เที่ยวเทศกาลสงกรานต์ ที่ไหนดี?! (ไทยรัฐ)
ใน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี ไม่ได้มีแต่เฉพาะกิจกรรมสาดน้ำ ประแป้ง อย่างที่คนรุ่นใหม่คุ้นเคยกัน แต่ยังเต็มไปด้วยประเพณีดีงามมากมาย ที่ส่งเสริมความรักความอบอุ่นในครอบครัวและสังคมไทย
กิจกรรมวันสงกรานต์ที่สืบทอดเป็นประเพณีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีตั้งแต่การทำบุญตักบาตร รับศักราชใหม่ในวันเถลิงศก ตรงกับวันที่ 15 เมษายน โดยตอนเช้าตรู่ จะจัดเตรียมอาหารคาวหวาน ใส่สำรับ ไปถวายพระที่วัด พร้อมกับทำบุญตักบาตร และนำไปให้ผู้เฒ่าผู้แก่ ครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือ หลังจากนั้น จึงถวายทานเจดีย์ทราย, ปล่อยนกปล่อยปลา, สรงน้ำพระพุทธเจดีย์ และสรงน้ำพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ช่วงบ่ายเป็นเวลาสำคัญในการแสดงความกตัญญูต่อญาติผู้ใหญ่ โดยลูกหลานจะเดินสายรดน้ำอวยพรผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ด้วยดอกไม้, ธูปเทียน, ผ้าใหม่, หมากพลู, ส้มป่อย และน้ำอบ
ขณะเดียวกัน ทั่วทุกภาคของประเทศ ยังมีการจัดงานฉลองเทศกาลสงกรานต์อย่างคึกคัก ภายใต้แนวคิด เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2552 สนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เฉพาะในกรุงเทพฯ ได้เตรียมจัดกิจกรรมดีๆน่าเที่ยวไว้มากมายนับ ไม่ถ้วนเพื่อต้อนรับปีใหม่ไทย ระหว่างวันที่ 10-15 เมษายน 2552 ไฮไลต์เด่นๆ ประจำเทศกาล ได้แก่ กิจกรรมไหว้พระขอพร 9 พระอารามหลวง ตลอด 6 วันเต็ม บริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ วัดพระแก้ว, วัดโพธิ์, วัดสุทัศนฯ, วัดสระเกศ, วัดบวรฯ, วัดชนะสงคราม, วัดระฆังฯ, วัดอรุณ, วัดแจ้ง ไปจนถึงวัดกัลยาณมิตร โดยผู้สนใจขอรับพาสปอร์ตไหว้พระ 9 วัด ได้ที่จุดประชาสัมพันธ์ประจำทุกวัด เมื่อประทับตราครบทั้ง 9 วัด มีสิทธิ์รับคูปองลุ้นรางวัลพระเลี่ยมทองคำด้วย
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสรงน้ำพระพุทธรูป 4 ภาค และการจำลองประเพณีสงกรานต์ 4 ภาค ที่วัดโพธิ์ ช่วงค่ำวันที่ 10 เมษายน กิจกรรมรณรงค์แต่งไทยเล่นน้ำสงกรานต์แบบวิถีไทย บริเวณถนนข้าวสาร วันที่ 4-12 เมษายน เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์อย่างถูกวิธี ตลอดจนการปิดถนนฉลองเทศกาลสงกรานต์อย่างเอิกเกริก ตั้งแต่สนามหลวง, สวนสันติชัยปราการ, วิสุทธิกษัตริย์ไปถึงถนนข้าวสาร วันที่ 11-13 เมษายน
ใกล้ๆ กับกรุงเทพฯ ก็มีงานใหญ่อวดประเพณีสงกรานต์กรุงเก่า จ.พระนครศรีอยุธยา ที่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์วิหารพระมงคลบพิตร และโดยรอบเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 12-14 เมษายน
ส่วนเจ้าประจำอย่างพระประแดง ยังคงจัดกิจกรรมสงกรานต์พระประแดง จ.สมุทรปราการ บริเวณ หน้าที่ว่าการอำเภอพระประแดง ระหว่างวันที่ 18-19 เมษายน
จังหวัดสุโขทัย มีประเพณีสรงน้ำโอยทาน สงกรานต์ศรีสัชนาลัย จัดที่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย วันที่ 8-12 เมษายน จากนั้นในวันที่ 12-14 เมษายน เตรียมพบกับประเพณีย้อนอดีตมหาสงกรานต์สุโขทัย ที่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ตระการตาทั่วเมือง
เชียงใหม่ ก็ร่วมเฉลิมฉลองประเพณีปีใหม่เมืองอย่างสนุกสนาน ระหว่างวันที่ 12-15 เมษายน 2552 ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นมีไมตรีจิตแบบชาวล้านนา
Showing posts with label ท่องเที่ยว. Show all posts
Showing posts with label ท่องเที่ยว. Show all posts
รู้สภาพถนนออกต่างจังหวัด ....ก่อนไปเที่ยวสงกรานต์ปีนี้
ที่มา dailynews.co.th
หลายคนคงอยู่ในช่วงเตรียมตัวออกเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดช่วงเทศกาล สงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้ เพื่อให้การเดินทางสะดวกกว่าที่เคย ลองมาดูคำแนะนำจากกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ว่าไปเส้นทางไหนดีหรือไม่ดีอย่างไร
พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. เปิดเผยว่า การเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ น่าเป็นห่วงตรงจุดที่ถนนชำรุดเสียหายจากอุทกภัยครั้งที่ผ่านมา ที่ขณะนี้ยังซ่อมไม่เสร็จ 4 เส้นทาง ได้แก่ ถนนสาย 340 จากช่วงบางบัวทองไปสุพรรณบุรี ถนนสาย 305 (รังสิต-องครักษ์) ถนนสาย 11 อินทร์บุรี-ตากฟ้า และถนนสาย 122 ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ซึ่งยังสามารถใช้สัญจรไปมาได้ แต่อาจต้องชะลอความเร็ว ส่งผลให้เกิดปริมาณการจราจรที่หนาแน่น ส่วนการเดินทางขาออกจากกรุงเทพฯ คาดว่าจะหนาแน่นที่สุดในวันที่ 12 เม.ย. แต่เชื่อว่าจะไม่สาหัสมาก เพราะมีวันหยุดยาวตั้งแต่ช่วงวันที่ 6-9 เม.ย. คาดว่าประชาชนจะทยอยเดินทางไปแล้วบางส่วน ที่น่าห่วงคือช่วงขากลับระหว่างวันที่ 14-17 เม.ย. เพราะจะมีการเดินทางกลับมาทำงาน ซึ่งจะทำให้รถเข้าเมืองหนาแน่นมาก ซึ่ง บก.ทล. ได้เตรียมความพร้อมรับมือระบายการจราจรบนทางหลวงไว้แล้ว
สำหรับเส้นทางที่สามารถใช้เดินทางออกสู่ภูมิภาคได้ ประกอบด้วย เส้นทางสู่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 7 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 31) หรือใช้ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ต่อสายอุตราภิมุข เข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) ถึงต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งสู่อ่างทอง เพื่อเดินทางสู่ภาคเหนือ หรือเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรีเพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เส้นทางที่ 2 จากถนนรัตนาธิเบศร์ (ทางหลวงหมายเลข 302) ใช้ถนนบางบัวทอง–สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนตะวันตก (ทางหลวงหมายเลข 9) จนถึงต่างระดับบางปะอินแล้วใช้ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือใช้ถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) เพื่อไปภาคเหนือ
เส้นทางที่ 3 จากถนนรัตนาธิเบศร์ (ทางหลวงหมายเลข 302) ใช้ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) ผ่านจังหวัดสุพรรณบุรีไปสู่จังหวัดชัยนาท เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ไปสู่จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อไปภาคเหนือ เส้นทางที่ 4 จากถนนรามอินทรา (ทางหลวงหมายเลข 304) ใช้ถนนต่างระดับลำลูกกา (ทางหลวงหมายเลข 9) ถึงแยกพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) เลี้ยวขวาเพื่อเดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือเลี้ยวซ้ายไปต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) เพื่อสู่ภาคเหนือ
เส้นทางที่ 5 จากบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ (ทางหลวงหมายเลข 304) ห้าแยกปากเกร็ด ใช้ถนนติวานนท์ (ทางหลวงหมายเลข 306) เลี้ยวขวาเข้าถนนบางพูน-บางปะหัน (ทางหลวงหมายเลข 347) ผ่านต่างระดับเชียงรากน้อยจนบรรจบถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ที่ อ.บางปะหัน แล้วเดินทางไปภาคเหนือ หรือเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เส้นทางที่ 6 จากต่างระดับรังสิต ไปตามถนนรังสิต-องครักษ์ (ทางหลวงหมายเลข 305) ผ่านทางต่างระดับธัญบุรี ตรงไปจังหวัดนครนายก กบินทร์บุรี เพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ เส้นทางที่ 7 จากถนนรามอินทรา ใช้ถนนรามอินทรา-สุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่านฉะเชิงเทรา พนมสารคาม กบินทร์บุรี ปักธงชัย เข้าสู่ถนนมิตรภาพ (สาย 2) ไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เส้นทางสู่ภาคตะวันออก มี 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ไปตามถนนบางนา-บางปะกง (ทางหลวงหมายเลข 34) จนถึง กม. 39 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 7) ที่ต่างระดับบางควาย มุ่งสู่พัทยาไปภาคตะวันออก เส้นทางที่ 2 จากถนนศรีนครินทร์ (ทางหลวงหมายเลข 3344) ใช้ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 7) มุ่งสู่พัทยาไปภาคตะวันออก เส้นทางที่ 3 จากถนนรามอินทรา (ทางหลวงหมายเลข 304) ใช้ถนนสุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา เข้าทางหลวงหมายเลข 314 แล้วใช้ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรี (สาย 7) มุ่งสู่พัทยาไปภาคตะวันออก
เส้นทางสู่ภาคใต้ มี 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ใช้ถนนธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35 : ถนนพระราม 2) เข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) เดินทางสู่จังหวัดภาคใต้ เส้นทางที่ 2 ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เพื่อเข้าสู่จังหวัดภาคใต้ และ เส้นทางที่ 3 จากขนส่งสายใต้ใหม่ ใช้ถนนบางกอกน้อย-นครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลข 338) เข้านครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี สู่จังหวัดภาคใต้
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางที่คาดว่าจะมีการจราจรติดขัดควรหลีกเลี่ยง โดยในเส้นทางสายเหนือ มีจุดที่มีการจราจรติดขัดอยู่ 6 จุด หากหลีกเลี่ยงได้ควรเลี่ยง ได้แก่ 1.ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (วงแหวนตะวันออก ช่วงบางพลี-บางปะอิน) ที่ด่านเก็บค่าผ่านทาง ที่รถยนต์ต้องชะลอตัวแม้จะยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียม และยังมีจุดเชื่อมต่อกับถนนพหลโยธิน ที่ กม. 53 ที่มีปริมาณรถมาก และมีปั๊มน้ำมันหลายแห่ง 2.วงแหวนตะวันตก เขตอำเภอบางบัวทอง ต่อเนื่องถนนสาย 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี ซึ่งมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3.ทางหลวงหมายเลข 32 สายเอเซีย มีการก่อสร้างสะพานกลับรถเป็นช่วง ๆ 4.ทางหลวงหมายเลข 117 (นครสวรรค์-พิษณุโลก) มีผิวการจราจรชำรุดที่ กม. 22-23
5.ถนนพหลโยธิน บริเวณสะพานเดชาติวงศ์ จังหวัดนครสวรรค์ และ 6.ทางหลวงหมายเลข 21 พุแค-หล่มสัก การจราจรติดขัดที่ช่องเขา จังหวัดสระบุรี ที่เป็นทางขึ้นเขาลาดชัน และที่สี่แยกม่วงค่อม เป็นทางแยกไปจังหวัดชัยภูมิ กับจังหวัดลพบุรี
เส้นทางสายอีสาน จุดที่มีการจราจรติดขัด มี 4 จุด ได้แก่ 1.ถนนพหลโยธิน ช่วงวังน้อยมีการก่อสร้างสะพานจุดกลับรถ และสี่แยกแพะโคก จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นทางแยกตัดกับถนนเลี่ยงเมืองสระบุรี ที่มีการก่อสร้างสะพานต่างระดับ 2.ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ กม. 2-3 อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี มีการก่อสร้างสะพานกลับรถ กม. 14 อำเภอแก่งคอย มีการปรับปรุงผิวจราจร กม. 27-30 เป็นทางขึ้นเขาลาดชันและโค้งซิกแซ็ก กม. 85-87 บริเวณลำตะคอง เป็นทางโค้งขึ้นลงเนิน ทางเลี่ยงเมืองจังหวัดนคร
ราชสีมา กับถนนมิตรภาพบริเวณต่างระดับข้ามทางรถไฟจอหอ และจุดตัดทางแยกเป็นช่วง ๆ ถึงจังหวัดขอนแก่น 3.ทางหลวงหมายเลข 304 ที่แยกนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ถึงอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางขึ้นเขาลาดชัน และมีทางโค้งหักมุมอันตรายหลายจุด และ 4.ทางหลวงหมายเลข 348 อำเภอตาพระยา ถึงอำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นทางขึ้นลงเขาลาดชัน
เส้นทางสู่ภาคตะวันออก มีจุดการจราจรติดขัด 2 จุด ได้แก่ 1.ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพ-ชลบุรี ที่ กม. 0-12 ต่อเนื่องจากถนนพระราม 9 ถึงต่างระดับขึ้นสนามบินสุวรรณภูมิ และ 2.ทางหลวงหมายเลข 3 ถนนบางนา-ตราด ผิวการจราจรไม่ค่อยดีเป็นบางช่วง ขณะที่เส้นทางสู่ภาคตะวันตกและภาคใต้มีจุดที่มีการจราจรติดขัด 2 จุด ได้แก่ 1.ทางหลวงหมายเลข 35 ถนนพระราม 2 กม. 59-62 บริเวณต่างระดับอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม และ 2.ทางหลวงหมายเลข 338 ถนนบรมราชชนนี กม. 27 บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม มีช่องจราจรเป็นคอขวด
เมื่อทราบข้อจำกัดในเส้นทางที่จะเดินทางแล้ว ก็ขอให้วางแผนก่อนการออกเดินทางให้ดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางนานเกินไป และที่สำคัญขอให้เคารพกฎจราจรให้มาก โดยเฉพาะเรื่องความเร็ว จะได้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยไม่เป็นการเพิ่มจำนวนอุบัติเหตุมากเกินควร.
หลายคนคงอยู่ในช่วงเตรียมตัวออกเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดช่วงเทศกาล สงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้ เพื่อให้การเดินทางสะดวกกว่าที่เคย ลองมาดูคำแนะนำจากกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ว่าไปเส้นทางไหนดีหรือไม่ดีอย่างไร
พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. เปิดเผยว่า การเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ น่าเป็นห่วงตรงจุดที่ถนนชำรุดเสียหายจากอุทกภัยครั้งที่ผ่านมา ที่ขณะนี้ยังซ่อมไม่เสร็จ 4 เส้นทาง ได้แก่ ถนนสาย 340 จากช่วงบางบัวทองไปสุพรรณบุรี ถนนสาย 305 (รังสิต-องครักษ์) ถนนสาย 11 อินทร์บุรี-ตากฟ้า และถนนสาย 122 ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ซึ่งยังสามารถใช้สัญจรไปมาได้ แต่อาจต้องชะลอความเร็ว ส่งผลให้เกิดปริมาณการจราจรที่หนาแน่น ส่วนการเดินทางขาออกจากกรุงเทพฯ คาดว่าจะหนาแน่นที่สุดในวันที่ 12 เม.ย. แต่เชื่อว่าจะไม่สาหัสมาก เพราะมีวันหยุดยาวตั้งแต่ช่วงวันที่ 6-9 เม.ย. คาดว่าประชาชนจะทยอยเดินทางไปแล้วบางส่วน ที่น่าห่วงคือช่วงขากลับระหว่างวันที่ 14-17 เม.ย. เพราะจะมีการเดินทางกลับมาทำงาน ซึ่งจะทำให้รถเข้าเมืองหนาแน่นมาก ซึ่ง บก.ทล. ได้เตรียมความพร้อมรับมือระบายการจราจรบนทางหลวงไว้แล้ว
สำหรับเส้นทางที่สามารถใช้เดินทางออกสู่ภูมิภาคได้ ประกอบด้วย เส้นทางสู่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 7 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 31) หรือใช้ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ต่อสายอุตราภิมุข เข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) ถึงต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งสู่อ่างทอง เพื่อเดินทางสู่ภาคเหนือ หรือเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรีเพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เส้นทางที่ 2 จากถนนรัตนาธิเบศร์ (ทางหลวงหมายเลข 302) ใช้ถนนบางบัวทอง–สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนตะวันตก (ทางหลวงหมายเลข 9) จนถึงต่างระดับบางปะอินแล้วใช้ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือใช้ถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) เพื่อไปภาคเหนือ
เส้นทางที่ 3 จากถนนรัตนาธิเบศร์ (ทางหลวงหมายเลข 302) ใช้ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) ผ่านจังหวัดสุพรรณบุรีไปสู่จังหวัดชัยนาท เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ไปสู่จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อไปภาคเหนือ เส้นทางที่ 4 จากถนนรามอินทรา (ทางหลวงหมายเลข 304) ใช้ถนนต่างระดับลำลูกกา (ทางหลวงหมายเลข 9) ถึงแยกพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) เลี้ยวขวาเพื่อเดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือเลี้ยวซ้ายไปต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) เพื่อสู่ภาคเหนือ
เส้นทางที่ 5 จากบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ (ทางหลวงหมายเลข 304) ห้าแยกปากเกร็ด ใช้ถนนติวานนท์ (ทางหลวงหมายเลข 306) เลี้ยวขวาเข้าถนนบางพูน-บางปะหัน (ทางหลวงหมายเลข 347) ผ่านต่างระดับเชียงรากน้อยจนบรรจบถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ที่ อ.บางปะหัน แล้วเดินทางไปภาคเหนือ หรือเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เส้นทางที่ 6 จากต่างระดับรังสิต ไปตามถนนรังสิต-องครักษ์ (ทางหลวงหมายเลข 305) ผ่านทางต่างระดับธัญบุรี ตรงไปจังหวัดนครนายก กบินทร์บุรี เพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ เส้นทางที่ 7 จากถนนรามอินทรา ใช้ถนนรามอินทรา-สุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่านฉะเชิงเทรา พนมสารคาม กบินทร์บุรี ปักธงชัย เข้าสู่ถนนมิตรภาพ (สาย 2) ไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เส้นทางสู่ภาคตะวันออก มี 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ไปตามถนนบางนา-บางปะกง (ทางหลวงหมายเลข 34) จนถึง กม. 39 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 7) ที่ต่างระดับบางควาย มุ่งสู่พัทยาไปภาคตะวันออก เส้นทางที่ 2 จากถนนศรีนครินทร์ (ทางหลวงหมายเลข 3344) ใช้ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 7) มุ่งสู่พัทยาไปภาคตะวันออก เส้นทางที่ 3 จากถนนรามอินทรา (ทางหลวงหมายเลข 304) ใช้ถนนสุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา เข้าทางหลวงหมายเลข 314 แล้วใช้ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรี (สาย 7) มุ่งสู่พัทยาไปภาคตะวันออก
เส้นทางสู่ภาคใต้ มี 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ใช้ถนนธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35 : ถนนพระราม 2) เข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) เดินทางสู่จังหวัดภาคใต้ เส้นทางที่ 2 ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เพื่อเข้าสู่จังหวัดภาคใต้ และ เส้นทางที่ 3 จากขนส่งสายใต้ใหม่ ใช้ถนนบางกอกน้อย-นครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลข 338) เข้านครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี สู่จังหวัดภาคใต้
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางที่คาดว่าจะมีการจราจรติดขัดควรหลีกเลี่ยง โดยในเส้นทางสายเหนือ มีจุดที่มีการจราจรติดขัดอยู่ 6 จุด หากหลีกเลี่ยงได้ควรเลี่ยง ได้แก่ 1.ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (วงแหวนตะวันออก ช่วงบางพลี-บางปะอิน) ที่ด่านเก็บค่าผ่านทาง ที่รถยนต์ต้องชะลอตัวแม้จะยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียม และยังมีจุดเชื่อมต่อกับถนนพหลโยธิน ที่ กม. 53 ที่มีปริมาณรถมาก และมีปั๊มน้ำมันหลายแห่ง 2.วงแหวนตะวันตก เขตอำเภอบางบัวทอง ต่อเนื่องถนนสาย 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี ซึ่งมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3.ทางหลวงหมายเลข 32 สายเอเซีย มีการก่อสร้างสะพานกลับรถเป็นช่วง ๆ 4.ทางหลวงหมายเลข 117 (นครสวรรค์-พิษณุโลก) มีผิวการจราจรชำรุดที่ กม. 22-23
5.ถนนพหลโยธิน บริเวณสะพานเดชาติวงศ์ จังหวัดนครสวรรค์ และ 6.ทางหลวงหมายเลข 21 พุแค-หล่มสัก การจราจรติดขัดที่ช่องเขา จังหวัดสระบุรี ที่เป็นทางขึ้นเขาลาดชัน และที่สี่แยกม่วงค่อม เป็นทางแยกไปจังหวัดชัยภูมิ กับจังหวัดลพบุรี
เส้นทางสายอีสาน จุดที่มีการจราจรติดขัด มี 4 จุด ได้แก่ 1.ถนนพหลโยธิน ช่วงวังน้อยมีการก่อสร้างสะพานจุดกลับรถ และสี่แยกแพะโคก จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นทางแยกตัดกับถนนเลี่ยงเมืองสระบุรี ที่มีการก่อสร้างสะพานต่างระดับ 2.ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ กม. 2-3 อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี มีการก่อสร้างสะพานกลับรถ กม. 14 อำเภอแก่งคอย มีการปรับปรุงผิวจราจร กม. 27-30 เป็นทางขึ้นเขาลาดชันและโค้งซิกแซ็ก กม. 85-87 บริเวณลำตะคอง เป็นทางโค้งขึ้นลงเนิน ทางเลี่ยงเมืองจังหวัดนคร
ราชสีมา กับถนนมิตรภาพบริเวณต่างระดับข้ามทางรถไฟจอหอ และจุดตัดทางแยกเป็นช่วง ๆ ถึงจังหวัดขอนแก่น 3.ทางหลวงหมายเลข 304 ที่แยกนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ถึงอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางขึ้นเขาลาดชัน และมีทางโค้งหักมุมอันตรายหลายจุด และ 4.ทางหลวงหมายเลข 348 อำเภอตาพระยา ถึงอำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นทางขึ้นลงเขาลาดชัน
เส้นทางสู่ภาคตะวันออก มีจุดการจราจรติดขัด 2 จุด ได้แก่ 1.ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพ-ชลบุรี ที่ กม. 0-12 ต่อเนื่องจากถนนพระราม 9 ถึงต่างระดับขึ้นสนามบินสุวรรณภูมิ และ 2.ทางหลวงหมายเลข 3 ถนนบางนา-ตราด ผิวการจราจรไม่ค่อยดีเป็นบางช่วง ขณะที่เส้นทางสู่ภาคตะวันตกและภาคใต้มีจุดที่มีการจราจรติดขัด 2 จุด ได้แก่ 1.ทางหลวงหมายเลข 35 ถนนพระราม 2 กม. 59-62 บริเวณต่างระดับอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม และ 2.ทางหลวงหมายเลข 338 ถนนบรมราชชนนี กม. 27 บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม มีช่องจราจรเป็นคอขวด
เมื่อทราบข้อจำกัดในเส้นทางที่จะเดินทางแล้ว ก็ขอให้วางแผนก่อนการออกเดินทางให้ดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางนานเกินไป และที่สำคัญขอให้เคารพกฎจราจรให้มาก โดยเฉพาะเรื่องความเร็ว จะได้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยไม่เป็นการเพิ่มจำนวนอุบัติเหตุมากเกินควร.
สักการะเทพ 7 พระองค์ ณ ราชประสงค์ เสริมมงคลรับปีใหม่ไทย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2555 17:20 น.
โดย : หนุ่มลูกทุ่ง | ||||
กิจกรรมหลักๆ ที่นิยมทำกันนั้น ก็คือ การไหว้พระเข้าวัด ฟังเทศน์ฟังธรรม หรือการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามสถานที่ต่างๆ อย่างเช่น ในย่านราชประสงค์ ที่แม้จะเป็นย่านธุรกิจสำคัญใจกลางเมือง แต่ก็ยังเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่ได้รับอิทธิพลความเชื่อมาจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดูโบราณ | ||||
ศาลท่านท้าวมหาพรหม ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2501 ในช่วงการก่อสร้างโรงแรมเอราวัณ หรือโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ในปัจจุบัน ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู ที่ว่า พระพรหมเป็นผู้สร้าง ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 เทพสูงสุด พระองค์ทรงมีชื่อเสียงในเรื่องทรงเปี่ยมไปด้วยเมตตา และทรงรับฟังคำขอ คำสวดภาวนาของทุกคน และทรงทำให้ผู้สักการะที่มีจิตใจศรัทธาสมความปรารถนา หากผู้ใดต้องการมากราบไหว้ให้เตรียม ดอกมะลิ หรือ ดอกดาวเรือง ขนมหวานรสอ่อน ผลไม้ หรือธัญพืช เช่น ข้าวกล้อง มาเพื่อสักการะขอพรจะยิ่งเป็นมงคลแก่ตัว (ศาลท่านท้าวมหาพรหม ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ฝั่งเดียวกับโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ) | ||||
พระนารายณ์ (หรือพระวิษณุ) เป็น 1 ใน 3 มหาเทพ มีหน้าที่คุ้มครองและดูแลรักษาทั้ง 3 โลก ทรงเปรียบประดุจเทพเจ้าแห่งความเมตตา พระอำนาจของพระองค์สามารถขจัดปัดเป่าความชั่วร้ายและสิ่งไม่ดี และช่วยปกป้องจากภยันตรายทั้งปวง โดยรูปเคารพที่ประดิษฐานอยู่หน้าโรงแรมอินเตอร์ คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ จะอยู่ในภาคพระวิษณุทรงสุบรรณ หรือ ทรงครุฑ ผู้ที่เข้ามาสักการะส่วนใหญ่จะมาเพื่อขอพรด้านให้ธุรกิจการค้าของตนเองเจริญ รุ่งเรือง โดยใช้เครื่องสักการะที่มีสีเหลือง ได้แก่ พวงมาลัยดอกดาวเรือง ผ้าไทย และขนมไทย เช่น ทองหยิบ ทองหยอด | ||||
| ||||
| ||||
รูปเคารพพระตรีมูรติ ประดิษฐานอยู่ ณ บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เชื่อกันว่า พระตรีมูรติจะเสด็จจากสวรรค์มายังโลกมนุษย์ในวันอังคารและวันพฤหัสบดี เวลาประมาณ 21.30 น.เพื่อทรงรับฟังคำสวดภาวนาและการขอพร โดยมีเครื่องสักการะ คือ ธูปแดง 9 ดอก เทียนแดง กุหลาบแดง และผลไม้ | ||||
สำหรับการบูชาเทพทั้ง 7 พระองค์ ในย่านราชประสงค์นั้น สามารถมาได้ทุกวัน แต่สำหรับในช่วงสงกรานต์นี้จะคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) ได้จัดกิจกรรม “เปิดรับความมงคลวันเถลิงศกเดือนแห่งปีใหม่ไทย อุ่นใจอิ่มกาย ณ ย่านราชประสงค์” สำหรับผู้ที่ต้องการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในย่านราชประสงค์ได้ร่วมบูชาตาม เส้นทาง และยังสามารถดาวน์โหลดคู่มือการสักการะเทพในย่านราชประสงค์ได้ที่ www.heartofbangkok.com |
สวย เริ่ด แรง!?! กับ 10 สุดยอดที่เที่ยวเทรนด์ใหม่ปี 2012
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 เมษายน 2555 15:21 น.
ทั้งนี้ นายโรเบิร์ต โรเซนสไตน์ ประธานกรรมการบริษัท agoda.com ได้เปิดเผยว่า “นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในปีนี้ จะได้พบกับชายหาดอันสวยงาม ตลาดท้องถิ่น แหล่งขายสินค้าราคาประทับใจ พิพิธภัณฑ์สำคัญ สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ป่าฝน พื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ และรีสอร์ตชั้นนำระดับโลก การได้สัมผัสกับประสบการณ์ในท้องถิ่นมากขึ้น ทำให้เราเข้าใจขนบธรรมเนียมท้องถิ่นลึกซึ้งยิ่งขึ้น ได้ลิ้มรสอาหารดั้งเดิมประจำภูมิภาค ทั้งยังประหยัดคุ้มค่าอีกด้วย” สำหรับ 10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวเทรนด์แปลกใหม่จากอะโกด้าในปีนี้ มีที่ไหนบ้าง “ตะลอนเที่ยว” ขอเชิญทัศนากันได้ นาฮา, ญี่ปุ่น ข้อมูลทั่วไป : นาฮาเป็นเมืองหลวงของจังหวัดโอกินาวา ที่มีความน่าสนใจตัวเอง ของดินแดนที่ได้ชื่อว่า เป็นฮาวายของญี่ปุ่นที่มีหาดทรายสวยงาม เหมาะสำหรับการดำน้ำลึกและน้ำตื้น รวมถึงเล่นกีฬาทางน้ำอันหลากหลาย อีกทั้งยังมีอาณาจักรริวกิวแห่ง ค.ศ.17 เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ นอกจากนี้ นาฮายังเป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมต่อการท่องเที่ยวในภูมิภาคอีกด้วย ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว: ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม และเมษายน) อากาศอุ่นสบายที่สุด อีกทั้งยังสมารถชมวาฬได้ในเดือนเมษายน ส่วนเดือนกรกฎาคมนั้น เหมาะสำหรับการพักผ่อนริมชายหาดด้วยอุณหภูมิที่อบอุ่นที่สุดในรอบปี โรงแรมแนะนำ: Terrace Garden Mihama Resort 4 ดาว - รีสอร์ตระดับสี่ดาว บนเกาะหลัก (ห้องดีลักซ์ทวิน เริ่มต้นที่ 7,397 บาท) Okinawa Port Hotel - ตั้งอยู่ในนาฮา ใกล้บริการขนส่งสาธารณะและแหล่งชอปปิ้ง (ห้องซิงเกิล เริ่มต้นที่ 7,689 บาท) | ||||
ข้อมูลทั่วไป: ปาลาวันตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของฟิลิปปินส์ เป็นเกาะเขตร้อน ซึ่งมีอุทยานแห่งชาติ อ่าวเงียบสงบ หาดทรายขาวละเอียด มีจุดท่องเที่ยวสำคัญคือ แนวปะการังใน El Nido Marine Reserve อันอุดมสมบูรณ์ และมีความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีซากเรืออับปางบริเวณ Coron เป็นอีกหนึ่งจุดสนใจสำหรับนักดำน้ำ ด้านป่าในปาลาวันนั้น ก็งดงามด้วยน้ำตก พืชพรรณ สัตว์ป่าประจำถิ่น และทัศนียภาพที่สวยงามจากจุดปีนเขาชมวิวนับไม่ถ้วนรอบเกาะ ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว: แม้ฝั่งตะวันตกของปาลาวันจะไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงนักจากพายุฝนในฤดูมรสุม ช่วงฤดูแล้งระหว่างเดือนพฤศจิกายน ถึงมิถุนายน ก็ยังคงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยว ส่วนฝั่งตะวันออกของเกาะมีฝนตกชุกมากกว่า เดือนมีนาคมจึงเหมาะสมที่สุด โรงแรมแนะนำ: El Nido Resorts Miniloc Island 3.5 ดาว - รีสอร์ตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในอุทยานทางทะเล El Nido (เริ่มต้นที่ 11,533 บาท) Mangenguey Island 4 ดาว - บูติกรีสอร์ตริมชายหาด ไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีเข้าพัก (เริ่มต้นที่ 6,458 บาท) | ||||
ข้อมูลทั่วไป : เกาะเล็กๆ ในรัฐเปรัก มากไปด้วยชายหาดสวยงาม และที่พักหลากหลาย บนเกาะมีเส้นทางเดินชมป่าฝนที่ยังคงพิสุทธิ์สวยงาม โดยมีค่างและนกเงือกเป็นไฮไลต์ นอกจากนี้ เกาะปังกอร์ยังมีซากปรักหักพังสมัยอาณานิคมดัตช์ วัดวาอาราม และหมู่บ้านชาวประมงเป็นอีกสิ่งชวนชม รวมถึงมีอาหารทะเลสดรสอร่อยให้เลือกลองลิ้มชิมรส ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว: ภูมิอากาศในปังกอร์เป็นแบบร้อนชื้นตลอดทั้งปี ในฤดูฝน ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากพายุมรสุมมากนัก แต่หากใครกำลังวางแผนสำหรับวันหยุดพักผ่อนสุดโรแมนติก ควรหลีกเลี่ยงในช่วงปิดเทอมปลายปี โรงแรมแนะนำ: Pangkor Island Beach Resort 4 ดาว - ที่พักแบบบังกะโลริมชายหาด พร้อมเรือเจ็ตและเฟอร์รี่ส่วนตัว (เริ่มต้นที่ 3,629 บาท) Pangkor Laut Resort 5 ดาว - รีสอร์ตส่วนตัวพร้อมสวนหย่อม (8,303 บาท) หรือ วิลล่ากลางน้ำ (15,531 บาท) บนเกาะเล็กๆ ใกล้ปังกอร์ | ||||
ข้อมูลทั่วไป: ปูซานเป็นเมืองท่าอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ มีท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ มีชายหาดทอดยาวเป็นแนวหลายกิโลเมตร เป็นแหล่งชอปปิ้ง แหล่งบันเทิงยามราตรี และเป็นแหล่งอาหารทะเลสดๆ ที่ต้องลอง ปูซาน เคยเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ (BIFF) และได้เข้าร่วมเสนอชื่อเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2020 นอกจากนี้ ปูซาน ยังมีกิจกรรมปีนเขาที่ Geumjeongsan เมื่อนักท่องเที่ยวฝ่าฟันพืชพรรณหนาทึบไปได้จะต้องตกตะลึงกับทิวทัศน์กว้าง ไกลสุดลูกหูลูกตา ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว: หากต้องการท่องเที่ยวชายหาด เดือนกรกฎาคม และ สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นที่สุดของปีดูจะเหมาะสมที่สุด แต่จะมีผู้คนหนาแน่นในช่วงนี้ อาจทำให้ความสนุกลดลงได้ ช่วงอากาศอบอุ่นสบายที่สุดอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ (เมษายนถึงพฤษภาคม) ซึ่งเป็นฤดูดอกซากุระบาน และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายนถึงพฤศจิกายน) ที่ใบไม้เปลี่ยนสีทั้งภูเขา โรงแรมแนะนำ: Lotte Hotel Busan 5 ดาว - ให้บริการเหนือระดับแบบครบวงจร ตั้งอยู่ในแหล่งชอปปิ้งใจกลางเมือง (เริ่มต้นที่ 6,737 บาท) Paradise Busan Hotel 5 ดาว - ตั้งอยู่บนหาด Haeundae (เริ่มต้นที่ 7,229 บาท) | ||||
ข้อมูลทั่วไป: อ่าวขนอม ตั้งอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นอ่าวที่มีชายหาดเงียบสงบทอดยาว รอบข้างน่ายลไปด้วย วิถีหมู่บ้านชาวประมง ป่าชายเลน ภูเขาหินปูนที่บางช่วงมีลักษณะพิเศษเป็นแผ่นหินทับซ้นกันจนได้ชื่อว่า หินพับผ้า ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมาเล่นน้ำ พายเรือเล่น หรือจะล่องเรือชมโลมาสีชมพู ชมทิวทัศน์อ่าวขนอมที่มีสิ่งชวนอัศจรรย์เป็นบ่อน้ำจืดกลางทะเล กับตำนานความเชื่อเรื่องหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดที่ชาวบ้านในความนับถือ ศรัทธา ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว: ฝั่งตะวันตกของอ่าวไทยมีฝนตกหนักตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงมกราคม อย่างไรก็ตาม อ่าวขนอมก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โรงแรมแนะนำ: บ้านศิวิไลซ์ รีสอร์ต 4 ดาว - วิลล่าทันสมัยบนชายหาดทางตอนเหนือของขนอม (ห้องดีลักซ์ ซีวิว เริ่มต้นที่ 1,782 บาท) ตาลคู่ บีช รีสอร์ต 4 ดาว - บังกะโลชายหาด ตกแต่งอย่างน่ารักในสวนแบบสบายๆ (บังกะโล ซูพีเรีย เริ่มต้นที่ 1,076 บาท) | ||||
ข้อมูลทั่วไป: มุยเน่อยู่ทางเหนือของเมืองริมทะเล Phan Thie เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ดำรงวิถีเรียบง่าย ล้อมรอบด้วยชายหาดเหยียดยาว ภายในหมู่บ้านมีจุดน่าสนใจหลายแห่ง ได้แก่ เนินทรายสีแดง เนินทรายสีขาว และหินที่ก่อตัวเป็นรูปทรงประหลาด เอกลักษณ์ของชาวประมงในมุยเน่คือเรือรูปทรงตะกร้ากลม ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว: ฤดูท่องเที่ยวคือกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนพฤษภาคม การเดินทาง: นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถบัสจากโฮจิมินห์ซิตี้ หรือขับรถเที่ยวตามแนวหาดด้วยตนเอง โรงแรมแนะนำ: Saigon Mui Ne 4 ดาว - บังกะโลริมหาดและในสวน พร้อมสปา สระว่ายน้ำ หาดส่วนตัว (ห้องแฟมิลี่สวีท เริ่มต้นที่ 5,627 บาท) Phu Hai Resort 4 ดาว - รีสอร์ตริมชายหาดที่ให้บริการแบบครบวงจร พร้อมด้วยวิลล่าทันสมัย และห้องของเล่นสำหรับเด็ก (ห้องดีลักซ์ การ์เดนวิว เริ่มต้นที่ 2,306 บาท) | ||||
ข้อมูลทั่วไป: ตาเกย์เตย์อยู่ในเขตภูเขาของจังหวัด Cavite ที่มีอากาศบริสุทธิ์สดชื่นและภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน โดยมีทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟใน Taal Caldera ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเป็นไฮไลท์ นอกจากนี้ตาเกย์เตย์มีอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ไร่ดอกไม้ สนามกอล์ฟ และน้ำตกให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนานเพลิดเพลิน ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว: ควรไปเยือนตาเกย์เตย์ในช่วงฤดูแล้ง ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน โรงแรมแนะนำ: The Lake Hotel Tagaytay 4 ดาว - รีสอร์ตทันสมัยพร้อมด้วยทัศนียภาพแบบพาโนรามา (ห้องสแตนดาร์ด เริ่มต้นที่ 2,705 บาท) The Theodore Hotel 4 ดาว - ที่พักสไตล์บูติกพร้อมวิวทะเลสาบ Taal (ห้องซูพีเรีย เริ่มต้นที่ 4,519 บาท) | ||||
ข้อมูลทั่วไป: ฮัวเหลียนเป็นเมืองขนาดเล็กทางตะวันออกของไต้หวันที่สิ่งดึงดูดใจทั้งทะเล และภูเขา เพราะด้านหนึ่งติดมหาสมุทรแปซิฟิก อีกด้านหนึ่งติด Hehuanshan หรือ “ภูเขาแห่งความรื่นเริง” (Joy Mountain) ในฤดูหนาว Hehuanshan จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ดูน่าสนใจและท้าทายสำหรับผู้ชื่นชอบการปีนเขา ส่วนในฤดูร้อนทะเลนักท่องเที่ยวสามารถมาลุ้นชมวาฬและโลมา อีกทั้งในละแวกใกล้เคียงยังมีน้ำพุร้อน ทะเลสาบ หมู่บ้าน วัด และสายน้ำสำหรับล่องแก่งอีกด้วย ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว: ภูมิอากาศของฮัวเหลียนเหมาะไปท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยสามารถขึ้นเดินป่าในเขตภูเขาสูงระหว่างช่วงฤดูหนาวได้โดยไม่มีอุปสรรคจาก ฝน อาจมีไต้ฝุ่นบ้างในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน โรงแรมแนะนำ: Silks Place Taroko Hotel 4 ดาว - รีสอร์ตบนภูเขาที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ พร้อมด้วยสปาและคลับสำหรับเด็ก (ห้องกอร์จวิว ทวิน เริ่มต้นที่ 5,904 บาท) Classic Hotel City Resort - โรงแรมทันสมัยในเมืองฮัวเหลียน (ห้องซูพีเรีย ทวิน เริ่มต้นที่ 2,983 บาท) | ||||
ข้อมูลทั่วไป: เพชรบูรณ์เป็นจังหวัดที่อุดมไปด้วยขุนเขาและป่าไม้ มีสภาพอากาศเย็นในช่วงฤดูร้อนและฝน และมีอากาศหนาวเย็นถึงหนาวจัดในฤดูหนาว ในเพชรบูรณ์มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เขาค้อ แหล่งพักผ่อนตากอากาศชื่อดัง, อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ที่มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์และมีป่าสนแสนสวย, ภูทับเบิก สถานที่ที่มีทิวทัศน์ของภูเขากะหล่ำอันสวยงาม และวิถีชีวิตหมู่บ้านชาวม้งอันน่าสนใจ และอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ แหล่งอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีปรางค์ศรีเทพ และแหล่งโบราณสถานเขาคลังนอก-ในเป็นไฮไลต์ ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว: ฤดูหนาว จะมีอากาศหนาวเย็น และมีแสงแดดสดใสในช่วงกลางวัน ส่วนหน้าร้อนจะมีอากาศเย็นสบาย ขณะที่ในฤดูฝนมีอากาศเย็นสบาย ร่มรื่นไปด้วยความเขียวขจี โรงแรมแนะนำ: อิมพีเรียล ภูแก้ว ฮิลล์ รีสอร์ท 4 ดาว - ที่พักบนเนินเขาพร้อมกับทิวทัศน์แบบพาโนรามา (ห้องฮิลล์ไซด์ ชาเลต์ ดีลักซ์ เริ่มต้นที่ 1,970 บาท) สมันธิตารีสอร์ท 2.5 ดาว - วิลล่าทันสมัยบนภูเขา (เริ่มต้นที่ 2,120 บาท) | ||||
ข้อมูลทั่วไป: มาลังตั้งอยู่บนเกาะชวาตะวันออก เป็นเมืองใหญ่ที่สวยงามและทรงเสน่ห์ด้วยประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนาน มีทั้งอาคารบ้านเรือนแบบโคโลเนียล หมู่บ้านท้องถิ่น สนามกอล์ฟ ซากปรักหักพังวัดโบราณ และท้องทะเลที่ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้ นอกจากนี้มาลังยังเป็นจุดแวะพักชมวิวสำหรับนักเดินทางขึ้นภูเขา Semeru หรือภูเขาไฟโบรโม่อีกด้วย ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว: เดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน เป็นช่วงที่แล้งที่สุดแต่ดีที่สุดหากจะไปเยือน โรงแรมแนะนำ: Tugu Malang Hotel 5 ดาว - โรงแรมที่ตกแต่งอย่างประณีตในสไตล์ชวาโบราณ (ห้องซูพีเรีย ดีลักซ์ เริ่มต้นที่ 3,197 บาท) Hotel Santika Premiere Malang 4 ดาว - รีสอร์ตทันสมัยให้บริการครบวงจร (เริ่มต้นที่ 2,490 บาท) | ||||
*********************************************************** หมายเหตุ : ภาพประกอบส่วนหนึ่งจากอะโกด้า |
Subscribe to:
Posts (Atom)