homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim
สลัดตับห่าน
ส่วนผสม
1.ตับห่าน              80    กรัม
2.ผักเรดโอ๊ค          5    กรัม
3.ผักกรีนโอ๊ค         5    กรัม
4.ผักไอซ์เบิร์ก        5    กรัม
5.ร็อกเก็ตสลัด        5    กรัม
6.มะเขือเทศ           2    ลูก
7.เกลือพริกไทย,กระเทียมกีบ         2    กรัม (อย่างละ)
8.ออริกาโน,ไวน์,น้ำมันมะกอก         2    กรัม (อย่างละ)
9.บาซามิกซอส             2    กรัม
ขั้นตอนการทำ
1.หมักตับห่านกับเครื่องเทศต่างๆเริ่มจาก เกลือพริกไทย ออริกาโน พริกไทยดำ ตามด้วยไวน์แดงและกระเทียม ทิ้งไว้ปรพมาณ 2 -3 นาที
2.หมักมะเขือเทศกับเครื่องเทศที่เตรียมไว้เหมือนตับห่าน แต่ทำแยกกันคนละจาน
3.เทน้ำมันมะกอกลงในกะทะที่เตรียมไว้ นำมะเขือเทศลงไปทอดให้สุกจนได้กลิ่นหอม
4.เริ่มทอดตับห่านโดยใช้คนละกะทะกับมะเขือเทศ ใช้เวลาในการทอดประมาณ (3 นาที) ให้พอสุกได้ที่ อย่าทอดนานจนเกินไป
5.ใส่ไวน์ลงไปเพื่อลดกลิ่นสาปของตับห่านและเพิ่มสีสรรให้กับรสชาติของอาหาร
6.นำผักที่เตรียมไว้จัดตกแต่งในจานให้สวยงาม เสิร์ฟพร้อมตับห่านและมะเขือเทศที่ทอดเสร็จ ราดด้วยซอสบาซามิก เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

ขอบคุณ เดลินิวส์

กริลล์ดอร์รี่กับซอสพะแนง-มิโซ




ส่วนผสม    
1. ปลาดอร์รี่  200 กรัม
2. มันฝรั่งต้ม  20  กรัม
3. หน่อไม้ฝรั่ง  10  กรัม
4. ผักโขม   20  กรัม
5. หอมใหญ่สับ  30  กรัม
6. พริกแกงพะแนง  20  กรัม
7. กะทิสด   30  กรัม
8. น้ำตาลปี๊บ  5   กรัม
9. น้ำปลา   5   กรัม
10. พริกแดง  5   กรัม 
11. ไวน์ขาว   10  กรัม
12. เกลือ-พริกไทย  5    กรัม
13. น้ำมันมะกอก  10  กรัม
14. ซอส Lee Perrine   5   กรัม
15. มัสตาร์ด   5   กรัม
16. เนยสด    5  กรัม

วิธีทำ1. หมักปลาดอร์รี่ด้วย ไวน์ขาว เกลือ พริกไทย ซอสLee Perrine และมัสตาร์ด นำมาม้วน หมักไว้ประมาณ 3-5 นาที กริลล์ด้วยไฟ 170 องศา 
2.   ผัดกะทิกับพริกแกงพะแนงให้หอมแตกมัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และซอสมิโซ
3.  ผัดผักต่าง ๆ ด้วยเนย หอมสับ เฟรมด้วยไวน์ขาว ตกแต่งด้วยมันฝรั่งและผักโขม จากนั้นราดด้วยซอสพะแนง มิโซ และพริกแดงหวานสับ

ขอบคุณ โหระพาดอทคอม

อาหารปอร์ตุเกส “เมืองกัว” อินเดีย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 ตุลาคม 2547 16:46 น.











“กัว” ร้านอาหารปอร์ตุเกส ที่บอมเบย์
       “ไป...มาแล้วเจ้าค่ะ
       ไป...“เมืองกัว” อินตะระเดีย
       ไป...เปิบเพื่อพิสูจน์ว่า
       อาหารปอร์ตุกิสในเอเชีย
       ที่คนปอร์ตุเกสทิ้งไว้ อ-ย่-อ-ย
       สักแค่ไหน อย่างไรกัน”
       

       ไป..เปิบ..ไป..กินมาแล้วเจ้าค่ะ เจ้านาย
      
       ไปเปิบอาหารปอร์ตุเกส ที่เมืองกัว ประเทศอินเดีย
      
       เจ้านายคงจะจำได้ว่า
      
       อีชั้นน่ะ สงกะสัยมาตั้งแต่เริ่มเขียนคอลัมน์แนะนำอาหาร รวมทั้งวิจารณ์อาหารมานานถึง 30 ปี
      
       เอ่อ... ตอนนี้อยากจะเรียนเจ้านายด้วยว่า อย่ามาเรียกอีชั้นว่า “นักชิม” หรือ “นักเปิบ” ทีเดียวเชียวนะ...เพราะว่าอีชั้นไม่ใช่
      
       อีชั้นเป็นเพียง “นักวิจารณ์อาหาร” หรือที่ฝรั่งเขาเรียกว่า “Food Critic”
       

       คนเก่ง...เก่ง เขาล้วนแต่เป็นนักชิมกันทั้งนั้น เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดแล้ว
      
       ขออีชั้นเป็นนักวิจารณ์อาหารอยู่เงียบ...เงียบ คนเดียวเท่านั้น ....อีชั้นก็พอใจแล้ว
      
       *******
       
       เขียนเรื่องอาหารหวานคาว สำหรับกับข้าวครัวไทย ฝรั่ง จีน แขก รวมทั้งอาหารแปลกๆ ไปทั่วโลก
      
       สิ่งหนึ่งที่อีชั้นสงสัยว่า อาหารปอร์ตุเกสในเอเชียเป็นอย่างไร
      
       เพราะเคยไป “ลิสบัว” เห็นมีแต่ฝอยทอง ลองกินอาหารปอร์ตุเกสที่นั่น ไม่ยักกับเหมือนกินที่มาเก๊า...มะละกา
      
       (จำได้มั๊ยเจ้าคะว่า อีชั้นพาเจ้านายไปเปิบอาหารปอร์ตุเกสที่มาเก๊ามาแล้ว ที่เขาเรียกว่า “แมคคานีส” กับอาหารปอร์ตุกิสที่มะละกา ที่เขาเรียกว่า “แบล็ค ปอร์ตุเกสไง)
      
       เพื่อให้ได้รู้ว่าเป็นหมู่หรือเป็นจ่า
      
       เมื่อเดือนที่แล้วอีชั้นก็ไปอินเดีย ไป “เมืองกัว” เพื่อจะได้รู้ว่า อาหารปอร์ตุกิสที่นั่น รสชาติ หน้าตา เป็นอย่างไร
      
       ***********






อาหารปอร์ตุกิสแบบอินเดีย เน้นข้าวราดหน้าแกงกะหรี่สูตรปอร์ตุกิส-อินเดีย
       “เมืองกัว” (GOA) ที่ว่านี่ เป็นเมืองท่าแห่งแรกที่ “วาสโกดา กาม่า” นักเดินเรือทะเลชาวปอร์ตุเกสคนแรกของยุโรป ที่สามารถแล่นเรืออ้อมแหลมกู๊ปโฮปมาถึงทวีปเอเชียได้
      
       (เวลาพูดถึงนักเดินเรือที่มาเอเชีย ก็จะหนีคำว่า “วาสโกดา กาม่า” ไม่ได้ คล้ายกับเมื่อนึกถึงนักเดินเรือไปอเมริกาก้ต้องคิดถึง “คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส” แต่รายนั้นเป็นอิตาเลียนไม่ใช่ปอร์ตุกิส)
      
       เมื่อประมาณสี่ร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ฝรั่งชาติแรกที่มาเหยียบแผ่นดินเอเชียก็คือ “วาสโกดา กาม่า” และแผ่นดินแรกที่เขาเหยียบย่างลงไปก็คือ “เมืองกัว” ที่ว่านี้ไง !!
      
       เมืองกัวนี่ถ้าอ่านออกเสียงเป็นฝรั่งก็ว่า “กัว” แต่ถ้าอ่านออกเสียงเป็นอินตะระเดีย เขาอ่านว่า “โก-อา”
       

       แต่ถ้าพุดเร็วๆ ตามประสาลิ้นแขกก็กลายเป็น...กัว
      
       จากเมืองกัวนี่ล่ะ พวกปอร์ตุเกสก็เปิดเส้นทาง “ยุโรป-เอเชีย” ท่าเรือที่สองต่อจาก “กัว” ก็คือ “มะละกา” ซึ่งสมัยนั้นขึ้นอยู่ในขอบขัณฑ์เสมาของกรุงศรีอยุธยา
      
       จากนั้นก็ไปตั้งอีกเมืองท่าก้คือ “มาเก๊า”
      
       ทั้งมะละกา ทั้งมาเก๊า อีชั้นเดินทางไปกินอาหารปอร์ตุกิสเขาแล้ว ก็สรุปได้ว่า
      
       อาหารปอร์ตุกิสที่ “มะละกา” แก่เครื่องเทศ แต่ก็มีสมุนไพร
       อาหารปอร์ตุกิสที่ “มาเก๊า” แก่เครื่องจีน
       และอาหารปอร์ตุกิสที่ “กัว” แก่กะทิ น้ำมันเลี่ยน และเครื่องเทศแบบอินเดีย
      
       *********






“เป็ดบอมเบย์” อาหารมีประวัติตำนาน
       อาหารดังของปอร์ตุกิสที่เมือง “กัว” ก็คือ “บอมเบย์ ดั๊ค” หรือเป็ดอินเดีย อาหารจานนี้เขามีตำนานเล่ากันว่า
      
       บอมเบย์ดั๊ค (Bombay Duck)
       
       เมื่อประมาณร้อยกว่าปี “พระเจ้าจอร์จที่ 5” เสด็จอินเดีย ทรงประทับอยู่ริมทะเลหน้าเมืองบอมเบย์ แล้วก็ทอดพระเนตรเห็นสัตว์เคลื่อนไหวจำนวนมาก
       พระองค์รับสั่งว่าเป็ดพวกนั้น น่าจะเอามาทำเป็นกระยาหาร
      
       คืนนั้นเมื่อทรงเสวย แทนที่จะเป็นเป็ดอย่างที่พระองค์ต้องการ กลับกลายเป็นปลา
      
       เมื่อพระองค์สอบถามว่าทำไมถึงเป็นปลา ไม่เป็นเป็ด
      
       เจ้าหน้าที่จึงเพ็ดทูลว่า “เมื่อพระองค์รับสั่งว่าเป็นเป็ด มันก็ต้องเป็นเป็ด" (แม้ว่าความจริงมันคือปลา)
      
       ********
       

       ที่เมืองกัว และเมืองบอมเบย์หรือบุมไบ มีร้านอาหารปอร์ตุกิสแบบเมืองกัวมากมาย แต่อาหารที่โด่งดัง ใครไปก็ต้องสั่ง ก็คือเจ้า “บอมเบย์ดั๊ค” ที่ว่า
      
       ถ้าเจ้านายมีโอกาสมาที่นี่จะต้องสั่งให้ได้
      
       มันก็คล้ายมาเมืองไทย นักเดินทางจะต้องสั่ง “ต้มยำกุ้ง” เพื่อรู้รสชาติแท้ๆ
      
       ก็เหมือน “บอมเบย์ ดั๊ค” นี่ไง
      
       ....ที่แท้มันก็คือปลาจาระเม็ดทอดกรอบ ราดด้วยซอสเครื่องเทศรสชาติกลิ่นแขก เท่านั้นล่ะเจ้าค่ะ...เจ้านาย
      
       “แม่ช้อย นางรำ”
       (SANTI_MAECHOICE@HOTMAILCOM)

อาหารฝรั่งเศส “ลังเกอดอก” ที่ “ดีซองส์” ดุสิตธานี

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 ตุลาคม 2547 10:20 น.





โดย....แม่ช้อย นางรำ






“ตับเป็ดลูกมะเดื่อ” ราดซ๊อสส้ม
       “ลังเกอดอก”..เป็นเมืองทางใต้
       คนที่นั่นเสียงเหน่อแบบสุพรรณ
       แต่ไวน์ที่นั่นถูก-อาหารก็อร่อย
       เชฟ 3 ดาว “มิชิลีน” บินมาโชว์เมืองไทย

      
       ตั้งแต่ปรับปรุง ห้องเทียร่า บนชั้น 33 ของโรงแรมดุสิตธานี ห้องอาหารฝรั่งเศสสไตล์ใหม่ที่ชื่อว่า
      
       
“ดี’ ซองส์” (D’ SENS)
       

       ก็ได้ชื่อว่าเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสอร่อยที่สุดในเมืองไทย
      
       เขียนอย่างนี้ก็ใช่ที่ว่าจะเชียร์กัน แต่เพราะ 50 กว่าปีที่อีชั้น ตระเวนกินอาหารฝรั่งเศสมาตั้งแต่ ร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งแรกในเมืองไทยคือร้าน “เซซูซาน” เมื่อ 5-60 ปีก่อนนั้นอยู่หัวถนนสุรศักดิ์ สีลม
      
       ไปจนถึงร้าน “เมโทรโปลิแตน” ที่ถนนเกษร
      
       หรือแม้แต่ที่ “นอร์มันดี” ของโรงแรมโอเรียลเต็ล
      
       เห็นจะบอกเจ้านายได้ว่า ร้านพวกนั้นเป็นฝรั่งเศสสไตล์เก่า อาหารไม่ตื่นเต้นเร้าใจ






“ซี่โครงแกะอบน้ำมันมะกอก”
       จนกระทั่งเมื่อกลางปีที่ผ่านมานี้ “โรงแรมดุสิตธานี” ปรับปรุงโรงแรมครั้งใหญ่ใช้เงินหลายร้อยล้าน จึงเกิดร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อ “ดี’ ซองส์” เกิดขึ้นมา
      
       ครั้งแรกที่อีชั้นไป เห็นแล้วก็ต้องร้องเป็นหนังโฆษณาขายนสพ. ผู้จัดการ คือ ..”เทียร่า เปี๊ยนไป๋”
      
       เมื่อสาม..สี่สิบปีก่อน
“เทียร่า” ได้ชื่อว่าเป็นห้องอาหารหรูหราสวยงามที่สุดของเมืองไทย แต่ตบแต่งเป็นแบบโมเดิร์น
      
       แต่ไปคราวนั้นเหมือนนั่งกินอาหารอยู่ริมแม่น้ำเซน ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส ทีเดียวเชียว
      
       มันเหมือนกันจริงๆ เจ้าค่ะ
      
       ยิ่งอาหารฝรั่งเศสที่เสิร์ฟ เป็นเมนูฝรั่งเศสใหม่ๆ ไม่ใช่แบบซุปหัวหอม เนื้อฟิเล่เมญอง แล้วก็เครฟซูเซท ที่ซ้ำซากตามแบบร้านอาหารฝรั่งเศสทั่วๆ ไป
      
       โดยเฉพาะบ้านเรา ร้านไหนก็มีเมนูโบราณบานบุรีแบบนี้แทบทั้งนั้น
      
       มันก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชฟที่มาทำอาหารให้รับประทาน เป็นเชฟจากฝรั่งเศสแท้ๆ แล้วก็อยู่ในระดับมาตรฐานสามดาว
“มิชิลีน” ทั้งนั้น
      
       ร้านอื่น โรงแรมไหนมีให้กินกัน






“ฌาคส์ บูรแซง” เชฟ3 ดาว “มิชิลีน” จากเมืองลังเกอดอก
       เมื่อตอนเปิดตัวครั้งแรก มีเชฟมาจากปารีส ทำอาหารฝรั่งเศสแบบ “ปาริเชี่ยน” เปลี่ยนรสชาติให้อีชั้นประทับใจ
      
       เพราะเมื่อปีกลายไปปารีสแล้วก็ยังไม่ได้ไปอีก
      
       (แต่ถ้าบุญมาวาสนาส่ง เดือนหน้าอีชั้นก็จะไปที่นั่น ไปเปิดวัดไทยในฝรั่งเศส ชื่อ “วัดไทยธรรมปทีป”)
      
       แต่เจ้านายขา คนโชคดีเรื่องกินนี่อยู่ที่ไหนก็ได้กิน ไม่ต้องบินไปถึงฝรั่งเศส เพราะร้าน “ดี’ ซองส์” ของโรงแรมดุสิตธานี เชิญอีชั้นไปทดสอบฝีมือเชฟฝรั่งเศสคนใหม่ เพิ่งบินมาจาก “ลังเกอดอก”
      
       มาทำอาหารฝรั่งเศสแบบเมืองติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ให้อีชั้นและนักนิยมอาหารฝรั่งเศสทั้งหลายได้ลิ้มชิมรสกัน
      
       เชฟที่เดินทางมาชื่อ “ฌาคส์ บูรแซง” เป็นเชฟ 3 ดาว “มิชิลีน” อาหารแบบคนใต้พูดเสียงเหน่อๆ แบบคนสุพรรณบ้านเรา ก็ทำอาหารเหมือนกัน คือเป็นอาหารฝรั่งเศสรุ่นเก่าอายุเป็นร้อยๆ ปี
      
       แต่เขาใช้วิธีตบแต่งออกแบบใหม่ทำให้เป็นเมนูอร่อยแบบทันสมัย เมนูวันนั้นเชฟเขาโชว์ดังนี้เจ้าค่ะ
      
       
ซุปเย็นซูซินีกับหอยเชลล์
       ปลาหิมะอบ หน่อไม้ฝรั่งสดชุปแป้งเทมปุระ
       เชอร์เบทแครอท-น้ำส้ม
สำหรับล้างปาก
       ก่อนเสิร์ฟจานหลัก
       
ตับเป็ดกับเม็ดมะเดื่อซ๊อสผลไม้
       และซี่โครงแกะอบน้ำมะกอก
       
ของหวานเป็นช๊อกโกแลตเย็นราดครีมคาราเมล
       หรือสับปะรดอบราดด้วยคาราเมล

      
       สุดแสนจะเสียดาย เจ้านายขา
      
       เนื้อที่จะให้อีชั้นเล่าพรรณนาความมีน้อย เพราะอย่างนั้นถ้าอยากจะรู้ว่าอาหารฝรั่งเศสแบบ “ลังเกอดอก” อร่อยแบบไหน ก็ต้องไปที่โรงแรมดุสิตธานี พิสูจน์สีมือเชฟ 3 ดาว มิชิลีนคนนี้
      
       บอกเจ้านายได้ว่า...ร้านอาหารฝรั่งเศสทั่วเมืองไทย ๆไม่มีเมนูลังเกอดอกแบบนี้หร๊อก!! จะบอกให้เจ้าค่ะ
      
       แม่ช้อยนางรำ
       

       (สอบถามรายละเอียด “ดี’ ซองส์” ได้ที่หมายเลข 0-2200-9000 หรือ E-MAIL : DUSITBKK@ DUSIT.COM.WWW.DUSITCOM)

โรตี (ROTIS) อิตะระเดียจ้า..นายห้าง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 พฤศจิกายน 2547 14:48 น.





 โดย...แม่ช้อยนางรำ






แขกกำลังทอดโรตี ที่เรียกชื่อว่า “ปูรี” (POORI)
       ที่อินเดีย..”โรตี” ก็คือแป้งกินคู่กับอาหาร
       มีชื่อเรียกแตกต่างกัน รวมทั้งวิธีทำก็ไม่เหมือน
       แต่ที่สำคัญ..”โรตี” ที่นั่นไม่โรยน้ำตาล ราดนมข้นจ้านายจ้า
       

       อีนี..ฉานก็เลยอยากจะเขียนเล่าเรื่องโรตีแขก ที่ฉานไปกินมา เพราะฉานจำได้ว่า
      
       เวลากลับมาจากเมืองแขกทีไร เจ้านายเป็นต้องถามฉานว่า
      
       “เป็นไง โรตีแขกอร่อยมั๊ย”
      
       อร่อยเจ้านาย..แต่ว่าอร่อยแบบแขก มันไม่อร่อยแบบไทย ฉานจะเล่าให้ฟังเจ้านาย
       ฉาน..ไปอินเดียมากกว่าไปบางจังหวัดในประเทศไทย เฉลี่ยปีหนึ่ง ฉานต้องไปอินเดียเป็นสิบครั้ง
       จังหวัดแม่ฮ่องสอน ฉานไปมาสองครั้งเท่านั้นเอง
       เห็นมั๊ยว่า ฉานเป็นคนอย่างไร ตอนนี้กำลังจะใกล้เป็นแขกเข้าไปทุกที โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ..กลิ่นตัวเจ้านาย
       นีย์..นีย์ (คำแขกหมายถึงโน..ไม่ใช่) กลิ่นของฉานมันไม่มีกลิ่นถั่ว กลิ่นน้ำมันเนยอย่างที่นายเข้าใจหร๊อก!!
       แต่มันเป็นกลิ่นดอกกุหลาบเจ้านาย
       





       คนแขกเขาชอบกลิ่นกุหลาบ ไม่ใช่เอามาเป็นสบู่ฟอกตัว เอามาเป็นยาสระผม เอามาเป็นน้ำมันใส่หัว หรือเอามาเป็นน้ำหอมทาตัวเท่านั้นซะเมื่อไหร่กัน
      
       อาหารหวานคาว แขกเขาก็ใส่น้ำกุหลาบเขาไปด้วยจ้า!!
      
       มาเมืองแขกมาสิบกว่าปี
      
       สิ่งที่อีชั้นขาดไม่ได้ก็คือโรตี
      
       แล้วนายห้างอย่านึกว่าโรตีแขก จะเหมือนโรตีไทย ฉานบอกได้เลยว่า..ไม่ใช่
      
       โรตีไทยก็โรตีไทย
      
       โรตีแขกก็โรตีแขก
      
       พวกแขกมาเมืองไทย เห็นคนไทยกินโรตีใส่น้ำตาลทราย โรยนมข้นหวาน อีนี..แขกพาลเป็นลมตาย กินเข้าไปได้อย่างไง
      
       คนแขกกินโรตีเหมือนฝรั่งกินขนมปัง
      
       เหมือนจีนกินหมานโถ่ว
      
       คือเป็นของกินคู่กับอาหารคาว โรตีไม่ใช่ของหวาน คนไทยพิสดารกินโรตีไม่เหมือน เจ้าของตำรับเขาซะนี่
      
       มานายจ้า ฉานจะอธิบายว่า “โรตีแขก” เขาแจกแจงกันอย่างไร
      
       
โรตี (ROTIS) แขก แบ่งออกเป็นประเภทชื่อเรียกดังนี้
       

       จาปาตี (CKAPATI)
       นาน (NANN)
       ปูรี (POORI)
       โปลก้า (PHULKA)
       และปาลาธา (PARATHA)
       






แขกกำลังกินโรตี ที่เรียกว่า ปูรีแกงกะหรี่”
       ชื่อเรียกต่างกัน วิธีทำก็ต่างกัน แต่ใช้เครื่องปรุงเช่นเดียวกันคือ แป้งสาลี เนยแข็งที่เรียกว่า “ฆี” แล้วก็น้ำมันถั่วน้ำมันมะพร้าวก็ว่ากันไป
      
       
โรตีที่มีชื่อเรียกแปลกๆ เพราะวิธีปรุงแตกต่างกันไป มีขายทั่วในอินเดีย ตั้งแต่ในโรงแรมฝรั่ง 4-5 ดาว ไปจนถึงเพิงขายข้างทาง
       

       อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้างตามประสา ลิ้นใครลิ้นมัน
      
       แต่ถ้าเจ้าไปเที่ยว “ทัชมาฮาล” เมื่อไหร่ มีร้านขายโรตีอร่อยแบบชาวบ้าน เป็นห้องแคบเล็กๆ หน้าทางเข้าทัชมาฮาล
      
       เวลาไปถึงที่นั่นเห็นแล้วก็จะรู้ เพราะหน้าร้านจะมีแขกมุงเต็มไปหมด
      
       ร้านนี้เขาขายโรตีที่เรียกว่า “ปูรี เคอร์รี่” มันก็คือโรตีจิ้มกับแกงกระหรี่มันฝรั่งเท่านั้น แต่มันอร่อยที่สุดนายท่านจ๋า
      
       นายห้างจะต้องกินให้ได้ เพราะของเขาทั้งถูกทั้งอร่อย ประเภทช้อยไม่ต้องมารำ
      
       เพราะเขาปั้นแป้งปูรีทอดน้ำมันเดือดร้อนจี๋ให้เห็น แป้งปูรีจะกรอบนอกนุ่มใน แต่แกงกระหรี่ค่อนข้างจะร้อนเผ็ดไปหน่อย แต่อร่อยเจ้าค่ะ
      
       เพราะถ้าไม่อร่อย แม่ช้อยก็คงจะไม่พาไปรำ
      
       จำไว้นะเจ้าค่ะเจ้านาย นี่คือรสชาติที่พระเจ้าชาห์เจฮันต้องครวญหา เขาว่าร้านนี้ขายคู่มากับทัชมาฮาล 350 ปี แล้วละเจ้าค่ะ เจ้านาย...
      
       
“แม่ช้อย นางรำ”
       (SANTI_MAE CHOICE@HOTMAICOM)