ประเภทของเกมสำหรับเด็กผู้หญิง

เด็กผู้หญิงมักจะไม่ได้มีตัวเลือกมากมายในการเล่นเกมหรือมีความสนุกสนานกับการเล่นเกมเมื่อเทียบกับเด็กผู้ชายซึ่งพวกเขาสามารถเล่นเกมคอมพิวเตอร์ๆได้หลายชั่วโมง ในขณะที่เด็กผู้หญิง มักจะไม่ชอบเล่นเกมผจญภัย พวกเธอไม่ได้รักที่จะเล่นเกมคอมพิวเตอร์แอคชันหรือเกมความละเอียดสูง ส่วนใหญ่ของเด็กผู้หญิงที่รักการใช้เวลาที่บ้านกับพ่อแม่พี่น้องและเพื่อน ๆ รักการทำอาหารช้อปปิ้งและการคุยกันเล่น

จึงมีจำนวนมากที่มีความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ชายและหญิงทำคือ เรื่องเกม เด็กผู้หญิงมักจะชอบเล่นเกมปรุงอาหาร, แต่งตัว, แต่งหน้า, ตุ๊กตาบาร์บี้และ Winx Club อุตสาหกรรมเกมเด็กผู้หญิงไม่ได้เป็นใหญ่เท่าอุตสาหกรรมเกมเด็กผู้ชาย อย่างไรก็ตามมีหลายประเภทของเกมสำหรับสาวที่มีในอยู่ตลาด

รูปแบบต่างๆของเกมสำหรับเด็กผู้หญิง

·แต่งตัว

เกมแต่งตัวที่มีชื่อเสียงในหมู่สาวสวยจากทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น ในเกมที่มีชุดเด็กให้แต่งตัวตามเสื้อผ้าและรองเท้าที่แตกต่างกัน นี่คือเกมที่ง่ายและมีเล่นมากที่สุด

·เกมส์แต่งหน้าสำหรับสาวๆ

เกมแต่งหน้าที่ควรจะเป็นเกมที่วัยรุ่นอย่างแท้จริง โดยเล่นกับผลิตภัณฑ์แต่งหน้าที่แตกต่างกัน สาวๆใช้ผลิตภัณฑ์แต่งหน้าต่างๆบนตัวละตรโปรดของพวกเขาเช่นตุ๊กตาบาร์บี้, Cinderella หรือนางฟ้าอื่น ๆ

·ตุ๊กตาบาร์บี้

ใครบนโลกนี้ที่ไม่ทราบเกี่ยวกับตุ๊กตาบาร์บี้? ตุ๊กตาบาร์บี้เป็นตัวเอกและเกมตุ๊กตาบาร์บี้เป็นส่วนหนึ่งที่ชื่นชอบมากที่สุดชนิดหนึ่งที่มีให้สำหรับสาว ๆ ทุกเพศทุกวัยที่รักการเล่นเกมตุ๊กตาบาร์บี้บาร์บี้ ได้แก่ แต่งชุดตุ๊กตาบาร์บี้, ตุ๊กตาบาร์บี้แต่งหน้า,เต้นรำตุ๊กตาบาร์บี้, ตุ๊กตาบาร์บี้แฟชั่น, การผจญภัยตุ๊กตาบาร์บี้, ตุ๊กตาบาร์บี้ทำอาหารและอื่น ๆ มากมาย

เกมทำอาหาร·

ต้องบอกว่าเกมการแข่งขันการทำอาหารเป็นอีกประเภทที่มีเป็นที่นิยมของวัยรุ่น เด็กผู้หญิงหลายคนเรียนรู้การทำอาหารจากเกมการปรุงอาหาร

·บ้านตุ๊กตา

เป็นประเภทเกมอีกชนิดหนึ่งที่สนุกสนานสำหรับเด็กผู้หญิง ในเกมบ้านตุ๊กตาผู้เล่นจำเป็นต้องทำความสะอาดจัดล้างและจัดการบ้านบ้านตุ๊กตา

สงกรานต์เลือด! โหรเตือนปีนี้มีเกณฑ์เกิดความรุนแรง

ทำนาย


สงกรานต์เลือด! โหรเตือนปีนี้มีเกณฑ์เกิดความรุนแรง (ไทยโพสต์)ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          โหรชื่อดังทำนายนางสงกรานต์ "กิมิทาเทวี" ดุ-แรง ถืออาวุธประหารคนชั่ว แผ่นดินนองเลือด ชี้ภายในปีนี้จะเกิดชุมนุมใหญ่ไล่รัฐบาลลุแก่อำนาจ หลัง 21 เม.ย. กองทัพเข้มแข็งเป็นที่พึ่งได้

           นายกรหริศ บัวสรวง โหราจารย์ชื่อดัง เปิดเผยว่า วัน มหาสงกรานต์ปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 13 เมษายน นางสงกรานต์มีชื่อว่า กิมิทาเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกจงกลนี อาภรณ์แก้วบุษราคัม ภักษาหารกล้วยน้ำ หัตถ์ขวาทรงขรรค์ หัตถ์ซ้ายทรงพิณ เสด็จนอนลืมตามาเหนือหลังกระบือ โดยมี คำทำนายว่า บ้านเมืองจะเกิดไฟสงคราม ฆ่าฟันกันและฉิบหายเป็นอันมาก จากการวิเคราะห์ตีความบุคลิกลักษณะนางสงกรานต์ประจำปีนี้ประกอบกับการโคจร เคลื่อนย้ายของดวงดาวที่สำคัญแล้วพบว่า คำทำนายของตำราโบราณมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นจริง เพราะนางสงกรานต์ปีนี้มีนิสัยดุดัน มือขวาถือพระขรรค์ ซึ่งเป็นอาวุธประจำเทพเทวดา พระสยามเทวาธิราชและพระมหากษัตริย์ อาวุธนี้ใช้ประหัตประหารคนชั่วที่ทรยศแผ่นดิน จึงอาจเกิดเหตุนองเลือดหรือใช้กำลังต่อสู้ปะทะกันอย่างรุนแรง มีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

           นายกรหริศ กล่าวว่า เมื่อ แปลความหมายของชื่อนางสงกรานต์กิมิทาเทวี แปลว่า หนอน ซึ่งอยู่ในของเน่าเหม็น โดยส่วนตัวบอกได้เลยว่า ประเทศชาติมีหนอนบ่อนไส้ คนไทยบางส่วนมีพฤติกรรมสกปรกโสมมทำให้บ้านเมืองเน่าเฟะเหม็นโฉ่ อีกทั้งวันมหาสงกรานต์อยู่ในช่วงข้างแรม ก็จะมีสิ่งหม่นหมอง ดำมืด หรือความชั่วร้ายแผ่ปกคลุมบ้านเมืองจนแทบจะมองไม่เห็นแสงสว่าง อย่างไร ก็ตาม นางสงกรานต์ถือพิณอยู่ในมือซ้าย ก็มีความหมายว่าจะต้องรู้จักเดินสายกลางเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้ผ่านพ้น วิกฤติ สมัยพุทธกาลก่อนที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสรู้ ก็ได้สดับเสียงพิณที่ขึงพอดีจึงมีเสียงไพเราะ จึงมองเห็นทางสายกลางนำไปสู่การตรัสรู้ได้ ดังนั้นผู้มีอำนาจบริหารประเทศต้องไม่ลุแก่อำนาจ ไม่ใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบธรรม มิเช่นนั้นจะถูกพระขรรค์ประหารกวาดล้างให้ตายไปตามกัน

           "นาง สงกรานต์เสด็จนอนลืมตาบนหลังควาย ทำนายได้ว่า คนไทยยังไม่สงบสุข เพราะนางสงกรานต์นอนไม่หลับ มีความวิตกกังวลเหมือนคนไม่สบาย แถมยังมีพาหนะเป็นควาย ซึ่งเป็นสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรม จึงต้องระวังภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นรุนแรง เพราะรัฐบาลบริหารจัดการน้ำไม่เป็น กลัวน้ำท่วมก็รีบระบายน้ำในเขื่อนจนไม่เก็บเผื่อไว้ใช้ในหน้าแล้งนี้" นายกรหริศกล่าว

           โหรชื่อดังกล่าวอีกว่า ในแง่ของการโคจรดวงดาวที่สำคัญ เริ่มต้นโดยดาวเสาร์ ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาล ย้ายเข้าไปอยู่ในภพที่ 5 หรือภพอริ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ทำให้เกิดปัญหาอุปสรรค การทำงานไม่ราบรื่นและจะมีประชาชนทุกกลุ่มตั้งแต่รากหญ้าจนถึงยอดหญ้าไม่พอ ใจรัฐบาลและมีปฏิกิริยาต่อต้านหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นรวมตัวชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลภายในปีนี้ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล

           "ขณะ นี้ดาวอังคารโคจรวิปริต ดาวอังคารเป็นตัวแทนสงคราม หลังวันที่ 12 เมษายนเป็นต้นไป ดาวเสาร์ ซึ่งเป็นธาตุไฟ โคจรใกล้ดาวอังคาร ธาตุลม จะทำให้เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่บนตึกสูงเกิดขึ้นหลายครั้งทั่วประเทศ ก่อนหน้านี้ผมก็จะได้ทำนายเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยเฉพาะเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน จะมีเหตุไฟไหม้มากที่สุด รวมทั้งอุบัติเหตุทำให้มีคนตายหมู่" นายกรหริศกล่าว

           ส่วนในวันที่ 15 พฤษภาคม ดาวพฤหัสบดีโคจรย้ายมาอยู่ในภพที่ 2 ของดวงเมือง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเงิน การคลัง และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ การย้ายครั้งนี้อยู่ในตำแหน่งไม่ดีคือ บรรลัยจักร จะทำให้เศรษฐกิจพังเสียหายย่อยยับ และยังถูกดาวราหูเล็งดาวพฤหัสบดี ยิ่งทำให้เกิดเงินรั่วไหลหรือทุจริตคอรัปชั่นอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย อีกทั้งเนื่องจากดาวพฤหัสบดียังเป็นตัวแทนของกฎหมายด้วย ดังนั้นหากรัฐบาลยิ่งเร่งแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ก็จะทำให้มีประชาชนต่อต้านและเกิดเหตุรุนแรงเร็วขึ้น

           ด้านนายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวว่า การโคจรของดวงดาวที่สำคัญในช่วงสงกรานต์คือ ดาวพระอังคารกำลังโคจรถอยหลังอยู่ในราศีสิงห์ ซึ่งเป็นธาตุไฟ ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์จนถึงเดือนมิถุนายน ตามคัมภีร์อรรถสาลินีพยากรณ์ว่า จะเกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้ระมัดระวังปัญหาสุขภาพและโรคเจ็บป่วยร้ายแรงจะแพร่ระบาดรุนแรง บ้านเมืองจะเกิดความเสียหายวอดวาย พระธรณีจะดูดกินซึ่งเลือดคน และพสุธาแตกแย่งแบ่งเป็นสองคือ ผู้คนแตกความสามัคคีและจะเกิดแผ่นดินไหว ลมพายุวิปโยค ทำให้มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายมากมาย

           "ดวง เมืองจะมีอายุครบ 231 ปีเต็ม ในวันที่ 21 เมษายนนี้ จะส่งผลให้กองทัพทหารมีความเข้มแข็งมากขึ้นและเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ซึ่งขณะนี้ดวงทหารยังอยู่ในสภาพอ่อนแอ ประชาชนต้องอดทน ดาวอังคารจะเป็นมนตรี หมายถึงเป็นที่พึ่งหรือปกป้องคุ้มครองประเทศชาติได้" นายภิญโญกล่าว



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เที่ยวเทศกาลสงกรานต์ ที่ไหนดี?!

เที่ยวเทศกาลสงกรานต์ ที่ไหนดี?! (ไทยรัฐ)

          ใน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี ไม่ได้มีแต่เฉพาะกิจกรรมสาดน้ำ ประแป้ง อย่างที่คนรุ่นใหม่คุ้นเคยกัน แต่ยังเต็มไปด้วยประเพณีดีงามมากมาย ที่ส่งเสริมความรักความอบอุ่นในครอบครัวและสังคมไทย

          กิจกรรมวันสงกรานต์ที่สืบทอดเป็นประเพณีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีตั้งแต่การทำบุญตักบาตร รับศักราชใหม่ในวันเถลิงศก ตรงกับวันที่ 15 เมษายน โดยตอนเช้าตรู่ จะจัดเตรียมอาหารคาวหวาน ใส่สำรับ ไปถวายพระที่วัด พร้อมกับทำบุญตักบาตร และนำไปให้ผู้เฒ่าผู้แก่ ครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือ หลังจากนั้น จึงถวายทานเจดีย์ทราย, ปล่อยนกปล่อยปลา, สรงน้ำพระพุทธเจดีย์ และสรงน้ำพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง ช่วงบ่ายเป็นเวลาสำคัญในการแสดงความกตัญญูต่อญาติผู้ใหญ่ โดยลูกหลานจะเดินสายรดน้ำอวยพรผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ด้วยดอกไม้, ธูปเทียน, ผ้าใหม่, หมากพลู, ส้มป่อย และน้ำอบ



สงกรานต์


          ขณะเดียวกัน ทั่วทุกภาคของประเทศ ยังมีการจัดงานฉลองเทศกาลสงกรานต์อย่างคึกคัก ภายใต้แนวคิด เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2552 สนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

          เฉพาะในกรุงเทพฯ ได้เตรียมจัดกิจกรรมดีๆน่าเที่ยวไว้มากมายนับ ไม่ถ้วนเพื่อต้อนรับปีใหม่ไทย ระหว่างวันที่ 10-15 เมษายน 2552 ไฮไลต์เด่นๆ ประจำเทศกาล ได้แก่ กิจกรรมไหว้พระขอพร 9 พระอารามหลวง ตลอด 6 วันเต็ม บริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ วัดพระแก้ว, วัดโพธิ์, วัดสุทัศนฯ, วัดสระเกศ, วัดบวรฯ, วัดชนะสงคราม, วัดระฆังฯ, วัดอรุณ, วัดแจ้ง ไปจนถึงวัดกัลยาณมิตร โดยผู้สนใจขอรับพาสปอร์ตไหว้พระ 9 วัด ได้ที่จุดประชาสัมพันธ์ประจำทุกวัด เมื่อประทับตราครบทั้ง 9 วัด มีสิทธิ์รับคูปองลุ้นรางวัลพระเลี่ยมทองคำด้วย


สงกรานต์


          นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสรงน้ำพระพุทธรูป 4 ภาค และการจำลองประเพณีสงกรานต์ 4 ภาค ที่วัดโพธิ์ ช่วงค่ำวันที่ 10 เมษายน กิจกรรมรณรงค์แต่งไทยเล่นน้ำสงกรานต์แบบวิถีไทย บริเวณถนนข้าวสาร วันที่ 4-12 เมษายน เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวเล่นน้ำสงกรานต์อย่างถูกวิธี ตลอดจนการปิดถนนฉลองเทศกาลสงกรานต์อย่างเอิกเกริก ตั้งแต่สนามหลวง, สวนสันติชัยปราการ, วิสุทธิกษัตริย์ไปถึงถนนข้าวสาร วันที่ 11-13 เมษายน

          ใกล้ๆ กับกรุงเทพฯ ก็มีงานใหญ่อวดประเพณีสงกรานต์กรุงเก่า จ.พระนครศรีอยุธยา ที่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์วิหารพระมงคลบพิตร และโดยรอบเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 12-14 เมษายน

          ส่วนเจ้าประจำอย่างพระประแดง  ยังคงจัดกิจกรรมสงกรานต์พระประแดง จ.สมุทรปราการ บริเวณ หน้าที่ว่าการอำเภอพระประแดง ระหว่างวันที่ 18-19 เมษายน


สงกรานต์


          จังหวัดสุโขทัย มีประเพณีสรงน้ำโอยทาน สงกรานต์ศรีสัชนาลัย  จัดที่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย วันที่ 8-12 เมษายน จากนั้นในวันที่ 12-14 เมษายน เตรียมพบกับประเพณีย้อนอดีตมหาสงกรานต์สุโขทัย  ที่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ตระการตาทั่วเมือง

          เชียงใหม่ ก็ร่วมเฉลิมฉลองประเพณีปีใหม่เมืองอย่างสนุกสนาน ระหว่างวันที่ 12-15 เมษายน 2552 ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นมีไมตรีจิตแบบชาวล้านนา

รู้สภาพถนนออกต่างจังหวัด ....ก่อนไปเที่ยวสงกรานต์ปีนี้

ที่มา dailynews.co.th
หลายคนคงอยู่ในช่วงเตรียมตัวออกเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัดช่วงเทศกาล สงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้ เพื่อให้การเดินทางสะดวกกว่าที่เคย ลองมาดูคำแนะนำจากกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ว่าไปเส้นทางไหนดีหรือไม่ดีอย่างไร

พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. เปิดเผยว่า การเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ น่าเป็นห่วงตรงจุดที่ถนนชำรุดเสียหายจากอุทกภัยครั้งที่ผ่านมา ที่ขณะนี้ยังซ่อมไม่เสร็จ 4 เส้นทาง ได้แก่ ถนนสาย 340 จากช่วงบางบัวทองไปสุพรรณบุรี ถนนสาย 305 (รังสิต-องครักษ์) ถนนสาย 11 อินทร์บุรี-ตากฟ้า และถนนสาย 122 ทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ซึ่งยังสามารถใช้สัญจรไปมาได้ แต่อาจต้องชะลอความเร็ว ส่งผลให้เกิดปริมาณการจราจรที่หนาแน่น ส่วนการเดินทางขาออกจากกรุงเทพฯ คาดว่าจะหนาแน่นที่สุดในวันที่ 12 เม.ย. แต่เชื่อว่าจะไม่สาหัสมาก เพราะมีวันหยุดยาวตั้งแต่ช่วงวันที่ 6-9 เม.ย. คาดว่าประชาชนจะทยอยเดินทางไปแล้วบางส่วน ที่น่าห่วงคือช่วงขากลับระหว่างวันที่ 14-17 เม.ย. เพราะจะมีการเดินทางกลับมาทำงาน ซึ่งจะทำให้รถเข้าเมืองหนาแน่นมาก ซึ่ง บก.ทล. ได้เตรียมความพร้อมรับมือระบายการจราจรบนทางหลวงไว้แล้ว

สำหรับเส้นทางที่สามารถใช้เดินทางออกสู่ภูมิภาคได้ ประกอบด้วย เส้นทางสู่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 7 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ใช้ถนนวิภาวดีรังสิต (ทางหลวงหมายเลข 31) หรือใช้ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ต่อสายอุตราภิมุข เข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) ถึงต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งสู่อ่างทอง เพื่อเดินทางสู่ภาคเหนือ หรือเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรีเพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  เส้นทางที่ 2 จากถนนรัตนาธิเบศร์ (ทางหลวงหมายเลข 302) ใช้ถนนบางบัวทอง–สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) เลี้ยวขวาเข้าถนนวงแหวนตะวันตก (ทางหลวงหมายเลข 9) จนถึงต่างระดับบางปะอินแล้วใช้ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือใช้ถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) เพื่อไปภาคเหนือ

เส้นทางที่ 3 จากถนนรัตนาธิเบศร์ (ทางหลวงหมายเลข 302) ใช้ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) ผ่านจังหวัดสุพรรณบุรีไปสู่จังหวัดชัยนาท เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ไปสู่จังหวัดนครสวรรค์   เพื่อไปภาคเหนือ  เส้นทางที่ 4 จากถนนรามอินทรา (ทางหลวงหมายเลข 304) ใช้ถนนต่างระดับลำลูกกา (ทางหลวงหมายเลข 9) ถึงแยกพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) เลี้ยวขวาเพื่อเดินทางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือเลี้ยวซ้ายไปต่างระดับบางปะอิน เข้าถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) เพื่อสู่ภาคเหนือ

เส้นทางที่ 5 จากบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ (ทางหลวงหมายเลข 304) ห้าแยกปากเกร็ด ใช้ถนนติวานนท์ (ทางหลวงหมายเลข 306) เลี้ยวขวาเข้าถนนบางพูน-บางปะหัน (ทางหลวงหมายเลข 347) ผ่านต่างระดับเชียงรากน้อยจนบรรจบถนนเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ที่ อ.บางปะหัน แล้วเดินทางไปภาคเหนือ หรือเข้าถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) มุ่งสู่สระบุรี เพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เส้นทางที่ 6 จากต่างระดับรังสิต ไปตามถนนรังสิต-องครักษ์ (ทางหลวงหมายเลข 305) ผ่านทางต่างระดับธัญบุรี ตรงไปจังหวัดนครนายก กบินทร์บุรี เพื่อไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ เส้นทางที่ 7 จากถนนรามอินทรา ใช้ถนนรามอินทรา-สุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่านฉะเชิงเทรา พนมสารคาม กบินทร์บุรี ปักธงชัย เข้าสู่ถนนมิตรภาพ (สาย 2) ไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เส้นทางสู่ภาคตะวันออก มี 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ไปตามถนนบางนา-บางปะกง (ทางหลวงหมายเลข 34) จนถึง กม. 39 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 7) ที่ต่างระดับบางควาย มุ่งสู่พัทยาไปภาคตะวันออก เส้นทางที่ 2 จากถนนศรีนครินทร์ (ทางหลวงหมายเลข 3344) ใช้ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรี (ทางหลวงหมายเลข 7) มุ่งสู่พัทยาไปภาคตะวันออก เส้นทางที่ 3 จากถนนรามอินทรา (ทางหลวงหมายเลข 304) ใช้ถนนสุวินทวงศ์ (ทางหลวงหมายเลข 304) ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา เข้าทางหลวงหมายเลข 314 แล้วใช้ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรี (สาย 7) มุ่งสู่พัทยาไปภาคตะวันออก

เส้นทางสู่ภาคใต้ มี 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 ใช้ถนนธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35 : ถนนพระราม 2) เข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) เดินทางสู่จังหวัดภาคใต้ เส้นทางที่ 2 ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เพื่อเข้าสู่จังหวัดภาคใต้ และ เส้นทางที่ 3 จากขนส่งสายใต้ใหม่ ใช้ถนนบางกอกน้อย-นครชัยศรี (ทางหลวงหมายเลข 338) เข้านครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี สู่จังหวัดภาคใต้

นอกจากนี้ยังมีเส้นทางที่คาดว่าจะมีการจราจรติดขัดควรหลีกเลี่ยง โดยในเส้นทางสายเหนือ มีจุดที่มีการจราจรติดขัดอยู่ 6 จุด หากหลีกเลี่ยงได้ควรเลี่ยง ได้แก่ 1.ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (วงแหวนตะวันออก ช่วงบางพลี-บางปะอิน) ที่ด่านเก็บค่าผ่านทาง ที่รถยนต์ต้องชะลอตัวแม้จะยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียม และยังมีจุดเชื่อมต่อกับถนนพหลโยธิน ที่ กม. 53 ที่มีปริมาณรถมาก และมีปั๊มน้ำมันหลายแห่ง 2.วงแหวนตะวันตก เขตอำเภอบางบัวทอง ต่อเนื่องถนนสาย 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี ซึ่งมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3.ทางหลวงหมายเลข 32 สายเอเซีย มีการก่อสร้างสะพานกลับรถเป็นช่วง ๆ 4.ทางหลวงหมายเลข 117 (นครสวรรค์-พิษณุโลก) มีผิวการจราจรชำรุดที่ กม. 22-23
5.ถนนพหลโยธิน บริเวณสะพานเดชาติวงศ์ จังหวัดนครสวรรค์ และ 6.ทางหลวงหมายเลข 21 พุแค-หล่มสัก การจราจรติดขัดที่ช่องเขา จังหวัดสระบุรี ที่เป็นทางขึ้นเขาลาดชัน และที่สี่แยกม่วงค่อม เป็นทางแยกไปจังหวัดชัยภูมิ กับจังหวัดลพบุรี

เส้นทางสายอีสาน จุดที่มีการจราจรติดขัด มี 4 จุด ได้แก่ 1.ถนนพหลโยธิน ช่วงวังน้อยมีการก่อสร้างสะพานจุดกลับรถ และสี่แยกแพะโคก จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นทางแยกตัดกับถนนเลี่ยงเมืองสระบุรี ที่มีการก่อสร้างสะพานต่างระดับ 2.ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ กม. 2-3 อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี มีการก่อสร้างสะพานกลับรถ กม. 14 อำเภอแก่งคอย มีการปรับปรุงผิวจราจร กม. 27-30 เป็นทางขึ้นเขาลาดชันและโค้งซิกแซ็ก กม. 85-87 บริเวณลำตะคอง เป็นทางโค้งขึ้นลงเนิน ทางเลี่ยงเมืองจังหวัดนคร
ราชสีมา กับถนนมิตรภาพบริเวณต่างระดับข้ามทางรถไฟจอหอ และจุดตัดทางแยกเป็นช่วง ๆ ถึงจังหวัดขอนแก่น 3.ทางหลวงหมายเลข 304 ที่แยกนาดี จังหวัดปราจีนบุรี ถึงอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางขึ้นเขาลาดชัน และมีทางโค้งหักมุมอันตรายหลายจุด และ 4.ทางหลวงหมายเลข 348  อำเภอตาพระยา ถึงอำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นทางขึ้นลงเขาลาดชัน

เส้นทางสู่ภาคตะวันออก มีจุดการจราจรติดขัด 2 จุด ได้แก่ 1.ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพ-ชลบุรี ที่ กม. 0-12 ต่อเนื่องจากถนนพระราม 9 ถึงต่างระดับขึ้นสนามบินสุวรรณภูมิ และ 2.ทางหลวงหมายเลข 3 ถนนบางนา-ตราด ผิวการจราจรไม่ค่อยดีเป็นบางช่วง ขณะที่เส้นทางสู่ภาคตะวันตกและภาคใต้มีจุดที่มีการจราจรติดขัด 2 จุด ได้แก่ 1.ทางหลวงหมายเลข 35 ถนนพระราม 2 กม. 59-62 บริเวณต่างระดับอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม และ 2.ทางหลวงหมายเลข 338 ถนนบรมราชชนนี กม. 27 บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม มีช่องจราจรเป็นคอขวด

เมื่อทราบข้อจำกัดในเส้นทางที่จะเดินทางแล้ว ก็ขอให้วางแผนก่อนการออกเดินทางให้ดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางนานเกินไป และที่สำคัญขอให้เคารพกฎจราจรให้มาก โดยเฉพาะเรื่องความเร็ว จะได้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยไม่เป็นการเพิ่มจำนวนอุบัติเหตุมากเกินควร.

หรรษาหน้าร้อน กับข้าวเหนียวมะม่วงรสเด็ดเจ้าดัง ที่ร้าน “แม่วารี”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 เมษายน 2555 10:40 น.
ด้านหน้าร้านแม่วารี
       หน้าร้อนแบบนี้ เดินไปทางไหนก็เห็นมีแต่ผลไม้นานาชนิดวางขายจนเลือกไม่ถูก สมกับเป็นฤดูแห่งการชวนชิมผลไม้เสียจริง แต่สำหรับผลไม้อันดับหนึ่งในช่วงนี้เห็นทีจะไม่พ้น “ข้าวเหนียวมะม่วง” ที่แม้จะเป็นตัวเพิ่มน้ำหนักที่ดีเยี่ยม แต่ก็อดใจไม่ให้ลิ้มลองไม่ได้จริงๆ
      
       มื้อนี้ “ผ่านมาแวะกิน” เลยจะชวนมาชิมข้าวเหนียวมะม่วงอร่อยๆ กันที่ร้าน “แม่วารี” ร้านชื่อดังในย่านทองหล่อ ที่ใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องมาลองลิ้ม ทีเด็ดอยู่ที่ข้าวเหนียวมูนของทางร้าน ซึ่งเป็นสูตรเด็ดของแม่วารี หรือคุณวารี จีนสุวรรณ ที่เปิดขายมาหลายสิบปีแล้ว
ข้าวเหนียวมูน มะม่วงน้ำดอกไม้สุก และถั่วทองสำหรับโรยหน้า
       ความอร่อยเด็ดนั้นอยู่ที่วิธีการทำ ที่พิถีพิถันตั้งแต่การเลือกใช้ข้าวเหนียวหอม สั่งมาเป็นพิเศษจากเชียงราย ส่วนกะทิที่ใช้ก็ต้องเป็นมะพร้าวแก่ๆ นำมาคั้น เพื่อให้ได้น้ำกะทิที่เข้มข้น สีสวย โดยจะคั้นกันสดๆ ไม่มีทิ้งค้างคืน ส่วนกรรมวิธีการทำนั้น เมื่อได้ข้าวเหนียวมาแล้วก็ต้องนำมาขัดแห้งกับสารส้ม เพื่อให้เกิดความเงา จากนั้นนำข้าวเหนียวมาแช่น้ำล้างกับสารส้มและขัดอีก 2-3 น้ำ จากนั้นก็ต้องล้างน้ำเปล่าทิ้งให้สารส้มหมดไป จากนั้นก็ต้องแช่ข้าวเหนียวจนนิ่ม แล้วจึงนำมานึ่ง สุกแล้วค่อยนำมามูนกับเกลือ น้ำตาล และกะทิ
      
       กว่าจะได้ข้าวเหนียวมูนอร่อยๆ ออกมาให้ลิ้มชิมรสกันนั้นเรียกว่าต้องผ่านหลากหลายขั้นตอนจริงๆ ซึ่งนอกจาก ข้าวเหนียวมูนสีขาว (กิโลกรัมละ 160 บาท) ก็ยังมี ข้าวเหนียวมูนใบเตย (กิโลกรัมละ 160 บาท) ที่ใช้ใบเตยแท้ๆ ให้สีสวยๆ แถมกลิ่นหอมชื่นใจ ซึ่งเมื่อตักข้าวเหนียวกลิ่นหอมๆ เข้าปากแล้ว ได้รสชาตินุ่มละมุนลิ้นเป็นที่ยิ่ง และนอกจากข้าวเหนียวมูนขาวกับใบเตยแล้ว ยังมี ข้าวเหนียวมูนสีดำ (กิโลกรัมละ 200 บาท) ให้เลือกชิมด้วย แต่จะทำออกมาน้อยกว่าสองอย่างแรก และถ้าจะให้เด็ดจริงๆ ต้องโรยหน้าข้าวเหนียวด้วย ถั่วทอง (กระปุกละ 40 บาท) ที่เคี้ยวแล้วกรุบๆ เค็มๆ เพิ่มความมัน
ข้าวเหนียวมะม่วงขายเป็นชุด
       เมื่อชิมข้าวเหนียวแล้ว สิ่งที่ต้องมาคู่กันก็คือมะม่วงสุกสีเหลืองทอง ซึ่งทางร้านมีให้เลือกทั้งมะม่วงน้ำดอกไม้ และมะม่วงอกร่อง (ราคาตามฤดูกาล) จะซื้อมะม่วงไปกินที่บ้าน จะสั่งพร้อมกับข้าวเหนียวมูนแล้วให้ทางร้านปอกมะม่วงให้เลยก็ได้ หรือจะเลือก ข้าวเหนียวมะม่วงเป็นชุด (ชุดละ 90 บาท) ก็สามารถเปิดลิ้มรสกันได้เลยทันที
      
       แต่นอกจากจะกินข้าวเหนียวมูนกับมะม่วงแล้ว ทางร้านก็ยังมีขนมหวานให้ลิ้มรส อย่างช่วงนี้ก็ต้องลอง ข้าวเหนียวทุเรียน (ชุดละ 70 บาท) ที่ใช้ทุเรียนหมอนทองสุกกำลังดี คัดสรรมาทั้งทุเรียนและน้ำกะทิ กินคู่กับข้าวเหนียวมูน หวานทุเรียน หอมมันกะทิ ข้าวเหนียวนุ่ม เคี้ยวแล้วอร่อยอวลอยู่ในปาก
ข้าวเหนียวทุเรียน
       และทางร้านยังมีข้าวเหนียวหน้าต่างๆ ให้ชิมอีกด้วย เริ่มต้นที่ สังขยา (ถ้วยละ 40) เนื้อเนียนกลิ่นหอมรสหวานชื่นใจ ต่อด้วย หน้าปลา (ถ้วยละ 40) หวานๆ เค็มๆ หน้ากุ้ง (ถ้วยละ 40) รสชาติกลมกล่อม และ หน้ากระฉีก (ถ้วยละ 40) ที่อร่อยไม่แพ้กัน หากจะกินคู่กับข้าวเหนียว ก็สั่ง ข้าวเหนียวหน้า (ชุดละ 35 บาท) ซึ่งจะได้ข้าวเหนียวมูนคู่กับหน้าหนึ่งหน้า แต่ถ้าอยากชิมทุกหน้าก็ต้องสั่ง ข้าวเหนียวหน้ารวม (ชุดละ 50 บาท)
      
       หากใครจะมาชิมข้าวเหนียวมูนที่ร้านนี้ ต้องบอกว่าทางร้านไม่มีพื้นที่ให้นั่งที่ร้าน มีแค่บริการสั่งกลับบ้าน หากใครจะโทรสั่งแล้วค่อยมารับไปก็ได้ นอกจากนี้ทางร้านยังเปิดตลอด 24 ชั่วโมง (ข้าวเหนียวมูนมีเฉพาะช่วงเวลา 05.00-24.00 น.) ใครหิวของอร่อยยามไหนก็มากันได้เลย
ข้าวเหนียวหน้าต่างๆ
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “แม่วารี” ตั้งอยู่เลขที่ 1 ปากซอยทองหล่อ ถ.สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. การเดินทางจากถนนสุขุมวิท ให้ตรงมาที่ซอยสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) เลี้ยวเข้าซอยทองหล่อไปประมาณ 20 เมตร ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือติดถนน เปิดทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง โทร. 0-2392-4804, 0-2714-4223 www.maevaree.com