คอลัมน์ เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์
ใครๆ ก็รู้ว่า "วิตามินดี" มีประโยชน์สำคัญ คือช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส เพื่อนำไปสร้างกระดูกและฟัน รวมถึงกระตุ้นการเจริญเติบโตของร่างกายให้เป็นปกติ
ดร.แอนนา-ไมจา โทลพ์เพเนน ผู้เชี่ยว ชาญจากมหาวิทยาลัยบริสตอลในอังกฤษ วัดปริมาณวิตามินดีในร่างกายของเด็กๆ วัยประถมศึกษา ระหว่าง 6-12 ขวบ จำนวน 2,700 คน พบว่า วิตามินดี 3 ที่ผลิตขึ้นจากไออุ่นของแสงแดดยามเช้า และอาหารจานอร่อยจำพวกปลามากไขมัน ทั้งปลาทู ปลาดุก ทูน่าและซาร์ดีน สามารถป้องกันโรคซึมเศร้าในวัยเด็กได้อย่างมหัศจรรย์
และยังมีดีช่วย ลดความเสี่ยงของภาวะบกพร่องทางจิต ซึ่งอาจลุกลามจากความเครียด ความสับสนและอารมณ์เบื่อหน่าย ไปสู่พฤติกรรมต่อต้านสังคม แถมยังส่อเค้าน่าเป็นห่วงอาจกระทบกระเทือนถึงระบบสมอง ส่งผลให้เด็กมีสมาธิสั้นและความจำแย่ลง จนยากที่จะรักษาให้หายขาด
(คอลัมน์อินโนเทค : เสพติดอินเทอร์เน็ต 'โรค' คนรุ่นใหม่ โดย...คนชอบเล่า) คอลัมน์อินโนเทค : เสพติดอินเทอร์เน็ต 'โรค' คนรุ่นใหม่ โดย...คนชอบเล่า
ช่วงกลางเดือนแรกของปีมังกรทอง มีข่าวดังในวงการไอทีซึ่งน่าสนใจ แต่กระแสต่างกันอย่างสิ้นเชิงอยู่ 2 ข่าว (แม้จะเผยแพร่ออกสื่อในเวลาไล่เลี่ยกัน) โดยข่าวดังที่มาแบบ "ดังๆ" ก็คือ กฎหมายเซ็นเซอร์ฉบับใหม่ของสหรัฐ ที่รอผลลุ้นในเดือนหน้าว่าจะผ่าน-ไม่ผ่าน โดยกฎหมายฉบับนี้ซึ่งมีชื่อย่อว่า SOPA พุ่งเป้าลงดาบการละเมิดลิขสิทธิ์คอนเทนท์ต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะ
แต่สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ข่าวนี้เปรี้ยงปร้างขึ้นมา ก็เพราะสารานุกรมฟรีออนไลน์ใหญ่ที่สุดอย่าง วิกิพีเดีย (wikipedia) ประกาศปิดเว็บไซต์ภาคภาษาอังกฤษ 24 ชั่วโมงเพื่อประท้วงกฎหมายใหม่นี้ ก่อนจะมีเว็บไซต์ดังรายอื่นๆ ทยอยประท้วงตาม
ส่วนข่าวดังข่าวที่สองซึ่งมาอย่าง "เงียบๆ" ก็คือ ผลสำรวจล่าสุดถึงผลกระทบของการท่องโลกออนไลน์แบบเอาเป็นเอาตายที่มีต่อ สุขภาพร่างกาย...วันนี้ก็เลยอยากมาเล่าสู่กันฟังถึงข่าวเล็กๆ แต่สำคัญยิ่งสำหรับผู้บริโภคสื่อออนไลน์เป็นประจำ
ที่น่าสนใจอีกอย่างก็เพราะผู้จัดทำสำรวจชิ้นนี้คือ สถาบันวิทยาศาสตร์จีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทะลุหลัก 500 ล้านคนไปแล้ว โดยกลุ่มตัวอย่างครั้งนี้เป็นคนหนุ่มสาวอายุ 14-21 ปี รวม 35 คน ซึ่งหลังการทดสอบพบว่า ผู้ที่มีพฤติกรรมแบบ always on หรือเสพติดอินเทอร์เน็ต จะมีอาการผิดปกติของสมอง อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของสมองเสื่อม โดยเป็นไปในลักษณะเดียวกับที่พบได้จากผลสแกนสมองของคนติดเหล้า หรือผู้ติดยาเสพติด
ผลสรุปที่พบยิ่งไปตอกย้ำข้อมูลในการศึกษาหัวข้อคล้ายๆ กันจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็น บีบีซี ที่เคยทำการสำรวจกลุ่มเสพติดวิดีโอเกม รวมถึงการวิจัยจากนักประสาทวิทยาและแพทย์รังสีวิทยา จากมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลในจีน ซึ่งจัดทำเมื่อปี 2554 และพบจากผลสแกนว่ากลุ่มตัวอย่างนักศึกษาที่ใช้เวลาวันละ 8-13 ชั่วโมงเล่นเกมออนไลน์ สัปดาห์ละ 6 วัน จะมีความเสียหายของบริเวณเปลือกสมองด้านหน้า ซึ่งมีหน้าที่ในการประมวลผล
อ่านคอลัมน์นี้จบแล้ว เราลองมาสำรวจตัวเองกันว่า "คุณเป็นโรคติดอินเทอร์เน็ตแล้วหรือยัง?"
ถ้าคุณมีอาการดังต่อไปนี้...ต้องระวัง !!! วันไหนไม่ได้เล่นคอมพิวเตอร์ จะรู้สึกจะมีอะไรขาดหายไป, เล่นทีไรเกินครึ่งชั่วโมงทุกที, เล่นเกมบนอินเทอร์เน็ตไม่น้อยกว่า 3 เกม, คอยเช็กว่าใครส่งเมลมาวันละ 2 ครั้ง เป็นอย่างน้อย, เวลาเขียนหนังสือมักใช้ภาษาแชท เช่น อิอิ ใช่ป่ะ โอเช, เวลานอนมองเพดานจะเห็นเป็นหน้าจอ, เวลาอ่านหนังสือหรือทำการบ้านก็จะออนไลน์ไปด้วยเสมอ, คุ้นเคยกับคำว่า MSN CHAT BLOG HOTMAIL มากกว่าการเขียนข้อสอบ และแบบฝึกหัด
...สัญญาณเตือน ก็คือ ยิ่งคำตอบคุณคือ "ใช่" มากเท่าไร...คุณก็ยิ่งติดอยู่ใน "กลุ่มเสี่ยง" สูงขึ้นเท่านั้น
credit ไทยโพสต์การผ่าตัดเสริมหน้าอกเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในบุคลิกภาพ
ทั้งในแง่การดำรงชีวิตหรือแม้แต่หน้าที่การงาน
ในปัจจุบันเป็นที่นิยมและยอมรับได้กันมากขึ้น
แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดถึงวิธีการเสริมไซส์หน้าอกที่เหมาะกับแต่ละ
บุคคลแล้ว พบว่า ในทุกวันนี้วิธีทางการแพทย์ที่จะช่วยให้สาว ๆ
กลายเป็นสาวมั่นได้มีอยู่ 2 วิธีด้วยกันคือ การใช้วัสดุสังเคราะห์
และการใช้เนื้อเยื่อตนเองเสริมขนาดหน้าอก
โดยวิธีหลังเป็นวิธีแบบเก่าที่ไม่อันตราย ทว่าก็ไม่คงทนถาวรเหมือนวิธีแรก
ฉะนั้น
คงจะดีไม่น้อยถ้าเราสามารถเอาไขมันส่วนเกิน
มาเสริมส่วนที่ขาดได้โดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต
ที่สำคัญหน้าอกที่บิ๊กบึ้มขึ้นจะไม่สูญสลายไปตามกาลเวลาอย่างที่แล้วมา
นพ.วรชัย
ชื่นชมพูนุท ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามประจำศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งความงาม
นิรันดาคลินิก ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
แม้การเสริมหน้าอกโดยการใช้วัสดุสังเคราะห์อย่างซิลิโคน
กำลังเป็นทางเลือกที่นิยมมากที่สุดในขณะนี้
เนื่องจากซิลิโคนหรือวัสดุเสริมแต่งเป็นสารสังเคราะห์ที่มีผลต่อร่างกายน้อย
ที่สุด หรือแทบไม่มีเลย เราจึงเห็นซิลิโคนอยู่ในส่วนต่าง ๆ
ของร่างกายเต็มไปหมด ทั้งหน้าอก จมูก คาง โหนกแก้ม หน้าผาก บั้นท้าย น่อง
ขณะการใช้สารเติมเต็มมาฉีดอย่างไฮยาลูโรนิกแอซิด
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
โดยเป็นในลักษณะฉีดของเหลวเข้าไปในเนื้อเยื่อร่างกาย
ไฮยาลูโรนิกแอซิดนี้เป็นสารที่สลายได้ไม่ตกค้าง แต่มีราคาแพง
และถ้าใช้เสริมหน้าอกก็ต้องใช้ปริมาณมากเป็นหลัก 100 ซีซี
ซึ่งราคาก็จะสูงตาม แต่สุดท้ายก็จะสูญสลายไปเหมือนกับวิธีเก่า
ที่เอาไขมันตัวเองมาเสริมที่ไขมันอาจสลายไปถึง 30-40%
"ใน
ปัจจุบันจึงมีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ขึ้นและเรียกว่า การคัดเลือกเซลล์ไขมัน
หรือ CAL ที่ย่อมาจาก Cell Assisted Lipotransfer
โดยเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลญี่ปุ่นกับมหาวิทยาลัยโตเกียวที่ช่วยกัน
พัฒนาขึ้น การเสริมหน้าอกด้วย CAL จะเริ่มต้นจากดูดไขมันตามส่วนต่าง ๆ
ของร่างกาย เช่น สะโพก ต้นขา หน้าท้อง ต้นแขน
ด้วยเครื่องดูดไขมันแบบดั้งเดิม จากนั้นคัดเลือกเซลล์ต้นกำเนิดด้วยมือ
เพื่อให้ได้เซลล์ที่สมบูรณ์และยังมีชีวิตอยู่ ก่อนฉีดเข้าไปยังเต้านมทันที
ซึ่งจะฉีดบริเวณชั้นใต้เนื้ออกและไขมันที่ไม่ใช่เนื้อหน้าอก
จึงไม่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง เนื่องจากไม่รบกวนระบบของเนื้อเยื่อเต้านม
และมีเทคนิคในการฉีดที่ละเอียดลออมากขึ้น
ทำให้แม้ว่าในภายหลังจะทำเมมโมแกรมเพื่อตรวจหามะเร็งเต้านม
ก็ไม่เกิดปัญหาผิดพลาดใด ๆ"
นพ.ฉัตรพงษ์ ศาสตรสาธิต ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามจากสถาบันเดียวกันอธิบายเพิ่มเติม พร้อมกล่าวต่อว่า ส่วน
ที่บอกว่าการใช้ไขมันตัวเองมาเสริมไซส์หน้าอกด้วยนวัตกรรม CAL
จะไม่สูญสลายไปนั้น ก็เพราะเซลล์ไขมันที่คัดเลือกยังมีชีวิต
และเมื่อได้เส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงก็จะสามารถอยู่ได้อย่างถาวรไม่สลายไป CAL
จึงเป็นเทคโนโลยีระดับเซลล์
ที่สนับสนุนให้วิธีการเสริมหน้าอกด้วยเนื้อเยื่อธรรมชาติได้ผลดีมากขึ้น
อีกทั้งการนำไขมันของตนเองมาใช้
นอกจากประโยชน์ในเรื่องของความเป็นธรรมชาติที่ให้ลักษณะความนิ่มและรูปทรง
และไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมต่อร่างกายแล้ว
ผู้ที่เสริมหน้าอกยังได้ลดขนาดการสะสมไขมันของร่างกายในบริเวณที่ไม่ต้องการ
เช่น หน้าท้อง หรือต้นขา
เพียงแต่ต้องดูด้วยว่าคนที่จะเสริมหน้าอกด้วยวิธีนี้
มีไขมันในร่างกายเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่ก็ต้องมีการให้ฮอร์โมนสร้างไขมันก่อน
แต่ถ้าเป็นกลุ่มผู้ชายที่ต้องการเสริมหน้าอก
อาจต้องใช้ซิลิโคนในการยืดดึงเนื้อประมาณ 1 ปีก่อนถึงจะทำ CAL ได้
สุดท้ายถ้าการผ่าตัดได้ผลดี คือในระยะเวลา 3 เดือน
เซลล์ต้นกำเนิดไม่ตายและไขมันที่ฉีดไม่สลาย
คนที่เข้ารับการเสริมหน้าอกด้วยวิธีนี้ก็จะได้หน้าอกในอุดมคติไปครอง
ใคร
ที่อยากขยายไซส์หน้าอกอย่างปลอดภัยไร้รอยแผลนอกจากรอยเข็มจุดเล็ก ๆ
กรุณาเตรียมเงินในกระเป๋าไว้ 3-4.5 แสนบาท และเวลาอีกน้อย ๆ 40 นาทีถึง 1
ชั่วโมง เพียงแค่นี้หน้าอกสวย ๆ ก็เป็นของคุณแล้วค่ะ ท้ายนี้ นพ.วรชัย
ฝากคำแนะนำให้แก่คนที่คิดจะทำ CAL ด้วยว่า เมื่อทำ CAL แล้ว
ข้อห้ามอย่านวดหน้าอกหรือใส่บราแบบสปอร์ต แต่ให้ใส่บราไซส์ที่หลวมที่สุด
และอาจต้องกินฮอร์โมนต่อเนื่องเพื่อให้เลือดมาเลี้ยงเต้านมในช่วง 3-6
เดือนแรกที่ทำ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอมหมอเตือนอย่าใส่คอนแทคเลนส์มากเกินไปทำให้ตาอักเสบ แนะอย่าใส่เกิน 7 ชั่วโมง ห้ามใส่นอน และควรหลีกเลี่ยงใส่ให้น้อยที่สุดจะดีกว่า
รองศาสตราจารย์นายแพทย์ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ ประธาน
ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ยกตัวอย่างกรณีที่นักแสดงสาว
ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร จากภาพยนตร์เรื่อง ATM เออรัก เออเร่อ
เกิดปัญหาทางสายตาเนื่องจากการใส่คอนแทคเลนส์มาพูดเมื่อวันที่ 2
กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า
อาการที่เกิดขึ้นกับนักแสดงสาวนั้นเกิดมาจากภาวะกระจกตาอักเสบซึ่งเกิดขึ้น
ได้จากหลานสาเหตุ ได้แก่ ผู้ใส่รักษาความสะอาดไม่ดีจึงติดเชื้อ หรือ
เกิดจากการมใส่คอนแทคเลนส์ตลอดเวลา
โดยการใส่คอนแทคเลนส์นั้นไม่ควรใส่ติดต่อกันเกิน 6-7 ชั่วโมง
ห้ามใส่นอนเด็ดขาด และควรใส่ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
เนื่องจากกระจกตาเป็นส่วนหน้าของลูกตาที่มีความใส ลักษณะเป็นแผ่นบางเหนียว
คลุมอยู่บนตาดำ เป็นส่วนหนึ่งในการรับแสงให้หักเหผ่านเลนส์ตาและตกลงบนจอตา
ทำให้มองเห็นภาพชัดเจน ที่กระจกตามีเส้นประสาทรับความรู้สึก ดังนั้น
ถ้ากระจกตาถลอกหรือมีแผลจะทำให้ปวดมาก น้ำตาไหล ไม่สู้แสง
และกระจกตาต้องการออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงหากมีการปิดกั้นออกซิเจนมาก^ๆ
จะทำให้กระจกตาเสื่อม หรือหากเกิดอาการกระจกตาอักเสบหรือติดเชื้อ
อาจถึงขั้นต้องผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา
ทั้ง
นี้สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นหรือต้องการใส่คอนแทคเลนส์อยู่
ต้องรักษาความสะอาดเป็นสำคัญ ล้างมือด้วยสบุ่ก่อนใส่และหลังถอดคอนแทคเลนส์
ควรใส่ก่อนการแต่งหน้าและถอดออกก่อนล้างเครื่องสำอาง
ห้ามแลกกันใส่กับผู้อื่น เมื่อพบมีรอยฉีกขาดหรือเกินกำหนดให้ทิ้งทันที
หากใส่แล้วมีอาการเคืองตาให้รีบถอด
ห้ามใช้น้ำก็อกล้างเลนส์ต้องมีน้ำยาล้างเลนส์โดยเฉพาะ
และที่สำคัญห้ามใส่นอนหรือใส่นอนเกินไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม