เค้กโฮมเมด หวานนุ่ม กรุ่นจากเตา ถูกใจคนรักเค้กที่ “Pattaraporn”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤษภาคม 2555 14:47 น.
บรรยากาศที่นั่งของร้าน
       เสน่ห์ของอาหารโฮมเมดก็คือความพิถีพิถันในการทำ ประกอบกับวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ทำให้อาหารที่ออกมานั้นรสชาติกลมกล่อมหอมอร่อยมากกว่าอาหารทั่วๆ ไป โดยเฉพาะเบเกอรี่โฮมเมด ที่จะสัมผัสได้ถึงความนุ่มละมุนมากกว่า อย่างที่ “ผ่านมาแวะกิน” ได้ไปลองลิ้มที่ร้าน “Pattaraporn” (ภัทราพร) ต้องบอกเลยว่าหอมกรุ่น อร่อยถูกใจจริงๆ
     
       โดย คุณภัทรภร ศุภศรี เจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่า เค้กของที่ร้านจะเป็นเค้กโฮมเมดสูตรเฉพาะที่คิดค้นขึ้นมาเอง และทำกันสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน โดยไม่ใส่สารกันบูด และยังเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดี รวมถึงเน้นเรื่องความสะอาดในทุกขั้นตอน ซึ่งในแต่ละวันจะมีเค้ก 8-10 ชนิดออกมาวางขายหน้าร้าน และส่วนใหญ่จะเป็นเค้ก Low Fat ทำให้สามารถกินได้เรื่อยๆ ไม่ต้องคำนึงถึงความอ้วนมากนัก
Chocolate Fudge
       มองเห็นเค้กที่ตั้งเรียงรายอยู่ในตู้แล้วก็เกิดอาการอยากชิมขึ้นมาทันที ขอเริ่มชิ้นแรกที่ Chocolate Fudge (60 บาท) แม้ว่าชิ้นนี้จะไม่ใช่เค้ก Low Fat แต่เราก็เต็มใจลิ้มลอง เพราะเป็นเค้กเนื้อนุ่มหอมกรุ่นที่ทำจากช็อกโกแลตแท้ๆ แล้วยังราดหน้าด้วยส่วนผสมของช็อกโกแลต นม และครีม เมื่อลองชิมก็จะได้รสชาติเข้มข้น แต่ไม่ขมและไม่หวานมากนัก น่าจะถูกใจคนรักช็อกโกแลต
Banana Choc
       ส่วน Banana Choc (65 บาท) ชิ้นนี้ก็เป็นเนื้อเค้กช็อกโกแลตที่นุ่มละมุนลิ้น แต่สอดไส้ด้วยช็อกโกแลตกานาซ และกล้วยหอมสด เคลือบด้านนอกด้วยวิปปิ้งครีมแบบ Low Fat ลองชิมเค้กชิ้นนี้จะได้รสสัมผัสที่นุ่มเบา และความหอมหวานจากกล้วยหอมที่แทรกอยู่ข้างใน
Fruit Torte White Choc
       เมนู Fruit Torte White Choc (75 บาท) ชิ้นนี้เป็นซอฟต์เค้กแบบ Low Fat รสส้มนมสด สอดไส้ด้วยไวต์ช็อกโกแลตครีมและสตรอเบอร์รีฟิลลิ่ง ส่วนด้านบนเป็นไวต์ช็อกโกแลตครีมและผลไม้สด ลองชิมจะได้ความหอมนุ่มครีมผสมกับรสชาติของ
       สตรอเบอร์รีเล็กน้อย ออกเปรี้ยวๆ หวานๆ
Orange Strawberry
       อีกชิ้นที่อร่อยไม่แพ้กัน Orange Strawberry (75 บาท) เป็นเนื้อซอฟต์เค้กส้มนมสดแบบ Low Fat เช่นกัน ส่วนตรงกลางเป็นสตรอเบอร์รีฟิลลิ่ง และด้านบนเป็นสตรอเบอร์รีครีม ราดด้วยสตรอเบอร์รีฟิลลิ่งและสตรอเบอร์รีสด ลิ้มรสเค้กชิ้นนี้จะหอมกลิ่นส้มอวลอยู่ในปาก ได้รสเปรี้ยวเล็กๆ
Chocolate Green Tea
       ชิ้นนี้ก็เป็นเค้ก Low Fat เช่นกัน Chocolate Green Tea (70 บาท) เป็นเค้กช็อกโกแลตเนื้อนุ่ม ส่วนตรงกลางเป็นคัสตาร์ดชาเขียวที่ใช้ชาเขียวญี่ปุ่นแท้ๆ ด้านบนเป็นครีม Low Fat โรยด้วยผงชาเขียว แต่งด้วยเชอร์รีเชื่อมและช็อกโกแลต ชิ้นนี้ชิมแล้วเนื้อนุ่มหอมช็อกโกแลต แถมได้รสชาเขียวแท้ๆ
     
       ตบท้ายด้วย Blueberry Cheese Pie (70 บาท) ที่ชั้นล่างเป็นแป้งพาย ตรงกลางเป็นครีมชีส ส่วนด้านบนเป็นแยมบลูเบอร์รี ลองชิมที่ตัวแป้งกรุบกรอบหอมเนย ส่วนครีมชีสไม่หวานมากนัก ตัดกับบลูเบอร์รีที่ออกเปรี้ยวเล็กน้อย
Blueberry Cheese Pie
       ส่วนเมนูนี้ขอแนะนำเป็นพิเศษ เม็ดมะม่วงหิมพานต์เคลือบคาราเมล (เล็ก 100 บาท ใหญ่ 200 บาท) ที่จะคัดเลือกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ขนาดใหญ่นำมาคั่วกับ
       คาราเมลและงาขาว จนกระทั่งเม็ดเริ่มกรอบและไม่เหนียว ลองเคี้ยวเพลินๆ กรุบกรอบ หวานๆ หอมกลิ่นงาขาว
     
       นอกจากเบเกอรี่โฮมเมดอร่อยๆ แล้ว ก็ยังมีเครื่องดื่มให้ดื่มคู่กันอีกด้วย อย่างเช่น สมูทตี้สตรอเบอร์รี (55 บาท) ชาเขียวเย็น (50 บาท) กาแฟเย็น (50 บาท) และกาแฟร้อน (35 บาท) เป็นต้น หรือหากใครอยากสั่งเค้กเป็นปอนด์ก็ขายในราคา 300 และ 320 บาทต่อปอนด์ แต่ต้องสั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
เม็ดมะม่วงหิมพานต์เคลือบคาราเมล
       ซึ่งนอกจากที่สาขาซีคอนสแควร์ที่ได้ไปลองชิมแล้ว ก็ยังมีสาขาพาราไดซ์ พาร์ค และสาขาหมู่บ้านมัณฑนา อีกด้วย ใครสะดวกที่สาขาไหนก็แวะเวียนไปลองลิ้มกันได้เลย
     
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
     
       ร้าน “Pattaraporn” ตั้งอยู่บนชั้น 2 ซีคอนสแควร์ โซนโรบินสัน ถ.ศรีนครินทร์ กทม. การเดินทาง หากมาจากถนนพัฒนาการ ให้เลี้ยวเข้าสู่ถนนศรีนครินทร์ แล้ววิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนผ่านแยกศรีนครินทร์-อ่อนนุช แล้วสังเกตทางซ้ายมือจะเห็นซีคอนสแควร์ ส่วนร้านจะอยู่ที่ชั้น 2 บริเวณโซนโรบินสัน ใกล้กับบันไดเลื่อน ทางร้านรับสั่งทำเค้กและคุกกี้ (กรุณาสั่งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง) ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.30-21.00 น. โทร.08-1985-8110 นอกจากนี้ยังมีสาขาพาราไดซ์ พาร์ค ตั้งอยู่บริเวณชั้น G โซนเสรีมาร์เก็ต และสาขาหมู่บ้านมัณฑนา (อ่อนนุช-วงแหวน)

“ขนมจีนเส้นม้วน” เส้นสด รสเด็ด เข้มข้น ฉบับปักษ์ใต้โบราณ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 พฤษภาคม 2555 14:09 น.
บรรยากาศที่นั่งภายในร้าน
       ถ้าให้บรรยายถึงลักษณะของเส้นขนมจีน ก็ต้องนึกถึงเส้นสีขาวกลมๆ เล็กๆ ยาวๆ เหนียวนุ่ม ที่กินคู่กับน้ำยาแบบต่างๆ แต่ขนมจีนที่ “ผ่านมาแวะกิน” จะพาไปชิมในมื้อนี้ มีชื่อเรียกว่า “ขนมจีนเส้นม้วน” ที่นอกจากจะเป็นชื่อร้านแล้ว ก็ยังเป็นขนมจีนชนิดหนึ่งที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอีกด้วย
      
       “ขนมจีนเส้นม้วน” เป็นขนมจีนสูตรโบราณที่ได้ อิทธิพลมาจากแหลมมาลายู ตัวเส้นจะทำจากแป้งข้าวเจ้าเป็นส่วนผสมหลัก และผสมกับแป้งอื่นๆ ตามสูตรเฉพาะ ก่อนจะนำไปนึ่งแล้วค่อยม้วน เวลาเสิร์ฟจึงจะตัดเป็นคำๆ เรียกได้ว่าเป็นขนมจีนเส้นสด เพราะทำกันวันต่อวัน และจานต่อจาน
ขนมจีนแกงเขียวหวานคอหมูย่าง
       มาถึงเรื่องของน้ำยาที่ใช้กินคู่กับขนมจีน แต่ละวันจะมีให้เลือกกัน 4 อย่าง คือ แกงกะทิปลาทะเล แกงเขียวหวานคอหมูย่าง แกงไตปลา และน้ำพริกกุ้งสด โดยจะมีผักนานาชนิดวางอยู่ในซุ้มผักให้เลือกกินคู่กับขนมจีน ทั้งถั่วงอกสด มะเขือเปาะ กะหล่ำปลี ถั่วพู ถั่วฝักยาว ชะอม เป็นต้น และยังมี ไข่ต้ม (ฟองละ 7 บาท) ให้กินเคียงกันอีกด้วย
      
       เห็นรายชื่อน้ำยาแล้วก็อยากลองชิมทันที เริ่มที่จานนี้ ขนมจีนแกงเขียวหวานคอหมูย่าง (35 บาท) ซึ่งทางร้านใช้เครื่องแกงเขียวหวานใต้นำมาปรุงรสเพิ่มเติม และใช้คอหมูย่างที่ผ่านการหมักและย่างมาจนสุกแล้ว แกงใส่กะทิ และใส่ฟักลงไป ลองชิมแกงเขียวหวานรสกลมกล่อม เนื้อหมูนุ่มได้รสชาติ กินพร้อมกับขนมจีนเส้นม้วนที่เหนียวหนึบ นุ่มอร่อย ได้รสชาติแกงเขียวหวานแบบเข้มข้นเต็มรส
ขนมจีนแกงกะทิปลาทะเล
       ต่อด้วย ขนมจีนแกงกะทิปลาทะเล (35 บาท) นอกจากเครื่องแกงเผ็ดสูตรพิเศษที่ทางร้านโขลกเอง พร้อมกับใส่ขมิ้นและสมุนไพรต่างๆ ลงไปเพิ่มเติมเพื่อรสชาติและความหอมชวนกิน ก็ยังมีเนื้อปลาน้ำดอกไม้ ซึ่งเป็นปลาทะเล ใส่ลงไปแบบเน้นๆ ลองชิมแล้วรสชาติน้ำยากะทิเข้มข้น ไม่มีกลิ่นคาวปลา หอมนุ่มเข้มข้น
      
       แล้วมาลองชิมความเผ็ดเข้มข้นกับเมนู ขนมจีนแกงไตปลา (35 บาท) ที่แกงไตปลาเป็นสูตรแบบแกงใต้จากนราธิวาส หอมไตปลาและเครื่องแกง แต่จะออกเค็ม ใส่ทั้งหน่อไม้สด มะเขือเปาะ และใส่เนื้อปลาทูลงไปด้วย ลองชิมแล้วรสเผ็ดเข้มข้นจัดจ้าน ต้องกินคู่กับผักเครื่องเคียงที่เข้ากันได้ดิบดี แต่ต้องขอเตือนคนไม่กินเผ็ดว่า ทั้งสามเมนูนี้รสเผ็ดเด็ดโดนใจมากๆ
ขนมจีนแกงไตปลา
       สุดท้าย มาผ่อนคลายกับเมนูกินเล่น เมี่ยงเส้นม้วน (35 บาท) ที่ใช้ขนมจีนเส้นม้วนมาทำเช่นกัน แต่จะวางอยู่บนผักกาดหอม เสิร์ฟพร้อมกับกุ้งลวก พริกซอย ข่า ตะไคร้ และกระเทียม กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเฉพาะที่ใส่สับปะรดลงไปด้วย ทำให้ออกรสหวานเปรี้ยวเผ็ด ได้รสชาติสมุนไพรไทยๆ
      
       แต่นอกจากขนมจีนเส้นม้วนแล้ว ก็ยังมีเส้นขนมจีนแบบธรรมดาให้ชิมด้วย และยังมีอาหารตามสั่งที่น่ามาลองลิ้มอีกหลายเมนู อาทิ ผัดผงกะหรี่ทะเล (45 บาท) ข้าวผัดเขียวหวานไก่ไข่เค็ม (35 บาท) เกี๊ยวไก่ทอด (25 บาท) เป็นต้น ส่วน ขนมจีนน้ำพริกกุ้งสด (35 บาท) ก็ต้องมาลองชิมให้ได้เช่นกัน
      
       และที่พิเศษสุดคือ หากไปชิมที่ร้านแล้วบอกว่ามาจากเว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการ ทางร้านยินดีมอบส่วนลดเฉพาะค่าอาหารให้อีก 20% จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้น
เมี่ยงเส้นม้วน
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “ขนมจีนเส้นม้วน” ตั้งอยู่ที่ณัฐณิชา เพลส ซอยรามคำแหง 27/1 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. การเดินทาง หากมาจากแยกคลองตันให้มุ่งหน้ามาทางรามคำแหง ตรงมาเรื่อยๆ สังเกตทางซ้ายมือ จะเห็นซอยรามคำแหง 27/1 (หรือสังเกตป้ายณัฐณิชา เพลส) ให้เลี้ยวเข้าไปในซอย จะเห็นร้านตั้งอยู่ทางซ้ายมือ สามารถจอดรถได้บริเวณลานจอดรถ ร้านเปิดทุกวัน เวลา 11.00-20.00 น. โทร. 08-5556-6980

“ฉวาง” อาหารใต้เข้มข้น เต็มรสฉบับเมืองคอน

ข้อมูลโดย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 มิถุนายน 2555 13:53 น.


บรรยากาศภายในร้าน
       หากจะบอกว่าอาหารไทยของเรานั้นเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีที่สุดในโลกก็คง จะไม่ผิดนัก เพราะเมื่อไม่นานมานี้ก็ยังมีหลากหลายเมนูที่ติดอยู่ใน 100 อันดับสิ่งที่ควรกินก่อนตาย จากผลสำรวจในเฟซบุ๊ก และนอกจากนี้แล้วอาหารไทยในแต่ละภาคก็ยังมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป และถ้าพูดถึงอาหารใต้ ก็ต้องเน้นที่ความเข้มข้นครบรสของเครื่องแกงสูตรเฉพาะ เหมือนกับที่ร้าน “ฉวาง” ที่ “ผ่านมาแวะกิน” อยากจะแนะนำให้ไปลองชิมกัน ร้านนี้เขาเป็นร้านอาหารใต้แท้ๆ จาก อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เปิดขายกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 จนถึงปัจจุบันก็เป็นรุ่นที่ 2 แล้ว
แกงส้มปลากระบอกลูกมุด
       เนื่องจากเป็นอาหารใต้ จึงสั่งวัตถุดิบต่างๆ มาจากทางใต้โดยตรง ส่วนเครื่องแกงต่างๆ ก็เป็นสูตรของทางร้านโดยเฉพาะ จึงได้รสชาติแบบคนใต้แท้ๆ โดยในแต่ละวันจะมีอาหารออกมาให้เลือกชิมกว่า 40 เมนู หมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อย ตามฤดูกาลของวัตถุดิบชนิดต่างๆ และยังมีผักสดๆ ให้กินแกล้มกับอาหารกันแบบฟรีๆ อีกด้วย
      
       แน่นอนว่าเมื่อมาถึงร้านแล้วก็ต้องลองชิมความอร่อยของเมนูต่างๆ เริ่มที่ แกงส้มปลากระบอกลูกมุด (ราคาตัวละ 70-80 บาท) ทางร้านใช้ปลากระบอกสดๆ นำมาแกงกับเครื่องแกงส้มที่โขลกเอง จากนั้นปรุงรสแล้วใส่ลูกมุด ผลไม้จากปักษ์ใต้ที่รสชาติออกเปรี้ยวๆ เล็กน้อย ลองชิมแล้วรสชาติเข้มข้น เผ็ด หอมเครื่องแกง เคี้ยวลูกมุดไปพร้อมๆ กันจะได้ความเปรี้ยวนิดๆ อร่อยดี
ผัดสะตอเครื่องแกงหมู
       ต่อด้วยอีกเมนูอร่อย ผัดสะตอเครื่องแกงหมู (40-50 บาท) ใช้สะตอแก่แกะเอาแต่เนื้อมาแช่น้ำให้กรอบ แล้วผัดกับเครื่องแกงเผ็ด ใส่เนื้อหมู พริกชี้ฟ้า และหอมใหญ่ จานนี้จะหอมเครื่องแกง เนื้อหมูนุ่ม แถมรสชาติเอกลักษณ์ของสะตอ ตักมาคลุกกับข้าวสวยร้อนๆ กินแกล้มกับผักสดถูกปากจริงๆ
      
       ส่วน แกงหอยแครงใบชะพลู (40-50 บาท) จานนี้ก็หรอยจังฮู้ เพราะเลือกใช้หอยแครงสดๆ ที่ทางร้านนำมาลวกเองและแกะเอาแต่เนื้อ แกงกับกะทิและเครื่องแกงเผ็ด ใส่ใบชะพลู ลิ้มรสแล้วเข้มข้นที่เครื่องแกง หอมใบชะพลู หอยสดหวาน
แกงหอยแครงใบชะพลู
       มาแก้เผ็ดด้วย ปลาทอดขมิ้น (ราคาตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไป) มื้อนี้เป็นปลาแดงที่นำมาหมักกับขมิ้น เกลือ กระเทียม แล้วนำไปทอดจนกรอบ โรยหน้าด้วยกระเทียมคลุกกับขมิ้นแล้วนำไปเจียว ชิมเนื้อปลานุ่มหวาน หอมขมิ้น เข้าคู่กับกระเทียมหอมๆ
      
       ปิดท้ายกับเมนูแนะนำแสนอร่อย หมูกะปิ (40-50 บาท) ใช้เนื้อหมูส่วนสันในไม่ติดมันมาผัดกับกะปิอย่างดี ปรุงรสด้วยน้ำตาล ทำให้เนื้อหมูนุ่ม ออกรสชาติเค็มๆ หวานๆ หอมกลิ่นกะปิ
ปลาทอดขมิ้น
       นอกจากเมนูอาหารใต้ที่ลองชิมไปแล้ว ทางร้านก็ยังมีอาหารอีกหลากหลายอย่างที่น่ามาลิ้มลอง อาทิ แกงเหลือง (50-60 บาท) แกงไตปลา (35-40 บาท) คั่วกลิ้ง (40-50 บาท) เป็นต้น อาหารใต้รสชาติต้นตำรับจากเมืองคอนแบบนี้ ก็ไม่ต้องลงใต้ไปไกล เพราะร้าน “ฉวาง” ตั้งอยู่ที่ถนนพรานนก ให้มาลองลิ้มชิมรสกันได้ทุกวัน
หมูกะปิ
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “ฉวาง” ตั้งอยู่ที่ 375/5-6 ถนนพรานนก แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม. การเดินทางจากแยกบรมราชชนนี ให้มุ่งหน้ามาทางโรงพยาบาลศิริราช ข้ามสะพานอรุณอมรินทร์ ถึงแยกศิริราช ให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนพรานนก ตรงมาอีกประมาณ 300 เมตร จะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือ มีป้ายบอกชัดเจน สามารถจอดรถได้บริเวณซอยด้านข้างร้าน ร้านเปิดทุกวัน (หยุดเดือนละ 1 ครั้ง) เวลา 07.30-19.30 น. โทร. 0-2411-1226

“ห่านฮ่องเต้” สุดยอดห่านรสโอชะ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2555 12:33 น.
ด้านหน้าร้านห่านฮ่องเต้
       จะเป็นเป็ด ไก่ หรือห่าน ถ้าเห็นแขวนเรียงรายอยู่หน้าร้านทีไร “ผ่านมาแวะกิน” ก็ต้องเกิดอาการหิวทุกที เป็นต้องเลี้ยวเข้าไปขอลองชิมเมนูเด็ดของร้านทุกครั้ง อย่างในครั้งนี้ที่ผ่านมาแถวติวานนท์ ก็มองเข้าไปเห็นร้าน “ห่านฮ่องเต้” มีห่านพะโล้แขวนเรียงไว้เต็มหน้าร้าน เลยต้องเข้าไปลองชิมสักที
      
       เดินเข้าไปนั่งในร้านก็ได้เจอคุณธเนศพล อัครนันททรัพย์ เจ้าของร้าน จึงขอนั่งคุยกันก่อนที่จะได้ลองลิ้มของอร่อย โดยคุณธเนศพลเล่าให้ฟังว่า ร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2514 รุ่นคุณพ่อ แต่ขายเฉพาะขาหมูพะโล้ ต่อมาก็เริ่มขายห่านพะโล้ แล้วหันมาใช้ชื่อห่านฮ่องเต้ตั้งแต่ปี 2522
คุณธเนศพล อัครนันททรัพย์ และภรรยา
       ของอร่อยของร้านก็คือห่านพะโล้และขาหมูพะโล้ ที่เป็นสไตล์จีน และอีกหนึ่งจุดเด่นก็คือ ข้าวสวย (ถ้วยละ 8 บาท) ของทางร้านนอกจากจะใช้ข้าวหอมมะลิแล้ว ก็ยังนำไปอบรวมกับเผือก ให้ความหอมนุ่ม และเพิ่มคุณค่าทางอาหารด้วย
      
       มาถึงร้านทั้งทีก็ต้องลองเมนูที่ตั้งใจไว้ ห่านพะโล้ (จานเล็ก 120 บาท จานใหญ่ 450 บาท) ทางร้านใช้ห่านรุ่นมาทำความสะอาด ต้มกับเครื่องพะโล้และเครื่องยาจีน ปรุงรส แล้วต้มต่อจนได้ที่ จากนั้นจึงนำเนื้อห่านมาสไลด์เป็นชิ้นพอคำ ส่วนน้ำที่ต้มห่านก็นำมาปรุงรสเพิ่มแล้วใช้ราดเสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อห่าน กินคู่กับน้ำส้มพริกดอง พริกสด และกระเทียม ข้อดีของห่านคือไม่มีกลิ่นสาบ ลองชิมแล้วก็จริงดังว่า ห่านเนื้อนุ่มได้กลิ่นเครื่องยาจีน รสชาติออกเค็มๆ หวานๆ ตัดเปรี้ยวด้วยน้ำส้มพริกดองอร่อยลงตัว หรือจะสั่งเป็น ข้าวหน้าห่าน (60 บาท) ก็ยังได้
ห่านพะโล้
       ตามมาด้วยเมนู ขาหมูพะโล้ (จานละ 60 บาท) หรือจะเป็น ข้าวขาหมู (40 บาท) ก็อร่อยไม่แพ้กัน เพราะเป็นต้นตำรับตั้งแต่รุ่นพ่อ ใช้ขาหมูที่เผาไฟแล้วนำมาล้างให้สะอาด ก่อนจะต้มกับเครื่องพะโล้และเครื่องยาจีน ตุ๋นจนเปื่อยเข้าเนื้อ และยังมี คากิ (ขาละ 60 บาท) ไส้หมูพะโล้ (จานละ 50 บาท) ให้เลือกชิมด้วย ลองลิ้มขาหมูหอมพะโล้ หั่นเป็นชิ้นใหญ่เคี้ยวเต็มปาก เนื้อนุ่มออกรสหวานๆ เค็มๆ กินคู่กับผักกาดดองออกเปรี้ยวเล็กน้อย ส่วนคากิก็เปื่อยนุ่ม ไส้หมูนุ่มไม่สาบ
ขาหมูพะโล้
       กระเพาะปลาน้ำแดง (เล็ก 40 บาท ใหญ่ 100 บาท) เมนูนี้ก็ต้องลองชิม ทางร้านใช้กระเพาะปลาอย่างดี ปรุงน้ำแดงจากน้ำซุปซี่โครงไก่ ใส่กระเพาะปลา เนื้อไก่ และเห็ดหอม เป็นสไตล์จีน ดมกลิ่นจะหอมน้ำมันงา ลองชิมได้รสกลมกล่อมพอดี กระเพาะปลานุ่มเด้งอร่อย
กระเพาะปลาน้ำแดง
       ส่วน ต้มจับฉ่าย (เล็ก 30 บาท ใส่ถุง 50 บาท) ก็เป็นเมนูเฉพาะของทางร้าน เพราะใส่แค่ผักโขมกับผักกวางตุ้งนำมาผัดน้ำมันให้หอม จากนั้นก็ต้มกับน้ำซุปไก่ แล้วใส่หมูสามชั้น ตุ๋นจนเปื่อย ได้ต้มจับฉ่ายรสชาติกลมกล่อม ผักนุ่มเปื่อย เคี้ยวง่าย อร่อยถูกใจ
      
       และเมนูอื่นๆ ที่อร่อยไม่แพ้กัน จนต้องแนะนำให้มาลองชิม อาทิ ต้มมะระยัดไส้หมูสับ (30 บาท) ต้มหน่อไม้จีน (40 บาท) กุนเชียงทอด (50 บาท) หอยลายผัดน้ำพริกเผา (50 บาท) เป็นต้น ซึ่ง “ผ่านมาแวะกิน” ก็ไม่อยากให้พลาดมาชิมด้วยประการทั้งปวง
ต้มจับฉ่าย
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “ห่านฮ่องเต้” ตั้งอยู่ที่ 54/53 ถ.ติวานนท์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี การเดินทาง หากมาจาก ถ.งามวงศ์วาน ให้มุ่งหน้ามายังแยกแคราย จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ ถ.ติวานนท์ ขับตรงมาเรื่อยๆ ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือติดถนน ก่อนถึงแยกสนามบินน้ำ เยื้องกับซอยทานสัมฤทธิ์ สามารถจอดรถได้ริมถนน ร้านเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.30-16.00 น. โทร. 0-2950-3165, 08-1921-3165