homeowners insurance Claim
home insurance Claim
state farm car insurance Claim
comprehensive insurance Claim
commercial insurance Claim
cheap auto insurance Claim
cheap health insurance Claim
indemnity Claim
car insurance companies Claim
progressive quote Claim
usaa car insurance Claim
insurance near me Claim
term life insurance Claim
auto insurance near me Claim
state farm car insurance Claim
comprehensive insurance Claim
progressive home insurance Claim
house insurance Claim
progressive renters insurance Claim
state farm insurance quote Claim
metlife auto insurance Claim
best insurance companies Claim
progressive auto insurance quote Claim
cheap car insurance quotes Claim
allstate car insurance Claim
rental car insurance Claim
car insurance online Claim
liberty mutual car insurance Claim
cheap car insurance near me Claim
best auto insurance Claim
home insurance companies Claim
usaa home insurance Claim
list of car insurance companies Claim
full coverage insurance Claim
allstate insurance near me Claim
cheap insurance quotes Claim
national insurance Claim
progressive home insurance Claim
house insurance Claim
health insurance quotes Claim
ameritas dental Claim
state farm renters insurance Claim
medicare supplement plans Claim
progressive renters insurance Claim
aetna providers Claim
title insurance Claim
sr22 insurance Claim
medicare advantage plans Claim
aetna health insurance Claim
ambetter insurance Claim
umr insurance Claim
massmutual 401k Claim
private health insurance Claim
assurant renters insurance Claim
assurant insurance Claim
dental insurance plans Claim
state farm insurance quote Claim
health insurance plans Claim
workers compensation insurance Claim
geha dental Claim
metlife auto insurance Claim
boat insurance Claim
aarp insurance Claim
costco insurance Claim
flood insurance Claim
best insurance companies Claim
cheap car insurance quotes Claim
best travel insurance Claim
insurance agents near me Claim
car insurance Claim
car insurance quotes Claim
auto insurance Claim
auto insurance quotes Claim
long term care insurance Claim
auto insurance companies Claim
home insurance quotes Claim
cheap car insurance quotes Claim
affordable car insurance Claim
professional liability insurance Claim
cheap car insurance near me Claim
small business insurance Claim
vehicle insurance Claim
best auto insurance Claim
full coverage insurance Claim
motorcycle insurance quote Claim
homeowners insurance quote Claim
errors and omissions insurance Claim
general liability insurance Claim
best renters insurance Claim
cheap home insurance Claim
cheap insurance near me Claim
cheap full coverage insurance Claim
cheap life insurance Claim
สรรพคุณของตะลิงปลิง
ตะลิงปลิงเป็นไม้ที่มีพื้นถิ่นกำเนิดในประเทศอินโดนีเซีย และพบตามชายทะเลในประเทศบราซิล มีการปลูกในประเทศไทยมานานแล้ว พบได้ในทั่วไปตามสวนและตามบ้าน ออกผลตามกิ่งก้านและลำต้นเป็นพวงแน่นและสวยงาม จึงเป็นที่นิยมปลูกโดยทั่วไป ผลมีรสเปรี้ยวใช้ในการบริโภค ตะลิงปลิงอยู่ในตระกูลเดียวกับมะเฟือง มีลักษณะตรงกลางระหว่างมะเฟืองกับมะดัน เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เปราะหักง่าย เปลือกต้นมีสีชมพูผิวเรียบมีขนนุ่มปกคลุมตามกิ่ง ส่วนประกอบของใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ก้านใบหนึ่งประกอบไปด้วยใบย่อย 11-37 ใบ มีสีเขียวอ่อนและมีขนนุ่มๆปกคลุมอยู่
การปลูกตะลิงปลิงนั้นปลูกง่าย ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำได้ดี และไม่ทนน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือตอนกิ่ง ต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะมีทรงพุ่มสูงใหญ่และแข็งแกร่งกว่าต้นที่ได้จากการตอนกิ่ง แต่ต้องใช้เวลา 2-3 ปี ถึงจะมีดอกมีผล ขณะที่ต้นที่ได้จากการตอนกิ่งจะออกดอกผลหลังจากปลูกลงดินประมาณ 5-8 เดือน หลังจากปลูกได้นาน 3-4 เดือน ควรหมั่นตัดแต่งกิ่งให้เป็นพุ่ม และถ้าเราไม่ต้องการให้ต้นสูงมากก็ตัดส่วนยอดออก ให้ต้นตะลิงปลิงแตกกิ่งออกในบริเวณข้างๆ เพื่อให้เก็บผลได้ง่ายยิ่งขึ้น
ในการปลูกตะลิงปลิงเมื่อผ่านระยะเวลาที่จะให้ผลนั้น ตามบริเวณลำต้นจะมีการแตกตาโผล่ออกมา แล้วปลายจะเป็นช่อดอก เมื่อช่อดอกผุดออกจะกลายเป็นผล เป็นพวงห้อยระย้าสวยงาม การเก็บเกี่ยวก็มีหลายวิธีตามแต่ถนัด ในส่วนของดอกตะลิงปลิงนั้นจะมีความสวยงาม ออกดอกเป็นช่อหลายช่อตามลำต้นหรือกิ่ง ในแต่ละช่อจะมีความยาวไม่เกิน 6 นิ้ว ในหนึ่งดอกมีกลีบ 5 กลีบ สีแดงเข้ม กลีบเลี้ยง 5 กลีบเช่นกันสีเขียวอมชมพู และที่สำคัญเห็นสวยๆงามๆ อย่างนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยาดีอีกด้วย ดอกของตะลิงปลิงนั้นเราจะนำมาชงเป็นยาสมุนไพร มีสรรพคุณแก้ไอ ละลายไขมันในเลือด ขับเสมหะ และยังช่วยในการขับเมือกมันในลำไส้ได้ดีอีกด้วย
ในส่วนของผลตะลิงปลิงนั้นจะเป็นผลกลมยาวปลายมน ผลยาวประมาณ 4-6 เซ็นติเมตร กว้างประมาณ 2 เซ็นติเมตร เป็นพูตามยาว ผิวเรียบมีสีเขียว เมื่อสุกจะมีสีเหลือง เมื่อตัดตามขวางจะมี 5 แฉกเหมือนมะเฟืองแต่เป็นลักษณะแฉกมน ออกผลเป็นช่อห้อย ผลตะลิงปลิงมีรสเปรี้ยว ในส่วนสรรพคุณของผลนั้นช่วยในการเจริญอาหาร บำรุงกระเพาะอาหาร เป็นยาฝาดสมาน แก้เสมหะเหนียว ฟอกโลหิต เป็นยาบำรุงกำลัง แก้ปวดมดลูก แก้ไอ แก้โรคริดสีดวงทวาร ลักปิดลักเปิด ใช้กินเล่นเป็นผลไม้ก็ได้สำหรับผู้ที่ชอบรสเปรี้ยว ใช้ทำน้ำผลไม้ ทำไวน์ ทำแยม หรือว่าจะนำมาถนอมอาหารโดยการดอง เชื่อม แช่อิ่ม กวน นำไปประกอบอาหารที่มีรสเปรี้ยวเช่น ต้มส้ม แกงส้ม ยำ ที่นิยมคือนำมาทานเป็นผักเคียงอาหารอย่างแหนมเนือง หรือน้ำพริก
ผลมีรสเปรี้ยวจัดมีวิตามินซีสูงมาก นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบีหนึ่ง วิตามินบีสอง ไนอาซิน และโปแตสเซียมออกซาเลต รสเปรี้ยวของตะลิงปลิงใช้แทนมะนาวหรือมะขาม แต่รสชาติจะออกคล้ายมะดัน จะทานคู่กับน้ำปลาหวาน หรือกะปิหวานแทนมะม่วงก็อร่อยได้ประโยชน์ เป็นของทานเล่นที่ไม่อ้วน เนื่องจากผลมีรสเปรี้ยวจึงใช้แก้ไอขับเสมหะ บำรุงเลือด นอกจากนี้ยังใช้แก้ข้ออักเสบ แก้คางทูม ตะลิงปลิงนั้นจัดว่าเป็นผลไม้ที่มีวิตามินเอสูง แต่เหมือนทุกอย่างบนโลกนี้ที่ไม่ควรทานติดต่อกันจำนวนมากเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เลือดตกตะกอนได้
ในส่วนของใบสดนั้นเราสามารถนำมาตำคั้นน้ำทาพอกแก้อาการคัน ใช้ทำความสะอาดผ้าลินิน ใช้ล้างมือแทนสบู่ได้ดี ตะลิงปลิงเหมาะที่จะปลุกบริเวณบ้านเพราะปลูกง่าย สวยงาม ดอกมีกลิ่นหอม ในงานวิจัยประเทศสิงคโปร์พบว่าสารสกัดเอทานอลที่ได้จากน้ำใบตะลิงปลิงมีคุณสมบัติลดน้ำตาลในเลือดและไขมันในเลือด ดังนั้นการกินน้ำใบตะลิงปลิงก็น่าจะเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน และผู้ที่มีไตรกลีเซอไรด์สูง ในประเทศฟิลิปปินส์มีการวิจัยสารสกัดจากใบตะลิงปลิงในเอทานอล 10% มาทาผื่นคัน ปรากฏว่าได้ผลดี ทำให้ผื่นคันหายดีเร็วกว่าการใช้ยาแก้คันถึงหนึ่งเท่าตัว
สั่งซื้อการ์ตูนตาหวาน
การ์ตูนผู้หญิงแบบ PDF
มีเป็นพันเล่มคลิกเข้าไปเลือกดูได้เลยที่นี่
อาการชาจากปลายประสาทอักเสบ คุณเองก็สังเกตได้
อาการชาจากปลายประสาทอักเสบ คุณเองก็สังเกตได้
โดย พันเอก (พิเศษ) รศ.นพ. วรัท ทรรศนะวิภาส กองออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
โรคปลายประสาทอักเสบ (Peripheral neuropathies)
หลายๆ คนอาจเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับอาการชาหรือรับความรู้สึกเจ็บปวด, ร้อน, เย็นต่างๆ ผิดปกติบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งบนร่างกายโดยเฉพาะที่แขนและขากันมาบ้าง ซึ่งอาการชาๆ แบบนี้มีอยู่หลายลักษณะด้วยกัน เช่น
ชาแบบร้อน ซู่ๆ บริเวณนิ้วหัวแม่มือ, นิ้วชี้, นิ้วกลาง ซึ่งมักพบอาการตอนดึกหรือหลังตื่นนอนใหม่ๆ
ส่วนบางคนรู้สึก ชายุบยิบที่ปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นชาหนาๆ เหมือนใส่ถุงเท้าอยู่ตลอดเวลา มักพบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน
ในขณะที่ผู้สูงอายุหลายคนที่เริ่มมีการเสื่อมของกระดูกสันหลังบริเวณบั้นเอว อาจมีอาการปวดหลังและชาขา ร่วมไปกับอาการขาอ่อนแรงด้วย
จะเห็นได้ว่าอาการชานั้นอาจเกิดร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น อาการปวด หรืออ่อนแรง และอาจเป็นๆ หายๆ หรือเป็นอยู่ตลอดเวลาบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายส่วนของร่างกาย ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้ ส่วนมากมักเกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทหรือที่เรียกว่า ปลายประสาทอักเสบ (Peripheral neuropathies)
โรคปลายประสาทอักเสบนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุได้แก่
1. การกดทับเส้นประสาทเฉพาะที่
เมื่อเส้นประสาทส่วนใดส่วนหนึ่งถูกกดทับเป็นระยะเวลานานๆ ตัวอย่างเช่น
- กลุ่มอาการที่เส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ หรือ Carpal Tunnel Syndrome ซึ่งมักพบในกลุ่มคนที่ใช้ข้อมืออย่างหนักจนเนื้อเยื่อที่ข้อมือหนาตัวขึ้นปละกดรัดเส้นประสาท เช่น คนที่ทำงานบ้าน, ซักผ้า, รีดผ้า ,พิมพ์ดีด หรือเล่นกีฬาที่ต้องใช้ข้อมือมากๆ
- กลุ่มอาการที่เส้นประสาทถูกกดเบียดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวด ชา ช่วงหลังลามไปถึงขา หรือ เส้นประสาทที่สะโพกถูกกดเบียด ทำให้รู้สึกชาบริเวณสะโพก มักเกิดเมื่อนั่งอยู่ในท่าทางเดิมนานๆ หรือใส่กางเกงที่รัดแน่นจนเกินไป พบบ่อยโดยเฉพาะคนที่ค่อนข้างอ้วน
2. เป็นผลจากโรคหรือภาวะผิดปกติชนิดอื่น
- โรคเบาหวาน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมานานและคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี พบว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยมักเกิดอาการชาจากปลายประสาทอักเสบตามมาเรียกโรคนี้ว่า Diabetic neuropathies
- โรคอื่นๆ เช่นไทรอยด์บางชนิด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคติดเชื้อบางชนิด, ความผิดปกติทางระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเส้นประสาท
3. สาเหตุอื่นๆ
- อุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ จนส่งผลให้เส้นประสาทเกิดความเสียหาย
- ยาหรือสารพิษบางชนิด เช่น ยาต้านมะเร็ง, ยากันชัก, ยาปฏิชีวนะบางชนิด, สารตะกั่ว, ปรอท เป็นต้น กลุ่มนี้ถ้าทราบและกำจัดสาเหตุตั้งแต่แรก อาการต่างๆ มักจะกลับเป็นปกติได้
จะรักษาและป้องกันอาการชาจากปลายประสาทอักเสบได้อย่างไร?
การรักษาอาการชาจากโรคปลายประสาทอักเสบนั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุต่างๆ กันดังที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งการรักษาบางกรณีอาจใช้หลายๆ วิธีร่วมกัน ได้แก่
1. กำจัดจากสาเหตุ เช่น
- หากเกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับควรลดหรือเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทเป็นเวลานาน โดยพยายามไม่อยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานจนเกินไป
- ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานควรรักษาระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอย่าปล่อยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงต่อเนื่องนานๆ
2. การรักษาด้วยยา
นอกจากจะต้องรับประทานยาสำหรับโรคประจำตัวของผู้ป่วยแต่ละรายแล้ว อาจมีการใช้ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์, ยาแก้ปวดในกรณีที่มีอาการปวด และควรรับประทานวิตามิน เช่น มีโคบาลามินในขนาดสำหรับการรักษาเพื่อส่งเสริมในกระบวนการซ่อมแซมเส้นประสาทบรรเทาอาการชาและอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น
3. การผ่าตัด ในกรณีที่มีอาการรุนแรง
4. การทำกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท
อาการชาแบบไหน อาจเป็นปลายประสาทอักเสบ
การตรวจสอบด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ ว่าท่านมีภาวะปลายเส้นประสาทอักเสบหรือไม่
- รู้สึกซู่ซ่า หรือเป็นเหน็บที่ปลายเท้า
- รู้สึกเหมือนเข็มแทงที่ปลายเท้า
- รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ปลายเท้า
- รู้สึกไวต่อความเจ็บปวด เช่น การแตะสัมผัสเบาๆ ก็ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บ
- เจ็บปลายเท้าโดยเฉพาะกลางคืน
- ปลายมือ ปลายเท้าเย็น หรือร้อนผิดปกติ
- ปลายเท้าชา และไม่รู้สึกเมื่อสัมผัส
- มือและเท้าไม่รู้สึกถึงความรู้สึกร้อนเย็น
- ไม่รู้สึกเจ็บเมื่อมีแผลที่เท้า
- กล้ามเนื้อที่ขา และเท้าอ่อนแรง
- รู้สึกไม่ค่อยมั่นคง และอ่อนแรงเวลายืน หรือเดิน
- เมื่อมีแผล มักเป็นแผลเรื้อรัง
- รูปร่างของเท้าผิดปกติไปจากเดิม
เป็นทางเลือกของคุณที่จะช่วยลดอาการปวดไมเกรนที่ต้นเหตุ แมกนีเซียมจะมีส่วนช่วยในการทำงานของสมองและระบบประสาท อีกทั้งยังมีวิตามินบี6สร้างสารที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาท
ส่วนประกอบใน1แคปซูล Vista Magnesium Complex
-แมกนีเซียม ออกไซต์ (ให้แมกนีเซียม 200 มก.) 331.71 มก.
-ซิงค์ ซิเตรท ไตรไฮเดรต (ให้ซิงค์8.83 มก.) 20.00 มก.
-แมงกานีส อะมิโน แอซิด คีเลท10% (ให้แมงกานีส 2 มก.) 10.00 มก.
-คอปเปอร์ อะมิโน แอซิด คีเลท 10% (ให้คอปเปอร์ 2 มก.) 20.00 มก.
-ไทอะมีน ไฮโดรคลอไรท์ (วิตามินบี1) 1.50 มก.
-ไพริดอกซีน ไฮโดรคลอไรท์(วิตามินบี6) 2.00 มก.
-วิตามินบี12 0.1% (ให้วิตามินบี12 2 มคก.) 2.00 มก.
วิธีรับประทาน Vista Magnesium Complex
รับประทานครั้งละ1เม็ด วันละ1-2ครั้งพร้อมอาหาร
ขนาดบรรจุ
บรรจุขวดละ 30 แคปซูล
เลขอย. 13-1-21556-1-0063
บรรเทาอาการปวดไมเกรน
แมกนีเซียมช่วยในการทำงานของสมองและระบบประสาท
วิตามินบี 6 สร้างสารที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาท
วิตามินบี 12 ช่วยในการทำงานของระบบสมองและประสาท
โดย พันเอก (พิเศษ) รศ.นพ. วรัท ทรรศนะวิภาส กองออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
โรคปลายประสาทอักเสบ (Peripheral neuropathies)
หลายๆ คนอาจเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับอาการชาหรือรับความรู้สึกเจ็บปวด, ร้อน, เย็นต่างๆ ผิดปกติบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งบนร่างกายโดยเฉพาะที่แขนและขากันมาบ้าง ซึ่งอาการชาๆ แบบนี้มีอยู่หลายลักษณะด้วยกัน เช่น
ชาแบบร้อน ซู่ๆ บริเวณนิ้วหัวแม่มือ, นิ้วชี้, นิ้วกลาง ซึ่งมักพบอาการตอนดึกหรือหลังตื่นนอนใหม่ๆ
ส่วนบางคนรู้สึก ชายุบยิบที่ปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นชาหนาๆ เหมือนใส่ถุงเท้าอยู่ตลอดเวลา มักพบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน
ในขณะที่ผู้สูงอายุหลายคนที่เริ่มมีการเสื่อมของกระดูกสันหลังบริเวณบั้นเอว อาจมีอาการปวดหลังและชาขา ร่วมไปกับอาการขาอ่อนแรงด้วย
จะเห็นได้ว่าอาการชานั้นอาจเกิดร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น อาการปวด หรืออ่อนแรง และอาจเป็นๆ หายๆ หรือเป็นอยู่ตลอดเวลาบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายส่วนของร่างกาย ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้ ส่วนมากมักเกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทหรือที่เรียกว่า ปลายประสาทอักเสบ (Peripheral neuropathies)
โรคปลายประสาทอักเสบนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุได้แก่
1. การกดทับเส้นประสาทเฉพาะที่
เมื่อเส้นประสาทส่วนใดส่วนหนึ่งถูกกดทับเป็นระยะเวลานานๆ ตัวอย่างเช่น
- กลุ่มอาการที่เส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ หรือ Carpal Tunnel Syndrome ซึ่งมักพบในกลุ่มคนที่ใช้ข้อมืออย่างหนักจนเนื้อเยื่อที่ข้อมือหนาตัวขึ้นปละกดรัดเส้นประสาท เช่น คนที่ทำงานบ้าน, ซักผ้า, รีดผ้า ,พิมพ์ดีด หรือเล่นกีฬาที่ต้องใช้ข้อมือมากๆ
- กลุ่มอาการที่เส้นประสาทถูกกดเบียดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวด ชา ช่วงหลังลามไปถึงขา หรือ เส้นประสาทที่สะโพกถูกกดเบียด ทำให้รู้สึกชาบริเวณสะโพก มักเกิดเมื่อนั่งอยู่ในท่าทางเดิมนานๆ หรือใส่กางเกงที่รัดแน่นจนเกินไป พบบ่อยโดยเฉพาะคนที่ค่อนข้างอ้วน
2. เป็นผลจากโรคหรือภาวะผิดปกติชนิดอื่น
- โรคเบาหวาน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมานานและคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี พบว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยมักเกิดอาการชาจากปลายประสาทอักเสบตามมาเรียกโรคนี้ว่า Diabetic neuropathies
- โรคอื่นๆ เช่นไทรอยด์บางชนิด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคติดเชื้อบางชนิด, ความผิดปกติทางระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเส้นประสาท
3. สาเหตุอื่นๆ
- อุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ จนส่งผลให้เส้นประสาทเกิดความเสียหาย
- ยาหรือสารพิษบางชนิด เช่น ยาต้านมะเร็ง, ยากันชัก, ยาปฏิชีวนะบางชนิด, สารตะกั่ว, ปรอท เป็นต้น กลุ่มนี้ถ้าทราบและกำจัดสาเหตุตั้งแต่แรก อาการต่างๆ มักจะกลับเป็นปกติได้
จะรักษาและป้องกันอาการชาจากปลายประสาทอักเสบได้อย่างไร?
การรักษาอาการชาจากโรคปลายประสาทอักเสบนั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุต่างๆ กันดังที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งการรักษาบางกรณีอาจใช้หลายๆ วิธีร่วมกัน ได้แก่
1. กำจัดจากสาเหตุ เช่น
- หากเกิดจากเส้นประสาทถูกกดทับควรลดหรือเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทเป็นเวลานาน โดยพยายามไม่อยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานจนเกินไป
- ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานควรรักษาระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอย่าปล่อยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงต่อเนื่องนานๆ
2. การรักษาด้วยยา
นอกจากจะต้องรับประทานยาสำหรับโรคประจำตัวของผู้ป่วยแต่ละรายแล้ว อาจมีการใช้ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์, ยาแก้ปวดในกรณีที่มีอาการปวด และควรรับประทานวิตามิน เช่น มีโคบาลามินในขนาดสำหรับการรักษาเพื่อส่งเสริมในกระบวนการซ่อมแซมเส้นประสาทบรรเทาอาการชาและอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น
3. การผ่าตัด ในกรณีที่มีอาการรุนแรง
4. การทำกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท
อาการชาแบบไหน อาจเป็นปลายประสาทอักเสบ
การตรวจสอบด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ ว่าท่านมีภาวะปลายเส้นประสาทอักเสบหรือไม่
- รู้สึกซู่ซ่า หรือเป็นเหน็บที่ปลายเท้า
- รู้สึกเหมือนเข็มแทงที่ปลายเท้า
- รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ปลายเท้า
- รู้สึกไวต่อความเจ็บปวด เช่น การแตะสัมผัสเบาๆ ก็ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บ
- เจ็บปลายเท้าโดยเฉพาะกลางคืน
- ปลายมือ ปลายเท้าเย็น หรือร้อนผิดปกติ
- ปลายเท้าชา และไม่รู้สึกเมื่อสัมผัส
- มือและเท้าไม่รู้สึกถึงความรู้สึกร้อนเย็น
- ไม่รู้สึกเจ็บเมื่อมีแผลที่เท้า
- กล้ามเนื้อที่ขา และเท้าอ่อนแรง
- รู้สึกไม่ค่อยมั่นคง และอ่อนแรงเวลายืน หรือเดิน
- เมื่อมีแผล มักเป็นแผลเรื้อรัง
- รูปร่างของเท้าผิดปกติไปจากเดิม
เรื่องราวน่ารู้เรียบเรียงจากสารคดีคุณภาพในรูปแบบบทความ
กดถูกใจแฟนเพจเพื่อติดตามและอัพเดตบทความใหม่ๆ คลิกเลย
กดถูกใจแฟนเพจเพื่อติดตามและอัพเดตบทความใหม่ๆ คลิกเลย
ส่วนประกอบใน1แคปซูล Vista Magnesium Complex
-แมกนีเซียม ออกไซต์ (ให้แมกนีเซียม 200 มก.) 331.71 มก.
-ซิงค์ ซิเตรท ไตรไฮเดรต (ให้ซิงค์8.83 มก.) 20.00 มก.
-แมงกานีส อะมิโน แอซิด คีเลท10% (ให้แมงกานีส 2 มก.) 10.00 มก.
-คอปเปอร์ อะมิโน แอซิด คีเลท 10% (ให้คอปเปอร์ 2 มก.) 20.00 มก.
-ไทอะมีน ไฮโดรคลอไรท์ (วิตามินบี1) 1.50 มก.
-ไพริดอกซีน ไฮโดรคลอไรท์(วิตามินบี6) 2.00 มก.
-วิตามินบี12 0.1% (ให้วิตามินบี12 2 มคก.) 2.00 มก.
วิธีรับประทาน Vista Magnesium Complex
รับประทานครั้งละ1เม็ด วันละ1-2ครั้งพร้อมอาหาร
ขนาดบรรจุ
บรรจุขวดละ 30 แคปซูล
เลขอย. 13-1-21556-1-0063
บรรเทาอาการปวดไมเกรน
แมกนีเซียมช่วยในการทำงานของสมองและระบบประสาท
วิตามินบี 6 สร้างสารที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาท
วิตามินบี 12 ช่วยในการทำงานของระบบสมองและประสาท
Subscribe to:
Posts (Atom)