“ฟองดูว์ เฮ้าส์” บ้านของคนรักฟองดูว์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์7 มิถุนายน 2555 12:58 น.

บรรยากาศโต๊ะนั่งแบบสบายๆ ภายในร้านฟองดูว์ เฮ้าส์
       “ฟองดูว์” (Fondue) เป็นอาหารดั้งเดิมของชาวสวิสเซอร์แลนด์ ที่มักจะนิยมกินกันในฤดูหนาว โดยนำเอาชีสมาตั้งไฟและหลอมละลายรวมกับไวน์ขาว และก็มีส้อมหรือเหล็กแหลมเสียบขนมปังแล้วจุ่มชีสร้อนๆ กิน เพื่อเสริมสร้างพลังงานและให้แคลอรีที่สูงมากๆ
      
       สำหรับเมืองไทยเราแล้วหากนักกินคนไหนคิดอยากจะกิน “ฟองดูว์” คงไม่ต้องรอให้ถึงหน้าหนาว เพราะหน้าหนาวบ้านเราเรียกว่าแทบจะไม่หนาวเลย หรือหนาวน้อยวันก็ว่าได้ แต่ว่าเราสามารถเลือกที่จะกินฟองดูว์ได้ตลอดทุกหน้า และได้ทุกวันตามใจปรารถนา
บรรยากาศโต๊ะนั่งดูอบอุ่น
       เพียงแค่พากันมาที่ “ฟองดูว์ เฮ้าส์” (Fondue House) ก็จะได้ลิ้มรสฟองดูว์เลิศรสกันแล้ว ซึ่งที่นี่เป็นร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักของคนไทยมากว่า 30 ปีแล้ว มีฟองดูว์สไตล์สวิสเซอร์แลนด์และฝรั่งเศสขนานแท้ให้ได้ลิ้มรส และยังมีอาหารยุโรปให้ได้ลิ้มลองกันด้วย
ฟองดูว์ชีส
       ว่าแล้วเมื่อมาถึงร้านแล้วก็อย่ามัวรอช้าสั่งฟองดูว์มาลิ้มรสกันเลยดีกว่า เริ่มด้วย ฟองดูว์ชีส (600 บาท+/หม้อ) เป็นฟองดูว์สไตล์สวิสฯ แท้ๆ เสิร์ฟมาแบบครบชุด คือมีหม้อตั้งไฟ ที่ภายในหม้อเป็นชีสจากสวิสฯ ที่คัดเลือกมาเป็นพิเศษ นำมาผสมกับไวน์ขาว และเหล้า คนผสมรวมกันกว่าครึ่งชั่วโมง เสิร์ฟมาพร้อมกับขนมปังอบที่ทางร้านทำเอง เวลากินให้คนชีสไปเรื่อยๆ แล้วใช้แท่งเหล็กยาวปลายแหลมจิ้มขนมปังอบแล้วจุ่มลงไปในชีสร้อนๆ แล้วเอาขึ้นมาจะเห็นได้ถึงสัมผัสของชีสที่เหนียวยืด พอส่งเข้าปากกินแล้วละมุนลิ้นกับชีสหอมๆ รสเข้มข้นนุ่มยืดเข้ากับขนมปังกรอบเป็นที่สุด
ฟองดูว์น้ำมัน
       แล้วก็ตามติดมาด้วย ฟองดูว์น้ำมัน (400 บาท+/คน) เป็นฟองดูว์น้ำมันสไตล์ฝรั่งเศส ที่เสิร์ฟมาแบบครบชุดเช่นกัน คือมีหม้อสเตนเลสที่ใส่น้ำมันลัมตั้งไฟมา และก็มีเนื้อสัตว์ให้เลือกต่างๆ ซึ่งใน 1 ชุด สามารถเลือกเนื้อได้ 4 อย่าง ไม่ว่าจะเป็น เนื้อแกะนำเข้าจากออสเตรเลียหมักกับไวน์และบรั่นดีสูตรพิเศษ เนื้อไทยส่วนสันในที่คัดสรรมาอย่างดีหมักด้วยเครื่องสูตรพิเศษ กุ้ง ไก่ เนื้อหมู ตับ หอยนางรมห่อเบคอน ปลากะพง เวลากินก็นำเนื้อสัตว์จุ่มลงไปในน้ำมันร้อนๆ พอสุกได้ที่ก็นำขึ้นมาจิ้มกับซอสรสเด็ดที่ทางร้านทำเอง ซึ่งมีหลายรสชาติ คือ ทาร์ทาร์ซอส บาร์บีคิวซอส เทาซันด์ไอส์แลนด์ซอส ซอสแตงกวา และยังมีสลัดผักและขนมปังกระเทียมเสิร์ฟมาให้กินเคียงกันด้วย
ฟองดูว์ชอคโกแลต
       จากนั้นสลับรสชาติจากของคาวมากินของหวาน คือ ฟองดูว์ชอคโกแลต (300 บาท+/ที่) เป็นฟองดูว์สไตล์ฝรั่งเศสเช่นกัน โดยมีหม้อใส่ชอคโกแลตที่ทางร้านคัดสรรสชอคโกแลตแท้ๆ อย่างดี นำมาผสมกับบรั่นดีด้วย และจุดไฟมาพร้อมกับผลไม้สด อย่างกล้วยหอม สตรอเบอร์รี่ แอปเปิ้ล และขนมปังกรอบเป็นแท่งๆ ที่ทางร้านทำเอง เวลากินก็ให้นำผลไม้จุ่มลงไปในชอคโกแลต แล้วส่งเข้าปากจะสัมผัสได้ถึงรสชาติอันเข้มข้นของชอคโกแลตแท้ๆ ที่หอมหวานได้ใจ
ซุปหัวหอม
       และใช่ว่าที่นี่จะมีแต่ฟองดูว์เลิศรสให้ได้ลิ้มลองเท่านั้น เพราะว่ายังมีเมนูยุโรปอื่นๆ ที่ชวนกินไม่แพ้กันด้วย ไม่ว่าจะเป็น ซุปหัวหอม (150 บาท+) สไตล์ฝรั่งเศสที่ตัวน้ำซุปได้จากน้ำสต็อกเนื้ออย่างดี ใส่หัวหอมลงไปเคี่ยวด้วยนานกว่า 5-6 ชม. และใส่ขนมปังที่อบมากับชีสลงไปในซุปด้วย เสิร์ฟมาแบบร้อนๆ เป็นซุปหัวหอมที่เข้มข้นหวานหอมกลมกล่อมละมุนลิ้นเป็นยิ่งนัก
ลีลาการปรุงเครปซูเซท
       เครปซูเซท (320 บาท+) เป็นอีกหนึ่งของหวานสไตล์ฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อของทางร้าน ที่ถ้าสั่งเมื่อไหร่จะได้เห็นขั้นตอนการทำ ซึ่งทางร้านจะโชว์การทำซอสส้มตามสูตรเด็ดที่จะนำมาราดลงบนแป้งเครปที่ทาง ร้านทำเอง เสิร์ฟคู่มากับไอศกรีมรสวนิลา โรยด้วยอัลมอนด์และใส่เชอร์รี่ ลิ้มรสแป้งเครปนุ่มนิ่มชุ่มซอสส้มเปรี้ยวหวาน กินคู่กับไอศกรีมเย็นๆ สดชื่นปากดีจริง
เครปซูเซท
       นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเมนูอื่นๆ ที่น่าลองลิ้มอีก อาทิ สเต็กคาเฟเดอปารีส (400 บาท+) สันในหมูราดซอสเห็ดเนยแข็ง (320 บาท+) เนื้อแกะนิวซีแลนด์ (400 บาท+) เป็ดซอสส้ม (300 บาท+) ไก่ย่างอบชีส (200 บาท+) ฯลฯ เรียกว่าหากใครที่ชื่นชอบกินฟองดูว์สไตล์สวิสฯ และฝรั่งเศสแท้ๆ ก็อยากให้ลองแวะเวียนมาที่ ”ฟองดูว์ เฮ้าส์” เพราะไม่แน่ที่นี่อาจจะกลายเป็นร้านประจำของคนรักฟองดูว์อย่างคุณไปเลย
โต๊ะนั่งด้านนอกรับลมเย็นๆ
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ”ฟองดูว์ เฮ้าส์” (Fondue House) ตั้งอยู่ที่ 25/4 ซ.ชำนาญอักษร ถ.พหลโยธิน9 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. การเดินทางจากรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีอารีย์ ลงฝั่งมุ่งหน้าไปสะพานควาย ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซ.พหลโยธิน 9 ตรงเข้ามาในซอยประมาณ 200 เมตร แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าซ.ชำนาญอักษร ตรงเข้ามาอีก 50 เมตร ร้านฟองดูว์ เฮ้าส์จะอยู่ด้านซ้ายมือ เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.00 น. และ 18.00-23.00 น. ถ้ามากินแนะนำว่าควรโทร .มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2279-4731