"สามย่านซีฟู้ด(39)"เสิร์ฟความสด รสโดนใจ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 ตุลาคม 2550 16:32 น. 
บรรยากาศโต๊ะนั่งกว้างขวางภายในร้าน “สามย่านซีฟู้ด (39)”
       "อาหารทะเล"หรือที่ตอนหลังบ้านเรามักเรียกทับศัพท์ว่า"ซีฟู้ด" จำพวกพวกกุ้ง ปู ปลา หอย ที่จับจากท้องทะเลสดๆ แล้วนำมาลวก นึ่ง ปิ้ง ย่าง ฯลฯ จิ้มกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ รสเด็ดนั้น ถือว่าเป็นการได้ลิ้มรสอาหารทะเลแบบได้สัมผัสถึงความสดหวานของอาหารทะเล เหล่านั้นได้อย่างเต็มรสชาติ
      
       "ผู้จัดการตระเวนกิน" เองก็ชื่นชอบการลิ้มรสอาหารทะเลสดๆ แบบนั้นไม่น้อยเช่นกัน แต่ว่ามาในมื้อนี้เราจะขอพามาฉีกอารมณ์การกินอาหารทะเลสดๆ แบบที่ว่ากันสักหน่อย ด้วยการพาไปตระเวนกินซีฟู้ดที่นำมาปรุงแต่งรสชาติแบบสไตล์อาหารจีนกันที่ ร้าน "สามย่านซีฟู้ด (39)" ตรง ถ.ถ.นราธิวาสราชนครินทร์
      
       สำหรับซีฟู้ดสไตล์จีนของที่ร้านนี้ ต้องบอกว่าเป็นซีฟู้ดสไตล์จีนที่มีการประยุกต์ปรับรสชาติให้เข้ากับลิ้นคน ไทย และอาหารทะเลส่วนใหญ่เน้นที่ความสดเป็นสำคัญ ซึ่งเมนูซีฟู้ดที่ชวนลองลิ้มชิมรสชาติก็มีอยู่หลายเมนูด้วยกัน
กุ้งเจี๋ยนแปะก๊วย
       "ผู้จัดการตระเวนกิน" ขอเลือกสั่งมาแบบหลากหลายทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา สั่งมาหมด โดยขอเริ่มที่เมนูกุ้งก่อนเป็นอันดับแรก ชื่อเมนูว่า กุ้งเจี๋ยนแปะก๊วย (300, 500 บาท) เป็นกุ้งแชบ๊วยสดๆ ตัวโตๆ คัดพิเศษทางร้านนำมาทอดและปรุงรสชาติตามแบบสูตรเด็ดเฉพาะ มีแปะก๊วยเม็ดเหลืองๆ ทอดใส่มาด้วย และก็มีคะน้าเมืองจีนรองมาที่ก้นจาน ชิมรสชาติแกะกุ้งส่งเข้าปาก เคี้ยวเต็มปากเต็มคำกับกุ้งเนื้อแน่นหวาน ออกรสชาติเค็มๆ มันๆ เคี้ยวแกล้มด้วยแปะก๊วยเม็ดมันนุ่มปาก แต่ถ้าอยากเพิ่มรสชาติความแซบ ก็มีน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดให้จิ้มกินคู่กับกุ้งด้วย
หอยเชลล์ผัดซอสเอ็กซ์โอ
       จากเมนูกุ้งต่อด้วยเมนู หอยเชลล์ผัดซอสเอ็กซ์โอ (500, 800 บาท) หอยเชลล์ตัวโตๆ เนื้อนุ่มนำมาผัดกับซอสเอ็กซ์โอสูตรเด็ดของทางร้าน และใส่ผักเซเลอรี่ด้วย ลิ้มรสหอยเชลล์ผัดซอสเอ็กซ์โอ โดนใจปากเนื้อหอยเชลล์นั้นสดหวาน เคี้ยวนุ่มหนึบปากและได้รสชาติซอสที่เข้มข้นออกเผ็ดลิ้นนิดๆ
       แล้วมากันที่เมนูเด็ดฮอตฮิตของที่นี่ คือ ปูผัดผงกะหรี่ (ราคาตามน้ำหนักปู) ที่แค่เห็นหน้าตาของปูทะเลตัวโตๆ ที่เน้นคัดเฉพาะปูสีส้มสดๆ ตัวหนึ่งไม่ต่ำกว่าโล นำผัดมากับเครื่องผงกะหรี่สีสันจัดจ้านยั่วให้น้ำลายสอปากเอามากๆเลย ซึ่งปูผัดผงกะหรี่ของที่นี่รสชาติดีและเข้มข้นเพราะทางร้านจะใส่ไข่และ น้ำมันพริกเผาลงไปด้วยในเครื่องผงกะหรี่ที่ผัดกับปู ทำให้ได้รสชาติของปูผัดผงกะหรี่ ที่ก้ามปูเนื้อเต็มแน่น เนื้อปูหวาสดเคล้ากับรสชาติเครื่องผงกะหรี่ที่จัดจ้านหอมมัน ยิ่งตักน้ำผงกะหรี่คลุกกินกับข้าวสวยร้อนๆ สุดยอดขอบอก
      
       หลังจากได้กินปูแล้ว ก็มากินปลากันต่อ ที่เมนูปลาบู่เจี๋ยนเมล็ดสน (ราคา ตามน้ำหนักปลา) ปลาบู่ตัวโตเป็นๆ สดๆ นำมาเจี๋ยนกับเมล็ดสนญี่ปุ่น และใส่ผักเซเลอรี่ แครอท ขิง และพริกหวานปรุงรสชาติจนกลมกล่อมได้ที่ ออกแนวน้ำขลุกขลิก กินคู่กับข้าวได้ เนื้อปลาบู่สดๆ ช่างนุ่มหวานซึมกับรสชาติเจี๋ยนที่ออกรสกลมกล่อม ส่วนเมล็ดสนเคี้ยวมันปาก
       และเราขอปิดท้ายมื้อด้วยเมนูที่ไม่ใช่ซีฟู้ด แต่ว่าถือว่าเป็นเมนูเด่นที่ชวนให้ลองลิ้มลอง นั่นคือ หมูหัน (350 บาท) ที่เห็นราคาแล้วก็ต้องร้องว่าไม่น่าเชื่อว่าหมูหันตัวโตกำลังน่ากิน จะมีราคาย่อมเยากระเป๋าแบบนี้ หมูหันของที่นี่ถือว่ารสชาติดีไม่ใช่น้อย หนังเกรียมกรอบกรุบ จิ้มกินคู่กับน้ำจิ้มหวาน ส่วนเนื้อที่เหลือก็นำไปทอดกระเทียมได้
      
       เพียงแค่ 5 เมนูที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ได้ชิมไปก็เล่นเอาอิ่มท้องสุดๆ และตอนนี้ทางร้านก็มีชุดโปรโมชั่นมานำเสนอด้วย เป็นอาหารชุด 4,000 บาท ที่ประกอบไปด้วยเมนูเลิศรสให้เลือกกว่า 9 อย่าง อาทิ โหงวก๊วย, หูฉลามสามเซียน, เป็ดเซี่ยงไฮ้, ปูผัดผง, ขาห่านอบ, ปลากะพง, ก๋วยเตี๋ยว, ไก่ดำตุ๋นยาจีน, เอี่ยบ๊วย
      
       เรียกว่าหากใครที่อยากจะเปลี่ยนรสชาติการกินอาหารซีฟู้ด หรือกำลังมองหาซีฟู้ดรสเลิศชวนกินอยู่ละก็ ร้าน "สามย่านซีฟู้ด" (39) เป็นอีกร้านหนึ่งที่อยากเชิญชวนให้ทุกคนได้มาสัมผัสลองลิ้มกันดู เผลอๆ อาจจะติดใจในรสชาติอาหารซีฟู้ดสไตล์จีนอันถูกปากโดนใจก็เป็นได้
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       
"สามย่านซีฟู้ด (39)" ตั้งอยู่ที่ 2210/4-8 ถ.นราธิวาสราชนครินทร์ (เลียบคลองช่องนนทรี) แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. การเดินทางถ้ามาจากถ.สาทร ให้เลี้ยวเข้าถ.นราธิวาสราชนครินทร์ วิ่งตรงมาจนมาถึงถ.จันทน์ตัดใหม่ ผ่านถ.จันทน์ 10ให้เตรียมชิดซ้ายไว้ จะเห็นป้ายร้านสามย่านซีฟู้ด ให้เลี้ยวทางซ้ายมือเข้าไป ร้านจะตั้งอยู่ด้านใน หน้าร้านมีที่จอดรถกว้างขวาง เปิดทุกวัน เวลา11.00 น. – 14.00 น. และ 17.00 น. – 22.00 น. ถ้าจะสั่งอาหารชุดควรโทรจองโต๊ะก่อนจะดีที่เบอร์โทร. 0-2678-2020-25 และยังมีอีกหนึ่งสาขาที่จ.ขอนแก่น ตรงบึงแก่นนคร

อิ่มเพลิน เคลิ้มบรรยากาศ ที่ "The Garden Rooms"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 ตุลาคม 2550 12:09 น. 
The Garden Rooms นั่งกินข้าวท่ามกลางบรรยากาศสวน
       บ่อยครั้งที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน" เลือกที่จะตัดสินใจไปกินอาหารที่ร้านไหนสักร้าน นอกจากเรื่องรสชาติของอาหารที่ต้องถูกปากและโดนใจแล้ว เรื่องของบรรยากาศร้านก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เราเลือกที่จะไปนั่งกิน ร้านนั้น เพราะว่าการที่ได้นั่งกินข้าวท่ามกลางบรรยากาศร้านชวนกิน ถือเป็นการช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการกินอาหารในมื้อนั้นๆ ได้ไม่น้อยเลย
      
       อย่างในมื้อนี้ เราเลือกที่จะมานั่งกินข้าวที่ร้าน "The Garden Rooms" เป็น ร้านอาหารที่มีสไตล์เป็นบ้านไม้หลังงามให้อารมณ์เหมือนมานั่งกินข้าวอยู่ที่ บ้าน อันรายล้อมไปด้วยธรรมชาติของการจัดตกแต่งสวนสวยๆ ที่ภายในร้านแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายโซนให้เลือกนั่งตามชอบใจ
บรรยากาศโต๊ะนั่งด้านในอบอุ่นสบายๆ ชวนนั่ง
       ไม่ว่าจะเป็นโซนโดดเด่นทางด้านนอกที่มีสระน้ำอยู่ตรงกลางสร้างความ เย็นสบาย และแวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ดูร่มรื่น มีโต๊ะเกาอี้แบบไม้ที่เข้ากับบรรยากาศให้เลือกนั่ง พร้อมกับรับลมธรรมชาติเย็นๆ ถัดมาเป็นโซนระเบียงไม้ ที่มีมุมโต๊ะนั่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์ที่บริการเครื่องดื่มแบบครบครัน อีกทั้งยังมีดนตรีบรรเลงเพลงสบายๆให้ฟังกันเพลินๆ ในทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และจันทร์ เวลา 18.30-20.00 น.
      
       อีกโซนเป็นส่วนของบ้านไม้หลังงาม ที่มีหลังคาสูงโล่งโปร่ง ภายในติดแอร์เย็นสบายมีโต๊ะเก้าอี้ไม้จัดไว้ในเลือกนั่งตามใจชอบ ท่ามกลางบรรยากาศอันอบอุ่นและมองเห็นวิวสวนสวยๆ ด้านนอก และโซนสุดท้ายเป็นเรือนดอกแก้วที่ทางร้านจัดไว้เป็นสถานที่สำหรับจัดงาน เลี้ยง
ยำปลากรอบดอยเต่า
       นี่คือบรรยากาศร้านอันชวนนั่ง ส่วนเรื่องอาหารของที่นี่ก็มีความหลากหลายมีทั้งอาหารไทยและอาหารยุโรปจาน เด็ดมากมายให้เลือกลิ้มลอง อย่างเมนูที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ขอแนะนำให้ลองสั่งมาลิ้มรสกันก็มีทั้งอาหารไทยและอาหารยุโรป โดยขอเริ่มจากอาหารไทยกันก่อนที่เมนู ยำปลากรอบดอยเต่า (150 บาท+) เป็นยำสูตรเด็ดของทางร้าน ที่มีความพิเศษอยู่ตรงปลากรอบ ซึ่งเป็นปลาเนื้ออ่อนตัวเล็กๆ ที่ทางร้านสั่งมาเป็นพิเศษจากดอยเต่า นำมาทอดกรอบแล้วยำใส่มะม่วงเปรี้ยว หอมแดง แครอท ขึ้นฉ่าย ลิ้มรสชาติยำสัมผัสได้ถึงความหอมกรอบของปลากรอบที่ซึมรสชาติน้ำยำ 3 รส เปรี้ยว เค็ม หวาน เจือความเผ็ดนิดหน่อย
แกงเขียวหวานเนื้อและโรตี
       ต่อด้วย แกงเขียวหวานเนื้อ (180 บาท+) ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับ โรตี (20 บาท+) เป็นแกงเขียวหวานเนื้อใส่ยอดมะพร้าว แครอท มะเขือพวง และเห็ดฟาง ซึ่งที่นี่เลือกใช้เนื้อส่วนสันในเกรดเอคัดพิเศษ นำมาแกงกับเครื่องแกงเขียวหวานที่ทางร้านโขลกเอง และไม่ได้แกงใส่กะทิ แต่แกงใส่นมสดแทนทำให้ได้แกงที่มีความหอมหวานมัน รสชาติแกงเขียวหวานเข้มข้นถึงรสเครื่องแกงเผ็ดลิ้น เนื้อเคี้ยวนุ่มปาก กินคู่กับโรตีทอดกรอบก็เข้ากันดี
      
       สลับรสชาติมาที่อาหารยุโรปปนความเป็นไทยที่เมนู สปาเก็ตตี้ผัดฉ่า (290 บาท+) เป็นสปาเก็ตตี้เส้นดำผัดกับเครื่องผัดฉ่าแบบครบสูตร ใส่กุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และเห็ดหอมด้วย รสชาตินั้นผสมผสานระหว่างสปาเก็ตตี้เส้นเหนียวนุ่ม เคล้ากับเครื่องผัดฉ่าออกรสสมุนไพรไทย ได้กลิ่นกระชายขึ้นจมูก แถมมีขนมปังกระเทียมให้กินแกล้มด้วย
Pork Chop
       อีกหนึ่งเมนูอาหารยุโรปคือ Pork Chop (450 บาท+) เป็นเนื้อหมูติดกระดูกที่ชิ้นใหญ่เอาการ ทางร้านนำมาหมักกับน้ำผึ้งจนซึมถึงเนื้อในหมูและนำไปย่างจนชิ้นหมูสุก ราดด้วยน้ำซอสแอปเปิ้ลสูตรเฉพาะ ที่ยังมีเนื้อแอปเปิ้ลเป็นชิ้นๆ ให้เห็น หั่นชิ้นเนื้อหมูส่งเข้าปากเคี้ยวสัมผัสได้ถึงความนุ่มของเนื้อหมูอมรสชาติ หวานๆ อมเปรี้ยวของซอสแอปเปิ้ล
      
       นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ ให้น่าลิ้มลองอีก อาทิ ส้มตำยอดมะพร้าวทรงเครื่อง (100 บาท+) ยำผักหวานทอดกรอบ (200 บาท+) สปาเก็ตตี้เส้นดำซีฟู้ด (290 บาท+) ขาหมูเยอรมันทอดกรอบ (380 บาท+) เนื้อสันเกรดเอย่างเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด (220 บาท+) และอีกสารพัดเมนูไทย-ยุโรป ที่เหมาะแก่การสั่งมานั่งกิน พร้อมเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศสวนอันรื่มรมย์ของร้าน "The Garden Rooms"
       

       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       
The Garden Rooms (เดอะการ์เด้นท์รูม) ตั้งอยู่ที่ 117/9 หมู่ 7 ถ.กาญจนาภิเษก แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม. การเดินทางถ้ามาจากสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตรงมาจนถึงทางยกระดับฉิมพลี ให้เลี้ยวไปทางเส้นที่จะไปบางบัวทอง ผ่านทางเข้าหมู่บ้านชวนชื่น ไปกลับรถใต้สะพาน 1 กม. จุดสังเกตจะเห็นศูนย์โตโยต้า และร้านเดอะการ์เด้นท์รูมจะอยู่ถัดจากศูนย์โตโยต้าประมาณ 30 ม. มีป้ายให้เห็นชัดเจน มีที่จอดรถด้านใน เปิดทุกวัน (หยุดเฉพาะวันพุธ) ตั้งแต่ 16.00-23.00 น. ทางร้านรับจองสถานที่จัดเลี้ยงด้วย โทร. 02-884-4074, 08-1566-1535

"อารีรัง" ต้นตำรับอาหารเกาหลีชวนกิน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 มิถุนายน 2550 14:39 น.
บรรยากาศสบายๆ ภายในร้าน "อารีรัง"
       ดูเหมือนว่ากระแส"เกาหลีฟีเวอร์"ในบ้านเรายังได้ รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นละครเกาหลี แฟชั่นเกาหลี ดารา-นักร้องเกาหลี อย่างเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้เมื่อหนุ่มเรน นักร้องเกาหลีแดนกิมจิชื่อดังได้บินข้ามฟ้ามาเปิดคอนเสิร์ตในเมืองไทย ทั้งร้อง ทั้งเต้นแบบกระจาย ทำเอาบรรดาสาวกเกาหลีชาวไทยแห่แหนไปชมคอนเสิร์ตอย่างล้นหลาม กรี๊ดกันให้สนั่นเมือง เห็นอย่างนี้แล้วเรียกว่ากระแสความแรงของเกาหลีในบ้านเรา แรงดีไม่มีตกจริงๆ
กิมจิซุป
       มาในมื้อนี้"ผู้จัดการตระเวนกิน" เลยขอร่วมเป็นหนึ่งในกระแสเกาหลีฟีเวอร์กับเขาสักหน่อย ด้วยการขอพาไปกินอาหารเกาหลีกันที่ร้าน "อารีรัง" เป็น หนึ่งในร้านอาหารเกาหลีที่เปิดให้บริการอยู่ที่ย่านโคเรียน ทาวน์ ตรงสุขุมวิท 12 ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นศูนย์รวมความเป็นเกาหลีในเมืองไทยก็ว่าได้
      
       สำหรับ"อารีรัง"ร้านนี้ต้องบอกว่าเป็นอาหารเกาหลี แบบต้นตำรับแท้ๆ ดั้งเดิม วัตถุดิบ ส่วนผสมในการปรุงส่วนใหญ่ต้องนำเข้ามาเกาหลีโดยเฉพาะ และอาหารแต่ละเมนูก็ปรุงโดยฝีมือเชฟชาวเกาหลี เรียกว่าได้รสชาติแบบสูตรเกาหลีไม่ผิดเพี้ยน
      
       ว่าแล้วอย่าให้เสียเวลา ตามมาเปิดเมนูดูกันดีกว่าว่ามีอาหารเกาหลีอะไรที่ชวนกินกันบ้าง เริ่มจากเมนูนี้กันก่อนเลย กิมจิซุป (150 บาท++) มากินอาหารเกาหลีต้องไม่พลาดกิมจิ เมนูนี้เป็นการนำกิมจิที่เราเห็นกันเป็นประจำมีทั้งกะหล่ำปลี ต้นหอมญี่ปุ่น หอมหัวใหญ่ กระเทียม นำมาเติมน้ำซุป และใส่เนื้อปลาลงไปต้มด้วยกัน ออกมาเป็นซุปกิมจิหอมๆ เสิร์ฟมาร้อนๆ หน้าตาคล้ายแกงส้มบ้านเรา ส่วนรสชาตินั้นออกรสเผ็ดร้อน เปรี้ยว เค็มนิดๆ กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ เหมาะเจาะลงตัว
ข้าวยำหม้อดิน
       จากนั้นต่อด้วยเมนู ข้าวยำหม้อดิน (200/300 บาท++) เป็นข้าวสวยปรุงรสที่คลุกมากับพริกเกาหลี เสิร์ฟมาในหม้อหินร้อนๆ ภายในหม้อใส่เครื่องเครามาหลายอย่างมีทั้งถั่วงอกดอง สาหร่าย แตงกวาดอง แครอท เนื้อสับ ไข่ไก่ดิบ เวลากินก็คลุกเคล้าเครื่องทุกอย่างให้เข้าด้วยกัน แล้วก็ตักอ้ำเข้าปาก กินตอนข้าวร้อนๆ ได้รสชาติกลมกล่อมทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม เจือความเผ็ดจากพริกเกาหลีถูกปากดีไม่ใช่เล่น อ้อแล้วยังมีน้ำซุปใสรสกลมกล่อมมาให้ซดช่วยให้คล่องคอดีแท้
ไก่ตุ๋นโสมเกาหลี
       ตามมากันที่เมนูนี้ ไก่ตุ๋นโสมเกาหลี (350 บาท++) ที่ถ้าใครชื่นชอบกินไก่ตุ๋นแนะนำว่าควรสั่งมาลิ้มลอง เพราะเป็นไก่ตุ๋นโสมแบบเกาหลีขนาดแท้ คือการนำเอาไก่สดมายัดไส้ด้วยข้าวเหนียวนึ่งสุกและเครื่องเทศต่างๆ อย่างโสมพุทราจีน กระเทียม ต้นหอม ยัดเข้าไปในตัวไก่แล้วตุ๋นกับน้ำซุปจนเนื้อไก่เปื่อยยุ่ยได้ที่ เสิร์ฟมาร้อนๆ ซดน้ำซุปรสออกจืดๆ น้ำต้มไก่ แต่จะมีเครื่องปรุงคือเกลือ พริกไทย และงาขาว ไว้ให้โรยเพิ่มรสชาติความเค็มไม่ให้จืดจนเกินไป ส่วนเนื้อไก่นั้นเปื่อยยุ่ยนุ่มได้ที่เลย
เนื้อย่างเกาหลี
       ส่งท้ายด้วยเมนูเด็ดเมนูนี้ ที่หากใครชื่นชอบเนื้อไม่ควรพลาดสั่ง เนื้อย่างเกาหลี (ชิ้น ละ 300-500 บาท++) เป็นเนื้อติดซี่โครงสีแดงสดๆ ที่มีมันแทรกอยู่ด้วยแล่มาเป็นชิ้นขนาดใหญ่ เสิร์ฟมาพร้อมกับผักสด และน้ำจิ้ม วิธีการกินไม่ยุ่งยาก จะมีพนักงานคอยย่างให้ ซึ่งจะนำเนื้อลงย่างในเตาถ่าน จนเนื้อสุกหอม และหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ห่อด้วยผักสด ราดน้ำจิ้ม แล้วส่งชิ้นเนื้อเข้าปากเคี้ยวกร้วมทั้งคำ สัมผัสได้ถึงความเหนียวนุ่มของเนื้อ เข้ากันกับผักที่สดกรอบ และซึมรสชาติน้ำจิ้มที่ออกเค็มๆ มันๆ
      
       แต่ใช่ว่าจะมีแค่เมนูเด็ดๆ เหล่านี้ที่แนะนำเท่านั้น เพราะยังมีเมนูเกาหลีอื่นๆ ที่ชวนกินอีกไม่น้อย อาทิ ซี่โครงหมูบาร์บิคิว(300 บาท++) ผัดหนวดปลาหมึกยักษ์(400 บาท++) หางวัวตุ๋น (300บาท++) ซุปเย็น(200 บาท++) พิซซ่าเกาหลี (500 บาท++) และที่สำคัญเมื่อมากินอาหารเกาหลีแล้วขาดไม่ได้คือพวกเครื่องเคียงอย่างกิม จิ ซึ่งที่ร้านนี้ เพียงแค่ส่งเมนูอาหารเมนูใดเมนูหนึ่ง ทางร้านจะเสิร์ฟกิมจิเซ็ทมาเป็นเครื่องเคียงจำนวนมาก โดยในแต่ละวันจะมีกิมจิหลากหลายรูปแบบไม่ซ้ำกันกว่า 12 ชนิด มาให้ลิ้มรสชาติกันจนหนำใจปาก
      
       เรียกว่าหากใครเป็นแฟนเกาหลีแล้วล่ะก็ ลองหาโอกาสแวะมาลองลิ้มรสชาติอาหารเกาหลีรสดี ที่ร้าน"อารีรัง" นี้กันดู เพราะจะได้สัมผัสกับอีกหนึ่งรสชาติความเป็นเกาหลีแท้ๆ ในเมืองไทย

“My Secret” รสเด็ดอาหารไทย ริมน้ำแม่กลอง เมืองกาญจน์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 กุมภาพันธ์ 2555 14:25 น.
บรรยากาศร้าน “My Secret” นั่งสบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติ
       “กาญจนบุรี” นอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวให้เลือกเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก ป่าเขา หรือที่เที่ยวแบบสัมผัสวิถีชีวิต ประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม ให้ได้เลือกเที่ยวกันแบบเพลินๆ แบบเช้าไปเย็นกลับได้อย่างสบายๆ แล้วนั้น
      
       “ตระเวนกิน”ขอบอกว่าที่เมืองกาญจน์ยังมีร้านอาหารอร่อยๆ ที่มีบรรยากาศสวยๆ ชวนให้ไปนั่งไปกินอาหารดื่มด่ำบรรยากาศอยู่เป็นจำนวนมาก อย่างเช่นร้าน “My Secret” (มาย ซี เครท) ที่ตั้งอยู่ติดแม่น้ำแม่กลอง ที่เราเพิ่งแวะเวียนไปลองลิ้มชิมรสมานั้นก็นับเป็นอีกหนึ่งในร้านอาหารดาว เด่นประจำเมืองกาญจน์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
      
       สำหรับร้าน “My Secret” เมื่อเข้ามาถึงแล้ว ดูเสมือนหนึ่งว่าเราได้หลุดเข้ามาอยู่อีกโลกหนึ่ง เพราะเป็นสถานที่ส่วนตัวอันเงียบสงบ แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันรื่นรมย์ เพราะว่าร้านตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำแม่กลอง มีทัศนียภาพที่งดงาม มีสายลมพัดเอื่อยเย็นสบาย ซึ่งทางร้านตกแต่งร้านได้อย่างชวนนั่งแบบชิลล์ ชิลล์ มีหลายโซนให้เลือกนั่งแบบตามใจชอบ
โต๊ะนั่งติดริมน้ำ และยังมีเรือครูซให้บริการด้วย
       มีทั้งโซนโต๊ะนั่งด้านล่างจัดเป็นสวนอยู่ติดริมแม่น้ำรับลมเย็นๆ หรือจะเป็นโซนด้านบนเปิดโล่งโปร่งสบาย แถมยังมีภาพสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ชมกันอีกด้วย แต่ถ้าใครชอบนั่งห้องแอร์ก็มีโซนห้องแอร์ที่ตกแต่งอย่างเก๋ไก๋ให้เลือกนั่ง และยังมีห้องแอร์วีไอพีให้บริการ รวมถึงมีเรือครูซขนาดใหญ่ที่จุได้ถึง 80 ที่นั่ง ให้บริการเหมาเรือเพื่อจัดสัมมนาและกินอาหารไปด้วย พร้อมล่องเรือชมวิวแม่น้ำแม่กลอง
      
       ยังไม่หมดสำหรับบรรยากาศ ทางร้านยังเอาใจผู้ที่ชื่นชอบล่นเจตสกีและสปีดโบ๊ท ทางร้านมี Ramp ให้บริกรฟรีสำหรับโหลดเรือลงแม่น้ำได้สะดวกสบาย เรียกว่าสามารถมากินอาหารเที่ยง บ่ายเล่นเรือ เย็นกินข้าวต่อ พอตกดึกก็นั่งสังสรรค์กินดื่ม หรือจะเล่นสนุกเกอร์ โต๊ะพูล โต๊ะโกลด์ ทางร้านก็มีให้บริการสร้างความสุขสันต์ พร้อมกับชมบรรยากาศยามค่ำคืนอันสวยงาม ช่างเพลินใจและอิ่มท้องกันไปแบบมีความสุข
      
       นี่แค่บรรยากาศก็เป็นเลิศแล้ว มาถึงเรื่องอาหารของที่นี่ก็เลิศรสไม่แพ้กัน เพราะที่นี่มีอาหารไทยรสจัดจ้าน ที่ทางร้านคิดปรุงแต่งเมนูอาหารขึ้นมาตามสูตรเด็ดเฉพาะ ที่เน้นเรื่องการคัดสรรแต่วัตถุดิบที่ความสด และมีคุณภาพ อีกทั้งยังเลือกเฟ้นอาหารพิเศษที่ดังๆ ทั่วประเทศไทย มาเป็นเมนูจานเด่นที่ชวนกินมากมาย และยังมีการคิดค้นเมนูใหม่ๆ หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ลูกค้าเกิดความจำเจกับอาหาร
กุ้งผัดซอสมะขาม
       สำหรับมื้อนี้เราได้เลือกสั่งเมนูจานเด็ดมาชิมอยู่หลายอย่าง และอยากแนะนำให้กินกันก็มี กุ้งผัดซอสมะขาม (350 บาท) กุ้งแชบ๊วยตัวโตเอามาทอด แล้วมีน้ำซอสมะขามสูตรเด็ดของทางร้านราดมาบนกุ้ง โรยด้วยหอมเจียวหอมๆ กินแล้วกุ้งเนื้อกรอบนุ่มชุ่มน้ำซอสมะขามออกรสหวานๆ เปรี้ยวๆ ถูกปากดีจริง
ปีกไก่ทอดสามรส
       ต่อด้วย ปีกไก่ทอดสามรส (180 บาท) เป็นปีกไก่ส่วนบนและล่างหมักกับซอสสูตรพิเศษที่คิดขึ้นมาโดยเฉพาะมีส่วนผสม ของขมิ้นด้วย และนำมาทอดจนไก่กรอบ แล้วทำน้ำซอส 3 รส ราดมาบนปีกไก่ ลิ้มรสไก่หนังกรอบเนื้อนุ่มเข้ากับน้ำราดเปรี้ยว หวาน เจือเผ็ดนิดๆ
เป็ดสาดเกลือ
       จากนั้นมาชิม เป็ดสาดเกลือ (ตัวละ 220 บาท) เมนูเด่นที่ต้องสั่ง เพราะทางร้านเลือกเป็ดไล่ทุ่ง คัดเฉพาะเป็ดหนุ่มนำมาหมักเกลือและเครื่องปรุงต่างๆ นำไปย่างและทอดให้กรอบ สับเสิร์ฟมาเป็นชิ้นๆ กินคู่กับน้ำจิ้มสูตรพิเศษ ลิ้มรสแล้วขอยกนิ้วให้เลยถึงความหอมของเป็ด เนื้อเป็ดนุ่มแห้งกรอบทั้งตัว เค็ม มันอร่อย จิ้มกินกับน้ำจิ้มแจ่วหวานของทางร้านยิ่งเด็ดสุดยอด
หมึกไข่ผัดไข่เค็ม
       ตามต่อด้วย หมึกไข่ผัดไข่เค็ม (250 บาท) ทางร้านเลือกหมึกไข่สดๆ จากแม่กลอง เอามาผัดกับไข่เค็ม ผัดออกแห้งๆ หน่อย กลิ่นไข่เค็มหอมๆ หมึกชิ้นใหญ่เคี้ยวแน่นนุ่มหนึบหนับปาก ได้รสชาติไข่เค็มกลมกล่อมมันปาก
ปูม้าผัดพริกไทยดำ
       และถ้าใครชอบกินปูไม่ควรพลาดเมนู ปูม้าผัดพริกไทยดำ (400 บาท) เป็นปูม้าสดๆ จากแม่กลองทางร้านนำมาผัดกับเครื่องพริกไทยดำ สไตล์แบบสิงคโปร์ออกแห้งนิดๆ ชิมแล้วเนื้อปูแน่นนุ่มหวานสดจริงๆ และเครื่องพริกไทยดำก็ซึมลึกได้รสชาติที่เข้มข้นถึงเครื่องพริกไทยดำหอมๆ
เมี่ยงปลาช่อน
       เมี่ยงปลาช่อน (300 บาท) เมนูนี้กินเพลินอร่อยดี เป็นปลาช่อนทอดกรอบและหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า มาพร้อมกับเครื่องสารพัดมีทั้งถั่งลิสงทอด มะนาว ตะไคร้ หอมแดง ขิง พริกขี้หนู แล้วก็มีผักกาดหอมมาให้ห่อ เวลากินก็นำผักมาห่อกับเนื้อปลาใส่เครื่องทุกอย่าง และราดด้วยน้ำจิ้มแบบซีฟู้ดสูตรพิเศษของทางร้าน ส่งเข้าปากเคี้ยวกร้วมคำโต เนื้อปลากรอบกรุบเข้ากับเครื่องทุกอย่าง ได้รสชาติน้ำราดเปรี้ยว เผ็ด เค็มหวานถูกปากมากๆ
ต้มยำปลาคัง
       ส่งท้ายด้วยเมนูซดน้ำร้อนๆ ต้มยำปลาคัง (200 บาท) เสิร์ฟมาแบบหม้อไฟร้อนๆ เป็นต้มยำน้ำใสครบเครื่องที่ใส่เนื้อปลาคังสดๆ จากแม่น้ำแม่กลอง ใส่เห็ดฟาง ซดน้ำต้มยำแซบมากโล่งคล่องคอ เนื้อปลาคังไม่คาวนุ่มหวานได้ใจ
โต๊ะนั่งด้านในห้องแอร์
       แต่หากว่ามากันหลายคน เมนูที่แนะนำมาอาจจะยังไม่อิ่มพอ ขอบอกว่ายังมีเมนูจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนกินอีก อาทิ กะพงทอดราดยำสมุนไพร (350 บาท) ยำเห็ดเข็มทอง (150 บาท) ฟรุตสลัด (100 บาท) แกงป่าไก่ไทย (80 บาท) กุ้งแม่น้ำทอดราดกระเทียม (ราคาตามน้ำหนักกุ้ง) และอีกหลากหลายอาหารไทยรสจัดจ้านที่น่าลองลิ้ม
      
       เรียกว่าถ้ามากาญจนบุรีเมื่อไหร่ อยากกินอาหารอร่อย พร้อมกับชมวิวสวยๆ ของแม่น้ำแม่กลองที่เย็นสบาย ก็ขอให้แวะมาที่ร้าน “My Secret” กันซึ่งทางร้านยินดีต้อนรับทุกคนที่มาเยือน
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “My Secret” (มาย ซี เครท) ตั้งอยู่ที่ 199/9 ม. 12 ถ. ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี การเดินทางจากถ.เพชรเกษมวิ่งผ่านจ.นครปฐม แล้วแยกเข้าอ.บ้านโป่ง มุ่งสู่จ.กาญจนบุรี(ทางหลวงหมายเลข 323) ก่อนเข้าตัวเมืองกาญจนบุรี เจอสี่แยกไฟแดงศาลากลางจังหวัดฯ ให้เลี้ยวขวาเข้าซอยก่อนข้ามสะพาน จะเห็นป้าย My Secret Restaurant วิ่งเข้ามา 600 ม. ร้านจะอยู่ซ้ายมือริมแม่น้ำ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 11.00-24.00 น. (ครัวปิด 22.00 น.) ถ้ามากินแนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-3462-2531

อาหารต้านเพลีย

บำบัดอาการเพลียด้วย “สารอาหารธรรมชาติ” ช่วยบำรุงกำลัง คืนจิตสดใส กายกระปรี้กระเปร่า




“อ่อนเพลีย” เป็นหนึ่งในอาการยอดฮิตของหลาย ๆ คน ไม่เพียงเกิดจากพักผ่อนไม่เพียงพอ ตรากตรำเรียน-ทำงานหนัก เครียด หรือ กังวลเท่านั้น เมื่อใดที่ร่างกายอยู่ในภาวะพร่อง “สารอาหารบางจำพวก” ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รู้สึก “เหนื่อยล้า” ได้เช่นกัน


สารอาหารแรกคือ “ธาตุเหล็ก” พบมากในเนื้อสัตว์ ทั้งหมู ไก่ กุ้ง หอย ปลา ไข่ ตับ และจากพืช จำพวกผักกาดหอม ฟักทอง ต้นหอม มะเขือพวง ใบขี้เหล็ก มันเทศ เผือก ลูกพรุน ถั่ว ลูกเดือย งา มีความสำคัญในการสร้างเม็ดเลือด เมื่อร่างกายขาดจะทำให้โลหิตจาง อ่อนเพลีย สมาธิสั้น การเรียนรู้ลดลง เลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อในร่างกาย และสมองได้น้อยลง


ถัดมาเป็น “แมกนีเซียม” จากเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผักใบเขียว อัลมอนด์ มีความสำคัญต่อการทำงานของกล้ามเนื้อระบบประสาท สมอง และช่วยการทำงานของทริปโตเฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนจำเป็นในการเสริมสร้างสารเมลาโตนิน หรือ สารสื่อประสาท ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ วิตกกังวลน้อยลง เมื่อร่างกายขาดจะทำให้เกิดความรู้สึกกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้


นอกจากนั้น ยังรวมถึง “วิตามินซี” ซึ่งมีมากในผักตระกูลกะหล่ำ อย่างกะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี โดยขณะประกอบอาหารไม่ควรต้ม หรือ ผัดนานเกินไป เนื่องจากความร้อนจะทำลายวิตามินซีได้ง่าย นอกจากนั้น ยังพบในมะเขือเทศ ส้ม ฝรั่ง มะละกอ กล้วย สับปะรด ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เมื่อร่างกายขาดจะมีอาการอ่อนเพลีย ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดต่ำลง ทำให้ติดเชื้อไวรัส และแบคทีเรียได้ง่าย


สารอาหารข้างต้นถือเป็นยาชูกำลังชั้นดี รับประทานประจำในปริมาณพอเหมาะ นอกจากจะอิ่มท้อง ยังได้คุณค่าทางโภชนาการด้วย.