homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

สะพายกระเป๋าหนัก เสี่ยงกล้ามเนื้อเสียหาย

credit : Kwanruen Magazine 
ปัจจุบันนี้เรามักเห็นเด็กนักเรียนเล็ก ๆ แบกกระเป๋าใบโตไปโรงเรียนจนชินตา...ซึ่งคุณหมอออกมาเตือนว่าอาจเสี่ยงได้รับ บาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อได้

ทั้งนี้แพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อในเด็ก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (โรงพยาบาลเด็ก) กล่าวว่าเด็กนักเรียนที่แบกกระเป๋าเป้ หรือสะพายบ่า อาจเสี่ยงได้รับบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อได้ โดยเฉพาะช่วง ป.3-ป.4 ที่กล้ามเนื้อ ข้อต่อยังเติบโตไม่เต็มที่ มีโอกาสที่จะเกิดการบาดเจ็บได้มากกว่าปกติ ยังดีที่ฟื้นตัวได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่

หากลดการใช้งานบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็จะหายเป็นปกติ

การแบกของหนักไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ สามารถทำให้เกิด การบาดเจ็บได้
เพียงแต่เด็กโอกาสที่จะเกิดอาการอักเสบเกิดขึ้นได้ง่ายกว่า ส่วนความกังวลที่ว่าการแบกของหนักมีผลต่อการเจริญเติบโตนั้น ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวเนื่องกัน เพราะเป็นกระดูกคนละชิ้น การแบกกระเป๋าที่บ่า หรือการถือกระเป๋าหนัก กล้ามเนื้อชิ้นกระดูกที่รับน้ำหนักคือ บริเวณสะบักหลัง การถ่ายน้ำหนักที่ไม่สมดุลจึงส่งผลกระทบแค่กล้ามเนื้อ แต่ไม่มีรายงานยืนยันว่าทำให้ส่งผลต่อการเจริญเติบโต ความสูง หรือกระดูกเกิดการผิดรูปแต่อย่างใด


คำแนะนำในการถือกระเป๋าที่ถูกต้องคือให้ขึ้นสะพายบ่าด้านหลัง
และ ใช้สายทั้ง 2 ข้างเพื่อให้เกิดการถ่ายเทน้ำหนักอย่างสมดุล ไม่ควรสะพายติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งจะช่วยลดอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้

ยิ่งนอนดึก ยิ่งเร่งวันตาย

การนอนดึกเป็นเหตุให้อายุสั้น เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง การทำงานดึกทำให้ร่างกายล้า เหมือนกับเครื่องยนต์ Overload ไม่ช้าเครื่องก็พัง
วิธีแก้ไขในกรณีต้องทำงานดึก (เพื่อไม่ให้ร่างกายโทรมเร็ว)
ผู้ที่มีหน้าที่บริหารงาน มักจะพบปัญหานี้กันมาก เพราะต้องเร่งงาน
ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนนอนดึก
1. ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดอาการล้า
2. ระบบร่างกายจะรวน ดังนี้


ระบบการย่อยอาหาร
ท้องอืด ท้องเฟ้อง่าย อาหารย่อยไม่ดี ทำให้อุจจาระหยาบ คืออาหารที่ทานเข้าไป ถ้าไม่นอนดึกอุจจาระจะสวย ไม่มีเศษอาหารติดอยู่ เหมือนกับแท่งทอง แต่ถ้าอดนอนแล้วอุจจาระจะหยาบ จะมีเศษอะไรต่างๆ ติดอยู่ เหมือนกับรถที่มีเขม่าติด เกิดจากการที่ร่างกายย่อยไม่หมด เพราะล้า
แนวทางแก้ไข ให้ลดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารเหนียวๆ มิฉะนั้นลำไส้ทำงานหนัก ยิ่งนอนดึกแม้เราหลับไปแล้ว แต่ลำไส้ไม่หลับ ยังคงย่อยอยู่ต่อไป พอตื่นขึ้นมาก็เพลีย ให้ทานไข่ นม แทนพวกเนื้อสัตว์ ก็จะพอถูไถไปได้ มิฉะนั้นท้องจะผูกเป็นประจำ ริดสีดวงทวารจะถามหา (ถ้าหากอ้วนก็ให้ทานนมแทนไข่)


ท้องผูก มี 2 ลักษณะ
1. ผูกแข็ง คือ อุจจาระแข็ง
2. ผูกเหลว คือ อาการถ่ายอุจจาระไม่หมด ยังค้างอยู่ แต่ลำไส้ล้า กระเพาะอาหารล้า ทำให้ไม่มีแรงบีบให้ออกจนหมด ดังนั้นในวันหนึ่งๆ จึงต้องถ่ายหลายครั้ง โรคที่จะตามมาก็คือ ผื่นคันบริเวณขาหนีบ (ไม่ใช่เพราะความสกปรกหมักหมม) จะคันทั้งวัน ปกติอุจจาระจะกึ่งแข็งกึ่งเหลว ถ้าแข็งแสดงว่าส่วนที่เป็นน้ำได้ซึมกลับเข้ามาในลำไส้ ซึ่งมันเป็นของเสียที่ต้องขับออก ผลก็คือทำให้น้ำเหลืองเสีย ก็จะมาประทุบริเวณเนื้ออ่อนๆ เช่นที่ขาหนีบ สาเหตุก็มาจากท้องผูกนั่นเอง เพราะฉะนั้น อย่านอนดึก ถ้าต้องดึกก็ให้ออกกำลังหน้าท้อง ให้ท้องเกิดกำลัง จะได้รีดอุจจาระออกมาได้เร็ว ทานเสร็จแล้วอย่านอน ให้เดินสักครึ่งชั่วโมง เพราะพอขาได้เดิน ลำไส้มันก็ต้องไปกับขาด้วย จะช่วยทำให้ย่อยได้ดีขึ้น ท้องจะผูกน้อยลง ผื่นคันก็จะหาย ถ้ายังไม่หาย (เนื่องจากอายุมาก) ให้ทานน้ำขิงสด (ไม่ใช่ขิงผงเป็นซองๆ) พวกที่นอนดึกต้องให้ท้องอุ่นมากๆ ให้หาผ้ามาห่ม เดี๋ยวท้องจะอืด เฟ้อ บางทีต้องให้เท้าอุ่นด้วย ให้หาถุงเท้ามาใส่ มิฉะนั้นเท้าจะชา


ระบบปัสสาวะ
ถ้านอนไม่ดึก ประมาณ 3-4 ทุ่ม พอตื่นเช้าขึ้นมาจะปัสสาวะครั้งเดียวจบ แต่ถ้านอนดึก ยิ่งนอนตีหนึ่ง กลางดึกจะต้องลุกเข้าห้องน้ำถี่ เพราะร่างกาย Overload ต้องการน้ำมาก กล้ามเนื้อข้างในจะบีบคั้นเอาพลังงานออกมาใช้ จึงต้องใช้น้ำมาก ผลก็คือปัสสาวะบ่อย ทำให้พวกเกลือแร่ที่อยู่ในร่างกายจะถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะด้วย ยิ่งอายุ 35 ขึ้นไปจะยิ่งแย่


แนวทางแก้ไข ให้ทานแคลเซียมเม็ดได้ แต่อย่ามาก แค่ 1 เม็ดก็พอ ถ้าทานมากจะทำให้แคลเซี่ยมพอก คืออาการที่กระดูกงอกทับเส้นประสาท (ถ้าเป็นแล้วต้องให้คนนวด และทานยาละลายแคลเซี่ยมช่วย) ถ้าไม่ทานแคลเซี่ยมชดเชย จะทำให้เลือดจาง เม็ดโลหิตจาง


สรุปแล้วการอดนอน เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง


การนอนดึกต้องดื่มน้ำให้มาก และเติมเกลือในน้ำด้วย คือพอเราดื่มแล้วมันออกมาหมดทั้งทางปัสสาวะและเหงื่อ เราทานเกลือมากๆ ยังออกทางเหงื่อได้ แต่ถ้าทานแคลเซี่ยมมากทำให้กระดูกงอก ส่วนโค้ก เป๊ปซี่ กระทิงแดง อย่าทาน พอเราอยู่ดึกและกลั้นปัสสาวะ มันจะซึมกลับเข้าเส้นเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย ก็จะไปประทุที่ขาหนีบ หรือท้องแขนเป็นเม็ดแดงๆ เป็นจ้ำขึ้นทั่วเลย บางคนไม่กลั้น แต่ดื่มน้ำน้อย อาการก็จะเหมือนกับการโม่แป้งฝืดๆ ลำไส้บีบตัวไม่ไหว ต้องเค้น ก็จะเพลีย แต่ถ้าดื่มน้ำมาก ทำให้ถ่ายสบาย ถ้าดื่มน้ำน้อยจะทำให้กรดยูเรียเข้มข้น พอเรากลั้นปัสสาวะมันก็จะซึมเข้าเส้นเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย ถ้ากลั้นบ่อยๆ จะทำให้ปัสสาวะไม่หมด


ระบบเหงื่อ
คนที่ไม่มีเหงื่อออก จะแย่ ถ้าขับเหงื่อให้ออกได้ร่างกายสบาย ถ้าเหงื่อไม่ออกความร้อนภายในร่างกายจะระบายไม่ได้ ทำให้อึดอัด ของเสียในร่างกายก็ออกไม่ได้ โรคผิวหนังจะถามหา สิวฝ้าจะขึ้น เพราะฉะนั้น ดื่มน้ำให้มากพอและออกกำลังกาย เท่านั้นพอ เอาจนเหงื่อออกให้ได้ คนนอนดึกเหงื่อจะไม่ค่อยออก ของเสียตกใน สิวฝ้าขึ้น มันก็จะไปออกทางปัสสาวะแทน ไตเลยทำงานหนัก


ระบบหายใจ
ระบบหายใจจะเสียตามมา ร่างกายจะเอาออกซิเจนไปแลกเลือดดำให้เป็นเลือดแดงได้ต้องมีความชื้น ถ้าความชื้นน้อยมันจะไม่แลก ทำให้อึดอัด เหมือนอยู่ห้องแอร์แล้วอึดอัด เพราะความชื้นไม่พอ ไม่ใช่อากาศไม่พอ อากาศมันแห้งเลยเอาความชื้นในตัวเราไป ทำให้ปอดทำงานไม่สะดวก และออกซิเจนไม่ได้


แนวทางแก้ไข ให้เอาน้ำใส่กะละมังไว้ข้างตัว ยิ่งเป็นน้ำร้อนยิ่งดี ถ้าอึดอัดให้เอาผ้าหนุนเท้าให้สูง เลือดก็จะไหลลงมาได้ จะทำให้นอนสบาย การดื่มน้ำหวานๆ ตอนอยู่ดึกๆ ก็ช่วยได้ แต่อย่าหวานมากจะทำให้อ้วน ถ้าจะให้ดีที่สุดอย่าอยู่ดึก ดึกได้เป็นครั้งคราวถ้าจำเป็น คนนอนดึกเสียงจะแห้ง เพราะไตมันล้า การใช้สบู่ ให้ใช้สบู่เด็ก เพราะเป็นสบู่อ่อน การกัดจะน้อย อย่าใช้สบู่แรงๆ ให้ฟอกสบู่วันละครั้งก็พอ

ลูกซนขนาดไหน เรียกว่าผิดปกติ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Mother & Care
ครอบครัวที่มีเด็กหลายคนอยู่รวมกัน อาจคงเคยตั้งข้อสังเกตว่าเด็กคนนี้ไม่ค่อยซน เลี้ยงง่าย คนนี้ซนมาก เลี้ยงยากหน่อย แต่อีกคนซนสุดๆ จนผู้เลี้ยงถึงกับออกปากบ่นว่าเหนื่อย (แต่ท่องไว้ เด็กซนคือเด็กฉลาด ไม่เป็นไรลูก ซนมากๆ หนูจะได้ฉลาดๆ) เมื่อเห็นข้อเปรียบเทียบจึงเกิดคำถามในใจว่า ซนมากแบบนี้ลูกเราผิดปกติหรือเปล่านะ จะเสี่ยงเป็นสมาธิสั้น หรือมีปัญหาทางพัฒนาการด้านใดหรือเปล่า

ก่อนไปพบกับคำตอบ ขอชวนคุณพ่อคุณแม่มาสังเกตพื้นอารมณ์ของลูกกัน เพราะความเข้าใจความต่างของเด็ก จะช่วยให้สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้อย่างเหมาะสม
ลองสังเกตดู หนูอยู่กลุ่มไหน

พื้น อารมณ์ (Temperament) เป็นศาสตร์ที่ใช้อธิบายว่าทำไมเด็กแต่ละคนตอบสนองต่อเรื่องเดียวกันต่างกัน โดยพิจารณาที่ลักษณะเฉพาะตัวของเด็กเป็นหลัก สามารถแบ่งเป็น

• กลุ่มเด็กปรับตัวช้า 15 เปอร์เซ็นต์
• กลุ่มเด็กเลี้ยงง่าย 40 เปอร์เซ็นต์
• กลุ่มเด็กเลี้ยงยาก 10 เปอร์เซ็นต์
• กลุ่มเด็กที่มีความผสมผสานหลายๆ แบบ 35 เปอร์เซ็นต์

กลุ่มเด็กปรับตัวช้า

เมื่อ เจอสิ่งใหม่ๆ เด็กบางคนอาจจะถอย ร้องไห้ หรือต้องใช้เวลามากกว่าจะกล้าเข้าหา เด็กบางคนมีลักษณะขี้อาย ขี้กังวล เมื่อไปเจอสิ่งใหม่ๆ หรือคนแปลกหน้า จะยังไม่ตอบสนองในช่วงแรก ต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา

กลุ่มเด็กเลี้ยงยาก-เลี้ยงง่าย

อาศัยลักษณะบางอย่างในการจำแนกประเภท ซึ่งบางพฤติกรรมก็อาจจะเป็นปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลอยู่แล้ว เช่น

ลักษณะ การเคลื่อนไหว เด็กๆ แต่ละคนมีการเคลื่อนไหวที่เป็นลักษณะเฉพาะบุคคล สังเกตว่าเด็กในกลุ่มที่เราเรียกว่าเลี้ยงยาก มักจะเคลื่อนไหวมาก ยุคยิก ไม่อยู่นิ่ง ชอบเดินไปเดินมา จนเป็นปัญหาว่าคุณแม่ไล่ตามไม่ทัน ส่วนเด็กที่อยู่ในกลุ่มเลี้ยงง่าย ก็มักจะเป็นเด็กที่มีการเคลื่อนไหวน้อย ชอบนั่งเล่นนิ่งๆ อยู่กับที่ ไม่ชอบเคลื่อนไหว พวกเด็กเลี้ยงง่ายบางคนก็มีการเคลื่อนไหวปานกลาง

ความสม่ำเสมอของ สรีรวิทยา เป็นลักษณะการปรับตัวของร่างกายลูกต่อการทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ เช่น กินเป็นเวลา ถึงเวลานี้จะหิว นอนเป็นเวลา ถึงเวลานี้จะง่วง รู้จักกลางวัน กลางคืน นอนหลับได้ยาว ไม่ตื่นมากวนตอนดึก มากนักมีความสม่ำเสมอในตัวเอง ถือว่าเป็นเด็กเลี้ยงง่าย พฤติกรรมเมื่อเจอสิ่งใหม่ เด็กเลี้ยงง่ายบางคนเมื่อเจอสิ่งใหม่ก็สามารถตอบสนองได้เร็ว เข้าหาได้เลย ไม่มีอาการกลัวหรือเขินอาย แต่ในขณะที่บางคนมักจะถอยออก แล้วใช้เวลาสักระยะในการปรับตัว การดูว่าลูกอยู่ในกลุ่มใดจึงควรสังเกตว่าเขาปรับตัวง่าย หรือปรับตัวยาก

ลักษณะ การแสดงอารมณ์ เด็กเลี้ยงยากบางคนถ้าเจออะไรที่ไม่ชอบก็จะตอบสนองด้วยพฤติกรรมที่ค่อนข้าง รุนแรง เช่น ทำเสียงดัง โวยวาย แต่เด็กบางคนเมื่อเจอสถานการณ์เดียวกันก็อาจจะอยู่นิ่งๆ ทำเฉย ไม่ได้แสดงออกด้วยพฤติกรรมที่รุนแรงแต่อย่างใด อาจเป็นอาการให้คุณแม่สังเกตว่าไม่พอใจเพียงทำสีหน้าเล็กน้อยเท่านั้น

สมาธิ ความสามารถในการจดจ่อของเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนถูกเบี่ยงเบนง่าย เล่นเพลินๆ มีเสียงดังนิดหน่อยก็ตกใจแล้ว แต่บางคนกลับไม่เป็นอะไร สามารถเล่นต่อ หรือหลับต่อได้อย่างสบาย ทั่วไปแล้วในเด็กเล็กๆ การใช้สมาธิจดจ่อกับบางสิ่ง จะทำได้แค่ในระยะสั้นๆ ประมาณ 5 นาทีถือว่าดีแล้ว และจะค่อยๆ อยู่ได้นานขึ้นตามวัยตัวอย่างข้างต้นเป็นหลักคร่าวๆ ในการสังเกตว่าลูกของคุณพ่อคุณแม่จัดอยู่ในกลุ่มใด ซึ่งการสังเกตรายละเอียดต่างๆ นี้จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจพื้นอารมณ์ของเขา และมีวิธีตอบสนองเขาได้ดีมากขึ้น เช่น หากลูกเป็นเด็กเลี้ยงง่าย คุณแม่ก็อาจไม่ต้องเหนื่อยปรับตัวกับเขามาก แต่ถ้าลูกเราอยู่ในกลุ่มเด็กเลี้ยงยาก ก็อาจต้องเพิ่มระดับความอดทนต่อพฤติกรรมี่ไม่สม่ำเสมอของเขา หรือมีความใจเย็นมากขึ้นเพื่อให้เวลาลูกสำหรับปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ๆ

ซนขนาดนี้ ผิดปกติหรือเปล่า

เด็ก บางคนอาจซนมาก เกิดความลำบากในการเลี้ยงดู จนคุณแม่กังวลว่าลูกผิดปกติหรือไม่ ซึ่งในวัยเตาะแตะ ความซนส่วนหนึ่งเป็นพฤติกรรมอยากรู้อยากเห็น และอยากทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง ต้องการให้ผู้ใหญ่ตอบสนองอย่างเหมาะสม สำหรับความผิดปกติอาจพิจารณาได้ 2 ลักษณะคือ

1. ปัญหาซนสมาธิสั้น การสังเกตความเสี่ยงสมาธิสั้นจะมองภาพคร่าวๆ ว่าลูกเกิดอุบัติเหตุบ่อยหรือไม่ ผู้เลี้ยงมีความลำบากในการเลี้ยงมากน้อยเพียงไร หรือเขาเล่นโลดโผนรุนแรงไม่กลัวอันตรายเลย หรือจดจ่อกับอะไรได้ไม่นานหรือไม่

โดยทั่วไป แม้ลูกจะมีพฤติกรรมที่อยู่ในขั้นซนมาก ดูเหมือนว่าเป็นเด็กสมาธิสั้น แต่แพทย์จะยังไม่วินิจฉัยว่าเด็กวัยเตาะแตะเป็นสมาธิสั้น เพราะวัยนี้ยังสามารถปรับพฤติกรรมให้ดีขึ้นได้ โดยอาศัยความใจเย็นอดทน เช่น หากลูกเล่นของเล่นแล้วมีคนอยู่ด้วย คุณแม่พูดชักชวนให้เขาเล่นต่อ โน้มน้าวว่า เล่นแบบนี้หนูเก่ง ตบมือชม แล้วชวนให้ลูกเล่นต่อ ก็จะสามารถเล่นได้นานมากขึ้น เพราะลูกรู้สึกว่า ทำแบบนี้เขาได้รับการยอมรับ เด็กที่มีสมาธิดี อาจให้เวลาเขาให้เขาทำเอง 2 นาที จึงค่อยให้แรงเสริม แต่เด็กบางคนครึ่งนาทีก็ต้องให้แรงเสริมแล้ว

ระยะเวลาในการเสริมแรง ขึ้นอยู่กับความสามารถในการจดจ่อของเด็กแต่ละคน การติดตามดูแลสังเกตพฤติกรรมเด็กที่ซนอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ

2. เด็กที่มีปัญหาพัฒนาการ เช่น เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้าโดยรวมเด็กที่บกพร่องทางภาษา กลุ่มอาการออทิสติก เป็นต้น การสังเกตความเสี่ยงออทิสติก จะพิจารณาว่า ลูกมีพฤติกรรมไม่ค่อยมองหน้าสบตาไม่รับรู้ต่ออารมณ์ ซนไม่สนใจใคร มีพัฒนาการทางสังคม ภาษาและการสื่อสารที่ช้า ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่แม่พูดเลยหรือไม่ เพราะเด็กวัยนี้ถึงแม้จะพูดได้ไม่มากนัก อาจจะเริ่มพูดเป็นคำๆ หรือพูดเป็นวลี เป็นประโยค แต่เด็กจะมีความเข้าใจภาพอสมควรทำตามคำสั่งได้ ฟังสิ่งที่เราพูดเข้าใจได้ แต่ถ้าลูกไม่เข้าใจสิ่งที่แม่พูดมาตลอด ก็แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบว่า ลูกมีปัญหาพัฒนาการด้านอื่น หรือมีอาการของออทิสติกหรือไม่ เพื่อเข้ารับการบำบัดต่อไป

"สามย่านซีฟู้ด(39)"เสิร์ฟความสด รสโดนใจ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 ตุลาคม 2550 16:32 น. 
บรรยากาศโต๊ะนั่งกว้างขวางภายในร้าน “สามย่านซีฟู้ด (39)”
       "อาหารทะเล"หรือที่ตอนหลังบ้านเรามักเรียกทับศัพท์ว่า"ซีฟู้ด" จำพวกพวกกุ้ง ปู ปลา หอย ที่จับจากท้องทะเลสดๆ แล้วนำมาลวก นึ่ง ปิ้ง ย่าง ฯลฯ จิ้มกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ รสเด็ดนั้น ถือว่าเป็นการได้ลิ้มรสอาหารทะเลแบบได้สัมผัสถึงความสดหวานของอาหารทะเล เหล่านั้นได้อย่างเต็มรสชาติ
      
       "ผู้จัดการตระเวนกิน" เองก็ชื่นชอบการลิ้มรสอาหารทะเลสดๆ แบบนั้นไม่น้อยเช่นกัน แต่ว่ามาในมื้อนี้เราจะขอพามาฉีกอารมณ์การกินอาหารทะเลสดๆ แบบที่ว่ากันสักหน่อย ด้วยการพาไปตระเวนกินซีฟู้ดที่นำมาปรุงแต่งรสชาติแบบสไตล์อาหารจีนกันที่ ร้าน "สามย่านซีฟู้ด (39)" ตรง ถ.ถ.นราธิวาสราชนครินทร์
      
       สำหรับซีฟู้ดสไตล์จีนของที่ร้านนี้ ต้องบอกว่าเป็นซีฟู้ดสไตล์จีนที่มีการประยุกต์ปรับรสชาติให้เข้ากับลิ้นคน ไทย และอาหารทะเลส่วนใหญ่เน้นที่ความสดเป็นสำคัญ ซึ่งเมนูซีฟู้ดที่ชวนลองลิ้มชิมรสชาติก็มีอยู่หลายเมนูด้วยกัน
กุ้งเจี๋ยนแปะก๊วย
       "ผู้จัดการตระเวนกิน" ขอเลือกสั่งมาแบบหลากหลายทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา สั่งมาหมด โดยขอเริ่มที่เมนูกุ้งก่อนเป็นอันดับแรก ชื่อเมนูว่า กุ้งเจี๋ยนแปะก๊วย (300, 500 บาท) เป็นกุ้งแชบ๊วยสดๆ ตัวโตๆ คัดพิเศษทางร้านนำมาทอดและปรุงรสชาติตามแบบสูตรเด็ดเฉพาะ มีแปะก๊วยเม็ดเหลืองๆ ทอดใส่มาด้วย และก็มีคะน้าเมืองจีนรองมาที่ก้นจาน ชิมรสชาติแกะกุ้งส่งเข้าปาก เคี้ยวเต็มปากเต็มคำกับกุ้งเนื้อแน่นหวาน ออกรสชาติเค็มๆ มันๆ เคี้ยวแกล้มด้วยแปะก๊วยเม็ดมันนุ่มปาก แต่ถ้าอยากเพิ่มรสชาติความแซบ ก็มีน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดให้จิ้มกินคู่กับกุ้งด้วย
หอยเชลล์ผัดซอสเอ็กซ์โอ
       จากเมนูกุ้งต่อด้วยเมนู หอยเชลล์ผัดซอสเอ็กซ์โอ (500, 800 บาท) หอยเชลล์ตัวโตๆ เนื้อนุ่มนำมาผัดกับซอสเอ็กซ์โอสูตรเด็ดของทางร้าน และใส่ผักเซเลอรี่ด้วย ลิ้มรสหอยเชลล์ผัดซอสเอ็กซ์โอ โดนใจปากเนื้อหอยเชลล์นั้นสดหวาน เคี้ยวนุ่มหนึบปากและได้รสชาติซอสที่เข้มข้นออกเผ็ดลิ้นนิดๆ
       แล้วมากันที่เมนูเด็ดฮอตฮิตของที่นี่ คือ ปูผัดผงกะหรี่ (ราคาตามน้ำหนักปู) ที่แค่เห็นหน้าตาของปูทะเลตัวโตๆ ที่เน้นคัดเฉพาะปูสีส้มสดๆ ตัวหนึ่งไม่ต่ำกว่าโล นำผัดมากับเครื่องผงกะหรี่สีสันจัดจ้านยั่วให้น้ำลายสอปากเอามากๆเลย ซึ่งปูผัดผงกะหรี่ของที่นี่รสชาติดีและเข้มข้นเพราะทางร้านจะใส่ไข่และ น้ำมันพริกเผาลงไปด้วยในเครื่องผงกะหรี่ที่ผัดกับปู ทำให้ได้รสชาติของปูผัดผงกะหรี่ ที่ก้ามปูเนื้อเต็มแน่น เนื้อปูหวาสดเคล้ากับรสชาติเครื่องผงกะหรี่ที่จัดจ้านหอมมัน ยิ่งตักน้ำผงกะหรี่คลุกกินกับข้าวสวยร้อนๆ สุดยอดขอบอก
      
       หลังจากได้กินปูแล้ว ก็มากินปลากันต่อ ที่เมนูปลาบู่เจี๋ยนเมล็ดสน (ราคา ตามน้ำหนักปลา) ปลาบู่ตัวโตเป็นๆ สดๆ นำมาเจี๋ยนกับเมล็ดสนญี่ปุ่น และใส่ผักเซเลอรี่ แครอท ขิง และพริกหวานปรุงรสชาติจนกลมกล่อมได้ที่ ออกแนวน้ำขลุกขลิก กินคู่กับข้าวได้ เนื้อปลาบู่สดๆ ช่างนุ่มหวานซึมกับรสชาติเจี๋ยนที่ออกรสกลมกล่อม ส่วนเมล็ดสนเคี้ยวมันปาก
       และเราขอปิดท้ายมื้อด้วยเมนูที่ไม่ใช่ซีฟู้ด แต่ว่าถือว่าเป็นเมนูเด่นที่ชวนให้ลองลิ้มลอง นั่นคือ หมูหัน (350 บาท) ที่เห็นราคาแล้วก็ต้องร้องว่าไม่น่าเชื่อว่าหมูหันตัวโตกำลังน่ากิน จะมีราคาย่อมเยากระเป๋าแบบนี้ หมูหันของที่นี่ถือว่ารสชาติดีไม่ใช่น้อย หนังเกรียมกรอบกรุบ จิ้มกินคู่กับน้ำจิ้มหวาน ส่วนเนื้อที่เหลือก็นำไปทอดกระเทียมได้
      
       เพียงแค่ 5 เมนูที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ได้ชิมไปก็เล่นเอาอิ่มท้องสุดๆ และตอนนี้ทางร้านก็มีชุดโปรโมชั่นมานำเสนอด้วย เป็นอาหารชุด 4,000 บาท ที่ประกอบไปด้วยเมนูเลิศรสให้เลือกกว่า 9 อย่าง อาทิ โหงวก๊วย, หูฉลามสามเซียน, เป็ดเซี่ยงไฮ้, ปูผัดผง, ขาห่านอบ, ปลากะพง, ก๋วยเตี๋ยว, ไก่ดำตุ๋นยาจีน, เอี่ยบ๊วย
      
       เรียกว่าหากใครที่อยากจะเปลี่ยนรสชาติการกินอาหารซีฟู้ด หรือกำลังมองหาซีฟู้ดรสเลิศชวนกินอยู่ละก็ ร้าน "สามย่านซีฟู้ด" (39) เป็นอีกร้านหนึ่งที่อยากเชิญชวนให้ทุกคนได้มาสัมผัสลองลิ้มกันดู เผลอๆ อาจจะติดใจในรสชาติอาหารซีฟู้ดสไตล์จีนอันถูกปากโดนใจก็เป็นได้
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       
"สามย่านซีฟู้ด (39)" ตั้งอยู่ที่ 2210/4-8 ถ.นราธิวาสราชนครินทร์ (เลียบคลองช่องนนทรี) แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. การเดินทางถ้ามาจากถ.สาทร ให้เลี้ยวเข้าถ.นราธิวาสราชนครินทร์ วิ่งตรงมาจนมาถึงถ.จันทน์ตัดใหม่ ผ่านถ.จันทน์ 10ให้เตรียมชิดซ้ายไว้ จะเห็นป้ายร้านสามย่านซีฟู้ด ให้เลี้ยวทางซ้ายมือเข้าไป ร้านจะตั้งอยู่ด้านใน หน้าร้านมีที่จอดรถกว้างขวาง เปิดทุกวัน เวลา11.00 น. – 14.00 น. และ 17.00 น. – 22.00 น. ถ้าจะสั่งอาหารชุดควรโทรจองโต๊ะก่อนจะดีที่เบอร์โทร. 0-2678-2020-25 และยังมีอีกหนึ่งสาขาที่จ.ขอนแก่น ตรงบึงแก่นนคร

อิ่มเพลิน เคลิ้มบรรยากาศ ที่ "The Garden Rooms"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 ตุลาคม 2550 12:09 น. 
The Garden Rooms นั่งกินข้าวท่ามกลางบรรยากาศสวน
       บ่อยครั้งที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน" เลือกที่จะตัดสินใจไปกินอาหารที่ร้านไหนสักร้าน นอกจากเรื่องรสชาติของอาหารที่ต้องถูกปากและโดนใจแล้ว เรื่องของบรรยากาศร้านก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เราเลือกที่จะไปนั่งกิน ร้านนั้น เพราะว่าการที่ได้นั่งกินข้าวท่ามกลางบรรยากาศร้านชวนกิน ถือเป็นการช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการกินอาหารในมื้อนั้นๆ ได้ไม่น้อยเลย
      
       อย่างในมื้อนี้ เราเลือกที่จะมานั่งกินข้าวที่ร้าน "The Garden Rooms" เป็น ร้านอาหารที่มีสไตล์เป็นบ้านไม้หลังงามให้อารมณ์เหมือนมานั่งกินข้าวอยู่ที่ บ้าน อันรายล้อมไปด้วยธรรมชาติของการจัดตกแต่งสวนสวยๆ ที่ภายในร้านแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายโซนให้เลือกนั่งตามชอบใจ
บรรยากาศโต๊ะนั่งด้านในอบอุ่นสบายๆ ชวนนั่ง
       ไม่ว่าจะเป็นโซนโดดเด่นทางด้านนอกที่มีสระน้ำอยู่ตรงกลางสร้างความ เย็นสบาย และแวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ดูร่มรื่น มีโต๊ะเกาอี้แบบไม้ที่เข้ากับบรรยากาศให้เลือกนั่ง พร้อมกับรับลมธรรมชาติเย็นๆ ถัดมาเป็นโซนระเบียงไม้ ที่มีมุมโต๊ะนั่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่บริการเครื่องดื่มแบบครบครัน อีกทั้งยังมีดนตรีบรรเลงเพลงสบายๆให้ฟังกันเพลินๆ ในทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และจันทร์ เวลา 18.30-20.00 น.
      
       อีกโซนเป็นส่วนของบ้านไม้หลังงาม ที่มีหลังคาสูงโล่งโปร่ง ภายในติดแอร์เย็นสบายมีโต๊ะเก้าอี้ไม้จัดไว้ในเลือกนั่งตามใจชอบ ท่ามกลางบรรยากาศอันอบอุ่นและมองเห็นวิวสวนสวยๆ ด้านนอก และโซนสุดท้ายเป็นเรือนดอกแก้วที่ทางร้านจัดไว้เป็นสถานที่สำหรับจัดงาน เลี้ยง
ยำปลากรอบดอยเต่า
       นี่คือบรรยากาศร้านอันชวนนั่ง ส่วนเรื่องอาหารของที่นี่ก็มีความหลากหลายมีทั้งอาหารไทยและอาหารยุโรปจาน เด็ดมากมายให้เลือกลิ้มลอง อย่างเมนูที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ขอแนะนำให้ลองสั่งมาลิ้มรสกันก็มีทั้งอาหารไทยและอาหารยุโรป โดยขอเริ่มจากอาหารไทยกันก่อนที่เมนู ยำปลากรอบดอยเต่า (150 บาท+) เป็นยำสูตรเด็ดของทางร้าน ที่มีความพิเศษอยู่ตรงปลากรอบ ซึ่งเป็นปลาเนื้ออ่อนตัวเล็กๆ ที่ทางร้านสั่งมาเป็นพิเศษจากดอยเต่า นำมาทอดกรอบแล้วยำใส่มะม่วงเปรี้ยว หอมแดง แครอท ขึ้นฉ่าย ลิ้มรสชาติยำสัมผัสได้ถึงความหอมกรอบของปลากรอบที่ซึมรสชาติน้ำยำ 3 รส เปรี้ยว เค็ม หวาน เจือความเผ็ดนิดหน่อย
แกงเขียวหวานเนื้อและโรตี
       ต่อด้วย แกงเขียวหวานเนื้อ (180 บาท+) ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับ โรตี (20 บาท+) เป็นแกงเขียวหวานเนื้อใส่ยอดมะพร้าว แครอท มะเขือพวง และเห็ดฟาง ซึ่งที่นี่เลือกใช้เนื้อส่วนสันในเกรดเอคัดพิเศษ นำมาแกงกับเครื่องแกงเขียวหวานที่ทางร้านโขลกเอง และไม่ได้แกงใส่กะทิ แต่แกงใส่นมสดแทนทำให้ได้แกงที่มีความหอมหวานมัน รสชาติแกงเขียวหวานเข้มข้นถึงรสเครื่องแกงเผ็ดลิ้น เนื้อเคี้ยวนุ่มปาก กินคู่กับโรตีทอดกรอบก็เข้ากันดี
      
       สลับรสชาติมาที่อาหารยุโรปปนความเป็นไทยที่เมนู สปาเก็ตตี้ผัดฉ่า (290 บาท+) เป็นสปาเก็ตตี้เส้นดำผัดกับเครื่องผัดฉ่าแบบครบสูตร ใส่กุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และเห็ดหอมด้วย รสชาตินั้นผสมผสานระหว่างสปาเก็ตตี้เส้นเหนียวนุ่ม เคล้ากับเครื่องผัดฉ่าออกรสสมุนไพรไทย ได้กลิ่นกระชายขึ้นจมูก แถมมีขนมปังกระเทียมให้กินแกล้มด้วย
Pork Chop
       อีกหนึ่งเมนูอาหารยุโรปคือ Pork Chop (450 บาท+) เป็นเนื้อหมูติดกระดูกที่ชิ้นใหญ่เอาการ ทางร้านนำมาหมักกับน้ำผึ้งจนซึมถึงเนื้อในหมูและนำไปย่างจนชิ้นหมูสุก ราดด้วยน้ำซอสแอปเปิ้ลสูตรเฉพาะ ที่ยังมีเนื้อแอปเปิ้ลเป็นชิ้นๆ ให้เห็น หั่นชิ้นเนื้อหมูส่งเข้าปากเคี้ยวสัมผัสได้ถึงความนุ่มของเนื้อหมูอมรสชาติ หวานๆ อมเปรี้ยวของซอสแอปเปิ้ล
      
       นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ ให้น่าลิ้มลองอีก อาทิ ส้มตำยอดมะพร้าวทรงเครื่อง (100 บาท+) ยำผักหวานทอดกรอบ (200 บาท+) สปาเก็ตตี้เส้นดำซีฟู้ด (290 บาท+) ขาหมูเยอรมันทอดกรอบ (380 บาท+) เนื้อสันเกรดเอย่างเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด (220 บาท+) และอีกสารพัดเมนูไทย-ยุโรป ที่เหมาะแก่การสั่งมานั่งกิน พร้อมเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศสวนอันรื่มรมย์ของร้าน "The Garden Rooms"
       

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       
The Garden Rooms (เดอะการ์เด้นท์รูม) ตั้งอยู่ที่ 117/9 หมู่ 7 ถ.กาญจนาภิเษก แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. การเดินทางถ้ามาจากสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตรงมาจนถึงทางยกระดับฉิมพลี ให้เลี้ยวไปทางเส้นที่จะไปบางบัวทอง ผ่านทางเข้าหมู่บ้านชวนชื่น ไปกลับรถใต้สะพาน 1 กม. จุดสังเกตจะเห็นศูนย์โตโยต้า และร้านเดอะการ์เด้นท์รูมจะอยู่ถัดจากศูนย์โตโยต้าประมาณ 30 ม. มีป้ายให้เห็นชัดเจน มีที่จอดรถด้านใน เปิดทุกวัน (หยุดเฉพาะวันพุธ) ตั้งแต่ 16.00-23.00 น. ทางร้านรับจองสถานที่จัดเลี้ยงด้วย โทร. 02-884-4074, 08-1566-1535