ส้มตำ-ต้มยำกุ้ง ติดโผ 100 อาหารต้องกินก่อนตาย

credit kapook.com
ส้มตำ



สื่อผู้ดีจัด 100 อาหารน่ากินก่อนตาย ไทยติดอื้อ (ไอเอ็นเอ็น)


            สำนักข่าว เดอะซัน แท็บลอยด์ ชื่อดังของอังกฤษ ลงบทความคอลัมน์สุขภาพ โดยเผยถึง100 อาหารสิ่งที่ควรกินก่อนตาย จากผลสำรวจในเฟซบุ๊ก พบ อาหารไทย ติดเพียบ เช่น ส้มตำ ต้มยำ รวมไปถึง เมนูอื่น ๆ ที่หาทานได้ง่ายในไทย ส่วนเมนูต้น ๆ ที่ เดอะซัน แนะนำ ทั้ง หอยเป๋าฮื้อ และเนื้อจระเข้

            เว็บไซต์สำนักข่าว เดอะซัน สื่อดังจอมแหลกของอังกฤษ ลงคอลัมน์สุขภาพ โดยจัดทำแบบสอบถามในเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ 100 สิ่งที่ควรกินก่อนตาย โดยอาหารส่วนใหญ่ที่ติดโผ 100 อันดับ เป็นเมนูแปลกและถึงขั้นพิสดาร แต่บางเมนูกลับมีประโยชน์ต่อสุขภาพ อาทิ เนื้อจระเข้ จิงโจ้ ฉลาม กระรอก และงู เป็นต้น

            โดย ลินด์ซีย์ เฮย์วูด นักเขียนคอลัมน์ดังกล่าว ยกตัวอย่างว่า เนื้อจระเข้ แม้จะฟังดูน่ากลัว แต่กลับพบว่า มีคอเลสเตอรอลและไขมันต่ำ โปรตีนสูง ให้สัมผัสเหมือนเนื้อลูกวัว รสชาติคล้ายเนื้อไก่ และกระต่าย เป็นต้น นอกจากนี้ เมนูอาหารยอดนิยมของไทย ยังติดโผด้วย อาทิ ส้มตำ ต้มยำ ทุเรียน กล้วยทอด เป็นต้น  รวมไปถึงอาหารอื่น ๆ ที่หาทานได้ง่ายในประเทศไทยด้วย

           นอกจากนี้ ยังมีอาหารอื่น ๆ ที่น่าสนใจ และติดอันดับอาหารน่ากินก่อนตาย  เช่น

               หอยเป๋าฮื้อ

               นมแพะ

               เนื้อจระเข้

               บาบา กาโนช - มะเขือม่วงเผาสับปรุงรส

               บาเกลและล็อกซ์ - ขนมปังโปะแซลมอนรมควัน

               บาคลาวา - พายถั่ว

               ซี่โครงย่างบาร์บีคิว

               เนื้อจิงโจ้

               ซุปรังนก

               บิสกิตและเกรวี

               ไส้กรอกดำทำจากเลือดสัตว์ อาทิ หมู ไก่

               เห็ดทรัฟเฟิลดำ

               บอร์สช์ - ซุปบีทรูทของรัสเซีย

               ขากบ

               ปลาคาร์ฟ

               คาร์เวียร์

               ชีสฟองดู

               เมนูไก่และวอฟเฟิล

               ติ๊กก้า มาซาลา - แกงไก่อินเดีย

               ชิลลี เรลเลโน - เมนูพริกยัดไส้

          

อร่อยล้ำ ดื่มด่ำแจ๊ส ที่ “Brown Sugar”

ที่มา โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 เมษายน 2555 17:22 น.
บรรยากาศร้าน Brown Sugar นั่งสบายๆ ฟังเพลงแจ๊ส
       ท่วงทำนองของดนตรีเพลงแจ๊สดังขึ้นอย่างสนุกสนาน พาใจให้ “ตระเวนกิน” ต้องรีบเยื้องกรายเดินตามเสียงดนตรีอันไพเราะสะเนาหู เพื่อไปยังต้นตอของเสียงเพลงแจ๊สที่ชวนฟัง ซึ่งกำลังดังมาจากร้าน “Brown Sugar the Jazz Boutique” ที่ตั้งอยู่ตรง ถ.พระสุเมรุ
      
       สำหรับคอเพลงแจ๊สทั้งหลาย เชื่อว่าถ้าเอ่ยชื่อร้าน “Brown Sugar the Jazz Boutique”ขึ้นมาแล้วต้องรู้จักถึงชื่อเสียงของร้านกันเป็นอย่างดี เพราะว่าร้าน Brown Sugar โด่ง ดังมาจากที่ย่านหลังสวน มานานเกือบ 30 ปี จัดได้ว่าเป็นร้านตำนานแจ๊สผับของเมืองไทย แต่ว่าทุกวันนี้ได้ย้ายมาอยู่ที่ ถ.พระสุเมรุ และเนรมิตให้ตึกแถวเก่าที่มีมนต์ขลัง กลายมาเป็นร้านแจ๊สที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง โดดเด่นด้วยบรรยากาศร้านที่ตกแต่งแบบคลาสสิค มีงานศิลปะประดับอย่างลงตัว
วงดนตรี Brown Sugar House Band
       ด้านในร้านจัดเป็นโต๊ะนั่งแบบสบายๆ มีโต๊ะหลายโซนให้เลือกนั่ง มีทั้งโต๊ะนั่งโซนติดเวทีด้านหน้าที่จะได้เห็นนักดนตรีเล่นเพลงอย่างใกล้ชิด และมีโต๊ะนั่งติดกับเคาเตอร์บาร์ที่คอยบริการเครื่องดื่มแบบครบครัน หรือถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัวสักนิดก็มีห้องวีไอพีบริการ 1 ห้อง ส่วนถ้าใครชอบสัมผัสความเป็นธรรมชาติรับลมเย็นๆ ก็มีโซนเทอเรสโต๊ะนั่งด้านหลังที่อยู่ติดกับคลองบางลำพูชวนนั่งแบบรื่นรมย์ กับสายน้ำตกจำลอง
      
       แล้วยังมีชั้น 2 ที่จัดให้เป็นส่วนของ Gallery & Play House มีพื้นที่กว่า 80ตร.ม. ทางร้านอยากให้เป็นพื้นที่สำหรับการแสดงนิทรรศการศิลปะแขนงต่างๆ หรือจัดงานคอนเสิร์ต งานอีเว้นท์ จัดกิจกรรมต่างๆ ที่ถ้าใครสนใจก็สามารถมาเลือกใช้บริการพื้นที่ได้
       และหากใครที่เป็นคอกาแฟโดยเฉพาะ ทางด้านหน้าร้านยังเปิดเป็น Brown Sugar Café ที่จะมีอาหารเช้าและกลางวันแบบจานด่วนแต่เน้นคุณภาพและรสชาติ พร้อมให้ลิ้มรสควบคู่ไปกับการจิบกาแฟหอมๆ รสละมุน และมีเค้กโฮมเมดให้ได้ละเลียดลิ้นกันอีกด้วย ซึ่งส่วนนี้เปิดตั้งแต่ 08.00-19.00 น.
      
       นี่แค่บรรยากาศร้านก็ชวนให้เคลิบเคลิ้มน่านั่ง ถ้าพูดถึงดนตรีแจ๊สแล้วรับรองว่าไม่ผิดหวัง ทางร้านจัดเต็มเรื่องดนตรีแจ๊ส โดยทุกวันตั้งแต่ 21.00 น. เป็นต้นไปจะมีนักดนตรีวงประจำอยู่ 3 วง คือ Brown Sugar House Band, Mellow Motif และวงสาวสะดุ้ง แล้วในวันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะมีมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินแจ๊สชื่อดังจากทั่วโลกมาเล่นดนตรีแจ๊สให้ฟัง อย่างสนุกสนานสลับหมุนเวียนเปลี่ยนกันไป
      
       แต่ถ้าจะมานั่งฟังเพลงแจ๊สให้อิ่มใจอย่างเดียวก็กระไร ต้องขออิ่มท้องแบบครบสูตรกันไปด้วย ซึ่งที่นี่มีอาหารเลิศรสคอยให้ได้ลิ้มรสกันด้วย ซึ่งอาหารของที่นี่มีทั้งอาหารไทย, เม็กซิกัน, เยอรมัน, อิตาเลียน และอาหารเมนูใหม่ๆ แนวฟิวชั่นที่ทางร้านคิดค้นสูตรขึ้นมาโดยเฉพาะ และคัดสรรแต่วัตถุดิบชั้นดีมาปรุงเป็นอาหารจานเด็ดให้ได้ลิ้มรสกันมากมาย
สโมกแซลมอนลุยสวน
       อย่างที่อยากจะแนะนำให้ลองลิ้มกันก็มี สโมกแซลมอนลุยสวน (240 บาท) จะได้ลิ้มรสเแซลมอนรมควันจากนอร์เวย์เนื้อหอมนุ่ม กินคู่กับเครื่องสมุนไพรไทยต่างๆ ที่คลุกเคล้ากับน้ำยำ 3 รส เปรี้ยว เค็ม หวานเจือรสเผ็ดนิดหน่อย และมีผักสดมาให้กินเคียงเหมือนกินเมี่ยง
กุ้งคั่วพริกกะเกลือ
       กุ้งคั่วพริกกะเกลือ (350 บาท) เป็นกุ้งทะเลตัวใหญ่ทอดแล้วคั่วกับเกลือและพริกขี้หนู เพิ่มความหอมด้วยเม็ดพริกไทยสดและใบมะกรูดทอด เต็มปากเต็มคำกับกุ้งเนื้อแน่นหวานผสานความเค็มนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศ
แซลมอนราดซอสมะขามพริกเผา
       แซลมอนราดซอสมะขามพริกเผา (280 บาท) เมนูนี้จะได้ลิ้มรสเนื้อปลาแซลมอนสดจากนอร์เวย์ที่นำมาทอดกรอบนอกนุ่มในชุ่ม ด้วยซอสมะขามน้ำพริกเผาสูตรเด็ด เเปรี้ยว หวาน เค็มโดนใจปากดี
หมูดำผัดกิมจิ
       หมูดำผัดกิมจิ (220 บาท) เมนูใหม่ที่นำหมูดำมาหมักกับซอสสูตรพิเศษ แล้วนำมาผัดกับกิมจิที่ทางร้านทำเอง ปรุงรสใส่ขิง งาขาวคั่ว พริกเกาหลี เสิร์ฟมาแบบกระทะร้อน ลิ้มรสหมูดำเคี้ยวนุ่มปากเข้าเนื้อกับกิมจิที่ถึงเครื่องถูกลิ้น
สปาเก็ตตี้ต้มยำซีฟู้ดซอสครีม
       สปาเก็ตตี้ต้มยำซีฟู้ดซอสครีม (250 บาท) เป็นเมนูฟิวชั่นที่นำเส้นสปาเก็ตตี้มาผัดกับซอสครีมชีสและเครื่องต้มยำไทย ใส่หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งทะเล และหมึก ราดหน้าด้วยซอสครีมชีสอีก ม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เคี้ยวเหนียวนุ่มปากได้รสชาติเครื่องต้มยำจัดจ้านผสานรส ชาติซอสครีมชีสรสละมุนลิ้นที่เข้ากันได้อย่างลงตัว กินแล้วไม่เลี่ยน
สเต็กเนื้อ
       สเต็กเนื้อ (380 บาท) เสิร์ฟมาแบบกระทะร้อน เป็นเนื้อวัวอย่างดีนำเข้าจากออสเตรเลียผ่านการหมักและกริลล์จนได้ที่ ราดด้วยน้ำเกรวี่สูตรพิเศษ แล่ชิ้นเนื้อส่งเข้าปากเคี้ยวเนื้อนุ่มหนึบหนับปากฉ่ำน้ำเกรวี่รสจัดจ้านออก เผ็ดนิดๆ
      
       แล้วยังมีเมนูอื่นๆ ที่ชวนกินอีกเพียบ อาทิ ข้าวลาบหมูทอด (190 บาท) สเต็กหมูดำซอสวาซาบิจิ้มแจ่ว (220 บาท) ขาหมูทอดเยอรมัน (380 บาท) กุ้งซอสมะขาม (350 บาท) ขาวัวตุ๋นไวน์สไตล์อิตาเลียน (320 บาท)
      
       นอกจากนี้ยังมีอีกสารพัดเมนูเลิศรสที่ชวนให้สั่งมากินคู่กับเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมเพลิดเพลินไปกับดนตรีแจ๊สอันชวนฟัง จากร้าน “Brown Sugar” หนึ่งในตำนานแจ๊สผับของไทยที่ยังมีมนต์ขลังอย่างเหลือเฟือ
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “Brown Sugar the Jazz Boutique” ตั้ง อยู่ที่ 469 ถ. พระสุเมรุ บางลำพู กรุงเทพฯ การเดินทางจากแยกบางลำพูมุ่งหน้ามายังวัดบวรนิเวศฯ ตรงมาถึงแยกสะพานวันชาติ แล้วตรงมาเรื่อยๆ จนถึงช่วงโค้งของถนน จะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือเป็นห้องแถวติดริมถนน มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน สามารถจอดรถได้ริมถนน ร้านเปิดทุกวัน เวลา 19.00-01.00 น. ถ้าจะมาที่ร้านแนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อน โทร. 08-9499-1378, 08-1805-7759 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.brownsugarbangkok.com  หรือที่ www.facebook.com/brownsugarbangkok

“Icedea”...ไอศกรีมใส่ไอเดีย เย็นฉ่ำ รสชาติแหวกแนว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 เมษายน 2555 12:16 น.
ด้านหน้าร้าน Icedea
       หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือที่รู้จักกันในนามหอศิลป์กรุงเทพฯ นับว่า เป็นแหล่งรวมตัวของคนที่ชื่นชอบงานด้านศิลปะ “ผ่านมาแวะกิน” ก็ มีโอกาสไปเดินเล่มชมงานศิลปะอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งในช่วงนี้อยู่บ้านร้อนๆ ก็ออกไปเสพงานศิลป์ในที่เย็นสบาย แถมยังได้ไปลองชิมไอศกรีมหวานๆ เย็นๆ ให้ชื่นใจด้วย และที่ร้านนี้ก็ไม่ได้มีดีแค่ความหวานเย็นอร่อย แต่ยังเป็นไอศกรีมที่ใส่ไอเดียลงไปผสมผสานจนกลมกล่อม ซึ่งมีให้ชิมที่ร้าน “Icedea”
ไอศกรีมรสชาต่างๆ ที่ชวนลิ้มลอง
       ร้าน “Icedea” เกิดขึ้นเพื่อเป็นสถานที่โชว์ผลงาน Ice cream design ที่เคยออกแบบให้สำหรับลูกค้า ซึ่งนอกจากจะสามารถมาเดินชมผลงานได้แล้ว ก็ยังทดลองชิมความอร่อยที่สอดแทรกความคิดสร้างสรรค์ที่สนุกสนานของคุณพริมา จักรพันธุ์ ณ อยุธยา เจ้าของร้าน และเจ้าของไอเดียแสนอร่อยนี้
      
       ไอศกรีมของทางร้านจะเป็นไอศกรีมโฮมเมดที่มีทั้งแบบครีม และเชอร์เบท แต่ละวันจะมี 20 รสชาติให้ลองชิม และจะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนรสชาติใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ เรียกว่าไปครั้งไหนก็ต้องได้ลองชิมของใหม่ๆ แปลกๆ อยู่เสมอ
ทงคัตซึไอศกรีม
       มาลองดูไอศกรีมที่ผสมผสานไอเดียน่าลิ้มลองดูบ้างว่ามีอะไรกันบ้าง เริ่มต้นที่ ทงคัตซึไอศกรีม (120 บาท) เป็นไอศกรีมที่มีให้เลือกระหว่างรสวานิลลา ชาเขียว เจแปนนิสเมล่อน และ บราวนี่ นำมาคลุกกับแป้งและเกล็ดขนมปัง จากนั้นนำลงไปทอดให้เหลือง ราดด้วยช็อกโกแลต มองดูคล้ายกับทงคัตซึราดซอส ลองชิมแป้งกรอบนอกนุ่มใน ซอสช็อกโกแลตเข้ากับไอศกรีมรสวานิลลาที่เราเลือกสั่งมาได้อย่างลงตัว
Grass Brownie Set
       ต่อด้วยเมนูน่ารักน่าลองชิม Grass Brownie Set (150 บาท) ที่แม้ว่าจะเป็นตัวบราวนี่ธรรมดา แต่ความพิเศษอยู่ที่ด้านบนมองดูคล้ายกับต้นหญ้าในสนาม ซึ่งทำมาจากฝอยทองสีเขียว เสิร์ฟคู่กับไอศกรีม 1 ลูก เลือกรสชาติได้ตามชอบ เหมือนกับยกลูกฟุตบอลมาพร้อมกับสนามหญ้าให้อยู่ในจานเดียวกัน เมนูนี้เราเลือกไอศกรีมชาเอิลเกรย์ ลิ้มรสแล้วหอมหวานเข้มข้น ตัดกับบราวนี่ที่ได้รสช็อกโกแลตเต็มคำ นุ่มอร่อย พร้อมกับฝอยทองที่ไม่หวานมากนัก
พาร์เฟ่ต์ไอศกรีม
       สำหรับ พาร์เฟ่ต์ไอศกรีม (139 บาท) ก็มีให้เลือก 3 รส ไม่ว่าจะเป็นกล้วย สตรอเบอร์รี่ หรือ แบล็กฟลอเรส คราวนี้เลยขอลองชิมรสกล้วย ที่เป็นไอศกรีมโตเกียวบานาน่าสลับชั้นกับท็อปปิ้งหลากหลาย อย่างทั้งกล้วย คอนเฟล็ก วิปปิ้งครีม และซอสช็อกโกแลต ตัดขึ้นมาชิมก็ได้ลิ้มรสกล้วยๆ หอมหวานเต็มปาก พร้อมกับความกรุบกรอบของคอนเฟล็ก
      
       นอกจากเมนูที่ลองชิมไปแล้ว คราวนี้มาลองชิมแบบเป็นสกู๊ปดูบ้าง โดยจะขายในราคาสกู๊ปละ 65 บาท ไอศกรีม 2 สกู๊ป ราคา 120 บาท หรือหากอยากชิมแบบใส่โคนที่ทางร้านทำเองก็ขายในราคา 80 บาท นอกจากนี้ ยังมีซื้อกลับบ้านได้ด้วย
(แถวบน) รสตะโก้แห้วมะพร้าวอ่อน และ รสวาซาบิ (แถวล่าง) รส Globla Warming และ รสราสเบอร์รี่
       รสชาติแรกที่ลิ้มรสคื อ ไอศกรีมตะโก้แห้วมะพร้าวอ่อน เป็น ไอศกรีมไทยๆ ที่ผสมผสานมะพร้าวเข้ากับแห้วที่เป็นชิ้นๆ ละเลียดเข้าไปคำแรกก็ยังคิดอยู่ว่าไปลองชิมตะโก้อร่อยๆ ที่เย็นจนเป็นน้ำแข็ง ต่อด้วย ไอศกรีมรสวาซาบิ ที่ผสมวาซาบิเข้าไปในเนื้อไอศกรีมด้วยจริงๆ ซึ่งพอตักเข้าปากคำใหญ่ก็ได้รสเผ็ดฉุนขึ้นจมูกเล็กๆ
      
       ส่วน ไอศกรีม Global Warming รสชาตินี้เป็นแบบโลกร้อน สีสันสวยงาม เป็นไอศกรีมรสมิ้นท์ ผสมกับโอริโอ้ และช็อกโกแลตชิปเข้าไปด้วย และยิ่งเมื่อละลายก็จะยิ่งเหมือนโลกร้อนจนละลายเลยทีเดียว สุดท้ายลองชิม ไอศกรีมราสเบอร์รี่ ที่ เป็นไอศกรีมผสมกับลูกราสเบอร์รี่ และบัตเตอร์เค้กปั่นรวมกัน เวลาเคี้ยวจะเหมือนมีเค้กเป็นชิ้นๆ อยู่ในคำ พร้อมกับเนื้อของราสเบอร์รี่ออกเปรี้ยวๆ เล็กน้อย
นั่งชิมไอศกรีมให้เย็นฉ่ำ
       แต่หากว่าใครอยากให้อิ่มท้องเสียหน่อย ก็ขอแนะนำ Waffle Set (129-139 บาท) ที่มีให้เลือก 3 แบบ และยังมีไอศกรีมรสชาติแปลกๆ ทั้งคาวหวาน แถมยังมีรสชาติแหวกแนวไม่ซ้ำใคร ผสานกับไอเดียสนุกๆ ให้ได้ลองชิมลิ้มรสอร่อยกันอีกมากมาย
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “Icedea” ตั้ง อยู่บนชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ถ.พระรามที่ 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กทม.การเดินทางจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มุ่งหน้าไปทางถนนพญาไท ข้ามสะพานหัวช้าง ชิดขวา ทางเข้าหอศิลป อยู่ก่อนข้ามสี่แยกปทุมวัน หากมาจากถนนพระราม 1 ผ่านสนามกีฬาแห่งชาติ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพญาไท และเลี้ยวซ้ายอีกครั้งก็จะถึงหอศิลป หรือหากใช้บริการ BTS ให้ลงที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ จะมีทางเชื่อมเข้าสู่หอศิลป ร้านจะตั้งอยู่บนชั้น 4 บริเวณทางขึ้นลงบันไดเลื่อน ร้านเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 11.30-18.30 น.โทร.0-2331-1741-51 ส่วนอีกสาขาตั้งอยู่ที่ชั้น G เซ็นทรัลลาดพร้าว โทร.0-2103-4058 www.facebook.com/icedea

ขนมกลีบลำดวน

credit takecareyou bloggang.com

 

ส่วนผสม  แป้งสาลี 5 ถ้วยตวง น้ำตาลป่น 2 1/2 ถ้วยตวง น้ำมันพืช 1 1/2 ถ้วยตวง ฟักเชื่อมสีแดง
วิธีการทำ
 ผสมแป้งสาลีกับน้ำตาลป่นเข้าด้วยกัน ควรคนให้กระจาย ตัวทั่วกันดีเสียก่อน จึงเทน้ำมันลงในแป้งนวดเบา ๆ ให้เข้า กันดี ถ้ายังแป้งมากไม่อาจเกาะกันได้ เติมน้ำมันได้อีกเล็ก น้อย คลึงออกเป็นแท่งกลมยาว แล้วตัดเป็นท่อน ให้ท่อนหนึ่ง ๆ หนึ่ง เมื่อปั้นเป็นก้อนกลมจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางสักประมาณ 1 1/2 เซนติเมตร และปั้นเป็นก้อนกลมไว้ให้หมด ใช้มีดคม ๆ ผ่าแต่ละก้อนออกเป็น 4 ส่วน ปั้นแต่ละส่วนให้ คล้ายกลีบดอกลำดวน แล้วจับปลายชนกันเป็น 3 กลีบ ส่วนที่ 4 ให้ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ วางลงตรงกลาง แล้วใช้มีด กรีดเบา ๆ ให้เป็น 3 แฉก เผยอนิด ๆ อย่าให้ขาดจากกัน ให้เหมือนกลีบชั้นในที่สับหว่างกับกลีบชั้นนอกแล้ว วางชิ้น ฟักลงตรงกลางเหมือนเกษรโผล่แผลมอยู่ ปั้นเรียงให้เต็มถาดที่ทาน้ำมันไว้แล้ว นำเข้าอบที่ 350 องศาฟาเรนไฮท์ ประมาณ 8-10 นาที ให้ได้สีนวล ๆ เหมือนดอกลำดวนจริง ๆ จึงนำออกจากเตา พักไว้ให้เย็นสนิทเสียก่อนจึงแซะใส่ขวดโหล อบด้วยดอกมะลิ กระดังงาหรือควันเทียน
กลเม็ดเคล็ดลับ
ปัจจุบันนี้ ดอกลำดวน ถือว่าเป็นดอกไม้ประจำจังหวัด ศีรษะเกษ เป็นไม้หอมของไทยชนิดหนึ่ง
ขนมดอกลำดวน ควรมีสีนวลอย่าอบจนสีเข้ม จะไม่เหมือน ดอกไม้จริง ขนาดต้องเท่าของจริง การปั้นกลีบควรให้คล้ายของจริง ด้วย
ขนมนี้แป้งจะกรอบร่วน ไม่กระด้าง รสหวานมัน และมีกลิ่น หอม