Mobile Steak สุขาภิบาล 3 - ร้านเสต็กขนหน้าแข้งไม่ร่วง

เปลี่ยนจากแนวจีนเป็นฝรั่งบ้าง (หมายถึงอาหารนะครับ ไม่ใช่ป้าย จีน-ฝรั่ง-ญี่ปุ่น หน้าโรงหนัง)วันนี้เรามาเที่ยวร้าน Mobile Steak อยู่ที่ Pure Place หน้าหมู่บ้านสัมมากร สุขา3

เสต็กร้านนี้ แม้ไม่ได้อร่อยที่สุดในประเทศไทย แต่รสชาติประทับใจ สนนราคา เราๆท่านๆกินกันได้ทุกคน

ไม่ต้องจบอีตัน (แต่ฉลาดน้อยกว่าเขมร)
ไม่ต้องกินส่วนแบ่งค่าเช่ารถเมล์จนปากห้อย
ไม่ต้องหนีคดีไปกินที่ดูไบ

เราก็กินกันได้

มาดูตัวอย่างเมนูของที่นี่กัน




หน้าร้านครับ ข้างนอกทันสมัย ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง


เสต็กนกกระจอกเทศ มาเป็นชุดพร้อมสลัด


สปาเก็ตตี้เขียวหวาม เ้อ๊ย เขียวหวาน

สเต็ก มี หมู ไก่ ปลา เนื้อ นกกระจอกเทศ แกะ (ทำเซียงแบบฟาราง) โอ้ว..ส์ มายก็อด Ha Hah ... h ขออุทานแบบยุโรปนอย

เมนู อื่นๆก็พวกสปาเก็ตตี้ต่างๆ แนวอาหารฟารางฟารางนาค๊าบ หรือประยุกต์กับอาหารไทย เช่นสปาขี้เมา สปาเขียวหวาน รสชาติแม้ไม่หรูหราแต่อร่อยคุ้มราคาครับ

How to go เอ้ยไม่ใช่ การเดินทาง Pure Place จะอยู่ซอยรามคำแหง 110 เป็นทางเข้ารองของหมู่บ้านสัมมากร ปากทางมี รพ.เกษมราษฎร์ ถ้ามาทางวงแหวนตะวันออก ลงรามคำแหงแล้วมุ่งหน้าแยกลำสาลี ผ่านหน้าหมู่บ้านพฤกษชาติไปเล็กน้อย ก็จะถึงหมู่บ้านสัมมากรครับ

“ร้านลุงใหญ่” สุดยอดอาหารป่า เสิร์ฟเมนูสารพัดสัตว์เลี้อยคลาน

ผัดคั่วกลิ้งคางคก และผักบุ้งดอง
อาหารจานเด่นของร้าน





เนื้อคางคกสำเร็จรูปพร้อมปรุง



สำหรับ คนที่ชื่นชอบการรับประทานเมนูอาหารที่แปลกๆ พิสดาร ถ้าจะได้รสชาติก็มักจะต้องเดินทางไปกินกันในต่างจังหวัด และที่สำคัญต้องเป็นฝีมือการปรุงของชาวบ้านในพื้นที่ เช่นเดียวกับ “ร้านลุงใหญ่” ร้าน อาหารป่า

เรียกได้ว่า คนที่ชอบเมนูแปลกต้องไม่พลาดที่นี่ เพราะเป็นร้านเดียวในจังหวัดราชบุรี หรือในประเทศก็ว่าได้ ที่มีเมนูเด่น อย่าง คางคก ตุ๊กแก อิ้งอ่าง เขียด งูเห่า ให้เหล่านักเปิบพิสดารดังหลายได้ลิ้มลอง

นายฟู บำรุงใจ (ลุงใหญ่) เจ้าของร้าน เล่าว่า ลุงได้เปิดร้านอาหารป่ามานานกว่า 19 ปี เมนูเด่นของทางร้านคือ งูเห่า เช่นเดียวกับร้านอาหารป่าทั่วไป

แต่ ที่แปลกกว่าร้านอาหารทั่วไป ก็คงจะเป็นเมนู คางคกทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น แกงป่า คั่วกลิ้ง ผัดขี้เมา ลุงการันตีได้เลยว่า ในย่านนี้ ยังไม่เคยมีร้านไหนกล้านำคางคกมาทำอาหาร

แต่ที่ลุงกล้านำคางคกมาทำอาหาร เพราะรู้วิธีขั้นตอนการทำ ว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้ได้เนื้อคางคกมาทำอาหารอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ลุงใหญ่ก็ยังได้สอนให้กับคนที่สนใจ และต้องการจับคางคกมาส่งขายให้ลุง

ได้ รู้วิธีขั้นตอนการเอาพิษร้ายที่อยู่ในตัวคางคกออก อย่างไรก็ตาม เมื่อได้คางคกผ่านขั้นตอนการทำมาแล้ว แต่ลุงไม่ได้นิ่งนอนใจ เนื่องจากคางคกมีคุณอนัน ก็มีโทษมหัน ต้องนำมาตรวจ และทำความสะอาดอีกที่หนึ่งเพื่อให้เกิดความปลอดภัยจริงๆ เพราะถ้ากินเข้าไปแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ลุงก็ต้องรับผิดชอบ

"สาเหตุที่คนนิยมกินคางคก เพราะมีความเชื่อว่าจะช่วยรักษาโรคคัน น้ำเหลืองไม่ดี รวมถึงรักษาอาการของโรคภูมิแพ้ เรื่องเหล่านี้ คนกินเขาจะรู้เอง และเมื่อเขามากินและรักษาโรคเหล่านี้ได้ เกิดการบอกกันแบบปากต่อปาก

ลุงเองก็ไม่ได้นำเรื่องเหล่านี้ มาโฆษณาให้ลูกค้าเชื่อแต่อย่างใด แต่ส่วนใหญ่คนที่มากินก็จะบอกเอง ว่า เขากินแล้วมันรักษาได้จริง เพราะลุงเป็นคนขายอาหาร สิ่งสำคัญอยู่ที่รสชาติมากกว่า คนที่ชื่นชอบในฝีมือการปรุงอาหารของเราก็มากินกัน ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็แล้วแต่ความเชื่อ”

ทั้งนี้ ในส่วนของเมนูคางคก เป็นเมนูเด่นรองลงมาจาก งูเห่า ส่วนเนื้อคางคกเมื่อนำมาทำเป็นอาหารรสชาติจะคล้ายกับนก แต่จะรสชาติดีกว่าเนื้อ กบ และเนื้อไก่ ลูกค้าก็เลยชื่นชอบ ที่สำคัญลุงใหญ่แก่ทำมานานกว่า 30 ปี ลูกค้าเชื่อใจในความปลอดภัย

ว่า กินเข้าไปแล้วจะไม่เป็นอันตราย ส่วนคางคก ลุงรับซื้อมาจากชาวบ้านที่ลุงสอนการทำไปให้ เขาก็ไปจับและทำมาส่ง ซึ่งการทำคางคกต่างจากเนื้อสัตว์อื่นๆ ลุงต้องลงมือทำเอง และ จะต้องทำให้สะอาดที่สุด แม้ว่าคนไปจับมาขายจะทำมาแล้ว แต่เราก็ต้องนำมาทำความสะอาดแช่น้ำเกลืออีกรอบ เพื่อความปลอดภัยจริงๆ

ส่วนราคาคางคกทำสำเร็จพร้อมปรุงอยู่ที่ กิโลกรัมละ 120 บาท ถึง 150 บาท แล้วแต่ช่วงฤดูกาลถ้าเป็นช่วงที่หาคางคกไม่ได้ ราคาเพิ่มขึ้นเท่าตัว แม้ว่าราคาจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่สามารถหาคางคกได้ เพราะมันไม่มี จึงแก้ปัญหาด้วยการซื้อไว้ช่วงฤดูที่มีคางคกออกมามากๆ

เช่นช่วงฤดุ ฝน และราคาไม่แพง นำมาตากแห้ง หรือเนื้อสด สด แช่ช่องแช่แข็งในตู้เย็นเอาไว้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องของขาดได้ เพื่อให้ลูกค้าได้กินอย่างต่อเนื่อง เพราะบางครั้งก็เห็นใจลูกค้าเดินทางมาไกล เขาตั้งใจมากิน ก็อยากให้เขาได้กินเมนูอย่างที่ตั้งใจ ไม่เฉพาะเนื้อคางคก เนื้อสัตว์อื่นๆ เราก็ทำเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กแก อึ่งอ่าง และเขียด

ลุงใหญ่ เล่าว่า ในส่วนของงูเห่า ลุงจะเลี้ยงไว้ในบ่อ เพราะที่ร้านของลุง จะมีกรุ๊ปทัวร์ จากประเทศไต้หวัน เกาหลี ฮ่องกง และสิงคโปร์ มาลง ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า กรุ๊ปทัวร์เหล่านี้มา ก็ต้องเตรียมงูเห่าเอาไว้เสิร์ฟ ซึ่งเมนูที่สั่งก็ไม่ใช่เมนูอาหารแต่อย่างใด

แต่เป็นการกินดี กินเลือด และหัวใจสด สด ของงู และจะต้องเชือดงูเป็นๆ และเชือดให้เห็นกันต่อหน้า เขาถึงจะยอมกิน ซึ่งราคาเริ่มต้นที่ 2,500 บาทถึง 3,500 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของงู โดยทางร้านจะต้องจ่ายให้ไกด์ตัวละ 500 บาท ซึ่งคนเหล่านี้เชื่อว่า กินแล้วเป็นยาโด๊ป เมื่อมาเมืองไทย ไกด์ก็จะแนะนำมาที่ร้านของลุง เพราะในกรุงเทพฯ ก็ไม่ค่อยมีร้านที่เปิดให้บริการแบบนี้

สำหรับร้านลุงใหญ่ เปิดขายมาตั้งแต่ปี 2519 เมนูเด่น นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น จะมีปลาตะเพียนต้มส้ม ซึ่งใช้เวลาต้มนานกว่า 30 ชั่วโมง และทุกโต๊ะลุงก็จะเสิร์ฟ ผักบุ้งดองกรอบเครื่องเคียง ซึ่ง เป็นสูตรเด็ดของทางร้านอีกเช่นกัน จานแรกเสิร์ฟให้ฟรี แต่จานต่อไปถ้าสั่งก็จะต้องเสียเงิน ส่วนราคาอาหารจานละ 70 บาท ถึง 80 บาท เหมือนกันทุกเมนู

ไม่ว่าจะเป็นสัตว์พิสดารขนาดไหนก็ราคาเท่ากันหมด จะเห็นว่าราคาไม่แพง ส่วนหนึ่งเพราะลุงแก่ใช้พืชผัก และเนื้อสัตว์ในพื้นที่ สามารถขายในราคาที่ไม่แพงได้ ลูกค้ามีกันทุกเพศทุกวัย แล้วแต่ความชอบ ส่วนใหญ่จะเป็นคอเหล้า ที่มาหากับแกล้มรสจัดจ้าน นอกจากนี้ ที่ผ่านมาลูกค้าที่ให้ไปจัดโต๊ะนอกสถานที่ บางครั้งเบื่ออาหารโต๊ะจีน อยากกินอาหารแปลกๆก็มาว่าจ้างลุง ซึ่งก็รับด้วยเช่นกัน ราคาใกล้เคียงกับอาหารโต๊ะจีน

โทร. 08-1191-9806


ขอขอบคุณ มติชนออนไลน์

ร้าน “เป็ดอ้วน” รสกระเดื่อง เรื่องเป็ดๆ

“ผ่าน มาแวะกิน” ขอบอกเลยว่าหากนักกินคนไหนเป็นแฟนเป็ด คือ ชอบกินเป็ดเป็นชีวิตจิตใจแล้วล่ะก็ เป็นต้องได้สมหวังถูกอกถูกใจกันแน่ เพราะในมื้อนี้เราจะพาไปกินเมนูเป็ดรสดีกันที่ร้านชื่อเป็ดๆ ว่า “เป็ดอ้วน” เจ้าเก่าที่ตั้งอยู่แถวประตูผี ตรงซ.สำราญราษฎร์ นี่เอง

ร้าน “เป็ดอ้วน” แห่งนี้หากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้เป็ด อาจจะรู้จักกันดีว่าที่นี่นั้นมีเมนูข้ามต้มเป็ดที่ขายดิบขายดีเป็นเมนูเด่น ชูโรงที่ขายมานาน 40 กว่าปีแล้ว ขายมาตั้งแต่รุ่นอาก๋ง สืบทอดจนมาถึงทายาทรุ่นที่ 3 ข้าวต้มเป็ดและเมนูเป็ดสารพันรวมถึงเมนูอาหารตามสั่งอื่นๆ อีกมากมายของที่นี่ก็ยังรสดีไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา





เรียก ว่าหากมาถึงร้านเป็ดอ้วนแล้ว ก็ต้องสั่งเมนูเป็ดๆ ของที่นี่มาลองลิ้มกันให้ได้ ซึ่งเมนูแรกที่จะพลาดสั่งไม่ได้เลยก็คือ ข้ามต้มเป็ด (30 บาท พิเศษ 40 บาท) ภายในชามมีข้าวต้ม น้ำซุปร้อนๆ และมีเนื้อเป็ดหั่นมาเป็นชิ้นๆ ที่ผ่านการต้มตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม และปรุงรสชาติมาแล้ว ต้องบอกว่าเนื้อเป็ดเคี้ยวแล้วนุ่มนิ่มอยู่ในปาก ได้รสชาติกำลังดี และก็ยังมีพวกเครื่องในเป็ดอย่างไส้ กึ๋น ตับ ที่เคี้ยวแล้วช่างนุ่มปากได้ใจจริงๆ ส่วนข้าวต้มก็เป็นเม็ดเคี้ยวนุ่ม พร้อมกับได้ซดน้ำข้าวต้มร้อนๆ ที่กลมกล่อมถูกปาก

หลังจากจัดการกับข้าวต้มเป็ดจนเกลี้ยงชาม ก็ต้องสั่งเมนูนี้ตามมาทันที เกาเหลาไส้เป็ด (40-50 บาท) เป็นเกาเหลาน้ำซุปร้อนๆ หอมๆ ที่มีแต่ไส้เป็ดล้วนๆ หรือที่เรียกว่า ไส้แก้ว ซึ่งทางร้านจะนำไส้เป็ดมาล้างจนสะอาด ก่อนจะนำไปลวกในน้ำร้อนแล้วแช่น้ำเปล่า ลวกอยู่อีกถึง 3 ครั้งจนจะได้ออกมาเป็นไส้แก้ว และปรุงรสอีกทีก่อนเสิร์ฟ เมื่อได้ลองลิ้มเคี้ยวไส้แก้วจะสัมผัสได้ถึงความกรุบกรับของไส้แก้ว ที่ไม่เหนียวเลย เคี้ยวเด้งกรุบๆ อยู่ในปาก จิ้มกินคู่กับน้ำจิ้มพริกเหลืองบดที่ใส่กระเทียมเจียวมาด้วย ช่วยเพิ่มรสชาติเปรี้ยวๆ หวานเผ็ดนิดหน่อยถูกปาก หอมกลิ่นกระเทียมเจียว และได้ซดน้ำซุปหวานกลมกล่อม


และอีกหนึ่งเมนูที่คนชอบกินเป็ดไม่ ควรพลาดนั่นคือ การสั่งสารพัดเป็ดอย่าง ปีกเป็ด ขาเป็ด ลิ้นเป็ด (40-80 บาท) มาแทะกินเพลินๆ แบบอิ่มไม่น้อย ซึ่งทั้งปีกเป็ด ขาเป็ด และลิ้นเป็ดนั้นทางร้านจะนำไปต้มจนเปื่อยนุ่มได้ที่ และก็ปรุงรสตามสูตรเด็ดของทางร้าน กินแล้วต้องบอกว่าปีกเป็ดเปื่อยนุ่มแทะมันปาก ขาเป็ดเนื้อหนังล่อนแทะง่าย ส่วนลิ้นเป็ดมีเนื้อติดนิดๆ และมีกระดูกอ่อนตรงส่วนปลายให้เคี้ยวมันๆ





แต่ ถ้าใครมาแล้วกลัวว่ากินแค่เมนูเป็ดอาจจะยังไม่อิ่มท้อง ไม่ต้องกลัวเลยเพราะที่นี่ยังมีเมนูอาหารที่ชวนกินอีกมากมาย อาทิ ข้าวต้มปลากะพง ข้าวต้มกระเพาะหมู ข้าวต้มหมูสับ (30 บาท) ไส้หมูพะโล้ทอด (40-50 บาท) ปีกไก่พะโล้ (40-50 บาท) มะระยัดไส้ (20-30 บาท)และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย ที่ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้เป็ดไม่ควรพลาดที่จะมาร้าน “เป็ดอ้วน”

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ร้าน “เป็ดอ้วน” ตั้งอยู่ที่ 112 ซ.สำราญราษฎร์ (ตรงข้ามวัดเทพธิดาราม) พระนคร กทม.การเดินทางถ้ามาจากถ.ราชดำเนินกลาง วิ่งตรงมาทางลานพลับพลาฯ และเลี้ยวเข้าถ.มหาไชย วิ่งตรงมาจนเจอแยกไฟแดง ให้เลี้ยวขวาตรงแยกนั้นเข้าซ.สำราษฎร์ หัวมุมซ.เป็นเซเว่น ตรงเข้ามาในซ.ไม่ลึกก็จะเห็นร้าน “เป็ดอ้วน” อยู่ริมถ.ซ้ายมือ มีป้ายร้านรูปเป็ดอ้วนให้เห็นชัดเจน จอดรถได้ริมถนน เปิดทุกวัน 11.00-23.00 โทร. 0-2222-5999, 08-3251-8383





ชื่อร้าน : เป็ดอ้วน

ประเภทอาหาร : ข้ามต้มเป็ดและอาหาตามสั่งอื่นๆ

เมนูจานเด่น : ข้าวต้มเป็ด, เกาเหลาไส้เป็ด, เมนูปีกเป็ด ขาเป็ด ลิ้นเป็ด

บรรยากาศร้าน : เป็นบ้าน มีโต๊ะให้เลือกนั่งสบายๆ

ที่ตั้ง และการเดินทาง : ตั้งอยู่ที่ 112 ซ.สำราญราษฎร์ (ตรงข้ามวัดเทพธิดาราม) พระนคร กทม.การเดินทางถ้ามาจากถ.ราชดำเนินกลาง วิ่งตรงมาทางลานพลับพลาฯ และเลี้ยวเข้าถ.มหาไชย วิ่งตรงมาจนเจอแยกไฟแดง ให้เลี้ยวขวาตรงแยกนั้นเข้าซ.สำราษฎร์ หัวมุมซ.เป็นเซเว่น ตรงเข้ามาในซ.ไม่ลึกก็จะเห็นร้าน “เป็ดอ้วน” อยู่ริมถ.ซ้ายมือ มีป้ายร้านรูปเป็ดอ้วนให้เห็นชัดเจน

สถานที่จอดรถ : จอดรถได้ที่ริมถนนหน้าร้าน

เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 11.00-23.00

เบอร์โทรศัพท์ : 0-2222-5999, 08-3251-8383



โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

"ไต๋ตงหูฉลาม" ความอร่อยที่คุณต้องพิสูจน์

วันนี้ปอยพามาทานหูฉลามค่ะ

ร้านนี้จะเป็นเพียงร้านรถเข็นข้างทางค่ะ (ไม่หรูหราเลยขอบอก)

ร้านจะตั้งอยู่ริมปากซอยเจริญกรุง 46 หรือข้างโรบินสันบางรักนั่นเอง หาไม่ยากค่ะ

หากขับรถไป (ง่ายนิดเดียว) จอดข้างห้างโรบินสันตรงทางเข้านั่นล่ะค่ะ

แล้วก็บอก รปภ. ว่ามาร้านไต๋ตง เขาจะบริการหาที่จอดให้อย่างขมักเขม้นกันทีเดียว

ร้านไต๋ตงจะเป็นอาหารจีนค่ะ จะขึ้นชื่อมากกับเมนู "หูฉลาม"

ปอยบอกตามตรงเลยนะค่ะว่า "ไม่เคยทานหูฉลามที่ไหนอร่อยเท่าที่นี่เลย ... ขอคอนเฟิร์มค่ะ"

หูฉลามมีหลายราคาให้เลือกสรรค่ะ ตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาทจนถึงหลักหลายพันกันทีเดียว

ที่นี่จะมีโต๊ะให้นั่งทานไม่มากเท่าไหร่ค่ะ .... จะมีโต๊ะข้างทางให้นั่งทานกันก็มีค่ะ

แต่ปอยจะเข้าไปนั่งทานในร้านค่ะ ..... ตึกอาคารพาณิชย์ห้องเดียว มีเพียงแค่ 2 - 3 โต๊ะเท่านั้นเองค่ะ

ถึงร้านจะเล็กและริมทางก็มีคนใหญ่คนโตที่เรารู้จักและคุ้นหน้าจากสื่อต่างๆ มานั่งทานกันนะค่ะ (จะบอกให้)





ตอนนี้ไปดูกันสิว่า ..... ปอยสั่งอะไรมาทานบ้าง อิอิ











ผักชี & ถั่วงอก สดสะอาด





















หูฉลามมาแล้วค่ะ (หม้อนี้ขอกระซิบว่า 1,500 บาทค่ะ)

ทำไมถึงแพง (ของดีซ่อนอยู่ก้นหม้อนะเออ 555+)

ภายในหม้อนี้มี หูฉลาม (หูใหญ่มาก) เนื้อปูก้อนโตเกือบสิบชิ้น (แต่ละชิ้นเบ่อเร่อเลย)

และสิ่งที่ปอยโปรดปรานมาก แต๊น แต๊น แตน ..... เป๋าฮื้อ จ้า





















ตักใส่ถ้วยให้เห็นกันชัดๆ .... เนื้อปูทั้งสดทั้งใหญ่แถมหลายชิ้นสมกับราคาจ้า





















ผัดหมี่ฮ่องกง ผักกระเพาะปลา ข้าวผัด (แต่ละจานๆ ละ 500 บาทค่ะ)













************************************************

ไปทานกัน 6 คน ..... หูฉลาม 6 หม้อๆ ละ 1,500 บาท

ข้าวผัด ผัดหมี่ ผัดกระเพาะปลา อย่างละจานๆ ละ 500 บาท

ไวน์อีก 1 ขวด 2,000 บาท .... พกไปเองไม่เสียค่าเปิด อิอิ

น้ำชาที่ร้านฟรีค่ะ

นั่งทานไม่ถึง 1 ชม. ..... เช็คความเสียหาย 10,500 บาท

หอมกรุ่นกลิ่นกาแฟ Ohana Fresh Cafe

บรรยากาศอบอุ่น กรุ่นกลิ่นหอมอบอวลอันมีเสน่ห์ของกาแฟอย่างดีส่งตรงจากเกาะฮาวายที่ Ohana Fresh Cafe ร้านกาแฟเก๋ๆ แห่งนี้ เปรียบเสมือนโอเอซิสอันแสนร่มรื่นกลางซอยสุขุมวิท 24 ตัวร้านเป็นเรือนกระจกใส เห็นแนวต้นไม้สีเขียวด้านนอก มีต้นไม้ใหญ่อายุหลาย สิบปีแผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา

     ภายในตกแต่งได้อย่างน่านั่ง เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สไตล์ เรโทรและเครื่องใช้ต่างๆ ให้กลิ่นอายความเป็นคาเฟ่ญี่ปุ่นน่ารักๆ ในโทนสีไม้ สบายตา มีมุมชั้นวางหนังสือ Travel และ Cooking ให้เราหยิบอ่านกันเพลินๆ

     ที่ โอฮานา ต้อนรับ Coffee Lover ทั้งหลายด้วย Kona Coffee เป็นกาแฟเมล็ด พันธุ์ท้องถิ่นของฮาวาย ซึ่งมีเอกลักษณ์พิเศษต่างจากที่อื่น คือมีกลิ่นหอมผลไม้เคล้า กลิ่นซินนามอนอ่อนๆ รสชาตินุ่มนวลหอมหวานและไม่เข้มมากนัก นอกจากกาแฟ ยังมีเมนูโฮมเมดที่ทำกันแบบสดใหม่ทุกวันทั้งแซนด์วิช ครัวซองท์ และเบเกอรี่

     อันดับแรกเป็น Iced Espresso Latte (90 บาท) ก้อนน้ำแข็งเอสเพรสโซ่รสเข้ม ให้เราค่อยๆ เติมฟองนมนุ่มกับไซรัปได้ตามชอบ ความพิเศษของแก้วนี้คือรสชาติ จะเข้มขึ้นเรื่อยๆ จากเอสเพรสโซ่ที่ละลายลง ต่างกาแฟเย็นทั่วไปที่เราเคยดื่มกัน หรือจะลอง Iced Caffe‘ Latte (100 บาท) หวานหอมกลมกล่อมแบบพอดี

     มาถึงไฮไลท์ของที่นี่คือ Hawaiian Kona Coffee (140 บาท) กับดีกรีความเข้ม ที่บางกว่าเอสเพรสโซ ดื่มร้อนๆ ผ่อนคลาย หอมกลิ่นซินนามอนอ่อนๆ แนะนำให้ ทานคู่กับ Croissant (45 บาท) ครัวซองท์โฮมเมดแป้งหอมนุ่ม ไม่เพียงกาแฟ รสชาติดี มีเครื่องดื่มชาให้ชิมตั้งหลายอย่าง

     ที่อยากให้ลองคือ Matcha Float (140 บาท) ชาเขียวญี่ปุ่นแท้กับนมสด ท้อปปิ้งด้วยไอศครีมวนิลลา แก้วนี้ขอบอก ว่าหอมกลิ่นมัชฉะสุดๆ เลยล่ะ

     เบเกอรี่โฮมเมดที่เรา Highly Recommend คือ Chocolate Mauna Loa (200 บาท) เค้กช็อกโกแลตอุ่นๆ ตักเจอไส้ช็อกโกแลตลาวาเข้มข้ม ทานคู่กับ ไอศครีมวานิลลาและวิปปิ้งครีม, Strawberry Waffle with Vanilla Ice- cream (180 บาท) แป้งวาฟเฟิลอบอุ่นๆ กรอบนอกนุ่มในกับสตรอเบอร์รี่สด มีไซรัปให้หยดเติมความหวานได้อีก, Fudge Brownies (40 บาท) ชอบตรง เนื้อฟัดจ์บราวนี่ส์นุ่มหนึบกับช็อกโกแลตเข้มข้น

     ใครท้องว่างแนะนำแซนด์วิชอร่อยๆ อย่าง Parma Ham with Rocket and Tomato Sandwich (240 บาท) ขนมปังฝรั่งเศสอบทำใหม่ๆ ไส้พาร์มาแฮม มะเขือเทศ ผักร็อกเก็ตสด, Cuban Sandwich (240 บาท) อร่อยแน่นเต็มคำกับ เนื้อหมูย่าง สวิสชีส แฮม และแตงกวาดอง นอกจากนี้ทางร้านมีเซตอาหารกลาง วันประเภทพาสต้า สลัด ซุป ไว้บริการด้วยค่ะ

     แม้ร้านจะมีพื้นที่ไม่ใหญ่โตมากนัก หากแต่สามารถทำให้เราเกิดความรู้สึกดีๆ อยากจะใช้เวลาอยู่ที่นี่นานให้ เพื่อนั่งละเลียดกาแฟหอมๆ ท่ามกลางบรรยากาศ ผ่อนคลาย หยิบหนังสือเรื่องเล่าเกี่ยวกับกาแฟมาอ่าน ไปพร้อมกับการทานของ อร่อย และก็คงไม่เกินไป ถ้าจะบอกว่า Ohana Fresh Cafe ช่างสมกับเป็น โอเอซิสอันแสนอบอุ่นสำหรับคนรักกาแฟเสียจริง

     ที่ตั้ง : 50/4 ซอยสุขุมวิท 24 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
โทร : 0-2661-1930
อีเมล์ : fresh@ohana.co.th
เว็บไซต์ : http://www.ohana.co.th, http://www.facebook.com/ohana
เปิดบริการ : ทุกวัน 09.00 - 21.00 น.
ราคาต่อท่าน(โดยประมาณ) : 200 - 300 บาท




ข้อมูล bkkmenu 

Read more: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cartoonthai&month=13-07-2011&group=27&gblog=164#ixzz1SHdcatTq