มตั้งแต่บากูเต๋ที่กัวลาลัมเปอร์
      
       ตามมาด้วย “อาหารพานาคาน” หรือ “พารานาคาน” ของพวกบ้าบ๋า..ย่าย๋า ที่เมืองมะละกา
      
       ต่อด้วย “กระหรี่หัวปลา” กับ “อาหารแต้จิ๋วโบราณ” ที่สิงคโปร์
      
       แต่แล้วอีชั้นก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะกลัวว่าเจ้านายขึ้นเครื่องไทยอินเตอร์แล้วไม่ได้เจอไวน์ชั้นดี ที่เขาเสริมให้ในระยะนี้
      
       อีชั้นก็รีบๆ เขียน ถ้าเจ้านายได้จิบไวน์ชั้นดีบนเครื่อง...เรื่องอะไรที่กวนหัวกวนใจรับรองหายเป็นปลิดทิ้ง






“ครัวลอยฟ้า”ไม่ใช่แค่อร่อย สวยอีกต่างหาก(ผู้โดยสารนะเจ้าค่ะ ไม่ใช่แอร์)
       ตอนที่บินไปมาเลย์ เที่ยวบินตอนเช้าก็ยังไม่มีไวน์เสิร์ฟให้ อาหารเช้าเขากินชากาแฟ ใครจะเสิร์ฟไวน์ขาวไวน์แดงกัน
      
       แต่เที่ยวบินจากสิงคโปร์กลับเมืองไทย เป็นเวลาดินเนอร์พอดี
      
       ก็คราวนี้ถึงได้รู้เสียทีว่าไวน์ที่เสิร์ฟบนเครื่องไทยอินเตอร์ที่เคยเจอแล้วร้อง..ยี้!!
      
       แต่คราวนี้อีชั้นร้องเหมือนกันเจ้านาย ร้องว่า..อังกอร์ อเกน หรือ ขออีก ขออีก ขอสักขวดเลยจะได้มั๊ย?
      
       อีชั้นไม่ได้ดัดจริต ดีดดิ้นว่าเป็น “ซอมมลิเญร์” ผู้เชี่ยวชาญไวน์ (ทั้งที่อีชั้น..เป็น) หรอกเจ้าค่ะ
      
       แต่ถ้าเจอไวน์ดีที่ไหนแล้วไม่ตะโกนบอกคนรักใคร่ อีชั้นว่าผิดจรรยาบรรณนักดื่มไวน์ที่ดี
      
       ไวน์สองตัวที่อีชั้นได้ดื่มบนเครื่องบินไทยอินเตอร์ เที่ยวบินจากสิงคโปร์มากรุงเทพเที่ยวนี้ ดีเสียจนอีชั้นอยากจะบอกเจ้านายว่า
      
       เลิกไปสายการบินอื่นได้แล้ว ไวน์แจ่มแจ๋วอยู่บนเครื่องไทยอินเตอร์ของเรานี่เองเจ้าค่ะ
      
       เมื่อตอนเจ้าหน้าที่บนเครื่องถามอีชั้นว่า...”รับไวน์มั๊ย” อีชั้นก็ตอบเขาไปว่า
      
       “แล้วไวน์มันหนักแค่ไหนกันละพ่อคุณ”
      
       เขาก็เลยยกไวน์ทั้งขาวทั้งแดงสองขวดมาชูให้เห็นข้างหน้า เพื่ออีชั้นจะได้ล้างตาเลือก เอาเองว่าไวน์หนักหรือไวน์เบา
      
       ก็ตามรสปากของอีชั้น กินอะไรก็ต้องให้ถึงเครื่อง เรื่องดื่มไวน์ก็ต้องเลือกตัวหนัก
      
       คืนนั้นอีชั้นเริ่มด้วยไวน์ขาวจากแคว้นอัลซาส ใกล้ๆ กับชายแดนเยอรมันคนที่นั่นดื่มไวน์ขาว ไม่เหมือนคนฝรั่งเศส
      
       พวกเศษฝรั่งดื่มไวน์ออกรสฝาดเปรี้ยว แต่ถ้าเยอรมันจะออกรสเปรี้ยวอมหวาน รสชาติกล่อมลิ้นกล่อมปาก ก็อยากจะบอกเจ้านายว่าถ้าขึ้นเครื่องไทยอินเตอร์ แล้วจะดื่มไวน์ขาวเจ้านายจะเลือกเจ้า
      
       “STEINERT GRAND CRU GEWVR 3 TRANINER 2000”
      
       เจ้าตัวนี่เยี่ยมที่สุด






“เครื่องไทยอินเตอร์”ประกอบเรื่องเจ้าค่ะ
       ...ล้างปากด้วยไวน์ขาว แล้วจึงตามด้วยไวน์แดง
      
       เจ้านายก็รู้อยู่นี่ว่า จะดื่มไวน์ทั้งทีสูตรเขามีว่า
      
       จะต้องดื่มทั้งไวน์ขาวและไวน์แดง แล้วต้องเริ่มด้วยตัวเบา จากนั้นค่อยๆ ไต่ขึ้นไปสู่ตัวหนัก
      
       ไวน์แดงแรงฤทธิ์ที่เสิร์ฟบนเครื่องที่อีชั้นเลือก
      
       เป็นตัวหนักที่จะเรียกตามฝรั่งขี้เมาก็ต้องว่า ตัวมันฟลูบอดี้ หรือภาษาไทยเราก็ต้องว่ามันมีเนื้อไม่ใช่มีแต่น้ำ ไวน์แดงที่อีชั้นยืนยันเจ้านายว่า
      
       ถ้าขึ้นเครื่องไทยอินเตอร์ ถ้าเจอเจ้าไวน์ตัวนี้ให้รีบสั่งทันที ชื่อเขามีว่า
      
       “CHATEAU TOUR DU MIRAIL GRU BOURGEOIS 2000”
      
       ถ้าพิจารณาตาม “ไวน์ลีส” บัญชีไวน์ที่ไทยอินเตอร์เสิร์ฟบนเครื่อง ก็มีให้เลือกทั้งไวน์ขาวไวน์แดง อย่างน้อยๆ ก็ต้อง 2 ตัว
      
       เพื่อความชัวร์ เพราะอีชั้นได้ชิมแล้ว จึงบอกเจ้านายให้เตรียมลิ้น เตรียมกระเพาะเอาไว้กินไวน์ดีไม่จำเป็นต้องมีกับแกล้มหรอก
      
       เอาลิ้นของเราแกล้มกับไวน์ของเขาเท่านั้นล่ะ...สุดยอดของความสุนทรีย์รมณ์
      
       แต่เรื่องของไวน์ นอกจากจะต้องเป็นผู้รู้ที่รู้เรื่องไวน์แล้วจะได้ดื่มไวน์ดีท่านั้นก็ยังไม่ พอ เพราะคุณที่จะได้ดื่มไวน์ดีก็ต้องมีบุญด้วย เพราะมีข้อความข้างใต้บัญชีไวน์เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า
      
       “PLEASE ACCEPT OUR APOLOGY IF YOUR PREFERRENCE IS NOT AVAILABLE” แปลเป็นไทยง่ายๆ ก็ได้ความว่า
      
       “โปรดอภัยหากเราไม่สามารถหาสิ่งที่ท่านปรารถนามาบริการได้”
       

       ไวน์ดีๆ มีให้ดื่มเสียอย่ามัวลีลา อีกหน่อยจะไม่มีปัญญากินเหมือนน้ำมันนั้นไง
      
       ..ขึ้นไทยอินเตอร์ตอนนี้นะเจ้านาย ดื่มไวน์ที่เสิร์ฟให้อั้น หมดไปสักขวด..สองขวด เท่านั้นก็กำไรแล้ว...

ไป...”กรีซ” ต้องกินปลาหมึกย่าง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กันยายน 2547 15:02 น.





แม่ช้อยนางรำ






“หนวดปลาหมึกย่าง”...อย่างกรีซ
       
       ลูกสาวอีชั้นสวมวิญญาณช้อย นางรำ
      
       ทำรายการอาหารอร่อยที่นั่นพิลึกพิลั่น
      
       คนกินปลาหมึกกันทั่วทั้งประเทศ
      
       หนวดปลาหมึกย่าง เนื้อปลาหมึกทอด
      
       ...ยอดอร่อยประจำชาติ

      
       ถึง...กีฬาโอลิมปิก “เอเธนส์ 2004” จะผ่านไปแล้ว แต่กลิ่นอายและรสชาติอาหารกรีซ ยังไม่ผ่านไปเจ้าค่ะ
      
       อีชั้นเพิ่งจะได้รับจดหมายพร้อมภาพถ่าย ที่ลูกสาวรายงานมาจากประเทศกรีซ เธอสวมวิญญาณเป็น...แม่ช้อยสอง
      
       ลองเขียนเล่าเรื่องอาหารอร่อยของดินแดน1000เกาะมาให้อ่าน
      
       เจ้านายลองพิจารณาสำบัดสำนวนของหลานเอา มีความสามารถจะเป็นช่างปรู๊ฟได้หรือเปล่า ไม่ต้องเอาถึงขนาดเป็นนักข่าว...นักเขียนก็ได้เจ้าค่ะ
      
       จดหมายจากคุณลูกถึงคุณแม่ (ช้อย)






“เนื้อปลาหมึกกล้วย (ยักษ์เหมือนกัน) ทอด” กินกับมะนาว
       สวัสดีค่ะคุณแม่
       

       ตอนนี้แพงเดินทางมาถึงกรีซแล้ว แต่ยังไม่เข้าเอเธนส์ เพราะพิธีเปิดการแข่งขันยังไม่เริ่ม พวกเราลูกสาว “เปิบพิสดาร” ก็ชวนกันไป “เกาะมิโคนอส”
      
       
เกาะที่ว่านี้ถ้าใครเป็นนักกิน นักดื่ม รวมทั้งนักเที่ยว มากรีซแล้วไม่ไปเยือน ก็เหมือนมาเมืองไทยแล้วไม่ไปเชียงใหม่ หรือภูเก็ต
      
       นอกจากจะเป็นเกาะที่มีทะเลงาม ชายหาดสวยแล้วยังมีอาหารอร่อยด้วยค่ะคุณแม่ เพราะฉะนั้นแพงจะต้องมาที่นี่
      
       เพราะมากรีซคราวนี้ ไม่ได้มาเพื่อเป็นนักข่าวรายงานผลการแข่งขันซะเมื่อไหร่กัน
      
       แพงมาในฐานะนักกินรายงานเปิบพิสดารให้คุณแม่เจ้าค่ะ
      
       มาถึงที่นี่แล้วก็แปลกใจ คนที่นี่ (ไม่ใช่ในเกาะมิโคนอสเท่านั้น หมายถึงทั้งประเทศเลย) เขากินอาหารดึก ในขณะที่เรากินเย็น
      
       ตอนสองทุ่มพวกเราก็เข้าร้านอาหาร แต่ไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ แต่พอห้าทุ่มเท่านั้น เป๋ง!.. ไม่รู้ใครต่อใครพึบพับ...พึบพับเข้าเต็มร้าน
      
       เลยทำให้รู้กันว่า คนกรีซกินดินเนอร์ดึก คล้ายมื้อเที่ยงคืนของบ้านเรา
      
       แต่เขาไม่ได้รีบกินแล้วไปนอนซะเมื่อไหร่ พวกกินอ้อยสร้อยว่ากันไปเรื่อยๆ โน้นนะคุณแม่ค่ะ จะกินเสร็จสมอารมณ์หมายก็ปาเข้าไปสองโมงเช้า






“ลูกสาวอีชั้น” กับไอ้หนุ่มหน้าทะลึ่ง ซึ่งไม่ใช่ลุกเขยนะเจ้าค่ะ...เจ้านาย
       ตอนนี้แพงหลับใหลไม่ได้สติฟุบไปบนโต๊ะกินข้าวตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วค่ะ
      
       คนที่นี่อย่างที่รู้กัน กินอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน คือกินอะไรต้องไม่หนี แป้งน้ำมันมะกอก แล้วก็ลูกมะกอก อาหารทุกเมนูขาดไม่ได้ แต่ดูแล้วก็คล้ายอิตาเลี่ยนเหมือนกัน
      
       มีเส้นพาสต้า สปาเกตตี้ มีพิซซ่า มีชีสมากหลายรสชาติ
      
       แต่อย่างหนึ่งไม่เหมือนอิตาเลี่ยนก็คือ คนที่นี่นิยมกินปลาหมึกเหลือเกิน เดินไปที่ไหนจะต้องมีคนขายปลาหมึก ที่มีเมนูสำคัญอยู่ 2 อย่าง คือ
      
       หนวดปลาหมึก ยักษ์เอาไปย่าง กับเนื้อปลาหมึกหอม (เรียกตามบ้านเราค่ะ แต่บางคนเขาก็เรียกว่าปลาหมึกกล้วย) เอาไปชุปแป้งทอดในน้ำมันมะกอก แต่เวลากินต้องบีบน้ำเลมอน (มะนาวฝรั่ง เปลือกเหลือง) ที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน อร่อยหรือเปล่า อย่าถามเกลี้ยงชามกันทุกคน
      
       ถ้าเนยแข็งกุยเยของฝรั่งเศสขึ้นชื่อ หรืออีแดมเนยแข็งของเนเธอร์แลนด์ ลือชา เนยแข็งของกรีกที่เรียกว่า “เฟตา” ก็โด่งดังไปทั้งยุโรป เว้นแต่ว่าบ้านเราไม่ค่อยรู้จัก พวกเราหนักไปทางพามาซานชีสของอิตาลีย่น
      
       มากรีกจะต้องเจ้าปลาหมึกที่ว่า แล้วต้องกินสลัดผักน้ำใสใส่น้ำมะกอกลูกมะกอกลงไป แล้วอย่าลืม โรยหน้าด้วยชีสเฟตา
       

       แต่ที่สำคัญคุณแม่ขา ถ้าจะให้ได้วิญญาณกรีกจริงๆแล้ว ต้องตามด้วยเหล้าประจำชาติ ที่เรียกว่า “โอโซ” รสชาติเหมือนกินแฮ็คผสมยาธาตุ กินสักแก้ว...สองแก้วเท่านั้นล่ะค่ะ
      
       พวกผู้ชายนึกว่าตัวเองเป็นพระเจ้าอเล็คซานเดอร์มาเกิดใหม่ ส่วนผู้หญิงก็ไม่น้อยหน้ากว่าเท่าไหร่...นึกว่าตัวเองเป็นเทพีเอเธนส์น่า เป็นเจ้าของ1000 เกาะ เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้!!...จบแล้วค่ะ!! ลงชื่อ “ขวัญข้าว เศวตวิมล”
       

       จบแล้วก็ดี อย่ามัวคิดว่าเทพีกรีก รีบกลับบ้านเร็วๆ หน่อยเถอะหนู แกงเทโพกำลัง ต้องการเทพีกรีกมาช่วยทำ
       

“บันเซ่ง” อาหารจีนแต้จิ๋วเก่า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กันยายน 2547 15:43 น.






โดย :แม่ช้อย นางรำ






“คุณสันติ เศวตวิมล” ญาติผู้ใหญ่ของอีชั้น ติดใจร้านนี้ถึงกับยอมเป็น “พรีเซ็นเตอร์” ให้
       “รู้จักร้านนี้มาตั้งแต่ปีมะโว้
      
       30 กว่าปี มาสิงคโปร์ไม่เคยพลาด
      
       ตอนนี้เขาย้ายมาอยู่ที่ใหม่
      
       อาหารสไตล์เก่าระดับ ****”
       

       “ฮัลโหล... คุณช้อยเหรอ” มีโทรศัพท์เข้ามาในมือถืออีชั้นเมื่อวันก่อน
      
       “จะมังคะ”
      
       “เออ หมู่นี้ทำไมเขียนแนะนำแต่ร้านอาหารต่างประเทศ”
      
       “อ๋อ...ก็เพราะร้านอาหารในประเทศ เห็นมีคนแนะนำกันมากมาย ก็เลยผ่ามันซะไม่ให้เหมือนใคร”
      
       “อ๊าว!! แล้วอย่างนี้จะไปกินได้อย่างไรกันละยะ” แฟนที่ถามคงจะไม่สบอารมณ์
      
       ไม่เห็นจะยากอะไร โทรศัพท์ถามที่หมายเลข 0-2653-7171 เท่านั้นเอง เป็นได้เปิบเจ้าค่ะ
      
       อย่างสัปดาห์นี้ อีชั้นจะพาไปเปิบอาหารแต้จิ๋วร้านเก่าแก่ อายุกว่า 100 ปี อยู่ที่สิงคโปร์
      
       ร้านชื่อร้าน “บันเซ่ง” แต่อีชั้นเรียกตามลิ้นไทยว่า “บ้านเส็ง”
       

       ร้านนี้เป็นร้านชุมนุมเศรษฐีสิงคโปร์ สมัยเมื่อ 30 ปีก่อน ตอนอีชั้นไปเปิบครั้งแรก ยังพบท่านประธานาธิบดี “ลีกวนยู”
       







“ห่านพะโล้” อาหารเปิดฟลอร์
       ท่านมากินเหมือนอาเสี่ยธรรมดา ไม่เห็นจะต้องมีหน่วยพิทักษ์รักษาความปลอดภัยที่จะต้องแห่กันมาเป็นร้อย เหมือนนักการเมืองประเทศไทยเลย
      
       มองไปที่ข้างฝาร้านเห็นมีรูปถ่ายบุคคลสำคัญในโลกเป็นลูกค้ามากมาย ก็พอจะยืนยันการันตีได้
      
       แต่กรณีนี้จะเอามาใช้ตามร้านอาหารบ้านเราเห็นจะไม่ได้ ที่เห็นรูปถ่ายคนดังๆ ที่เอาติดข้างฝาไว้... การันตีได้ว่าไม่อร่อย เพราะร้อยทั้งร้อยถูกเชิญมา ร้านขายไม่ดี จึงต้องใช้บารมีคนอื่นชักนำพา เรื่องมันเป็นจะอี๊เน้อ
      
       ร้าน “บันเซ่ง” เป็นร้านอาหารแต้จิ๋ว ที่ขึ้นชื่อโด่งดังเพราะเขายังรักษาเมนูอาหารแต้จิ๋วโบราณเอาไว้ไม่เปลี่ยน แปลง ระบบโลกาภิวัตน์ ใครเขาใช้แก๊ส อียังใช้ถ่าน
       ใครเขาใช้เครื่องปรุงแบบจีนปนฝรั่ง จีนปนญี่ปุ่นหรือแขก แต่ “บันเซ่ง” ใช้ของจีนแท้ๆ เจ้าของร้านยืนยันกับอีชั้นว่า “เครื่องยาจีนที่เอามาใช้ สั่งมาจากซัวเถาทุกรายการ”
      
       
ก็ใช่สิยะ!! ประเทศสิงคโปร์ของยูมีที่ไหนกัน พูดอีกก็จะถกอิฐเขวี้ยงกบาล
      
       ขอแนะนำเมนูอาหารที่คุณจะต้องสั่งเมื่อมาร้านนี้ หมูหัน (แบบแต้จิ๋ว ใช้หมูขนาด 2 เดือน) ห่านพะโล้ หูฉลามน้ำแดงแบบแต้จิ๋ว เต้าหู้ผสมเนื้อปลาทอดจิ้ม “ชงหนี่โฉ่ว” ผัดผัก 5 อรหันต์ ปลาเต้าเต้ยหรือจาระเม็ดนึ่งบ๊วย จบลงด้วย “ข้าวผัดปลาเค็ม”
       

       อาหารที่แนะนำทุกจาน รสชาติจะไม่ประมาณเหมือนร้านแต้จิ๋วในเมืองไทย เขาว่าเป็นรสแต้จิ๋วแท้ๆ ที่มาจากเมืองจีน ไม่ได้ดัดแปลงเหมือนแต้จิ๋วที่ตกไปอยู่เมืองไหน รสชาติหน้าตาก็เป็นเหมือนคนเมืองนั้น เหมือนอย่างแต้จิ๋วเมืองไทย กินอะไรก็ต้องรสจัด...จัด เข้าไว้






“ปลาจาระเม็ดนึ่งบ๊วย” จานที่ขาดไม่ได้
       แต้จิ๋วเมืองมาเลย์ กินอะไรก็ต้องมีเครื่องเทศแขก แต่ถ้าเป็นแต้จิ๋วสิงคโปร์ โดยเฉพาะร้านนี้... แต้จิ๋วซิง...ซิง เจ้าค่ะ
       

       เหมือนอย่างคราวหนึ่ง อีชั้นพาลูกทัวร์ไปเปิบที่ร้าน “บันเซ่ง” พอเถ้าแก่ยกขนมจีบแต้จิ๋วที่เรียกว่า “จุ้ยก๊วย” เข้าใส่ปาก “เคี้ยวได้สัก 2-3 ครั้ง ยังไม่ทันจะกลืนเสียด้วยซ้ำ อาเถ้าแก่ก็ตะโกนลั่นโต๊ะ
      
       “เป็นอะไรเฮีย ไม่อร่อยรึ” อีชั้นถาม
      
       “อร่อยน่ะอร่อย แม่ช้อย แต่อั๊วกินแล้วอั๊วคิดถึงอาม้า” เถ้าแก่ตอบ
      
       “อ้าว!! งันคราวหน้าก็พาอาม้ามากินด้วยซี” อีชั้นแนะนำ
      
       พอพูดเท่านั้น อาเถ้าแก่อายุเกือบจะ 70 ปี ก็เลยร้องไห้โฮ
      
       “พามาได้อย่างไงล่ะแม่ช้อย อาม้าอั๊วตายไปหลายปีแล้ว ก่อนตายอีสั่งอั๊วว่า อยากจะกินจุ้ยก๊วยแบบที่เคยกินที่ซัวเถา”
       

       “อั๊วมาพบแล้วที่นี่ แล้วอย่างนี้อั๊วจะเอาไปให้อาม้าอั๊วกินได้อย่างไง โฮ...โฮ...โฮ”
      
       อีชั้นเลยต้องปลอบประโลมอาก๋ง...เอ้ย อาเฮียว่า
      
       “จะไปยากอะไรล่ะ เชงเม้งปีหน้า อาเถ้าแก่ก็กลับมากินที่นี่ใหม่ เออ...แล้วอย่าลืมหอบรูปถ่ายอาม้ามาด้วย ตั้งไว้ตรงหน้าแล้วอาตี๋ อาม้า ก็สั่งจุ้ยก๊วยมาเจี๊ยะกันเท่านี้ก็สิ้นเรื่อง"
      
       อีชั้นแนะนำเท่านั้น อาเฮียก็ยิ่งร้องไห้ใหญ่ สะอึกสะอื้นบอกอีชั้นว่า
      
       “ไม่ล่าย...ไม่ล่าย อั๊วเอาอาม้าบินมาสิงคโปร์ไม่ล่าย อาม้าอั๊วกลัวเครื่องบินตก”
       

       สอบถามรายละเอียดร้าน “บันเซ่ง” ได้ที่ “บริษัท พี.โอ.พี ทราเวิล”หมายเลข 0-2653-7171 คู่สาย 10 หมายเลขเจ้าค่ะ

อาหารมุนี ที่ “ฤษีเกศ”



โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 กันยายน 2547 15:55 น.





 “แม่ช้อยนางรำ” (SANTI_MAECHOICE@HOTMAIL.COM)






“ชวาติ วาลา” ใครไปเมืองฤษีเกศ หรือศีรษะฤษี จะต้องแวะร้านนี้ กินแล้วไม่ตกนรก
       “นี่ไม่ใช่...อาหารมังสวิรัติธรรมดา
      
       แต่นี่เป็นอาหารสำหรับมุนีนักบวช
      
       ผู้สละแล้วซึ่งรูป เหลือเพียงรสเท่านั้น
      
       ร้านนี้อยู่เชิงภูเขาหิมาลัย”
       

       นี่เป็นร้านที่สูงที่สุด เท่าที่อีชั้นเคยเปิบมาเจ้าค่ะ...เจ้านาย
      
       ก็จะไม่สูงได้อย่างไร ร้าน “ชวาติ วาลา” อยู่ที่เมืองฤษีเกศ ที่แปลได้ว่าศีรษะพระฤษี
      
       ยิ่งกว่านี้ ร้านนี้อยู่เชิงภูเขาหิมาลัยในรัฐอุตตรขัณฑ์ ประเทศอินเดีย สูงกว่านี้ไม่มีที่ไหน เว้นไว้แต่ว่า
      
       จะมีใครพิเรนทร์ไปตั้งร้านอาหารอยู่บนยอดเขาเอฟเวอร์เรส ประเทศเนปาลโน้นนั้น ค่อยว่ากันใหม่
       

       เจ้านายขา
      
       การเดินทางเพื่อแสวงหาอาหารอร่อย (ขอโทษ เส้นทางนี้ตรงกันข้ามกับการเดินทางเพื่อแสวงหาบุญของสาธุชนทั้งหลาย)
      
       คราวนี้อีชั้นมาไกลถึงเชิงภูเขาหิมาลัย ในดินแดนที่คนอินตะระเดียเรียกว่า “ปากประตูเข้าสู่สวรรค์”
       







หน้าร้านจะมีนักบวชนั่งเป็นประธาน คอยลั่นระฆังโมทนาสาธุให้กับคนที่เข้ามากิน
       เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนาฮินดู ที่กล่าวกันว่า พระเจ้าของพวกเขาประทับที่นี่ และแม่น้ำศักดิสิทธิ์ที่สุดคือ “แม่น้ำคงคา” มีกำเนิดเกิดขึ้นบริเวณนี้
      
       เขาเล่าว่า เดินด้วยเท้าขึ้นไปบนภูเขาสักวันหนึ่ง ก็จะพบธารน้ำแข็งที่ผุดขึ้นกลางเขา แล้วละลายลงมาสู่อินเดียผ่านเมือง “ฤษีเกศ” ที่ว่านี้ แล้วไหลลงอ่าวเบงกอลที่เมืองกัลกัตตา
      
       อีชั้นมาอินเดียเป็นสิบๆ ปี หมายมั่นปั้นมือว่า สักวันหนึ่งเถิดน่า อีชั้นจะต้องมาเมืองศักดิ์สิทธิ์นี้ให้ได้ อยากจะไปดูต้นน้ำคงคา อยากจะพบฤษีชีไพร ที่มีมากมายเป็นล้านคนอยู่ตามโคนต้นไม้ในป่าเขา ถ้ำของมหาไศลหิมาลัย
      
       แต่ไม่ได้ไปสักที เพื่อนคนอินเดียบอกว่าอีชั้นยังไม่มีบุญ ไว้หมดบาปเมื่อไหร่ จะต้องได้ไปอย่างปาฏิหาริย์
       

       อีชั้นรอความอัศจรรย์มาเป็นปีๆ จนกระทั่งจู่ๆ ก็ได้รับเชิญจากบริษัท “ท็อปทัวร์” ประเทศอินเดีย กับสายการบิน “แอร์อินเดียน” ให้ไปเยี่ยมเยียนอนุทวีปแห่งนี้
      
       อีชั้นบอกว่า ถ้าไม่มีหริวาร กับฤษีเกศ และเดห์ราดูน จ้างอีชั้นก็ไม่ไปให้เมื่อย
      
       อีชั้นไปอินเดียเรื่อย ไปมากกว่าบางจังหวัดในเมืองไทยเสียด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นอีชั้นต้องเล่นตัวเป็นธรรมดา
      
       เป็นอันว่าทริปคราวนั้นอีชั้นได้ไปทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เชิงภูเขาหิมาลัย แล้วยังได้ไป “ขชุราโห” เมืองกามสูตร แถมพาราณสีอีกต่างหาก เว้นดินแดน “พุทธภูมิ” แล้ว ในอินเดียสามเมือง...หรือห้าเมือง (รวมหริวารกับเดห์ราดูน) เป็นเมืองที่น่าไปเที่ยวที่สุดในอินเดีย
      
       ยิ่งเมืองฤษีเกศนั้น ใครที่ชอบเปิบพิสดาร จะต้องไปให้ได้ เพราะเมืองนี้มีอาหารชีวจิตที่ขึ้นชื่อไปทั่วโลก พวกฤษีชีไพร มุนีนักบวชทั้งหลายเขาทำกินกันมาเป็นพันปี
      
       ทุกวันนี้ มีคนขมองใสทำเป็นอาหารสำเร็จรูปใส่กล่อง ใส่ซองขาย ใครสนใจอีชั้นจะพาไป ซื้อกลับมาขายบ้านเรา รับรองว่าไม่รวยก็ซวย เป็นเรื่องธรรมดาของการค้าขาย
      
       พวกอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดู (ขอโทษนะเจ้าคะ ฮินดูไม่ใช่พราหมณ์ เป็นศาสนาเกิดใหม่หลังพุทธศาสนาเป็นพันปี โดยเอาหลักพุทธศาสนากับพราหมณ์และไชน ที่บางคนเรียกเป็น “เชน” เหมือนหนังคาวบอยฝรั่งเข้ามาดัดแปลงให้กลมกลืนกัน)
      
       พวกฮินดูเขามีสูตร “เปิบพิสดาร” ใครไปถึงเมืองนี้ ให้ไปหุงข้าวต้มมันกันที่ริมน้ำพุบาดาลที่เทวาลัยชื่อ “หนุมานฉัตตี” หุงแล้วตัวเองไม่ได้กินนะเจ้าคะ จะต้องไปโยนลงแม่น้ำเพื่อถวายกับ “ยมโนตรีเทวี”
       







อาหารมังสวิรัติ 1 ชุด หยุดกิเลส
       เขาว่าเทวีจะโปรดประทานพรให้สมใจที่ปรารถนาทุกประการ เออ...มันง่ายดีจัง
      
       ไปถึงเมืองฤษีเกศ จะมีร้านขายอาหารมังสวิรัติชื่อดัง ไปถึงที่นั่นใครก็รู้จักกันทั้งนั้นชื่อว่าร้าน “ชวาติ วาลา”
      
       
ถ้าคนบ้านเราได้เห็นจะต้องตกใจ เพราะมีพระนั่งอยู่หน้าร้าน ป่าวประกาศเคาะระฆังเรียกให้คนเข้าร้าน แต่ไม่ใช่พระภิกษุสงฆ์ของศาสนาเราหร๊อก...
      
       พวกนี้เป็นสาธุมุนี นักบวชของพวกฮินดูเขา ทำหน้าที่เป็นนางกวักควักมือเรียกคน
      
       เจ้านายมาเห็นคงจะชอบใจ เพราะเห็นรูปร่างของมุนีแต่ละรูปแล้วก็คงจะยืนยันได้ว่า อาหารร้านนี้ต้องอร่อย พุงของมุนีละก็ย้อยย้วยลงมา เห็นแล้วน่าลูบขอหวย
      
       คนอินเดียเชื่อว่า การได้มากินอาหารมังสวิรัติที่เมืองฤษีเกศนี้ นอกจากจะเป็นอาหารบริสุทธิ์อร่อยกว่าเมืองอื่นๆ แล้ว ใครได้มากินก็เหมือนจะล้างบาปที่ติดอยู่ในท้องออกได้ด้วย
      
       เพราะฉะนั้นใครมีบาป หากมีโอกาสสักครั้งในชีวิตต้องมากินอาหารมังสวิรัติที่นี่ ซึ่งน่าจะจริงเช่นนั้น เพราะเมืองนี้มีแต่ฤษี มุนีนักบวชมากมาย คนบาปทั้งหลายจะไม่มีโอกาสได้มา เขาว่าเทพเจ้าปิดประตูไม่ให้เข้า
      
       เพราะฉะนั้น เจ้านายอยากจะรู้ว่ามีบาปติดตัวหรือเปล่า ลองไปเที่ยวเมืองหริทวารซึ่งแปลว่า “ประตูของพระเจ้า” กับเมือง “ฤษีเกศ” แปลว่า ศีรษะของพระฤษีดูซี
       

       ...ใครมีเงินมากล้วนบาปหนา ไม่มีโอกาสได้มาที่นี่หร๊อก จะบอกให้...

มาแคนนีส (MACANESE) อาหารจีนแบบฝรั่งพิสดาร

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 ตุลาคม 2547 16:11 น.










       เมื่อฝรั่งปอร์ตุกีสเดินทางมาพบกับคนจีนไชนีส
       จึงเกิดมาเป็น “มาแคนนีส” อาหารจีนฝรั่งพิสดาร
       อร่อยแปลกแบบนี้มีแห่งเดียวในโลกเท่านั้น
       อยู่ที่...มาเก๊า

      
       กลับมาจาก... “มาเก๊า” เมื่อเดือนสิงหาคมที่แล้ว
      
       อีชั้นบอกเจ้านายว่า
      
       จะต้องพาเจ้านายไปเที่ยวมาเก๊าให้ได้
      
       เพราะเดี๋ยวนี้ไปมาเก๊าแสนสะดวกสบาย ไม่ต้องไปเริ่มต้นกันที่ฮ่องกงแล้วแล้วต่อเรือไฮโดรฟอยท์นั่งกันอีกเป็นชั่วโมง
      
       ตอนนี้สายการบิน “แอร์เอเชีย” บินตรงสองชั่วโมงก็มาถึงมาเก๊าแล้ว
      
       สนามบินที่นั่นใหญ่ทันสมัย
      
       ตรวจคนเข้าเมืองที่นั่นไม่ใจร้าย ดูถูกคนไทยเหมือนที่ฮ่องกง
      
       ช้อปปิ้งที่นั่นก็มีของเหมือนฮ่องกงทุกอย่าง บางอย่างจะถูกกว่าด้วยซ้ำ
      
       แถมคนขายก็ไม่มึงมาพาโวยชวนโมโหเหมือนอาม่วยอาตี๋ที่เชียงกัง
      
       และที่สำมะคัญ อันนี่สำคัญที่สุดล่ะเจ้านาย
      
       ที่มาเก๊ามีอาหารจีนกวางตุ้งที่อร่อย แล้วยังมีอาหารปอร์ตุเกส มีอาหาร “มาแคนนีส” แบบที่อย่าว่าแต่ฮ่องกงจะไม่มีเลย ที่ไหน ๆ ก็ไม่มีทั้งนั้น
      
       อันว่าอาหาร “มาแคนนีส” นั้นไซร้เจ้านายขา
      
       
มันก็คืออาหารจีนกวางตุ้งที่ใช้เครื่องฝรั่งมังค่าแบบปอร์ตุกีส ก็เลยรวมกันเรียกว่า “มาแคนนีส”
       

       มาแคน...ก็หมายถึงมาเก๊า
      
       นีส...ก็หมายถึงคนที่นั่นไงล่ะเจ้าค่ะ
      
       เจ้านายไม่เคยรับประทาน ลูกน้องจะสาธยายให้ลองจินตนาการดูไปพลาง ๆ ก่อนเดินทางว่ามันจะอร่อยแปลก...
       
       แปลกแบบไหนกัน





       ก่อนอื่นเจ้านาย จะต้องรู้ก่อนซะว่า
      
       บรรดาเครื่องปรุงอาหารแปลก ๆ นั้น พวกฝรั่งปอร์ตุกีส ซึ่งเป็นคนผิวขาวชาติแรกที่นำเรือสินค้าอ้อมแหลมกู๊ดโฮป จากอาฟริกามาถึงทวีปเอเชียได้
      
       ปอร์ตุกีสพวกนี้ นำสินค้าแปลกจากทวีปอาฟริกาบ้าง ทวีปอเมริกาบ้าง รวมทั้งบรรดาเครื่องเทศทั้งหลายจากอินเดีย และหมู่เกาะโมลุกกะมาถึงมาเก๊า เมื่อราวศตวรรษที่ 7 ก็คิดง่าย ๆ เมื่อสาม...สี่ร้อยปีที่ผ่านมาไว..ไว
      
       ถ้าอีชั้นจะบรรยายความตามไท้ก็ต้องยกตัวอย่างว่า มะเขือเทศ มันฝรั่ง ข้าวโพด พริกนั้นเขาเอามาจากอเมริกา
      
       ส่วนหญ้าฝาหรั่น ใบกระวาน ก้านพลู อบเชย ลูกจันทน์ ก็เอามาจากอินเดีย
       รวมทั้งผลหมากรากไม้จากอาฟริกาก็ขนเอามา
      
       มาที่ไหนก็ไม่เป็นเรื่อง แต่มาถึงเมืองจีนก็เลยได้เรื่อง
      
       พวกอาเฮีย อาแปะ อากู๋อีทำกับข้าวเก่ง เมื่อได้ของเล่นจากเมืองไกลมามากมาย อีก็เลยดัดแปลงเป็นอาหารสูตรใหม่ เป็นเครื่องฝรั่งปนเครื่องจีน
      
       แต่ฝีมือเป็นของคนจีนกวางตุ้ง ที่ได้ชื่อว่าทำกับข้าวอร่อยที่สุดในประเทศจีน ก็นั้นล่ะเจ้าค่ะ อาหาร “มาแคนนีส” จึงได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาบนเกาะมาเก๊าที่ว่านี้
       
       ในเกาะแห่งนี้ มีร้านอาหารอร่อยแบบ “มาแคนนีส” เพียงไม่กี่เจ้า เพราะสูตรที่เขาทำเป็นสูตรประจำร้าน ประจำบ้าน เขาไม่ยอมสืบสานให้ใคร
      
       เพราะฉะนั้นอาหาร “มาแคนนีส” จึงไม่แพร่หลาย
      
       ใครอยากจะกินต้องมาที่มาเก๊าแห่งเดียวเท่านั้น
      
       แต่เจ้าอร่อยล้ำไม่มีร้านไหนจะมีมาเทียม ร้านนั้นอยู่ในรายการ “ทัวร์มาเก๊า” ที่อีชั้นจะพาเจ้านายไปเปิบกันวันศุกร์หน้า (ศุกร์ที่ 8 ตุลา)





       เราใช้เวลาการเดินทางไปกลับแค่สองคืนกับสามวันเท่านั้น แต่เจ้านายจะได้ทุกอย่างครบครัน อีชั้นจะพาเจ้านายไปกินอาหาร “มาแคนนีส” แห่งเดียวในโลก ไปกินอาหารกวางตุ้งของแท้ ๆ ที่ “เมืองจูไห่” เมืองแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกับเกาะมาเก๊า
      
       อาหารจีนที่นั่นเป็นสูตรเก่า ไม่ใช่สูตรใหม่ดัดแปลงแบบฮ่องกงที่เจ้านายกินซะจนเบื่อซะเมื่อไร
      
       ตามโปรแกรมอีชั้นจะแถมให้เจ้านาย คือจะพาขึ้นไปบน “หอคอยมาเก๊า” ที่นั่นนอกจากจะเป็นจุดชมวิวเกาะแห่งนี้สวยงามที่สุดแล้ว บุพเฟ่ต์อินเตอร์ ฯที่นั่น มีมากมายเป็นร้อยรายการ เขาจัดสรรเลือกมาสุดยอดของโลกทั้งนั้น เพื่อมาปรนเปรอบรรดานักเปิบลิ้นอินเตอร์อย่างอีชั้น อย่างเจ้านาย
      
       และที่ลืมไม่ได้ก็คือ
      
       
อีชั้นจะพาเจ้านายไป “พิพิธภัณฑ์ไวน์” แห่งเดียวในเอเชีย ที่ปอร์ตุเกสสร้างขึ้นเพื่อขายไวน์ให้กับนักเดินทาง
      
       เจ้านายคงจะรู้แน่แท้แก่ใจแล้วว่า ไวน์โรเซ่ หรือไวน์กุหลาบกับพอร์ทไวน์หรือไวน์หวานของปอร์ตุเกสนั้นโด่งดังที่สุดในโลก
      
       แต่ล่าสุดที่อีชั้นไปมาเมื่อเดือนสิงหา ตอนนี้พิพิธภัณฑ์ไวน์เขาออกตัวใหม่คือ “ไอซ์ไวน์” หรือไวน์หวานพิเศษจากองุ่นที่เก็บในฤดูหนาวเมื่อยามหิมะตก
      
       ปรกติไวน์หิมะ หรือไวน์น้ำแข็งที่ว่านี้ มีสองประเทศในโลกเท่านั้นที่ผลิตออกมาแล้วเป็นที่ยอมรับว่า...หวานล้ำ อร่อยซึ้งที่หนึ่งของโลก
      
       คือไอซ์ไวน์เยอรมัน ก็ไอซ์ไวน์แคนนาดา
      
       แต่ตอนนี้ปอร์ตุเกสก็สามารถผลิตได้ แล้วราคาก็ยังถูกกว่าเป็นสิบเท่า คิดเอาเถิดเจ้านาย ไอซ์ไวน์เยอรมัน-แคนนาดาขายขวดละเป็นหมื่น
      
       แต่ไอซ์ไวน์ปอร์ตุกีสที่พิพิธภัณฑ์ไวน์มาเก๊าขายขวดละ5-6000 บาท ก็ถูกขนาดนี้เจ้านายเหมาเป็นมาลัง ก็ถือว่ากำไรแล้วจากการเดินทางไปกับอีชั้นคราวนี้
      
       “แม่ช้อย นางรำ”
       (SANTI_MAECHOICE@HOTMAIL.COM)
      
       สนใจร่วมเดินทางติดต่อสอบถามรายละเอียดที่บริษัทพี.โอ.พี ทราเวิล หรือป๊อปทัวร์
       โทร. 02-653-7171 (เครือข่ายพ่วง 10สาย)