HKN บะหมี่เกี๊ยวขึ้นห้าง เจ้าดังเยาวราช

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์


บะหมี่เกี๊ยวของร้าน“HKN” (Hong Kong Noodle)

















บะหมี่เกี๊ยวของร้าน“HKN” (Hong Kong Noodle)
เมนูเป็ดย่าง
ประเภทติ่มซำ


ร้าน“Hong Kong Noodle” มีสาขารวม 8 แห่ง
กระจายอยู่ในพื้นที่สำคัญของกรุงเทพฯ
และห้างสรรพสินค้าชื่อดังต่างๆ เช่น
สยามสแควร์ ซ.10 ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต
เมเจอร์รัชโยธิน และเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ


ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์

"PALAZZO"ร้านหรู เมนูอาหารอิตาเลียน

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
บรรยากาศร้าน “PALAZZO” โอ่โถง นั่งสบายๆ
ซอยทองหล่อ ถือเป็นหนึ่งในแหล่งอาหารการกินขึ้นชื่อและหลากหลายในกทม. โดยหลังจากที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ห่างหายจากซอยนี้ไปนาน มื้อนี้เมื่อสบโอกาสเหมาะเลยชักชวนเพื่อนฝูงมาหาของอร่อยๆกินในซอยนี้ ซึ่งเพื่อนคนหนึ่งแนะนำว่าที่ ซอยทองหล่อแห่งนี้ มีร้านอาหารอิตาเลียนที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานอยู่ร้านหนึ่ง ร้านนี้มีความน่าสนใจและน่าลิ้มลองอยู่ไม่น้อย พวกเราจึงลงมติกันว่า มื้อนี้จะมุ่งหน้าไปหาความอิ่มอร่อยกันที่ร้าน"PALAZZO" ร้านอาหารอิตาเลียนมาแรงในซอยทองหล่อ 17

"PALAZZO" เป็นร้านอาหารอิตาเลียนที่มีพื้นที่ใหญ่โตพอสมควร เข้ากับชื่อร้าน "PALAZZO" ที่เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า พระราชวัง พระราชวังแห่งนี้มีความหรูหราอยู่ภายในบ้านหลังใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านเก่าที่นำมาปรับเปลี่ยนตกแต่งให้มีบรรยากาศของการนั่งกินอาหาร ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายๆ เหมือนกับว่าเรามานั่งกินข้าวอยู่ที่บ้าน
บรรยากาศโต๊ะนั่งด้านบนดูอบอุ่นชวนนั่ง
ด้วยพื้นที่ภายในร้านมีหลายส่วนให้เลือกนั่งด้วยกัน ชั้นล่างแบ่งเป็นหลายโซน ฝาผนังทาสีเหลืองดูอบอุ่น มีโต๊ะให้เลือกนั่งในมุมสบายตามใจชอบ มีเคาน์เตอร์บาร์บริการเครื่องดื่มแบบครบครัน มีห้องเก็บไวน์ที่ด้านในมีไวน์จากหลากหลายประเทศให้บริการแก่คนดื่มไวน์ทั้ง หลาย มีห้องไพรเวทให้บริการอยู่ด้านหลัง และยังมีโซนด้านหน้าที่ตกแต่งห้องสไตล์ชิวๆ ชวนนั่งสบายๆ ส่วนชั้นสองบรรยากาศคล้ายด้านล่าง แต่จะมีส่วนที่เป็นพื้นที่เปิดโล่งอยู่ด้านหน้าให้นั่งกินอาหารแบบรับลม เย็นๆ
เชฟชาวอิตาเลียน Giuseppe Gigantino ผู้รังสรรค์เมนูอิตาเลียน
แค่บรรยากาศก็ชวนให้น่าหลงใหลแล้ว มาถึงเรื่องอาหารอิตาเลียนที่พวกเราตั้งหน้าตั้งตามากินนั้น ขอบอกว่าก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะที่นี่บริการอาหารอิตาเลียนแบบครบครัน อีกทั้งยังเป็นสไตล์อิตาเลียนขนานแท้ ที่วัตถุดิบส่วนใหญ่นำเข้ามาจากอิตาลี รวมถึงมีเชฟเจ้าของต้นตำรับที่เป็นชาวอิตาเลียน ชื่อGiuseppe Gigantino มาเป็นพ่อครัวปรุงอาหารอิตาเลียนรสชาติดีที่ชวนกินทั้งนั้น
Zucchini and shrimp wrapped in Parmiggiano cheese
มื้อนี้พวกเรามากันหลายคนเลยเลือกสั่งมากินกันหลายอย่าง เริ่มจากกินเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง Zucchini and shrimp wrapped in Parmiggiano cheese (350 บาท++) เมนูนี้มีซูกินี่ที่นำมาผัดปรุงรสชาติกับซอสสูตรเด็ดของทางร้าน และใส่มาในกระทงกรอบที่ทำมาจากชีส และมีกุ้งทอดวางมาด้วย พร้อมกับราดด้วยซอสสูตรเด็ดอีกที ชิมรสชาติซูกินี่นิ่มๆ ฉ่ำซอสที่ออกรสหวานหอม เคี้ยวกระทงที่ทำจากชีสออกเค็มๆ มันๆ ปาก กินคู่กับกุ้งทอดที่โดนน้ำซอสออกรสหวานๆ
Fettuccine with rock lobster
จานต่อมาขาดไม่ได้สำหรับคนชอบกินเส้นอย่างพวกเราคือต้องสั่ง Fettuccine with rock lobster (450 บาท++) เป็นเส้นเฟตตูชินี่ที่ทางทำเองนำมาผัดกับร็อคล็อบสเตอร์ ใส่มะเขือเทศเชอร์รี่ และใส่ไวท์ไวน์ซอส ชิมรสชาติเส้นเฟตตูชินี่เหนียวนุ่มเคล้ารสชาติซอสที่มีรสกลมกล่อมละเมียด ลิ้น กินเข้ากับร็อคล็อบสเตอร์เนื้อหวาน
Sliced rare beef Aus. tenderloin
เมนูถัดมาเป็นอะไรที่ถูกปากคนชอบกินเนื้อ Sliced rare beef Aus. tenderloin (850 บาท++) เป็นเนื้อเทนเดอร์ลอย จากออสเตรเลียนำมากริลล์แบบมีเดียมแรร์ ปรุงรสชาติด้วยสูตรเด็ดเฉพาะ และมีซอสพริกไทยสดปรุงรสโรยหน้ามาบนชิ้นเนื้อที่สไลด์มาเป็นชิ้นๆ มีสลัดร็อคเก็ตมาให้กินแกล้มด้วย หั่นชิ้นเนื้อส่งเข้าปากเคี้ยวเนื้อนุ่มหนึบหนับปากได้รสชาติความสดของ เนื้อที่หวานฉ่ำ และได้รสซอสพริกไทยที่เคี้ยวมันเผ็ดปากนิดๆ จากตัวพริกไทย
Palazzo Pizza
และอีกหนึ่งเมนูที่พลาดไม่ได้ถ้ามากินอาหารอิตาเลียนนั่นคือ พิซซ่า ที่นี่มีพิซซ่ากว่า 200 หน้า ให้เลือกกิน แถมยังมีเตาทำพิซซ่าโดยเฉพาะที่ใช้ฟืนในการอบพิซซ่า และพิซซ่าที่สั่งมาลิ้มลองนั้นคือ Palazzo Pizza (380 บาท++) ที่เสิร์ฟมาร้อนๆ หอมๆ แบบสไตล์อิตาเลียนแท้ๆ คือบางกรอบ และมีหน้าเป็นผักร็อคเก็ต มะเขือเทศเชอร์รี่ พาร์มาแฮม และใส่ชีสbuffalo mozzarella พิซซ่าของที่นี่รสชาติหน้าที่ใส่มากลมกลืนเข้ากับแป้งพิซซ่าที่เคี้ยวกรอบ บางเบานุ่มปาก
Pannacotta
พวกเราจัดการกินเมนูของคาวไปหลายอย่าง แต่ก็ไม่ลืมที่จะสั่งของหวานมากินปิดท้ายมือล้างปากด้วย เลือกสั่ง Pannacotta (150 บาท++) เย็นๆ ที่เนื้อเนียนนุ่มละเมียดลิ้น ราดด้วยซอสสตรอเบอร์รี่ผสมราสเบอร์รี่หวานหอม อีกหนึ่งเป็น Tiramisu (200 บาท++) ที่กินแล้วรู้สึกสดชื่นหอมหวานกาแฟ
Tiramisu
เพียงแค่นี้ก็เล่นเอาพวกเราอิ่มท้องกันมากแล้ว แต่ว่าที่นี่ยังมีเมนูอิตาเลียนรสดีอีกมากมายที่ชวนกิน และยังมีบุฟเฟต์บริการ ด้วยในช่วงมื้อกลางวันทุกวัน ถ้าเป็นสลัด+ซุป ( 250 บาท++ ) และถ้าเพิ่มเมนคอร์ส ชา,กาแฟ และขนมหวานด้วยจะราคา (310 บาท++) ต้องบอกเลยว่า “PALAZZO” เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารอิตาเลียนรสดีที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ขอแนะนำให้มาลองมาสัมผัสรสชาติกัน

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์

ปลาตาเดียวทอดซอสโชยุ

ขอบคุณบทความ healthandcuisine

ปลาตาเดียวทอดซอสโชยุ
ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่)
  • ปลาตาเดียว 1 ตัว
  • เกลือ พริกไทยเล็กน้อย
  • แป้งสาลีเอนกประสงค์เล็กน้อย
  • เลมอน 1 ซีก
  • น้ำมันสำหรับทอด
ส่วนผสมซอสโชยุ
  • โชยุ 1/4 ถ้วย
  • มิริน 1/4 ถ้วย
  • สาเก 2 ช้อนโต๊ะ
  • คอมบุ 2*2 นิ้ว
  • ปลาแห้งญี่ปุ่น 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย
วิธีทำ
  1. ทำซอสโชยุโดยใส่คอมบุในกระทะตั้งไฟสักครู่เมื่อคอมบุหอมใส่สาเกและมิรินเร่งไฟ
    แรงให้แอลกอฮอล์ระเหย ใส่ส่วนผสมที่เหลือเคี่ยวจนซอสข้น กรองเก็บไว้ใช้
  2. แล่เนื้อปลาออกเก็บกระดูกไว้ หั่นเนื้อปลาเป็นชิ้นเต๋าโรยเกลือ
    พริกไทยให้ทั่วทั้งเนื้อปลาและกระดูก ตบแป้งบางๆ
    ทอดในน้ำมันร้อนจนสุกเหลือง กินคู่กับซอสโชยุและเลมอน
ขอบคุณบทความ healthandcuisine

เมนูไอติม อร่อยถูกใจสาวไดเอท

ที่มา .... Spicy 


       อากาศบ้านเราคงจะยากที่จะอดใจลิ้มรสไอติมรสชาติเย็นๆ แต่สำหรับสาวที่กำลังไดเอท
ไอติมธรรมดาๆ คงจะเพิ่มน้ำหนักได้ไม่น้อย มาดูไอติมรสชาติของสาวๆ ไดเอทกัน
     1. Frozen Yogurt        
สาวๆ หลายคนรู้จักเจ้า Frozen yogurt นี้เป็นอย่างดี
เพราะมีขายกันเยอะแยะมากมาย
ไอติมชนิดนี้เป็นไอติมที่มีส่วนผสมของโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์และส่วนใหญ่
ไขมันจะต่ำสุดๆ เลย เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ไดเอท รสชาติอร่อย ชื่นใจ

     2. Sherbet        
ไอติมผลไม้ที่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ น้ำตาล และไข่ขาว และไม่ใส่นมหรือครีม
แต่บางทีเราก็จะพบไอติมเชอร์เบทที่มีส่วนผสมของนมหรือครีมบ้าง
เพื่อให้เนื้อของไอติมแน่นและเข้มข้นขึ้น เวลาที่สาวๆ
กินก็นิยมกินพร้อมผลไม้สด ซึ่งเลือกได้หลายชนิด
ไม่ว่าจะเป็นผลไม้รสเปรี้ยวหรือรสหวาน

     3. Soft - Serve      
ไอติมนมเนื้อเนียนนุ่ม ส่วนผสมจะต่างจากไอติมธรรมดา
ความเก๋ของไอติมชนิดนี้อยู่ที่ปริมาณไขมันที่ต่ำกว่าไอติมทั่วไป
ไม่ต้องแช่เย็นก่อนเสิร์ฟ
แต่จะนำส่วนผสมใส่เครื่องแล้วบีบใส่โคนหรือถ้วยเสิร์ฟได้เลย
ความเก๋อีกอย่างคือเนื้อของไอติมชนิดนี้จะบางและเบา
เพราะผ่านการตีในเครื่องจนเนื้อไอติมฟูและมีอากาศอยู่ในเนื้อไอติมอยู่มาก
เวลาที่เรากินไอติมซอฟท์เสิร์ฟ 1 ถ้วย ปริมาณเนื้อไอติมจริงๆ
จึงน้อยกว่าไอติมทั่วไป จึงจัดเป็นไอติมที่เหมาะกับสาวๆ ที่กำลังไดเอทค่ะ

     4. Sorbet       
Sorbet นี่เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกับ Sherbet แค่ชื่อก็คล้ายกันมากๆ แล้ว
ยังเป็นไอติมที่กินได้ในช่วงลดน้ำหนักเหมือนกันอีกด้วย
โดยชอร์เบทเป็นไอติมที่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ น้ำตาล
อาจมีส่วนผสมของเหล้าหรือกาแฟด้วยก็ได้
แต่ไม่มีส่วนผสมของนมและไข่ขาวเหมือน Sherbet
แต่รสชาติอร่อยแถมไม่มีไขมันหรือแคลอรีสูงๆ

       
แต่..อย่าเพิ่งดีใจไป แม้ว่าไอติมเหล่านี้จะกินได้สบายๆ ในช่วงลดน้ำหนัก
แต่ก็ควรคุมให้กินแต่พอดี ไม่ใช่เห็นว่ากินได้เลยซัดโฮกซะเต็มที่
ต่อให้เป็นไอติมที่ไขมันต่ำยังไง ถ้ากินเยอะๆ ก็อาจจะอ้วนได้เหมือนกัน...
 

น้ำพริกมะขามมะยมแบบผัด.....ง่ายๆกินแกล้มกับผักสด

ที่มา คุณ แครมบรูเล่ Bloggang.com
อยากกินน้ำพริกมะขามมาหลายวันแล้วค่ะ แต่ไม่เคยซื้อเค้ากินหรอกค่ะ ตำเองอย่างเดียว แต่ช่วงที่ผ่านมาหามะขามอ่อนไม่ค่อยได้ก้อเลยยังไม่ได้ตำซะที โชคดีวันก่อนไปเจอมะขามอ่อนวางขายอยู่พอดี เลยจัดไปค่ะ



น้ำพริก มะขามเคยตำกินเองหลายครั้งแล้วค่ะ แต่คราวนี้บังเอิญต้นมะยมที่บ้านออกลูกซะดก เลยคิดว่า ไหนๆละเอามะยมมาลองใส่ไปด้วยดีกว่า ทำเอง...กินเองนี่เนอะ ไม่เป็นไรอยู่แล้ว



วัตถุดิบ + เครื่องปรุง ดูรูปหมู่เลยละกันค่ะ



วิธีทำ

1. ล้างมะขามอ่อนให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเอาไปตำในครกให้แหลก แต่คราวนี้เราใช้วิธีลัดด้วย food processorไปเลยค่ะ ขี้เกียจนิดนึง

2. ตำพริกขี้หนูกับกระเทียมจนแหลกดี



3. ใส่มะขามอ่อนที่โขลกเอาไว้ลงไปตำจนเนื้อละเอียดเข้ากันดี แล้วแต่ชอบนะคะ ชอบกรุบๆหน่อยก้อไม่ต้องตำละเอียดมากค่ะ



4. ใส่กะปิลงไปคลุกเคล้า



5. ใส่เนื้อมะยมบุบลงไปตำ เคล้ากันให้ทั่ว (เราบุบมะยมแล้วต้มเพื่อคั้นน้ำมะยม เนื้อมะยมที่เหลือจากคั้นน้ำจะค่อนข้างนิ่มแล้ว แต่ไม่เละค่ะ - วิธีนี้มะยมจะไม่เปรี้ยวปี๊ดจนเกินงามค่ะ)



6. เสร็จแล้วค่ะ น้ำพริกมะขามมะยม เวอร์ชั่นก่อนโดนผัด พักไว้ก่อน


.
.
จากนั้นเราก้อจะเริ่มผัดน้ำพริกของเราเลยค่ะ

1. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันรอเลยค่า



2. พอกระทะร้อน ก้อใส่น้ำพริกที่เราตำเอาไว้ลงไปเลยค่ะ ผัดจนหอมและเริ่มแห้งลงเล็กน้อย



3. ใส่เนื้อหมูบดลงไป ผัดจนเนื้อหมูสุกดี





4. .ใส่กุ้งแห้งป่นลงไปเพิ่มความหอมและกรุบให้น้ำพริกเราคร่า แอบใส่เยอะเลย แบบว่าชอบกินค่ะ



5. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา เกลือทะเลเล็กน้อย ชิมรสดูตามชอบเลยค่ะ ผัดจนแห้งขึ้นเล็กน้อย ให้แน่ใจว่าน้ำพริกเราสุกดี จะได้เก็บไว้ทานได้นานหน่อยค่ะ เสร็จแล้วค่ะ หน้าตาน้ำพริกมะขามมะยมแบบผัด



จัดลงจานพร้อมผักสดตามชอบเลยค่ะ จริงๆทานกับถั่วพลูสดๆกรอบๆอร่อยมากค่ะ แต่วันนี้ไม่มีค่ะ มีตามมีตามเกิดแค่นี้ค่ะ 555







เมนูนี้ทำให้เราทานผักสดได้มากขึ้นด้วยค่ะ ดีต่อสุขภาพและลำไส้นะคะ

ขอบคุณที่ติดตามชมนะคะ

ที่มา คลิก