homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

โทรศัพท์มือถือ อันตรายต่อระบบสมองจริงหรือ?



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม


          เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้อ่านบทความ หรือได้รับการบอกต่อ ๆ กันมาว่า อย่าวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ตัวนะ อย่าคุยโทรศัพท์มือถือนานนะ เพราะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือ จะส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้สมองเสื่อม เป็นมะเร็งสมองได้

          โอ้โห...ฟังแล้วดูน่ากลัวขึ้นมาทันที เพราะเราเองก็ใช้โทรศัพท์มือถือกันอยู่ทุกวัน ก็ย่อมอดกังวลไม่ได้ว่า  ความเชื่อทั้งหลายเกี่ยวกับการเตือนภัยโทรศัพท์มือถือนี้ จะจริงหรือไม่อย่างไรเพราะฉะนั้นวันนี้เราไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

          ก่อนหน้านี้เราคงเคยได้ยินข้อมูลที่ว่า คลื่นไมโครเวฟที่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือนั้นจะส่งผลกระทบต่อสมอง และระบบประสาทได้จึงได้มีฟอร์เวิรด์เมล์บอกต่อ ๆ กัน ว่าไม่ควรเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ตัวโดยเฉพาะเวลานอนก็ควรปิดโทรศัพท์มือ ถือเสีย

          ด้วยเหตุนี้จึงได้มีนักวิจัยจากหลายประเทศทำการศึกษาค้นคว้าข้อมูลนี้ เพื่อค้นหาข้อเท็จจริง ก่อนที่จะมีงานวิจัยจากประเทศอังกฤษออกมาเปิดเผยว่า คลื่นไมโครเวฟจากโทรศัพท์มือถือก็มีผลต่อสมอง ในแง่ที่ทำให้สมองมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำถามแบบ "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" ได้รวดเร็วขึ้น แต่ไม่มีผลต่อการทำงานของสมองในแง่อื่น ๆ และยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นอันตรายต่อสมอง

          ทั้งนี้จริงอยู่ที่ว่า หากสิ่งมีชีวิตได้รับคลื่นรังสีในปริมาณมาก ๆ ย่อมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จนทำให้เกิดอันตรายได้ แต่เนื่องจากความถี่ของคลื่นไมโครเวฟโทรศัพท์มือถือ กับเตาไมโครเวฟประกอบอาหารต่างกัน และกำลังส่งสัญญาณของโทรศัพท์มือถือก็ต่ำมาก ส่วน สนามแม่เหล็กที่ส่งออกมาก็มีขนาดเล็กมาก เกินกว่าจะมีผลกระทบต่อเซลล์ในร่างกาย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องวิตกว่าการใช้โทรศัพท์มือถือจะทำให้ภูมิคุ้มกันแย่ลง หรือส่งผลกระทบต่อสมองและระบบประสาท

          ส่วนที่เคยมีงานวิจัยจากสวีเดน และราชสมาคมในลอนดอนระบุไว้ว่า เด็กหรือวัยรุ่นอายุน้อยกว่า 20 ปี ที่ใช้โทรศัพท์มือถือ มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งบริเวณส่วนต่อของหูกับสมอง หรือเนื้องอกในสมองมากกว่าคนทั่ว ๆ ไปถึง 5 เท่า เนื่องจากสมองและระบบประสาทยังไม่พัฒนาเต็มที่ และเด็กยังมีกะโหลกบางและเล็กกว่าผู้ใหญ่ ทำให้คลื่นพลังงานจากโทรศัพท์มือถือ สามารถทะลุทะลวงเข้าสู่สมองเด็กได้มากกว่า ขณะที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือหลังอายุ 20 ปี มีโอกาสเป็นเนื้องอกในสมองชนิดร้ายแรง เพียง 50% เท่านั้น แค่มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งบริเวณส่วนต่อของหูกับสมองแค่ 2 เท่า

          ข้อมูลนี้อาจจะดูน่ากลัวแต่ในความเป็นจริงแล้ว นักวิจัยเองก็ยอมรับว่ายังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะยืนยันว่า การใช้โทรศัพท์มือถือในระยะยาว เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งที่บริเวณสมอง เพราะการเกิดมะเร็งสมองได้ต้องใช้เวลานานหลายปี และอาจมีปัจจัยอื่น ๆ เป็นองค์ประกอบด้วยจึงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปอีก

          สอด คล้องกับรายงานของสถาบันวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ ภายใต้การดูแลขององค์กรอนามัยโลกหรือ WHO ที่ระบุว่า จากการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 13,000 คน ในระยะเวลา 10 ปี พบว่าโทรศัพท์มือถือ ไม่ได้มีส่วนเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งสมองชนิดเนื้องอกเยื่อหุ้มสมอง และเนื้องอกในระบบประสาทส่วนกลาง แม้จะคุยโทรศัพท์นานกว่า 30 นาที ก็ยังไม่อาจสรุปได้ว่า โทรศัพท์มือถือเป็นสาเหตุของการเกิดเนื้องอกในสมองได้โดยตรง พบแต่เพียงว่าผู้ที่คุยโทรศัพท์มือถือนานกว่า จะมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือบ่อยครั้งแต่ระยะเวลาสั้น ๆ

          ทั้งนี้ ใช่ว่าการใช้โทรศัพท์มือถือจะไม่มีผลต่อสมองผู้ของใช้เลยเสียทีเดียว เพราะในวงการแพทย์ได้ยืนยันถึงผลกระทบของโทรศัพท์มือถือกับสมองไว้เรื่อง หนึ่งว่า หากคุยโทรศัพท์มือถือนาน ๆ จะทำให้ผู้ใช้เกิดอาการปวดศีรษะ ผิวหนังเหี่ยวย่น ความจำแย่ลงด้วย

          สรุปก็คือ ณ วันนี้ นักวิจัยยังไม่ฟันธงว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือจะส่งผลอันตรายต่อระบบสมอง หรือประสาท อย่างที่ใคร ๆ กลัวกัน มีแต่เพียงคำเตือน ที่ว่า การใช้โทรศัพท์มือถืออาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งสมองมากกว่าผู้ ไม่ได้ใช้เท่านั้น และต้องมีการศึกษาวิจัยต่อไปอีกในอนาคต

          แต่ถ้าหากใครยังไม่แน่ใจ หรือเกรงว่าผลวิจัยในอนาคตจะออกมาตรงกันข้ามกับข้อมูล ณ วันนี้ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เราก็ควรใช้โทรศัพท์มือถืออย่างระมัดระวังมากขึ้นโดย

     เปลี่ยนไปใช้สมอลล์ทอล์ก หรือ บลูทูธ เพื่อหลีกเลี่ยงการถือโทรศัพท์แนบกับศีรษะ

     ไม่ควรคุยโทรศัพท์นานเกินไป โดยเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือประมาณ 15 นาที

     ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือ หากอยู่ในบริเวณที่มีสัญญาณต่ำ เพราะจะทำให้โทรศัพท์ปล่อยคลื่นความถี่สูงกว่าปกติ

     อย่าให้เด็กเล็กใช้โทรศัพท์มือถือโดยเด็ดขาด หากไม่จำเป็นจริง ๆ

          ทราบข้อมูลดี ๆ แบบนี้แล้ว ก็อย่าลืมปฏิบัติตามนะคะ ป้องกันไว้ก่อนรับรองว่าดีที่สุดค่ะ

http://health.kapook.com/view21090.html

เช็คสุขภาพง่าย ๆ แค่ส่องกระจก


ตรวจสุขภาพ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          เชื่อหรือไม่ว่า ร่างกายของคุณสามารถสะท้อนปัญหาสุขภาพในตัวคุณได้อย่างไม่คาดคิด อย่างเช่น ดร.ฮอลลี ฟิลลิปส์ ที่ออกมาระบุว่า เราสามารถตรวจสุขภาพร่างกายของเราเองได้ง่าย ๆ ด้วยการส่องกระจกสังเกตใบหน้าของเรานั่นเอง แล้วอย่าลืมสังเกตอวัยวะดังต่อไปนี้ด้วย

ขนตา

          ถ้าสังเกตเห็นว่า "ขนตา" ตรงส่วนปลายร่วง หรือสั้นลง นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า เราอาจมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ที่ต่ำกว่าปกติ

หนังตา

          ถ้าหากหนังตาเราบวม แล้วมีตุ่มเล็ก ๆ อยู่ที่มุมข้างในตา แสดงว่า คุณอาจมีคอเลสเตอรอลสูงเกินไป ต้องรีบลดด่วนแล้วล่ะ

ดวงตา

          ลองสังเกตดูว่า ดวงตาของคุณปูดโปนออกมาผิดปกติหรือไม่ ถ้าใช่ล่ะก็ แสดงว่า คุณมีไทรอยด์ฮอร์โมนที่สูงกว่าปกติ และหากตาขาวเปลี่ยนเป็นสีออกเหลือง ๆ แสดงว่า ตับ หรือถุงน้ำดีของคุณเริ่มมีปัญหาแล้ว

ผม

          ผมที่แห้ง และเปราะง่าย อาจบ่งบอกว่า คุณกำลังมีปัญหาที่ต่อมไทรอยด์ นอกจากนี้ ยังเป็นสัญญาณว่า ร่างกายของคุณขาดธาตุเหล็กด้วย รวมทั้งหากคุณผมร่วงฉับพลัน แสดงว่า ตอนนี้คุณกำลังเครียดอย่างมากทีเดียว

ใบหูส่วนล่าง

          ข้อนี้อาจจะสังเกตยากหน่อย แต่ลองสังเกตดูว่า หากใบหูส่วนล่างมีรอยพับย่นเป็นเส้นทแยงมุม มันอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่า เลือดในร่างกายของคุณไหลเวียนไม่สะดวก ซึ่งทำให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวายได้โดยไม่รู้ตัว

เล็บมือ

          หากเล็บมือแห้งเปราะ อาจหมายถึงว่า คุณกำลังป่วยด้วยโรคไทรอยด์ หรือขาดธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 ถ้าเล็บมีเส้นขวางเป็นแนวนอน อาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจ หรือหัวใจล้มเหลว แต่หากเล็บเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีน้ำตาล คุณอาจกำลังติดเชื้อบางอย่าง หรือมีอาการผิดปกติอย่างเรื้อรังของปอดก็เป็นได้

เต้านมผู้ชาย

          คุณผู้ชายส่วนใหญ่มักละเลยก้อนเล็ก ๆ ที่กดแล้วไม่เจ็บบริเวณหน้าอก หรือใต้รักแร้ แต่รู้ไหมว่า ก้อนนั้นอาจเป็นมะเร็งเต้านมก็เป็นได้ แม้ความเป็นจริงแล้ว จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมเพียงแค่ 2% แต่ระวังไว้หน่อยก็ดี

          เอ้า...จำไว้แล้วไปสังเกตตัวเองกันหน่อยดีไหมคะ 

http://health.kapook.com/view21215.html

อย.เตือน ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่มีกลิ่นหอมยังมีอันตราย



อุปกรณ์ทำความสะอาด


อย.เตือนผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่มีกลิ่นหอมยังมีอันตราย (องค์การอาหารและยา)

          อย.แจงผู้บริโภคอย่าเข้าใจผิด ผลิตภัณฑ์ วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือนที่มีกลิ่นหอม ไม่มีกลิ่นฉุน หรือมีกลิ่นอ่อน มีความอันตรายน้อย ซึ่งความจริงกลิ่นเหล่านั้น ไม่ได้ช่วยให้ความเป็นอันตรายของผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายลดน้อยลง หากผู้บริโภคสูดดมเข้าไป อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ย้ำเตือนให้ผู้ผลิตอย่าโฆษณาผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายเกินจริง เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภค

          ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา อย. เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังมีผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ที่ใช้ตามบ้านเรือนหรือทางสาธารณสุข อาทิ ผลิตภัณฑ์ป้องกันกำจัดแมลงและสัตว์อื่น ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ในเรื่องของความเป็นอันตรายของผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายว่า ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่มีกลิ่นหอม ไม่มีกลิ่นฉุน หรือมีกลิ่นอ่อนมีความเป็นอันตรายน้อย หรือไม่อันตราย เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายที่มีกลิ่นฉุนหรือกลิ่นแรง สาเหตุของความเข้าใจนี้ อาจเกิดจากรูปแบบของการโฆษณาผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายดังกล่าว ที่มีการเน้นย้ำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด และละเลยที่จะระมัดระวังความเป็นอันตราย โดยการแสดงท่าทางสูดดมพร้อมคำที่สื่อให้รู้สึกว่าผลิตภัณฑ์หอมน่าดม หรือการแสดงข้อความที่ทำให้เข้าใจว่าผลิตภัณฑ์ทำจากธรรมชาติ

          แต่ ในความจริงแล้ว กลิ่นหอมเกิดจากการปรุงแต่งกลิ่นด้วยน้ำหอมสังเคราะห์ โดยอาจเป็นน้ำหอมที่ให้กลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ เช่นดอกลาเวนเดอร์ ดอกลิลลี่ ดอกกุหลาบ ดอกมะลิ เป็นต้น อาจมีบ้างที่ปรับปรุงกลิ่นด้วยน้ำมันหอมระเหยสกัดจากธรรมชาติ เช่น กลิ่นจาก d-limonene ที่สกัดจากเปลือกผลไม้ตระกูลส้ม กลิ่นหอมต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดว่า ผลิตภัณฑ์ไม่ทำให้เกิดอันตราย เพราะมีกลิ่นหอมหรือเป็นกลิ่นของพืชจากธรรมชาติ แต่ที่จริง หากผู้บริโภคสูดดมกลิ่นของผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายเข้าไป จะทำให้ปวดศีรษะ วิงเวียนคลื่นไส้ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ โดยประโยชน์ที่แท้จริงของการแต่งกลิ่นของผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายนั้น ก็เพื่อกลบกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของสารออกฤทธิ์ของผลิตภัณฑ์ หรือสารเคมีที่ใส่เข้าไปในผลิตภัณฑ์เพื่อใช้เป็นตัวทำละลาย ตลอดจนคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพของตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งมักจะมีกลิ่นฉุนอย่างรุนแรง จึงต้องแต่งกลิ่น เพื่อช่วยลดความรุนแรงของกลิ่นในผลิตภัณฑ์ให้น้อยลง เพื่อให้ผู้บริโภคหันมาเลือกบริโภคสินค้ามากยิ่งขึ้น

          รอง เลขาธิการฯ อย. กล่าวต่อไปว่า อย.ขอให้ผู้บริโภคเลือกซื้อผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย.แล้ว โดยที่ฉลากมีเครื่องหมาย อย.พร้อมด้วยเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นต้นด้วย วอส.ทับปีพ.ศ. เนื่องจาก อย.ได้ประเมินประสิทธิภาพในการใช้งานและความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว และขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้ และพึงระลึกอยู่เสมอว่า ผลิตภัณฑ์ที่กำลังใช้อยู่นั้นเป็นวัตถุอันตราย โดยควรศึกษาวิธีการใช้ให้เข้าใจก่อน และปฏิบัติตามวิธีการใช้และคำเตือนที่แสดงบนฉลากอย่างเคร่งครัด เพื่อจะได้ใช้ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายอย่างปลอดภัย และต้องเก็บผลิตภัณฑ์วัตถุอันตรายไว้ในที่มิดชิด ไกลมือเด็ก อาหาร และสัตว์เลี้ยงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้


http://health.kapook.com/view21233.html
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
fda.moph.go.th

"EST.33" เบียร์เด็ด อาหารดี

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 มกราคม 2553 09:43 น.
บรรยากาศภายในร้าน EST.33
       ถึงแม้จะผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่มาแล้ว แต่ห้วงอารมณ์แห่งการเฉลิมฉลองวันเวลาแห่งความสุขสันต์ยังคงอบอวลอยู่ ดังนั้น "ตระเวนกิน" จึงอยากจะขอชวนมิตรรักนักกินไปปาร์ตี้สังสรรค์สร้างความสุขกันต่อ แถมยังขอเอาใจสิงห์นักดื่มเครื่องดื่มสีอำพันที่มีพรายฟองนุ่มกันด้วย เพราะว่าเราจะชวนไปดื่มเบียร์รสเลิศ แถมยังได้เรียนรู้การผลิตเบียร์ไปในตัวด้วย และมาพร้อมกับอาหารเลิศรส ยังร้านอาหารน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน แต่ว่ามีกระแสมาแรงและน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือร้าน "EST.33" ที่ตั้งอยู่ที่ CDC เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา
หม้อต้มเบียร์ทำจากคริสตัล
       "EST.33" ย่อมาจาก "Established in 1933" ซึ่งเป็นปีแรกที่บริษัทบุญรอดเปิดทำการ ต้องบอกเลยว่าร้านEST.33นี้ เป็นร้านอาหารที่มีสไตล์เฉพาะตัว มีคอนเซ็ปต์ร้านที่ว่า Edutainment : Education + Entertainment คือนอกจากจะได้รื่นรมย์กับการจิบเบียร์เย็นๆ แล้วยังจะได้เรียนรู้เรื่องการผลิตเบียร์ด้วย เพราะว่าทางร้านได้ยกเอากระบวนการผลิตเบียร์ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอน สุดท้ายมาโชว์ไว้ในร้านให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด โดยมีจุดเด่นอยู่ตรงกลางร้าน ซึ่งมีหม้อต้มเบียร์ที่ทำจากคริสตัลชั้นดีนำเข้าจากเยอรมันแห่งแรกในเอเชีย และยังเป็นหม้อต้มเบียร์แก้วเปิดที่แรกของโลก พร้อมทั้งยังมี Brew Master ที่ผ่านการอบรมจากประเทศเยอรมันมาคอยตอบคำถามให้กับเหล่านักดื่มที่อยากรู้ เรื่องเกี่ยวกับเบียร์ได้อย่างละเอียด ทำให้มื้อแห่งการดื่ม-กินมีความเพลิดเพลินและเสริมสร้างอรรถรสมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งมุมนั่งเก๋ๆ
       และด้วยความที่เป็นร้านอาหารที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง ดังนั้นเบียร์ที่มีขายอยู่ที่ร้านจึงเป็นเบียร์ที่คิดค้นขึ้นมาเป็นพิเศษ สำหรับร้านEST.33 โดยเฉพาะ เป็นเบียร์สดซึ่งมีอยู่ 3 สูตรใหม่และมีเสิร์ฟที่นี่ที่เดียว ซึ่งผสานสุดยอดของโลกตะวันตกและวันออกไว้ด้วยกันอย่างกลมกล่อม จากฝีมือของ Brew Master ชาวเยอรมันถิ่นต้นตำรับของเบียร์มารวมกับส่วนผสมดีมีคุณค่าจากเอเชีย ออกมาเป็นเบียร์ 3ชนิดที่ชวนดื่มเอามากๆ
      
       ขอนำเสนอเบียร์ชนิดแรกคือ Lager Beer เป็นเบียร์ยอดนิยมสีทองอ่อนๆ ผลิตจากวัตถุดิบคัดพิเศษ ด้วยข้าวบาร์เลย์มอลต์ชั้นดี เติมฮอปส์จากยุโรปที่ให้ทั้งกลิ่นหอมและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ แล้วหมักบ่มอีกราว 3 สัปดาห์จนได้เบียร์ลาเกอร์พรายฟองสีทอง น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ เพราะรสชาตินั้นกลมกล่อมนุ่มคอ ไม่ขมมากเกินไป
เบียร์สด 3 ชนิดที่มีให้เลือกดื่ม
       ถัดมาคือCopper Beer เป็นเบียร์ที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยทีม Brew Master ของไทย เป็นการนำเอาข้าว GABA Rice หรือข้าวกล้องชั้นดีอุดมไปด้วยคุณค่าอาหาร เพื่อให้ได้สีและรสชาติที่ลงตัวผสมลงไปในเบียร์ด้วย และเติม Pearl Hop กลิ่นหอมอ่อนๆ จากถิ่น Hallertaur ในNiederbayern ประเทศเยอรมัน ซึ่งเป็นแหล่งปลูกฮอบส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หมักบ่มราว 3 สัปดาห์ จนได้เบียร์สีทองแดงรสชาตินุ่มถูกคอกำลังดีไม่เหมือนใคร
      
       ชนิดสุดท้ายคือBlack Beer เป็นเบียร์สีดำ มีกลิ่นหอมล ถูกพัฒนาปรับแต่งจากสูตรต้นตำรับของแคว้นบาวาเรียนในประเทศเยอรมัน โดยนำมอลต์ที่ผ่านการคั่วจนได้สีและมีกลิ่นหอมกาแฟอ่อนๆ ผสมผสานกับข้าวเหนียวดำพันธุ์ดีของไทยที่ให้รสหวานกลมกล่อมเหมือนคาราเมล เติมฮอปส์ชั้นดีแล้วหมักบ่มอีก 3 สัปดาห์จนได้เบียร์สีดำที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ รสชาติหวานนุ่มนวล ออกรสเข้มถูกปาก ซึ่งเบียร์ทั้งสามรูปชนิดนี้จะขายในปริมาณ0.3ลิตร(120 บาท) และ0.5ลิตร(160 บาท)
EST.33 Sampler
       และการจะดื่มเบียร์ให้ได้รสชาติเพิ่มมากยิ่งขึ้น ก็ควรที่จะมีอาหารเลิศรสให้ลิ้มรสควบคู่ไปกับการดื่มเบียร์ด้วย ซึ่งที่ร้าน EST.33 นี้ก็มีอาหารจากร้าน Minibar Royale ที่นำเสนอปรุงแต่งอาหารขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อให้เข้ากับการดื่มเบียร์ โดยรังสรรค์เมนูอาหารไทยและอาหารอินเตอร์เนชั่นแนลสไตล์โฮมเมด ที่ได้นำเอาเบียร์มาเป็นส่วนผสมในอาหารด้วย ซึ่งมีอาหารให้เลือกลิ้มรสอยู่หลายเมนู และแต่ละเมนูก็ล้วนแล้วแต่น่าลองลิ้มทั้งนั้นเลย
      
       อย่างเมนูเด็ดที่ชวนกินก็มี EST.33 Sampler (320บาท+) ความพิเศษของเมนูนี้จะเสิร์ฟพร้อมเบียร์ 3แก้ว3รสและมีอาหาร3อย่างมีทั้ง หอมทอดที่จะใช้เบียร์เป็นส่วนผสมในแป้งเพื่อเอามาชุบกับหอมใหญ่ให้กรอบเมื่อ ทานแล้วจะรู้สึกได้กลิ่นหอมของแป้งและหอมใหญ่ออกรสหวานเข้ากันดี ถัดมาเป็นmeat ballที่ทางร้านจะใช้เนื้อไม่ติดมันเอามาปรุงรสปั้นเป็นลูกกลมๆ แล้วอบ โรยหน้าด้วยพาเมซานชีส และสุดท้ายกับปีกไก่ที่ใช้ปีกบนมาหมักกับเครื่องเทศและนำไปทอด ได้รสชาติของไก่เนื้อนุ่มออกรสหวานลิ้น
Home Smoked Salmon with Spicy Dressing
       เมนูต่อมชื่อว่าHome Smoked Salmon with Spicy Dressing (240 บาท+) เมนูถือว่าอาใจคนที่ชอบอาหารออกรสจัดจ้านแบบไทยๆ เป็นปลาแซลมอนที่ทางร้านนำมารมควันเองสไลด์มาเป็นชิ้นๆ ราดด้วยน้ำสลัดสไตล์เหมือนน้ำยำซีฟู๊ด และโรยหน้าด้วยผักร็อกเก็ต กระเทียม และเม็ดทับทิม ทันที่ที่ได้ลองลิ้มจะได้กลิ่นหอมของปลาแซลมอนรมควันเนื้อนุ่มหวาน เข้ากันได้ดีกับน้ำยำรสเปรี้ยวเผ็ดจัดจ้านถูกปากโดนใจ
Chili Dog with Fries
       จากนั้นมากินเมนูนี้ Chili Dog with Fries (190 บาท+) เป็นฮอทด๊อกที่ใช้ไส้กรอกหมูที่นำมาต้มกับเบียร์เพื่อให้เนื้อนุ่ม นำมาย่าง และราดด้วยซอสมะเขือเทศกับเนื้อบดใส่พริกนิดหน่อยเพื่อให้รสชาติออกมาเผ็ด เล็กน้อย เมนูนี้เสิร์ฟมากับมันฝรั่งทอดเอาไว้กินเคียงกัน กินฮอดด๊อกไส้กรอกหมูเนื้อแน่นนุ่มปากผสานกับรสชาติซอสมะเขือเทศและเนื้อสับ ที่ลงตัวกลมกล่อมเข้ากันดี
Beer Marinated Baby Back Ribs
       อีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาดสั่งมาชิมก็คือ Beer Marinated Baby Back Ribs (320 บาท+) เป็นซี่โครงหมูทั้งชิ้นใหญ่ๆ นำมาหมักกับเบียร์และซอสสูตรเด็ดของทางร้าน แล้วจึงนำมาย่างและราดด้วยซอสบาร์บีคิวอีกที เมนูนี้โดดเด่นตรงที่เนื้อซี่โครงหมูนั้นร่อนออกมาจากกระดูกอย่างง่ายดายและ เนื้อหมูก็นุ่มเคี้ยวง่ายบวกกับได้รสชาติของซอสบาร์บีคิวที่เข้มข้นถูกปาก จริงๆ
EST.33 Parfait
       แล้วใช่ว่าจะมีแต่อาหารคาว อาหารหวานของที่นี่ก็ชวนกินไม่แพ้กัน นั่นคือ EST.33 Parfait (120 บาท+) เป็นเจลาโต้รสวนิลา ใส่ชีสเค้ก และผลไม้อย่างลิ้นจี่ กีวี่ ส้มซันควิส ครีมและคอนเฟล็ก เมนูนี้กินแล้วจะรู้สึกสดชื่น เพราะว่าความหวานหอมนุ่มของเจลาโต้ และครีมชีสเข้ากันได้ดี ได้รสชาติที่หวานและตัดความเลี่ยนด้วยผลไม้รสเปรี้ยว
โต๊ะนั่งด้านนอกรับลม
       และนอกเหนือจากเมนูเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีเมนูแนะนำอื่นๆ ที่ชวนลิ้มลองอีก อาทิ Baked Potato Skins with Sour Cream & Bacon (190 บาท+), German Sausages Boiled in Beer Then Grilled (350 บาท+), Legendary Bo Burger with Egg and Fries (240 บาท+), Smothered Pork Chop with Mashed Potato (240 บาท+) รวมถึงยังมีเบียร์ค็อกเทลให้ได้ลองลิ้มรสชาติแปลกใหม่ อาทิ Melon Bomb (180 บาท), Uber Bomb(180 บาท) Monaco (120 บาท) เรียกว่าหากใครกำลังมองหาสถานที่สังสรรค์กับเพื่อนฝูงตามสไตล์คอนักดื่มและนักกินด้วยกัน ร้าน “EST.33” นับว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่น่าชวนกันมาแฮงค์เอาท์
ร้าน "EST.33" ตั้งอยู่ที่ CDC คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (Crystal Design Center) อาคาร E เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ การเดินทางถ้ามาจากพระราม 9 วิ่งเข้าเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ตรงมาเรื่อยๆ ผ่านเทสโก้โลตัส และคริสตัลพาร์ท ให้กลับรถแล้ววิ่งชิดซ้ายไว้จะเจอ CDC อยู่ทางซ้ายมือ ให้เข้าตรงทางเข้าที่ 2 แล้วตรงเข้ามาด้านในจะเห็นร้าน EST.33 ตั้งอยู่ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 11.00-24.00 น. โทร. 0-2102-2096
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000007898

"BARLEY BISTRO & BAR" ปาร์ตี้ชวนอร่อย

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 กุมภาพันธ์ 2553 09:58 น.
บรรยากาศนั่งสบายๆ ภายในร้าน BARLEY BISTRO & BAR
       ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานอันหนักอึ้ง ครั้นพอถึงเย็นวันศุกร์ทีไร เชื่อแน่ว่าใครๆ ต่างก็ต้องคิดอยากจะหาสถานที่ผ่อนคลายลดความเครียด และความเมื่อยล้าจากการทำงานกันเป็นแน่ ซึ่งหากได้ออกมาปาร์ตี้สังสรรค์กับผองเพื่อน มานั่งกินนั่งดื่มกันให้สำราญใจ คงจะเป็นอะไรที่พิเศษสุดว่าไหม??
      
       หากว่าใครพยักหน้าเห็นด้วยกับ "ตระเวนกิน" แล้วล่ะก็ ขอให้ตามเรามาได้เลย เพราะว่าในมื้อนี้เราจะขอพามิตรรักนักกินทุกคนไปปาร์ตี้แฮงเอ้าท์กันแบบอิ่ม เอมทั้งกายและใจ ยังร้านอาหารน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาได้ไม่นาน กับร้านที่มีชื่อว่า "BARLEY BISTRO & BAR" (บาร์เล่ย์ บิสโทร แอนด์ บาร์) เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ที่มีสไตล์การตกแต่งเป็นของตัวเอง โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แนวโมเดิร์นสมัยใหม่ และดูเก๋ไก๋ออกแนวอาร์ตแบบมีสไตล์ ซึ่งภายในร้านที่มีถึง 2 ชั้น คือชั้น 3 และชั้น 4 บนอาคารฟู้ดแชนนอล ได้ถูกจัดตกแต่งให้มีบรรยากาศของร้านที่ชวนนั่ง และมีให้เลือกนั่งถึง 3 โซนด้วยกัน
โต๊ะนั่งโซนบาร์ที่ชั้น 4
       อย่างถ้าหากมากับเพื่อนๆ หลายคนแล้วต้องการมานั่งกินอาหารแบบสบายๆ พูดคุยกันได้อย่างสนุกสนาน แนะนำว่ามาที่ชั้น 3 ที่จัดให้มีโต๊ะนั่งกินอาหารแบบสบายๆ สไตล์โมเดิร์น และแฝงไว้ด้วยงานศิลปะและภาพวาดอันกิ๊บเก๋ แต่ถ้าอยากรื่นรมย์กับการนั่งดื่ม พร้อมกับสนุกสนานไปกับเสียงเพลง และออกแนวมันส์ๆ นิดๆ ต้องขั้นมาที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโซนบาร์ ภายในมีเคาน์เตอร์บาร์ที่คอยบริการเครื่องดื่มแบบครบครัน ส่วนเรื่องของเสียงเพลงนั้น ทางร้านจะเปิดเพลงเพราะๆ ให้ฟังสไตล์แจ๊ซ บอสซ่า และถ้ามาในวันพุธ, ศุกร์, เสาร์ เวลา 21.00-23.00 น. จะมีนักดนตรีมาเล่นดนตรีสดๆ สไตล์ป๊อปแจ๊สใฟ้ฟังกันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน
      
       และถ้าอยากนั่งแบบชิลล์ ชิลล์ สัมผัสสายลมเย็นๆ และมองเห็นดวงดาวบนฟากฟ้ายามค่ำคืน แนะนำว่าต้องเป็นโซน out door ที่ถือว่าเป็นโซนยอดฮิตของทางร้าน เป็นลานกว้างที่ถูกตกแต่งให้โปร่งโล่ง มีโต๊ะนั่งแบบหลากหลายให้เลือกนั่งตามใจชอบแบบสบายๆ มีทั้งโซฟานุ่มๆ เก้าอี้ตัวใหญ่ และที่นั่งแบบ Daybed ให้ได้เลือกนั่งเอกเขนกแบบผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
ปอเปี๊ยะเห็ดชีส
       นี่เป็นแค่ส่วนของบรรยากาศร้านที่ชวนให้มานั่งกัน ส่วนเรื่องอาหารการกินของที่ร้านนี้ก็มีความน่าสนใจไม่น้อยหน้ากัน เพราะว่าอาหารที่ทางร้านนำเสนอนั้น เป็นอาหารสไตล์ฟิวชั่น ที่ทางร้านคิดค้นปรุงแต่งขึ้นมาเอง โดยนำเอาอาหารไทยมาผสมผสานกับอาหารชาติอื่นๆ ออกมาเป็นเมนูพิเศษเฉพาะของทางร้านที่ล้วนแล้วแต่ชวนกินทั้งนั้นเลย แถมทางร้านยังมีการคิดค้นเมนูใหม่ๆ ออกมาหมุนเวียนเปลี่ยนไปอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้ได้เลือกอิ่มอร่อยกัน
      
       สำหรับมื้อนี้เราก็ขอนำเสนอเมนูที่น่าลองลิ้มที่ถือว่าเป็นเมนูเด่น ประจำร้านมาให้ชิมก็แล้วกัน เริ่มจากจานแรกเป็นเมนูกินเล่นรองท้องกันก่อนด้วย ปอเปี๊ยะเห็ดชีส (95 บาท+) เป็นแป้งปอเปี๊ยะที่ข้างในห่อด้วยไส้เห็ดหอม และเห็ดฟาง ที่นำมาผัดปรุงรสชาติแล้วม้วนห่อด้วยชีสอีกที และทอดมาแบบเหลืองกรอบ กินแล้วโดนใจแป้งปอเปี๊ยะกรอบนอกนุ่มในด้วยไส้เห็ดรสดี แถมมีชีสหอมๆ นุ่มยืดอยู่ข้างใน และทางร้านยังมีน้ำจิ้มมายองเนสสูตรพิเศษมาให้จิ้มกินเพิ่มรสชาติอีกด้วย
แพนเค้กเม็กซิกัน
       จานต่อมามีชื่อว่า แพนเค้กเม็กซิกัน (110 บาท+) เป็นแป้งทอร์ทิลย่าสไตล์อาหารเม็กซิกัน นำมาสอดไส้ด้วยผักหลายชนิด และใส่ชีสมาด้วย แล้วนำมากริลล์ในกระทะจนแป้งสุกกรอบ กินตอนที่เสิร์ฟมาร้อนๆ สัมผัสได้ถึงแป้งที่บางกรอบนุ่มหนืดชีสและไส้ผักที่เข้ากันดี แล้วก็ยังมีซอสมายองเนสที่ปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษให้จิ้มกินเพิ่มรสชาติ
สลัดปูนิ่มรสจัด
       เมนูต่อมาเป็นเมนูใหม่ที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ คือ สลัดปูนิ่มรสจัด (200 บาท+) ทางร้านนำเอาปูนิ่มทั้งตัวมาชุบแป้งทอดกรอบ มาพร้อมกับผักสลัดที่เลือกใช้แต่ผักออร์แกนิก แล้วราดด้วยน้ำสลัดสูตรเด็ดที่นำเอามายองเนสมาตีผสมกับน้ำจิ้มซีฟู้ด ชิมสลัดปูนิ่มแล้วถูกปากตรงที่ผัดสลัดสดกรอบ ปูนิ่มกรอบนอกนุ่มใน ชุ่มน้ำสลัดรสจัดจ้านสมชื่อแบบไม่เลี่ยน
เพนเน่ฉูฉี่แซลมอน
       เพนเน่ฉูฉี่แซลมอน (180 บาท+) เมนูนี้เป็นการผสมผสานระหว่างอาหารไทยและอาหารอิตาเลียน คือเอาเส้นเพนเน่มาผัดกับน้ำฉูฉี่ที่ทางร้านปรุงขึ้นมาเองตามสูตรเด็ด และใส่เนื้อปลาแซลมอนสดๆ ชิมรสชาติแล้วขอบอกว่าเส้นเพนเน่นุ่มๆ ชุ่มด้วยน้ำฉูฉี่รสจัดจ้านแบบไทยๆ ออกเผ็ดลิ้นนิดหน่อย เนื้อปลาแซลมอนก็นุ่มโดนใจ ขอบอกว่าไม่ลองไม่ได้เมนูนี้
สปาเก็ตตี้กิมจิ
       ส่วนอีกเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ สปาเก็ตตี้กิมจิ (140 บาท+) เป็นการนำเอาเส้นสปาเก็ตตี้มาผัดกับซอสกิมจิที่ทางร้านปรุงขึ้นมาตามสูตร เด็ดของทางร้านเอง แถมยังใส่ผักดองและหมูย่างที่ทางร้านทำเองเช่นกัน ลองลิ้มแล้วโดนใจจริงๆ ตรงที่เส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มได้รสชาติซอสกิมจิรสดีแถมมีกลิ่นหอม ส่วนหมูย่างเคี้ยวนุ่มถูกปาก
Green tea Creme brulee
       และปิดท้ายขอนำเสนอเมนูของหวานที่น่าลิ้มรสอย่าง Green tea Creme brulee (140 บาท+) เป็นของหวานที่ข้างบนเป็นแผ่นน้ำตาลหวานๆ ส่วนข้างในเป็นคัสตาร์ดครีมรสชาเขียวเนื้อเนียนนุ่มหอมหวานเป็นที่สุด
ค็อกเทลที่ชวนดื่ม
       ที่กล่าวมานี้ถือว่าเป็นเมนูจานเด่นที่ถ้ามาแล้วต้องไม่พลาดลองลิ้ม แต่ถ้าหากขอเมนูมาเลือกดูเพิ่มเติมก็ยังมีเมนูอื่นๆ ที่น่ากินอีกมากมาย อาทิ ยำผักบุ้งกรอบ (120 บาท+) แซลมอนแซบ (180 บาท+) ซีซ่าสลัดไก่ย่าง (160 บาท+) มูสตับไก่บดกับขนมปังปิ้ง (160 บาท+) สเต็กแซลมอนราดซอสกระเพรา (250 บาท+)
      
       รวมถึงที่นี่ยังมีเครื่องดื่มบริการอีกมากหลาย อย่างถ้าใครชอบดื่มเบียร์ก็มีเบียร์จากเบลเยี่ยมรสดีที่ชวนให้ดื่มกัน ใครเป็นคอไวน์ก็มีไวน์ให้ได้ดื่มเช่นกัน และถ้าใครชอบดื่มค็อกเทลก็มีมาแนะนำ อาทิ Barley bombs (300 บาท+) และ Midori sour (200 บาท+) ถึงตรงนี้แล้วหากใครอยากมาแฮงเอ้าท์ ปาร์ตี้แบบฮาเฮและอิ่มหนำ ก็ขอเชิญมากันได้ที่ร้าน “BARLEY BISTRO & BAR” แห่งนี้ ซึ่งทางร้านยินดีต้อนรับทุกคนอยู่
โซนนั่งout door แบบผ่อนคลาย
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
       

       
ร้าน “BARLEY BISTRO & BAR” (บาร์เล่ย์ บิสโทร แอนด์ บาร์) ตั้งอยู่ที่ ชั้น 3 และชั้น 4 อาคาร Food Channel ถ.สีลม ระหว่างสีลมซอย 5 และซอย 7 บางรัก กทม. สามารถนำรถไปจอดได้ที่ธ.ทหารไทย เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น. แต่วันพุธ, ศุกร์, เสาร์ จะปิดตี1 แนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อนจะดี โทร. 08-7033-3919 พิเศษในวันวาเลนไทน์สามารถร่วมสนุกกับทางร้าน โดยเข้าไปที่เว็บไซด์ www.barleybistro.com และแอดเป็นแฟนในเฟสบุ๊ค แล้วส่งรูปถ่ายคู่ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก เพื่อน หรือครอบครัวเข้ามาประกวด หากรูปไหนถูกใจทางร้าน จะได้รับดินเนอร์คอร์สฟรีในวันวาเลนไทน์ 2 ท่าน (1 รูป) http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000015432