ผลไม่ที่กินกันทุกวันนี้น่าจะมีน้ำตาลอยู่มากแล้วทำให้อ้วน มันก็มีปุ๋ยน้ำตาลนี่นา ผมกินลองกองแล้วหวานมากๆ กินทุเรียนแล้วหวานมาก น้ำหนักพุ่ง ปรี๊ดเลย ลองดูผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วน ด้านล่างนี้
การกินผลไม้ กินแล้วดี มีประโยชน์มากมาย แต่บางครั้งก็ต้องเลือกกิน และกินในปริมาณที่พอดี เพราะมีผลไม้บางชนิดที่มีน้ำตาลสูง ซึ่งอาจจะทำให้อ้วนได้
ผลไม้ที่กิน แล้วอ้วนสุด ๆ คือ กล้วยไข่
อันดับ 2 คือ กล้วยน้ำว้า
อันดับ 3 คือ ขนุน
อันดับ 4 คือ กล้วยหอม
อันดับ 5 คือ มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
อันดับ 6 คือ ลำไยกะโหลกเขียว
อันดับ 7 คือ ลองกอง
อันดับ 8 คือ เงาะ
อันดับ 9 คือ ลางสาด
อันดับสุดท้ายน้ำตาลน้อยสุด คือ ละมุด
แต่ ทุเรียน ก็เป็นผลไม้ ที่ขึ้นชื่อว่ามีน้ำตาลสูงมาก ๆ ใครที่กินรับรองอ้วนแน่ ส่วนผลไม้ที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ได้แก่ แอปเปิ้ล ชมพู่ ฝรั่ง มะม่วงดิบ มะละกอ และ แตงโม
รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าไม่อยากอ้วนจนเกินไป ลองหาผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วนมากินกันได้.
ดูแลสุขภาพ : มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในหญิงไทย พบมากในช่วงอายุ 35-50 ปี “มะเร็งปากมดลูก” เป็นโรคที่ป้องกันได้ สามารถตรวจหา “ระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก” ได้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีอาการ
และสามารถป้องกันได้ และรักษาให้หายขาดได้ถ้าพบในระยะเริ่มแรก ดังนั้น ก็จะทำให้อัตราการเกิดโรคและอัตราการตาย จากโรคมะเร็งปากมดลูกลดลง
ภาวะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก
1. สตรีที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย (ต่ำกว่า 18 ปี)
2. มีคู่นอนหลายคน สำส่อนทางเพศ
3. มีประวัติเป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
4. มีโรคเรื้อรังหรือโรคที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำ เช่น โรคเอดส์
5. เคยมีความผิดปกติของปากมดลูก จากการตรวจภายในและทำแป๊ปสเมียร์ (Pap Smear)
วิธีการที่ใช้ตรวจหา “ระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก” เรียกว่า การตรวจแป๊ปสเมียร์ คือการเก็บเอาเซลล์เยื่อบุปากมดลูก ที่ลอกหลุดออกมาแล้วนำไปตรวจหาเซลล์มะเร็ง
สัญญาณเตือนภัย
ในระยะเริ่มแรกอาจไม่มีอาการเลย หรืออาจมีเลือดออกจากช่องคลอดเวลามีเพศสัมพันธ์ ประจำเดือนมาผิดปกติ ตกขาวมีกลิ่น ปริมาณมาก สีผิดปกติ หรืออาจปนเลือด
การป้องกัน
ตรวจภายในทุก 1-3 ปี ไม่สูบบุหรี่ ใช้ถุงยางอนามัยเวลามีเพศสัมพันธ์ เพื่อหลีกเลี่ยงโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ไปพบแพทย์หากมีตกขาวผิดปกติ หรือมีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด
สตรีที่มีเพศสัมพันธ์ทุกคน ควรได้รับการตรวจ “แป๊ปสเมียร์” เพื่อเช็กมะเร็งปากมดลูก อย่างน้อยปีละครั้ง และฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
วิธีการรักษา
1. การผ่าตัด ใช้ในมะเร็งระยะต้น (ระยะที่ 1 ถึง 2 ต้นๆ) โดยทำการผ่าตัดมดลูก และต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกราน
2. การให้รังสีรักษาทำได้ 2 วิธี ใช้ในระยะเริ่มลุกลาม (ระยะที่ 2 ถึงระยะ 4 ต้นๆ) โดยใช้ร่วมกับเคมีบำบัด
- โดยการให้รังสีรักษาจากเครื่องแพทย์จะให้รังสีเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง 5 วันต่อสัปดาห์เป็นเวลา 5-6 สัปดาห์
- ร่วมกับการฝังแร่อาบรังสีบริเวณปากมดลูกอีก 3-4 ครั้ง
3. การให้เคมีบำบัด โดยการให้เคมีเข้าในเลือดเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง โดยใช้ร่วมกับการฉายรังสี หรือให้ในผู้ป่วยระยะแพร่กระจาย หรือกลับเป็นซ้ำ
กินอย่างไรห่างไกลมะเร็ง
1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่ควรรับประทานอาหารซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน
2. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง ได้แก่
- อาหารที่มีไนเตรทไนไตรท์ และสารไนโตซามีน ที่พบได้ในอาหารที่ผ่านกระบวนการเก็บถนอมอาหาร และไส้กรอก แฮม แหนม
- อาหารที่ใส่สีสังเคราะห์ที่ไม่ใช่สีผสมอาหาร ควรใช้สีที่ทำจากธรรมชาติ
- อาหารที่มีสารอะฟลาทอกซิน ซึ่งเป็นสารพิษจากเชื้อรา พบมากในอาหารแห้งที่ขึ้นรา เช่น ถั่วลิสง พริกแห้ง
- อาหารที่ไหม้เกรียมเช่น เนื้อสัตว์ที่ปิ้ง ย่าง จนเป็นสีดำ
- อาหารรสจัด เช่น เผ็ดจัด เค็มจัด อาหารหมักดอง
- อาหารที่มีไขมัน และคอเลสเตอรอลสูง
3. รับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี และผักพวกกะหล่ำ บร็อคโคลี่ หัวหอม กระเทียม และธัญพืช พวกข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด จะมีสารต้านมะเร็ง
4. รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ อาหารที่มีวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง ผลไม้พวกเบอร์รี่ (สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เชอร์รี่) อาหารที่มีวิตามินอีสูง
5. รับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย เช่น อาหารพวกปลา โดยเฉพาะปลาน้ำลึก จะมีอีพีเอและดีเอชเอที่จะช่วยชะลอการแพร่ของมะเร็ง
6. ล้างและทำความสะอาดอาหารก่อนรับประทาน เพื่อลดสารตกค้างในอาหาร เช่น ยาฆ่าแมลงในผัก ผลไม้
7. งด หรือลด การดื่มแอลกฮอลล์ การสูบบุหรี่ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดมะเร็ง
โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น โทร.0-2910-1600
ขอบคุณคม ชัด ลึกออนไลน์ดูแลสุขภาพโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น
Sleep apnoea หมายถึงช่วงเวลาที่เกิดการหยุดหายใจมากกว่า 10 วินาที ในขณะที่กำลังนอนหลับ ช่วงของการหยุดหายใจสามารถเกิดขึ้นได้เป็นร้อยๆครั้งในคืนหนึ่ง และอาจถึงกับทำให้คุณรู้สึกตัวชั่วประเดียวประดาว ซึ่งมีผลทำให้การหลับนั้นไม่ประติดประต่อในระหว่างช่วงนี้ระดับออกซิเจนในร่างกายจะลดลงจนอยู่ในระดับอันตราย ซึ่งสามารถทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติได้ คุณมีอาการต่างดังต่อไปนี้บ้างหรือไม่- นอนกรนเสียงดัง กรนจนเป็นนิสัย - คุณตื่นขึ้นมาบ่อยกลางดึก โดยไม่ได้ปวดปัสสาวะอะไรเลย - คุณรู้สึกยังง่วงนอน ยังเพลียเหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม - คุณมีน้ำหนักตัวมากเกินปกติ - คุณเคยรู้สึกหรือสังเกตุด้วยตนเองว่า เกิดสำลัก อ้าปากเวลานอน และมีการ หยุดหายใจระหว่างหลับ
สาเหตุของการหยุดหายใจที่พบได้บ่อยประมาณร้อยละ 90 ของผู้ที่มีอาการ สลีป แอปเนีย ก็คือ ทางเดินหายใจถูกปิดกั้น (Obstructive apnoea) เกิดขึ้นจากทางเดินของอากาศถูกขัดขวางโดยลิ้น ทอลซิน ลิ้นไก่ หรือไขมันที่พอกพูนบริเวณคอซึ่งมักเกิดกับคนอ้วนที่มีน้ำหนักมาก ทำให้เกิดการนอนกรนเสียงดังมีการหยุดกรนและหยุดหายใจเป็นช่วงสั้นๆ จากนั้นก็เริ่มต้นของอาการใหม่พร้อมกับการดิ้นไปมา และหายใจเฮือกเหมือนขาดอากาศอีกสาเหตุหนึ่งเกิดจากความผิดปกติที่ศูนย์หายใจในสมอง( Central sleep apneoa) พบได้ประมาณ ร้อยละ 10ของผู้ที่มีอาการหยุดหายใจในขณะหลับศูนย์กลางของสมองซึ่งควบคุมการหายใจส่งสัญญาณผิกปกติทั้งที่ทางเดินหายใจโล่ง แต่โครงสร้างในการหายใจที่หน้าอกและหน้าท้องไม่ได้รับข้อมูลจากสมอง สิ่งที่เกิดขึ้นคือกาซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นในกระแสเลือดขณะที่ระดับออกซิเจนลดลงในระดับต่ำมากจนอาจเกิดอันตราย สมองก็จะสั่งการให้คุณตื่น ชั่วประเดียวประดาวเพื่อหายใจกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นซ้ำๆ ในวงจรของการนอน ทำให้นอนหลับไม่สนิท เต็มที่อาการข้างเคียงของภาวะ การหยุดหายใจขณะหลับก็คือคุณจะรู้สึกปวดหัวในตอนเช้า รู้สึกง่วงนอนใน เวลาที่ไม่เหมาสมความดันโลหิตสูง ปากแห้งเวลาตื่น ซึมเศร้า เหงื่อออกเวลา หลับหากปล่อยให้อาการเกิดต่อเนื่องไปเรื่อยๆโดยไม่ได้รับการรักษา ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดโรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองแตก กามตายด้าน หัวใจเต้นผิด จังหวะความดันโลหิตสูง นอกจากนี้การนอนไม่เพียงพอก็จะเพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้
ส่วนวิธีการรักษาคือหากน้ำหนักมากเกินให้พยายามลดน้ำหนักที่เกินลง แก้ปัญหาการกรนโดยการไม่นอนหงาย หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือยานอนหลับ ในผู้ที่มีอาการหนักอาจต้องใช้เครื่องเป่าอากาศช่วย หรืออาจจำเป็นอาจต้องใช้วิธีผ่าตัดเลย
ที่มา ... naturefoam
ขัดผิวด้วยน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอก (Lisa)
นี่คือตำรับสครับขัดผิวสูตรทำเอง ที่จะช่วยทำให้ผิวของคุณดูเปล่งปลั่งแบบสาวสุขภาพดีได้ทันที
ส่วนผสม : น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทรายแดง 1 1/2 ถ้วย
วิธีทำ : เทน้ำมันมะกอกลงในถ้วยสะอาด จากนั้น เติมน้ำผึ้งแล้วจึงค่อยเติมน้ำตาลทรายแดง ใช้ตะเกียบคนให้เข้ากัน เสร็จแล้วไม่ต้องนำไปเข้าตู้เย็น เพราะจะทำให้ส่วนผสมจับตัวแข็งจนนำมาใช้ขัดตัวได้ลำบาก
วิธีใช้ : ล้างหน้าให้สะอาดหมดจด อย่าให้มีคราบเครื่องสำอางเหลือตกค้างอยู่บนผิวหน้า ใช้ช้อนตักส่วนผสมขึ้นมาเป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วทาลงบนใบหน้าให้ทั่ว ขัดผิวหน้าเป็นแนววงกลมให้ทั่วใบหน้า โดยหลีกเลี่ยงผิวบริเวณรอบดวงตา หลังจากขัดผิวหน้าเป็นเวลา 60 วินาที ก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด คุณควรขัดผิวหน้าแบบนี้ในช่วงกลางคืน และควรทำแค่สัปดาห์ละครั้งก็พอ
กลวิธีบริหารเสน่ห์มัดใจผู้ชายให้อยู่หมัด (Woman's Story)
สาว ๆ คนไหนที่กำลังคิดว่าตัวเองนั้นไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรให้ดูดี มีเสน่ห์ น่ารัก ในสายตาผู้ชาย วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ มาบอกกันค่ะ..
อันดับแรกสาว ๆ ต้องหัดเป็นผู้หญิงที่เอาใจเก่ง ขี้อ้อนนิด ๆ เพราะนี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิงเราที่ใช้ง่ายและได้ผลดีที่สุดค่ะ แต่มักจะถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมข้อนี้เด็ดขาดเชียวค่ะ
ใช้ความอ่อนหวานและอ่อนโยนของผู้หญิงเราให้เป็นประโยชน์สิคะ เพราะผู้ชายไม่ว่าคนไหน ก็ตกหลุมรักผู้หญิงที่มี 2 สิ่งนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นเลยล่ะค่ะ
หัดเป็นผู้หญิงที่มีความจริงใจและเปิดเผย คืออะไรก็พูดออกมาแบบั้น ไม่ต้องตั้งท่าเยอะ ทำตัวลึกลับซับซ้อนให้เดาใจจนผู้ชายปวดหัวกับความเรื่องเยอะของคุณ เพราะหากไม่เคยเผยความในใจออกมา ให้รู้กันบ้างก็อย่าไปคาดหวังจะให้เขารู้ใจคุณได้เลยค่ะ
ผู้หญิงต้องคล่องแคล่ว ปราดเปรียว ด้วยบุคลิกที่ดูสมาร์ท ฉลาด เท่และมี่เสน่ห์เหมาะกับยุคนี้เป็นที่สุด เรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์ที่สาว ๆ ไม่ควรมองข้ามอีกหนึ่งข้อนะคะ
อย่าเป็นผู้หญิงที่เข้าใจอะไรยากมาก ๆ หัดเข้าใจอะไรง่าย ๆ บ้าง อย่าต้องให้ผู้ชายเวียนหัวกับความเจ้าเรื่องของคุณนะคะ เดี๋ยวเขาจะเบื่อได้ง่าย หัดเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย ๆ ก็จะทำให้คุณสาว ๆ ดูดีมากขึ้นในสายตาของคุณผู้ชายค่ะ
รู้ข้อดีของการบริหารเสน่ห์กันไปแล้ว เรื่องแบบนี้อย่าอยู่เฉยรีบนำสิ่งดี ๆ ที่เรานำมาฝากกันไป ลองใช้ดู รับรองชีวิตรักของคุณจะไม่จืดชืดอีกต่อไปค่ะ คอนเฟิร์ม!!