ดำดิ่งโลกใต้ทะเลไทยแสนงามกับ 5 หมู่เกาะดำน้ำยอดฮิต

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 พฤษภาคม 2555 15:56 น.
โลกใต้ทะเลอันตื่นตาตื่นใจ (ภาพ : ชุตินันท์ โมรา)
       โลกใต้ทะเลของไทย ทั้งฝั่งอ่าวไทย และอันดามัน ได้ชื่อสวยงามติดระดับโลก นั่นจึงทำให้แต่ละปีมีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ดำดิ่งลงไปสัมผัสกับความงามของโลกใต้ทะเลไทยกันเป็นจำนวนมาก
     
       สำหรับแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงของไทยนั้น มีอยู่ไม่น้อย ซึ่งในที่นี้ “ตะลอนเที่ยว” ขอคัดสรรกลุ่มเกาะ และหมู่เกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งดำน้ำยอดฮิตของไทยมา 5 แห่ง ซึ่งจะมีที่ไหนบ้าง ขอเชิญทัศนากันได้
ดำน้ำบริเวณเกาะนางยวน
       เกาะเต่า-เกาะนางยวน
     
       “เกาะเต่า-เกาะนางยวน” 2 เกาะดังแห่ง จ.สุราษฎร์ธานี ได้ชื่อว่ามีโลกใต้ทะเลที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของอ่าวไทย
     
       สำหรับจุดดำน้ำที่ได้รับความนิยมก็มีหลายแห่งด้วยกัน เช่น “กองหินชุมพร” เป็นจุดดำน้ำที่มีชื่อที่สุดของเกาะเต่าลักษณะเป็นกองหินใต้น้ำขนาดใหญ่ มีความลึกตั้งแต่ 12-32 เมตร มีดอกไม้ทะเล ปะการังดำ ปลาหูช้าง ปลาสาก ปลาเก๋าดอกหมาก ขนาดยักษ์ และฉลามวาฬ ที่แวะเวียนมาประจำ
     
       ส่วนอีกหนึ่งจุดได้แก่ “กองตุ้งกู” ลักษณะเป็นกองหินใต้น้ำ มีปะการังดำ ฝูงปลานานาชนิด และปลาเก๋าขนาดใหญ่ และ “กองหินวง” ก็เป็นกองหินใต้น้ำเช่นกัน มีปะการังอ่อนสีสันสวยงาม รวมทั้ง แส้ทะเล หวีทะเล เป็นจำนวนมาก
เต่ายักษ์ก็พบเห็นกันได้ง่ายๆ(ภาพโดย : เอกณัฐ อมรผาติ)
       ใกล้ๆ กับเกาะเต่า มี “เกาะนางยวน” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งดำน้ำที่สวยงาม โดยมีมีจุดเด่นๆให้เลือกดำน้ำ เช่น “กองหินนางยวน” จะเป็นกองหินเรียงอยู่ทำให้มีโพรงถ้ำเล็กๆ ใต้น้ำมากมาย
     
       หรือจะเป็นที่ “กองหินขาว” เป็นกองหินย่อยๆกระจายในบริเวณกว้าง มีปะการังอ่อนสีสวย กัลปังหา แส้ทะเล ปลาวัวหน้านวล ส่วน “เกาะกงทรายแดง” สัตว์ที่พบเห็น ได้แก่ ปะการังแข็ง ฟองน้ำ ปลาวัว และ ฉลามเสือดาว
     
       ด้วยความงามของโลกใต้ทะเลของเกาะเต่า เกาะนางยวน อีกทั้งที่นี่ยังเป็นแหล่งดำน้ำนอกฤดูกาลยอดฮิต ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งผลิตนักเรียนดำน้ำแบบ Scuba ตามหลักสูตรของ Padi จากสหรัฐอเมริกาที่มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นโรงเรียนสอนดำน้ำที่มีชื่อมากแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว
ว่ายน้ำเคียงคู่เต่าทะเลที่สิมิลัน
       หมู่เกาะสิมิลัน
     
       “หมู่เกาะสิมิลัน” แห่งท้องทะเลอันดามัน จ.พังงา ปัจจุบันมี 11 เกาะน้อยใหญ่ มีสัญลักษณ์ คือหินเรือใบที่เกาะแปด (สิมิลัน) อันเลื่องชื่อ
     
       หมู่เกาะสิมิลันแหล่งดำน้ำลึกอันดับหนึ่งของเมืองไทย และสวยงามติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ที่นี่มีจุดดำน้ำเด่นๆ คือ “เกาะตาชัย” เต็มไปด้วยปะการังหลากสีสันและฝูงปลานานาชนิด รวมถึงยังสามารถพบสัตว์ใหญ่อย่าง ฉลามวาฬ ฉลามเสือดาว กระเบนราหู ได้บ่อยครั้ง ส่วน “เกาะบอน” เต็มไปด้วยปะการังอ่อนขนาดเล็ก และมีโอกาสพบกระเบนราหูได้บ่อยครั้ง ส่วนใครโชคดีจะได้พบกับฉลามครีบดำที่นานจะโผล่มาโชว์ตัวสักที
ปลาตัวน้อยแหวกว่ายล่องลอยใต้ท้องทะเลหมู่เกาะสุรินทร์
       นอกจากนี้ ยังมี “เกาะสาม” ที่แม้เป็นหน้าผาไม่มี หาดทราย แต่ว่าโลกใต้น้ำที่นี่งดงาม เพราะบริเวณนี้มีกำแพงเมืองจีนหรือสันฉลาม ซึ่งเป็นกำแพงหินธรรมชาติใต้น้ำอันตระการตา มักพบปลาฉลามครีบเงิน ฉลามเสือดาว และฝูงปลาจำนวนมากมาหากินใกล้ๆ กำแพงหิน
     
       ส่วนที่ “เกาะห้า” เป็นเกาะเล็กๆ ที่อุดมไปด้วยปะการังอ่อน-แข็ง มีปลาไหลที่ชอบโผล่หัวชูคอขึ้นจากรูจำนวนมาก จนได้ชื่อว่าเป็นสวนปลาไหล สำหรับ “เกาะหก” มีเรือนกล้วยไม้เป็นจุดดำน้ำลึกชมปะการังอ่อนหลากสีสัน อีกทั้งยังมีถ้ำใต้น้ำอยู่หลายแห่งด้วยกัน ด้าน “เกาะเจ็ด” หรือ หินปูซาร์ เป็นหินโผล่กลางทะเล มีกัลปังหาขึ้นอยู่บนลาน มีปลาสวยงามมากมาย
ดำน้ำชมโลกใต้ทะเลที่อ่าวสับปะรด หมู่เกาะสุรินทร์
       หมู่เกาะสุรินทร์
     
       “หมู่เกาะสุรินทร์” จ.พังงา แห่งท้องทะเลอันดามัน ที่นี่มีจุดดำน้ำลึกอันโดดเด่นอยู่บริเวณ “กองหินริเซลิว” ซึ่ง เป็นกองหินใต้น้ำมีลักษณะคล้ายกับเป็นคอนโดมิเนียม มีสัตว์น้ำเล็กๆ อาศัยอยู่ตามซอกมุมของหิน เช่น ปลากบ กุ้งตัวตลก ม้าน้ำ ทากทะเล ปะการังอ่อนหลากสี เป็นต้น
     
       อีกจุดหนึ่งอยู่ที่ “เกาะตอรินลา” หรือ เกาะไข่ บางคนเรียกว่า กองเหลือง งดงามด้วยดงปะการังเขากวางขนาดใหญ่ และปลาสวยงามกว่า 200 ชนิด ส่วนที่ “หินแพ” เพราะเป็นจุดดำน้ำสำหรับดูปลาโดยเฉพาะ เช่น ปลาวัว ปลานกแก้วต่างๆ ปลากล้วย ปลาเขียวพระอินทร์ เป็นต้น
สีสันโลกใต้ท้องทะเลหมู่เกาะสุรินทร์
       ขณะที่จุดดำน้ำตื้นในบริเวณอ่าวรอบๆ หมู่เกาะสุรินทร์เกือบทุกอ่าวจะเต็มไปด้วยแนวปะการังแข็งที่สมบูรณ์ที่สุด ของท้องทะเลไทย โดยจุดดำน้ำที่เด่นๆ ก็มี “อ่าวไม้งาม” ที่มีปะการังแผ่น ปะการังเขากวาง อยู่จำนวนมาก, “อ่าวผักกาด” ที่เป็นอ่าวเล็กๆ สามารถพบเห็นปะการังอ่อน กัลปังหา และสัตว์ทะเลน่าสนใจ เช่น ดอกไม้ทะเล หอยมือเสือ และปลาจำนวนมากมายหลายชนิด
     
       “อ่าวเต่า” พบปะการังก้อนใหญ่มีปะการังอ่อนและกัลปังหาอยู่เป็นหย่อมๆ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่จะเห็นปลาใหญ่อย่างฉลาม และกระเบนราหู อีกด้วย “อ่าวสับปะรด” ที่บริเวณนี้เราจะได้เห็นปะการังจำพวกปะการังเขากวางอ่อน สีน้ำเงิน ม่วงอ่อน และปลาบางชนิด
     
       ด้วยความโดดเด่นของโลกใต้ทะเลริมชายฝั่ง ทำให้หมู่เกาะสุรินทร์ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งดำน้ำตื้น(Snorkeling) ที่ดีที่สุดในเมืองไทย
ทะเลหน้าหาดพัทยา หมู่เกาะตะรุเตา
       หมู่เกาะตะรุเตา
     
       “หมู่เกาะตะรุเตา” จ.สตูล เป็นหมู่เกาะใต้สุดของท้องทะเลไทยฝั่งอันดามัน ที่นี่มีจุดดำน้ำที่สำคัญๆ ได้แก่ “ร่องน้ำจาบัง” ที่มีปะการัง 7 สีอันสวยงามเป็นตัวชูโรง แต่ด้วยความที่กระแสน้ำที่นี่ไหลเชี่ยวแรงมาก ดังนั้นผู้ที่ลงดำน้ำดูปะการังต้องสวมชูชีพทุกครั้ง
เกาะรอกลอยกับทิวทัศน์หาดทรายสายน้ำ
       นอกจากนี้ ยังสามารถดำน้ำตื้นชมโลกใต้ท้องทะเลอันสวยงามได้อีกในหลายๆ แห่งของหมู่เกาะตะรุเตา ได้แก่ “เกาะอาดัง-เกาะราวี” 2 เกาะแฝดที่มีแนวปะการังอยู่รอบๆ เกาะ และมีปลาสวยงามอีกเป็นจำนวนมาก ส่วน “เกาะยาง” ที่บริเวณหน้าเกาะมีปะการังเขากวาง ปะการังรูปโต๊ะ ปะการังไฟ ปะการังสมอง ปะการังผักกาด มีระดับความลึกราว 4-10 ฟุต จึงเหมาะสำหรับการดำน้ำตื้นเช่นกัน ด้าน “เกาะหินซ้อน” ที่มีหินขนาดใหญ่รูปร่างแปลกตาตั้งซ้อนกันดูเหมือนจะตกแหล่มีตกแหล่ รอบๆเกาะแห่งนี้ เต็มไปด้วยปะการังอ่อนและปะการังแข็งที่สวยงาม
     
       สำหรับ“เกาะหลีเป๊ะ” ที่มากมายไปด้วยรีสอร์ตที่พักนั้น รอบๆ เกาะมีธรรมชาติของป่าปะการังเป็นจุดเด่น ส่วนที่ “เกาะรอกลอย” เป็นแหล่งเล่นน้ำ ดำน้ำดูปลาสวยงามในบรรยากาศหาดทรายน้ำตื้นที่น้ำทะเลใสแจ๋วเหมือน แหวกว่ายอยู่ในสระน้ำ นับได้ว่าโลกใต้หมู่เกาะตะรุเตาเป็นอีกหนึ่งแหล่งดำน้ำที่น่าสนใจและได้รับ ความนิยมมากแหงหนึ่งของเมืองไทย
ฉลามวาฬ ยักษ์ใหญ่แต่ใจดีแห่งท้องทะเล (ภาพ : นัยนารถ โอปนายิกุล Wahoo Diving Center)
       หมู่เกาะชุมพร
     
       “หมู่เกาะชุมพร” จ.ชุมพร แห่งท้องทะเลฝั่งอ่าวไทย ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่มีโลกใต้ทะเลงดงามที่นักดำน้ำไม่ควรมองผ่าน
     
       สำหรับจุดดำน้ำชื่อดังของชุมพร ก็คือ “เกาะง่ามใหญ่” อันเป็นเกาะสัมปทานรังนกนางแอ่น เป็นจุดที่มีแนวปะการังและกลุ่มกองหินเรียงรายขนานกับแนวเกาะ และมีถ้ำใต้น้ำขนาดเล็ก สิ่งมีชีวิตที่พบในบริเวณนี้คือ ดอกไม้ทะเล ปะการังแข็ง แส้ทะเล ฟองน้ำ กัลปังหา ปลานกแก้ว ปลาสาก ปลาผีเสื้อ ปลาสินสมุทร ปลากระเบนจุดฟ้า เต่า ทากทะเล กุ้งตัวยาว
ดำน้ำลึกที่เกาะง่ามใหญ่
       ส่วน “เกาะง่ามน้อย” มีลักษณะเป็นแนวสันเกาะ และมีกองหินเล็กๆกระจายขนานตามแนวเกาะ พื้นหินปกคลุมด้วยพรมทะเล และปะการังหนัง ดอกไม้ทะเล แส้ทะเล ที่นี่มักจะพบกุ้งตัวยาว ทากเปลือย เต่าทะเล ปลาไหลมอเรย์ตาขาว ปลาเก๋าและกระเบน
     
       ขณะที่ “หินหลักง่าม” ที่เป็นหินโผล่พ้นน้ำที่มี 2 ยอด มีทุ่งปะการังดำขึ้นปกคลุมหนาแน่นบนลานทราย มีปลาการ์ตูนและดอกไม้ทะเลอาศัยอยู่บนแนวหิน ที่นี่มักจะพบทากเปลือยสวยงามหลายชนิด ด้าน“หินแพ” ที่เป็นแนวกองหินที่มียอดโผล่พ้นน้ำ ที่นี่น่ายลไปด้วย ดอกไม้ทะเล ปะการังดำ แส้ทะเล หอยมือเสือ ปลาผีเสื้อ ปลาสาก ปลากระเบน เต่า ปลาหมอ และมีการพบฉลามวาฬในบริเวณนี้ด้วย
ปลาสวยงามมีมากมายใต้ท้องทะเลไทย(ภาพโดย : เอกณัฐ อมรผาติ)
       ส่วนอีกจุดดำน้ำที่ถือเป็นไฮไลต์ของท้องทะเลชุมพร ก็คือ “เกาะร้านเป็ด-ร้านไก่” ที่ โลกใต้น้ำเป็นแนวกำแพงเกาะ มีลานหินขนาดใหญ่ มีถ้ำใต้น้ำที่สวยงาม แนวหินปกคลุมด้วยกัลปังหารูปพัด ดอกไม้ทะเล แส้ทะเล ฟองน้ำ และปะการังแข็ง บนพื้นทรายมีปะการังดำขึ้นหนาแน่นสวยงามมาก มักพบปลากระเบนขนาดใหญ่ ทากทะเลสวยงามหลายชนิด ปลาสาก ปลานกแก้ว ปลาผีเสื้อ มีการพบฉลามวาฬแวะเวียนมาในบางครั้ง
จ๊ะเอ๋กับเจ้าปลาใต้ทะเล(ภาพโดย : เอกณัฐ อมรผาติ)
       และนี่คือ 5 แหล่งดำน้ำตามกลุ่มเกาะ และหมู่เกาะอันโดดเด่นสวยงาม และเป็นที่นิยมในหมู่นักดำน้ำ ซึ่งนี่ถือเป็นมนต์เสน่ห์แห่งโลกใต้ทะเลไทยที่รอให้ผู้สนใจได้ดำดิ่ง แหวกว่ายลงไปสัมผัส
     
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
     
       สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดำน้ำ สามารถเลือกแพกเกจเกี่ยวกับการดำน้ำได้อย่างครบวงจร ใน งานมหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำแห่งประเทศไทย 2555"(Thailand Dive Expo 2012) ในวันที่ 10-13 พ.ค.55 เวลา 11.00-20.00 น.ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
     
       นอกจากนี้ ในวันเวลาดังกล่าวที่ศูนย์ฯสิริกิติ์ยังมีอีก 2 งนใหญ่จัดควบคู่กันไป ได้แก่ “งานมหัศจรรย์ท่องเที่ยวไทย มหัศจรรย์ท่องโลก 2555”(Wonderful Thailand Wonderful 2012) และ “งานมหกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟ”(Thailand Golf & Dive Expo 2012)
     
       ทั้ง 3 งานมีสินค้าทางการท่องเที่ยวมากมาย อาทิ โรงแรมที่พัก แพกเกจทัวร์ โปรโมชันทัวร์-ดำน้ำ ราคาพิเศษ อุปกรณ์กอล์ฟ สายการบิน รถเช่า ฯลฯ ซึ่งจะมาออกบูธมากกว่า 500 บูธ โดยผู้สนใจสามารถไปร่วมงานกันได้ อีกทั้งยังสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2203-4220-4 หรือดูที่ www.ThailandDiveExpo.com, www.ThailandGolfExpo.com

ที่มา manager.co.th



“ครัวสารสจัด” จัดเต็มกับอาหารไทยรสจัดจ้าน


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2555 16:56 น.



บรรยากาศภายในร้าน “ครัวสารสจัด”
       เสน่ห์ของรสชาติอาหารไทย ที่มีทั้งความหวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด แบบจัดจ้านครบรสถึงเครื่อง มันช่างเป็นอาหารที่ถูกปากและถูกใจ “ตระเวนกิน” เป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าหากมิตรรักนักกินคนไหนที่พิสมัยอาหารไทยแบบจัดจ้านเหมือนเราแล้วล่ะก็ มื้อนี้เป็นได้สมใจปากกันแน่
     
       เพราะ “ตระเวนกิน” จะพาไปอิ่มอร่อยกับอาหารไทยรสจัดจ้าน กันที่ร้าน “ครัวสารสจัด” ที่ ตั้งอยู่ตรง ซ.วิภาวดีรังสิต 44 เป็นร้านอาหารไทยเก่าแก่ที่เปิดขายมานานกว่า 20 ปี โดดเด่นด้วยอาหารไทยรสชาติจัดจ้านถึงเครื่อง ที่ทางร้านคิดสูตรขึ้นมาโดยเฉพาะ และเน้นเมนูปลาเพื่อสุขภาพ โดยมีเมนูอาหารจานเด็ดที่ชวนกินมากมาย
หอยแครงดิสโก้
       สำหรับในมื้อนี้เราขอแนะนำเมนูเด่นๆ ที่ขายดี และถ้ามาถึงร้านแล้วต้องสั่งมาชิมกันให้ได้ เริ่มด้วยเมนูแรก หอยแครงดิสโก้ (130 บาท) เป็นหอยแครงตัวใหญ่กำลังดีลวกสุก (เลือกสั่งได้จะเอาสุกมากสุกน้อยแค่ไหน) และแกะเปลือกมาเรียบร้อย ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟูดสูตรเฉพาะของทางร้าน ชิมแล้วขอยกนิ้วให้ในความหวานสดของหอยแครงที่เคี้ยวแล้วเนื้อหอยเด้งกรอบ ผสานรสชาติเข้ากับน้ำจิ้มรสเด็ดแซบเด็ดถึงใจจริงๆ
ยำถั่วพู
       เมนูถัดมาเป็น ยำถั่วพู (180 บาท) ที่ชวนกินด้วยถั่วพูสดๆ นำมาซอยเป็นชิ้นเล็กๆ และยำใส่น้ำพริกเผา กะทิ หมูสับ กุ้ง พริกขี้หนู หอมแดง มะนาว มะพร้าวคั่ว ใส่ไข่ต้มและกุ้งด้วย โรยหน้าด้วยหอมเจียว และพริกทอด กินแล้วถั่วพูสดเคี้ยวกรอบเข้ากับรสชาติน้ำยำจัดจ้านถึงเครื่องดีแท้
หมูสะเต๊ะ
       ต่อด้วยเมนูนี้ หมูสะเต๊ะ (ชุดเล็ก 80 บาท ชุดใหญ่ 120 บาท) มาแบบครบชุด มีหมูสะเต๊ะเสียบไม้ย่างมาหอมๆ ทางร้านเลือกใช้เนื้อหมูส่วนที่คัดมาเป็นพิเศษมาหมักกับเครื่องหมูสะเต๊ะ นานกว่า 2 วัน ก่อนจะนำมาเสียบไม้ย่างเสิร์ฟมาร้อนๆ พร้อมกับน้ำจิ้มเข้มข้นที่มีส่วนผสมของถั่วบดละเอียด และมีอาจาดมาให้กินเคียงด้วย ลิ้มรสหมูสะเต๊ะหอมกลิ่นเครื่องเทศเนื้อนุ่มได้รสเครื่องหมักที่เข้มข้น จิ้มกินกับน้ำจิ้มรสดี
วุ้นเส้นผัดไข่ใส่เนื้อปู
       จากนั้นมาชิม วุ้นเส้นผัดไข่ใส่เนื้อปู (160 บาท) เป็นวุ้นเส้นผัดกับต้นหอม แครอท มะเขือเทศ ใส่ไข่ ใส่เนื้อปูก้อนโต และเด่นตรงที่ใส่กระเทียมดองด้วย ผัดมาแบบแห้งๆ กินแล้วถูกปากตรงที่วุ้นเส้นเหนียวนุ่ม ไม่แฉะ ได้รสชาติกระเทียมดองรสกลมกล่อมถูกปากมาก
ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม
       และมากินเมนูปลาเพื่อสุขภาพกันบ้าง ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม (เล็ก 380 บาท กลาง 450 บาท ใหญ่ 550 บาท) เป็นปลาเนื้ออ่อนสดๆ นำมาชุบแป้งที่ปรุงรสไว้แล้วทอดจนเหลืองกรอบ และโรยด้วยกระเทียมเจียวปรุงรสทอดกรอบอีกที ลิ้มรสปลาเนื้ออ่อนเนื้อกรอบนอกนุ่มใน กินเข้ากับกระเทียมทอดกรอบหอมๆ และมีน้ำจิ้มโบราณที่ทางร้านทำขึ้นมามีส่วนผสมของมะม่วง มะเขือเปราะ ตะไคร้ พริกขี้หนู รสชาติจัดจ้านแบบไทยๆ และยังมีน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดเผ็ดแซบโดนใจ
กุ้งแม่น้ำฉู่ฉี่
       ตามติดมาด้วยเมนูนี้ กุ้งแม่น้ำฉู่ฉี่ (คิดเป็นตัว ตามขนาดของกุ้ง ราคาประมาณ 350-400 บาทต่อตัว) ที่ชวนกินมากๆ กับกุ้งแม่น้ำตัวโต สดๆ เอามาทอด และทำเครื่องแกงฉู่ฉี่ตามสูตรเด็ดเฉพาะของทางร้านราดมาบนตัวกุ้ง โรยหน้าด้วยใบมะกรูดหอมๆ พริกชี้ฟ้าและหัวกะทิ ลิ้มรสกุ้งเนื้อแน่นหวานชุ่มรสชาติเครื่องแกงฉู่ฉี่รสจัดจ้านถึงเครื่องแกง หอมหวาน มันกะทิ ออกเผ็ดนิดๆ
แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย
       ส่งท้ายด้วยเมนู แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย (280 บาท) เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมจีน (30 บาท) และมาเป็นแบบหม้อไฟ แกงเขียวหวานของที่นี่ทางร้านโขลกเครื่องแกงเขียวหวานเอง และแกงใส่กะทิคั้นสด ใส่ยอดมะพร้าว มะเขือยาว มะเขือเปราะ ใบโหระพาหอมๆ และลูกชิ้นปลากรายก็ทำเองทำจากเนื้อปลากรายแท้ๆ นำมาขูดและปั้นเองไม่ได้ผสมแป้ง ซดน้ำแกงเขียวหวานร้อนๆ ได้กลิ่นเครื่องแกงหอมๆ รสชาติเข้มข้นจัดจ้านถึงเครื่องแกงจริงๆ ส่วนลูกชิ้นปลากรายเคี้ยวนุ่มหนึบหนับปากได้รสชาติเนื้อปลากรายแท้ๆ
บรรยากาศโต๊ะนั่งด้านนอกรับลมเย็นๆ
       ถึงแม้จะแนะนำเมนูเด่นไปก็มากแล้ว แต่ก็ยังมีเมนูจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนลองลิ้มอีก อาทิ ทอดมันปลากราย (150 บาท) ปลาช่อนนานึ่งสมุนไพร (320 บาท) ต้มโคล้งปลาสลิด (290 บาท) เนื้อปูผัดผงกะหรี่ (480 บาท) ฯลฯ และยังมีของหวานที่ชวนกินด้วยมี ลูกตาลลอยแก้ว (40 บาท) ไอศกรีมโฮมเมด มีรสกะทิรวมมิตรและเผือก (40 บาท) ที่ชวนสั่งให้มากินแบบอิ่มท้องกับบรรยากาศของร้าน “ครัวสารสจัด” ที่นำบ้านมาดัดแปลงให้เป็นร้านอาหารที่ชวนนั่งแบบผ่อนคลาย ในบรรยากาศของบ้านสวยที่ตกแต่งด้วยของเก่างามๆ มีโต๊ะให้เลือกนั่งมากมาย และมีบรรยากาศของสวนด้านนอกชวนนั่งรับลมเย็นสบาย
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
     
       “ครัวสารสจัด” ตั้ง อยู่ที่ 112/1 ซ.วิภาวดีรังสิต 44 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.การเดินทางจาก ถ.วิภาวดีรังสิต เลี้ยวเข้า ซ.วิภาวดีรังสิต 44 ตรงเข้ามาประมาณ 200 ม.จะเห็น ร้านครัวสารสจัด อยู่ทางซ้ายมือ มีที่จอดรถบริการ เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.30 น.(หยุดอาทิตย์ที่ 3 ของเดือน 1 วัน) ควร โทร.มาจองโต๊ะก่อน และทางร้านมีบริการจัดเลี้ยงภายในร้าน โทร. 0-2561-3355, 0-2579-0021, 08-1496-9181

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

ผุด ‘สวนใบกระดานฝากข้อความ’ นักท่องเที่ยว...ในไต้หวัน!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2555 18:04 น.

รอยขีดเขียนบนใบอากาเว่ (Crown Agave) พันธุ์ไม้ที่ขึ้นชื่อของสวนพฤกษศาสตร์ "สายน้ำหวน" ในไถตง ไต้หวัน (ภาพ เอเจนซี)
      

กลุ่มนักท่องเที่ยวในสวนพฤกษศาสตร์ "สายน้ำหวน" ในไถตง ไต้หวัน (ภาพ เอเจนซี)
       หวนฉิวหวั่ง - ที่ สวนพฤกษศาสตร์ “สายน้ำหวน” อำเภอไถตง ไต้หวัน ปรากฏใบอากาเว่มงกุฏ (Crown Agave, ชื่อวิชาการ : Agave attenuata Nerva) พันธุ์ไม้ที่ขึ้นชื่อของสวนฯ ราว 30 ต้น ประมาณ 400-500 ใบ กลายเป็นกระดานฝากข้อความ มีใบไม้ไม่กี่ใบที่รอดพ้นจากการขีดเขียน พนักงานทำความสะอาดของสวนแห่งนี้เล่าว่าเป็นฝีมือของบรรดา “ยอดนักบันทึก” จากจีนแผ่นดินใหญ่
      
       ผู้สื่อข่าวท้องถิ่น รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย. มีนักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่กลุ่มหนึ่งจาก เมืองจังจยาเจี้ย มณฑลหูหนาน มาถ่ายรูปเล่นกันที่สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ และพบว่าบนใบอากาเว่มีตัวอักษรสลักไว้ จึงได้เรียกพรรคพวกมามุงดู
      
       บนใบไม้ มีตัวอักษรสลักไว้ว่า “หวังกังจากมณฑลเหอหนาน” “เสี่ยวซูจากหนานจิง ได้มาเที่ยวที่นี่” อีกทั้งยังมีอักษรจีนแบบตัวย่อ ที่จีนแผ่นดินใหญ่ใช้กัน เขียนข้อความว่า “ภูเขาเขียว เมฆขาว ช่างเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม”
      
       อากาเว่บางใบ มีคนมาสลักข้อความต่อเติม ใบหนึ่งเขียนว่า “ปี 2553” ส่วนข้อความใหม่เขียนว่า “13 เม.ย. 2555”
      
       นักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่คนหนึ่งเดินพลิก ดูใบอากาเว่ พร้อมทั้งพูดว่า “ดูซิว่ามีรอยสลักจากคนจังจยาเจี้ย บ้านเราบ้างหรือเปล่า?” สักครู่หนึ่งจึงร้องออกมากด้วยความตื่นเต้นว่า “มีจริงๆ ด้วย !” กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่มาด้วยกันและกำลังถ่ายรูปทิวทัศน์อยู่ ทั้งหมดหันกลับมาแย่งกันถ่ายรูปกล้วยไม้กระดานฝากข้อความที่ว่านี้กันยกใหญ่
      
       พนักงานทำความสะอาดเผยว่า “พฤติกรรมสลักชื่อทิ้งไว้นี้เกิดขึ้นบ่อย โดยผู้ที่ทำส่วนใหญ่เป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่” พวกเขามักจะเห็นนักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่นำกิ่งไม้แห้งหรือหินมาขีดเขียน ลงบนใบอากาเว่ แม้ว่าที่บริเวณสวนพฤกษชาติจะมีดอกไม้และต้นไม้หลากหลายชนิด แต่นักท่องเที่ยวเลือกที่จะสลักลงที่ต้นอากาเว่ เพราะใบมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ง่ายต่อการสลัก
      
       พนักงานทำความสะอาดเล่าว่า เกิดเหตุการณ์เช่นนี้มา 2 ปีกว่าแล้ว แม้ว่าทางสวนพฤกษชาติจะออกมาตราการ ห้ามเดินลงไปในสนามหญ้า ห้ามหักกิ่งต้นไม้ดอกไม้ แต่พวกนักท่องเที่ยวก็ไม่สนใจเลย เหล่าพนักงานเคยเข้าไปห้ามนักท่องเที่ยวจีนที่จะลงไปถ่ายรูปในแปลงดอกไม้ แต่ก็มีปากเสียงกัน
      
       กลุ่มทัวร์จีนแผ่นดินใหญ่จากเมืองจัง จยาเจี้ยแย้งว่า ถึงแม้บนใบไม้จะสลักคำว่า เหอหนาน หนานจิงหรือสลักด้วยอักษรจีนตัวย่อ ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นฝีมือของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ “บางทีอาจมีคนตั้งใจใส่ร้ายเราก็ได้”
      
       หลิน เหวยหลิง ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักบริหารจัดการการท่องเที่ยวเขตชายฝั่งทะเลตงไห่ เปิดเผยว่าที่แหล่งท่องเที่ยวมหัศจรรย์ “สายน้ำหวน”แห่งนี้ครอบคลุมเนื้อที่ 3 เฮกเตอร์ (ประมาณ 18ไร่ 3งาน) มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแค่คนเดียว จึงยากที่จะดูแลพื้นที่ทุกส่วน แต่การสลักข้อความลงบนใบอากาเว่ต้องแก้ไขโดยเร็ว ในอนาคตจะเพิ่มข้อบังคับให้เข้มงวด พร้อมทั้งกำชับบริษัททัวร์และมัคคุเทศก์ให้ช่วยดูแลสอดส่อง ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ทางเราจะแจ้งความผู้กระทำผิดทันที.

พ่อเผย “บัวขาว” เตรียมลาบวช-โอดฟ้องเรียก 100 ล้าน มาฆ่าให้ตายง่ายกว่า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2555 11:44 น.

บัวขาวสวมกอดพ่อ นายเล็ง บัญชาเมฆ เมื่อครั้งกลับบ้านเกิดวันแรก
       สุรินทร์ - พ่อ “บัวขาว” เผยนักชกชื่อดังเตรียมลาบวช และจัดเตรียมเครื่องบวชไว้หมดแล้ว แต่ติดเจ้าตัวเข้ากรุงเทพฯ ขอเคลียร์ปัญหา 1 สัปดาห์ โอดค่าย “ป.ประมุข” ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน มาฆ่าให้ตายจะง่ายกว่า เพราะเป็นแค่นักมวยลูกชาวนา ฐานะยากจนจะขายที่นาให้คงไม่พอ วอนผู้ใหญ่ช่วยเหลือ ขอความเป็นธรรมให้ลูกชาย
      
       วันนี้ (3 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์รายงานความคืบหน้ากรณีที่นายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือ “บัวขาว ป.ประมุข” อายุ 30 ปี นักชกไทยชื่อดังชาวจังหวัดสุรินทร์ ขวัญใจแฟนมวยชาวไทยและต่างประเทศ ถูกค่ายมวย “ป.ประมุข” ให้ทนายความฟ้องศาลแพ่งเรียกร้องค่าเสียหายจาก บัวขาว ป.ประมุข และจำเลย รวม 5 คน เป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท กล่าวหาว่ากระทำผิดสัญญากรณีขึ้นชกมวยไทยไฟต์ที่พัทยา จ.ชลบุรี และขอศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้บัวขาวขึ้นชก และทำกิจกรรมใดๆ ในการแสวงหาผลประโยชน์ทั้งสิ้นนั้น
ญาติพี่น้องต้อนรับกลับบ้านเกิด อบอุ่นเสมอ
       ล่าสุดนายเล็ง บัญชาเมฆ พ่อของนายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือ “บัวขาว ป.ประมุข” เปิดเผยว่า บัวขาวได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา ถึงวันนี้ก็ 4 วันแล้ว และได้โทรศัพท์มาบอกตนว่าขอเคลียร์ปัญหาต่างๆ สักอาทิตย์หนึ่งให้เรื่องสงบลงไปก่อนแล้วจะรีบกลับบ้านเกิดที่บ้านสองหนอง ต.เกาะแก้ว อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ เพราะช่วงนี้ยังมีปัญหาเรื่องฟ้องร้องอยู่ และอยากจะบวชแก้บนด้วย
      
       นายเล็งกล่าวต่อว่า ขณะนี้ตนและญาติพี่น้องได้เตรียมเครื่องบวชไว้ครบหมดแล้ว รอเพียงบัวขาวกลับมาคุยกันว่าจะบวชวันไหนเท่านั้นเอง ในส่วนที่ค่าย ป.ประมุขฟ้องร้องเรียกเอาเงินถึง 100 ล้านบาทนั้น ตนมีฐานะยากจนจะขายที่นาก็ได้ไม่เท่าไหร่ คิดว่ามาฆ่าให้ตายจะง่ายกว่าฟ้องเอาเงิน 100 ล้านบาท
นายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือ “บัวขาว ป.ประมุข” เตรียมลาบวชที่บ้านเกิด อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์
       “จึงอยากวิงวอนผู้ใหญ่ในวงการมวยไทยให้ความช่วยเหลือ และขอความเป็นธรรมให้กับนักมวยลูกชาวนาด้วย” นายเล็ง พ่อของนักมวยดังกล่าว

ข้าวหมกไก่รสเด็ด หอมกรุ่นกลิ่นเครื่องเทศ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ iTiMiTi bloggang.com
อาหารขึ้นชื่อของอิสลามเมนูหนึ่งที่ใคร ๆ ต่างก็นึกถึงเห็นทีจะหนีไม่พ้น "ข้าวหมกไก่" ที่หอมกรุ่นไปด้วยเครื่องเทศ และไก่เนื้อนุ่ม เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด แหม่...พูดแล้วน้ำลายสอขึ้นมาทันทีเลย แต่จะหาร้านข้าวหมกไก่อร่อยรสเด็ดแบบต้นตำรับแท้ ๆ ก็ดูเหมือนว่าจะหายากเย็นเสียเหลือเกิ๊น

           วันนี้ กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำเสนอสูตรข้าวหมกไก่ จากบล็อกของ คุณ iTiMiTi ที่คุณสามารถทำเองได้ แม้ว่าส่วนผสมจะเยอะเสียหน่อย แต่รับรองว่าอร่อยเด็ดอย่าบอกใครเลยล่ะ...


ส่วนผสม


1. ไก่             1/2  ตัว
2. ข้าวสาร       1     ถ้วย
3. ข้าวเหนียว    1     ขีด
4. หอมหัวแดง   4      หัว
5. น้ำมันพืช      2     ช้อนโต๊ะ
6. น้ำซุปไก่      2     ถ้วย


เครื่องปรุงผงข้าวหมกไก่

1. ผงกะหรี่        2     ช้อนชา
2. ผงขมิ้น         1     ช้อนชา
3. ลูกผักชีป่น     1     ช้อนชา
4. ยี่หร่าป่น       ½     ช้อนชา
5. เกลือป่น        1     ช้อนชา
6. น้ำตาลทราย   1     ช้อนโต๊ะ
7. อบเชยป่น      1     ช้อนชา
8. ใบกระวาน      2     ใบ
9. เหล้าโรง        1     ช้อน


วิธีทำ

1. เริ่มจากนำเครื่องปรุงผงข้าวหมกไก่ทั้งหมดมาใส่รวมกันแล้วหมักกับไก่ทิ้งไว้ (หมักแช่ตู้เย็นทิ้งไว้ข้ามคืน พอเช้าก็เอาออกมาให้หายเย็นก่อน)

หมักไก่

2. เจียวหอมแดงให้กรอบ ได้ที่ก็ช้อนออกมาผึ่งให้สะเด็ดน้ำมัน

3. เอาน้ำมันที่เจียวหอมมาผัดไก่ที่หมักไว้ ผัดเบา ๆ เพื่อให้ชิ้นไก่สวยงาม

4. พอไก่เกือบสุกก็ยกลง ตักใส่หม้อหุงข้าว เติมน้ำซุป และหอมเจียวเล็กน้อย

5. เมื่อไก่สุกได้ที่ดีแล้ว ก็เอาออกมาแยกไว้

6. ระหว่างรอข้าวสุก ก็มาเตรียมเครื่องเคียงข้าวหมกไก่ โดยมีผักชีหั่นฝอย ผักกาดหอมหั่น แตงกวา และหอมเจียว

7. พอข้าวที่นึ่งไว้สุกดีแล้วก็ตักใส่จาน วางทับด้วยชิ้นไก่ แต่งด้วยแตงกวา หอมเจียว ผักกาดหอม เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม เป็นอันเรียบร้อย


เครื่องเคียงข้าวหมกไก่

ข้าวที่นึ่งไว้สุกแล้ว



เครื่องปรุงสำหรับน้ำจิ้ม

1. ต้นหอม          2      ต้น
2. กชี               3      ต้น
3. ขิงแก่            ¼     ถ้วย
4. พริกชี้ฟ้า          1     เม็ด
5. น้ำตาลทราย  1/3     ถ้วย
6. เกลือป่น          1     ช้อนชา
7. น้ำส้มสายชู    1/4     ถ้วย
8. น้ำเปล่า           1     ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ

1. นำน้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่าใส่ลงในหม้อ นำไปตั้งไฟปานกลาง คนเรื่อย ๆ จนน้ำตาลละลาย

2. ปิดเตายกลง จากนั้นใส่น้ำส้มสายชูลงไป คนให้เข้ากัน

3. ตัดรากต้นหอม ผักชี ปอกเปลือกขิง และตัดขั้วพริกชี้ฟ้า ล้างน้ำให้สะอาด

4. ซอยหยาบ ๆ แล้วใส่ลงในเครื่องปั่นละเอียด จากนั้นนำไปใส่ลงในน้ำเชื่อมที่ปรุงไว้


ข้าวหมกไก่

           เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ ข้าวหมกไก่ อันแสนน่ารับประทาน ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองแล้วล่ะ...