สารพันคุณค่าจากน้ำผึ้ง
น้ำผึ้ง... จะประกอบด้วยน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายเราเอาไปใช้ได้เลย คือ กลูโคสและฟรุคโตส ฟรุคโตสเรารู้จักกันดี คือเป็นน้ำตาลในผลไม้ พอประกอบกันสองตัวจะพบว่าน้ำตาลฟรุคโตสจะมีปริมาณมากกว่ากลูโคส และอาจะมีมอลโตสและ ซูโคส มอลโตส มอลโตสก็คือน้ำตาลมอลท์ เป็นต้น
แต่ว่าจะมีกลูโคสและฟรุคโตส ฟรุคโตสที่เป็นโมเลกุลหลักๆ เวลาที่เราทานเข้าไป ร่างกายจะเอากลูโคสไปใช้ได้เลยทันที เมื่อทานไป ร่างการเราจะรู้สึกสดชื่นในทันที
ส่วนฟรุคโตสจะค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นกลูโคส เมื่อเราทานฟรุคโตสเข้าไปจึงค่อยๆปล่อยพลังงานมาช้าๆ เพราะฉะนั้นก็จะให้เรามีเรี่ยวแรงต่อไปอีกระยะนึง นักกีฬาก็สามารถทานได้ด้วยก่อนออกกำลังกาย เพราะว่านับว่าเป็น Energy Booster คือได้ทั้งก่อนออกกำลังกายและขณะออกกำลังกาย คือทานแค่ 1 ช้อนโต๊ะก็เพียงพอแล้ว
ประโยชน์ของน้ำผึ้ง
อย่างแรกก็คือ ให้พลังงาน อย่างต่อมาก็คือมีสารต้านอนุมูลอิสระ และตัวฆ่าเชื้อโรค น้ำผึ้งนอกจะทำเป็นเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว ยังนำมาราดบนหน้าขนมปังปิ้งแทนเนย หรือว่าชา แทนที่เราจะใส่น้ำตาล ใส่นม ทำเป็นน้ำผึ้งผสมมะนาว หรือว่าทานคู่กับโยเกิร์ตก็ได้
เมื่อเทียบคุณประโยชน์ของน้ำผึ้งและน้ำตาล จะพบว่าน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะครึ่ง และน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ เทียบเท่ากับข้าว 1 ทัพพี ฉะนั้นในคนที่ต้องระวังเรื่องสุขภาพจะต้องระวังนิดนึง อย่างเช่นคนที่เป็นโรคเบาหวานหรือคนที่ต้องระวังเรื่องน้ำหนัก น้ำผึ้งที่เราควรเลือกกินคือน้ำผึ้งธรรมชาติเพราะว่าสามารถเก็บได้นาน แต่ถ้าเป็นน้ำผึ้งจากผึ้งเลี้ยง หรือว่าเจือจางมาแล้วก็จะไม่ค่อยดีอาจจะเป็นอันตรายจากเชื้อโรคต่างๆได้
Tips : น้ำผึ้งช่วยปรับสมดุลของร่างกายและควบคุมน้ำหนัก ปัญหาปวดข้อ ปวดกระดูก เป็นตระคิวบ่อยๆ สามารถดื่มน้ำผึ้งเพื่อบรรเทาได้
ที่มา:สนุก
การดูแลสุขภาพเส้นผมด้วยภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยส่วนใหญ่เป็นการนำสมุนไพรใกล้ตัวมาประยุกต์ใช้เนื่องจากในสมัยก่อนไม่มีเทคโนโลยีการผลิตสารเคมีที่ทันสมัยการทำเครื่องสำอางเพื่อใช้เองเป็นการเตรียมด้วยวิธีง่ายๆด้วยสมุนไพรในครัวเรือนต่อมาเมื่อเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยเข้ามามีอิทธิพลในสังคมมากขึ้นทำให้การผลิตได้ดีมีคุณภาพเก็บได้นานสามารถผลิตได้เป็นจำนวนมากและเป็นการผลิตเชิงอุตสาหกรรมจนทำให้การผลิตตามภูมิปัญญาไทยเกือบสูญหายไปจากสังคมไทยอย่างไรก็ตามปัจจุบันก็มีการกล่าวถึงสรรพคุณสมุนไพรกับความงามและเพื่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้นจึงทำให้ประชาชนหันกลับมาสืบค้นภูมิปัญญาไทยและนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพมากขึ้นฉบับนี้นำเรื่องการดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะด้วยสมุนไพรมาฝากได้แก่มะกรูดว่านหางจระเข้อัญชันเป็นต้น
มะกรูดชื่ออื่นมะกรูดมะหูดหนองคายส้มมั่วผีภาคใต้สรรพคุณผลของมะกรูดมีน้ำมันหอมระเหยน้ำมะกรูดมีรสเปรี้ยวช่วยให้ผมสะอาดเป็นเงางามทำให้ผมนิ่มแก้คันศีรษะป้องกันการเกิดรังแควิธีใช้นำผลของมะกรูดปิ้งไฟให้สุกผ่าครึ่งนำผลมะกรูดที่ผ่าครึ่งถูกบริเวณศีรษะหรือนำไปผสมกับน้ำอุ่นเมื่อสระผมเสร็จแล้วเอาน้ำมะกรูดสระซ้ำโดยใช้มะกรูดครึ่งซีกขยี้ไปบนผมน้ำมะกรูดเป็นกรดอ่อนๆจะช่วยให้ผมสะอาด น้ำมันหอมระเหยจะทำให้ผมชุ่มชื้นเป็นเงางามและจัดทรงง่าย
ว่านหางจระเข้ชื่ออื่นว่านไฟไหม้ภาคเหนือหางตะเข้ภาคกลางสรรพคุณวุ้นในใบว่านหางจระเข้ที่แก่มีสารAloeemodin, Aloesin,Aloin ช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกแผลเรื้อรังและช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารนอกจากนี้วุ้นในใบมีสรรพคุณรักษาแผลต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย
วิธีใช้นำว่านหางจระเข้ที่แก่มาปอกเปลือกเอาแต่ส่วนที่เป็นวุ้นนำมาบดแล้วเอาวุ้นประมาณ2ช้อนโต๊ะเวลาสระผมหยดน้ำวุ้นจากว่านหางจระเข้ขยี้ผมให้ทั่วทิ้งไว้ประมาณ3-5นาทีแล้วล้างออกให้สะอาดช่วยบำรุงหนังศีรษะช่วยลดอาการคัน
อัญชันชื่ออื่นแดงชันเชียงใหม่เอื้องชันภาคเหนือสรรพคุณใช้กลีบดอกสดตำให้ละเอียดนำน้ำที่ได้ชโลมผมจะช่วยให้ผมดกดำเป็นเงางามวิธีใช้ใช้กลีบดอกสดของดอกอัญชันตำให้ละเอียดผสมกับน้ำกรองกากออกนำน้ำที่ได้ชโลมผมทิ้งไว้10-15 นาทีแล้วล้างออกจะช่วยให้ผมดำเป็นเงางามในสมัยก่อนคนชอบนำดอกอัญชันสดมาเขียนคิ้วเด็กอ่อนเพราะเชื่อว่าจะทำให้คิ้วดกดำ อัญชันเป็นไม้เลื้อยมีทั้งดอกซ้อนและดอกเดี่ยวมีทั้งดอกขาวและดอกน้ำเงินที่นิยมนำมาใช้ปลูกผมหรือคิ้วคือสีม่วงในยุคนี้จะรู้จักอัญชันจากแชมพูสระผมและครีมนวดผมที่มีการนำสารสกัดจากอัญชันผสมลงไปเพราะคนโบราณมีความเชื่อว่าอัญชันช่วยปลูกผมปลูกคิ้วและทำให้มีสีดกดำจึงถือเป็นเครื่องสำอางชนิดหนึ่งในเด็กที่ผมบางก็มักนิยมใช้อัญชันขยี้ทาหนังศีรษะจะทำให้ผมดกดำได้ที่เป็นเช่นนี้เพราะดอกอัญชันมีสารจำพวก แอนโธไซยานิน ซึ่งเปลี่ยนสีตามความเป็นกรดด่างสีของดอกอัญชันนิยมแต่งสีน้ำเงินหรือสีม่วงในขนมต่างๆนอกจากนี้พบว่าสารแอนโธไซยานินที่มีมากอยู่ในดอกอัญชันนี้มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพเช่นการเพิ่มความสามารถในการมองเห็นเนื่องจากไปเพิ่มการไหลเวียนของหลอดเลือดเล็กๆโดยเฉพาะหลอดเลือดส่วนปลายจะทำให้กลไกที่ทำงานเกี่ยวกับการมองเห็นแข็งแรงขึ้นเพราะมีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้นมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ โดยที่พืชจะสร้างสารนี้มาเพื่อป้องกันดอกหรือผลตัวเองจากอันตรายของแสงแดดหรือโรคภัยต่างๆในอัญชันมีประโยชน์มากมายทั้งด้านความสวยงามมีประโยชน์ต่อสุขภาพช่วยป้องกันจากโรคต่างๆมีสีสวยสามารถปลูกเป็นไม้ประดับได้อีกด้วยที่มา ดรปารัณกุลตั้งสุขฤทัยหมออนามัยปีที่ฉบับที่
หากคุณคิดว่าการดื่มน้ำเป็นเรื่องไม่สำคัญ คุณไม่ผิดหรอกครับที่คิดอย่างนั้น แต่หากคุณอยากมีสุขภาพที่ดี ลองทำตารางนี้ก็คงไม่เสียหายใช่มั้ยครับ
น้ำที่ควรดื่ม ควร เป็นน้ำธรรมดาไม่เป็นน้ำที่ร้อนมากหรือที่เย็นจัด แต่ถ้าเป็นน้ำอุ่นๆ เล็กน้อย ก็ควรดื่มในตอนเช้าเพราะจะให้การขับถ่ายของคุณ ดีขึ้น ลำไส้สะอาด หากไม่เชื่อลองทำดูสิครับ
ระยะเวลาที่ดื่มน้ำ ใน 1 วัน อาจจะเปลี่ยนแปลงตารางให้เหมาะกับคุณเอง แต่ไม่ควรเปลี่ยนมากนะครับ เพราะอาจจะทำให้ตัวคุณเองสับสน
ตื่นนอนตอนเช้า ดื่มน้ำ 1 แก้วตอนสาย ดื่มน้ำ 2 แก้ว (เวลาประมาณ 9.00 – 10.00 น)ตอนบ่าย ดื่มน้ำ 3 แก้ว (เวลาประมาณ 13.00 – 14.00 น)ตอนเย็น ดื่มน้ำ 3 แก้ว (เวลาประมาร 19.00 – 20.00 น)ก่อนเข้านอน ดื่มน้ำ 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร ถ้าเป็นน้ำอุ่นจะช่วยให้หลับสบายดีขึ้น รวมแล้วให้สามารถดื่มน้ำเปล่าได้วันละ 10 แก้ว นอกเหนือจากนั้น ท่านสามารถดื่มน้ำผลไม้, น้ำนม ฯลฯ ได้อีกไม่จำกัด
ข้อควรจำ
* ไม่จำเป็นต้องดื่มครั้งละ 2 – 3 แก้วติดต่อกันทันที ดื่มตามปรกติสบายๆ ผู้ที่ทำตามครั้งแรก ๆ อาจรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย เป็นอาการปรกติธรรมดา ทั้งนี้เพราะผนังลำไส้ และกระเพาะอาหารขยายตัวขึ้น หากทำติดต่อกันเป็นประจำก็จะไม่มีอาการอีก สามารถดื่มได้ง่ายและเกิดความเคยชิน สดชื่น สบายที่ได้ดื่มน้ำมากๆ* ระยะแรก จะเกิดการปัสสาวะบ่อย ครั้งแรกๆ จะมีสีเหลืองข้นขุ่นกลิ่นฉุน เนื่องจากน้ำที่ดื่มไปชะล้างไตให้สะอาด ซึ่งไตเป็นเสมือนเครื่องกรองน้ำของร่างกาย ขจัดสิ่งตกค้างให้ออกไป* อย่าดื่มน้ำมากก่อนหน้าที่จะรับประทานอาหาร ( ควรงดดื่มน้ำมากสักครึ่งชั่วโมงก่อนรับประทานอาหาร) และหลังจากรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ ก็ไม่ควรดื่มน้ำมากๆ ทันที ในระหว่างการรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้ำตลอดเวลา เพราะการดื่มน้ำมากในระหว่างรับประทานอาหารจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร เจือจาง การย่อยเป็นไปได้ไม่ดี* การทานอาหารในแต่ละมื้อไม่ควร อิ่มจนแน่นท้องเกินไปควรให้อิ่มพอดีแล้วรับประทานผลไม้สดจะทำให้สะอาดคอ แล้วจิบน้ำตามนิดหน่อยท่านจะรู้สึกสบายท้องหลังจากนั้นสักครึ่งชั่วโมง จึงดื่มน้ำตามปรกติ
หากคุณผู้ชายคนไหน ลองทำตามเป็นประจำแล้วรู้สึกมีสุขภาพที่ดีขึ้น ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่าแข็งแรง ก็ทำต่อไปเรื่อยๆนะครับ เพื่อประโยชน์แก่ตัวของคุณเอง
การบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื่นช่วยลดปัญหาเรื่องริ้วรอยที่ทำให้ผิวดูเหี่ยวย่น ปลอบประโลมผิวบอบบางที่ง่ายต่ออาการแห้งลอก รวมทั้งความชุ่มชื้นที่เหมาะสมยังทำให้ผิวแข็งแรงห่างไกลปัญหาสิวอีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกการบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นให้เหมาะสมกับแต่ละสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าหรือผิวกายก็ตาม กระปุกดอทคอมจึงได้นำดูแลผิวแบบที่เหมาะสมกับผิวแต่ละแบบมาฝากกันค่ะ
1. ผิวเป็นสิวง่าย ..ใช้มอยส์เจอไนเซอร์เนื้อบางเบา
ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวที่มีปัญหาสิวส่วนใหญ่ จะทำลายน้ำมันในผิว ทำให้ผิวรู้สึกแห้งได้หลังการทำความสะอาดผิวใหม่ ๆ ผิวที่ง่ายต่อการเป็นสิวจึงจำเป็นต้องได้รับการบำรุงอย่างถูกวิธี โดยเลือกเติมความชุ่มชื้นคืนสู่ผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบา หรือสูตรออยล์ฟรี (oil-free) การเติมความชุ่มชื้นอย่างพอเหมาะโดยไม่รบกวนสมดุลผิวให้ผิวแห้งหรือมันเกินไป จะทำให้ปัญหาสิวค่อย ๆ ดีขึ้นด้วย
2. ผิวแห้ง ..ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อข้น
หากมีผิวที่ค่อนข้างแห้งตั้งแต่ผิวหน้าไปจนกระทั่งผิวกาย คุณจำเป็นจะต้องเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นพิเศษตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เป็นครีมสำหรับใบหน้า และใช้โลชั่นที่มีเนื้อค่อนข้างข้นสำหรับผิวกาย อย่างไรก็ตามไม่ควรทามอยส์เจอไรเซอร์หลาย ๆ ชนิดผสมกัน เพราะจะทำให้รู้สึกเหนอะหนะผิวเกินไป คุณอาจต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อหาผลิตภัณฑ์แบรนด์ที่ถูกกับผิวคุณจริง ๆ หรือจะทาออยล์หลังอาบน้ำ แล้วค่อยทาโลชั่นทับอีกครั้งก็ได้
3. ผิวเริ่มร่วงโรย ..เน้นเอาใจใส่บริเวณรอบดวงตา
ผิวพรรณที่เริ่มร่วงโรยไปตามกาลเวลาจะเริ่มปรากฎริ้วรอยได้ง่ายและชัดเจน โดยเฉพาะผิวส่วนที่บอบบางอย่างผิวพรรณรอบดวงตา ซึ่งจะมีริ้วรอยมาเยี่ยมเยือนเป็นอันดับแรก ๆ คุณจึงต้องเอาใจใส่ที่จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับรอบดวงตาเป็นพิเศษ โดยเลือกใช้อายครีมที่ให้ความชุ่มชื้นสูง และมีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกที่จะช่วยเต็มเต็มริ้วรอยให้ดูตื้นขึ้นได้
4. มือ ก็ต้องการการบำรุง
นอกจากผิวหน้า ผิวกาย และรอบดวงตาแล้ว ผิวพรรณที่มือของคุณก็ต้องการความชุ่มชื้น และการดูแลไม่แพ้ส่วนไหน ๆ เนื่องจากเป็นส่วนผ่านการสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ มามากที่สุด พกแฮนด์ครีมเอาไว้ใกล้ตัว และหยิบมาใช้ทุกครั้งหลังการล้างมือหรือเมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่ามือแห้ง
5. หากกำลังงดอาหาร อย่าลืมออกกำลังกาย
หากคุณกำลังลดน้ำหนักด้วยการงดอาหารแล้วล่ะก็ ขอแนะนำว่าอย่าลืมออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยนะคะ เพราะน้ำหนักที่หายไป ทำเอาสัดส่วนลดลงตาม และทำให้ผิวที่เคยเต่งตึงดูหย่อนยานลงด้วย เนื่องจากชั้นไขมันใต้ผิวถูกสลายไปนั่นเอง การออกกำลังกายจะทำให้ผิวเฟิร์มกระชับ ไม่หย่อนคล้อยไปตามน้ำหนักที่ลดลง เท่านี้ก็ลดน้ำหนักได้ทั้งหุ่นสวยและผิวสวยไปพร้อม ๆ กัน
ผิว เป็นอวัยวะที่นับว่ามีพื้นที่มากที่สุดของร่างกาย เพราะฉะนั้นต้องดูแลเอาใจใส่ให้ดีนะคะ และหากรู้จักดูแลผิวอย่างเหมาะสม สาว ๆ ก็จะมีผิวที่ทั้งนุ่มนวล และเนียนกระชับเลยล่ะค่ะ