ความรู้เรื่องการทำเค้ก


เค้ก เป็นขนมชนิดหนึ่งมักจะทำจากส่วนผสมหลัก 4 อย่าง คือแป้ง น้ำตาล ไข่ และไขมัน มีลักษณะเนื้อละเอียดนุ่มรสชาติอร่อย นิยมใช้ในงานปีใหม่ วันเกิดเป็นต้น
ชนิดของเค้กโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ1.เค้กที่มีส่วนผสมของไขมันเป็นหลัก เช่น เค้กเนย
2.เค้กที่มีไข่เป็นส่วนผสมเป็นหลัก เช่นเค้กถ้วย เค้กญี่ปุ่นที่ 1 และชนิดที่ที่ 2 ผสมกันเช่น ซิฟฟอนเค้กเทคนิคในการทำเค้กทั่วๆ ไป
เทคนิคการทำเค้กทั่วไป1.ควรร่อนแป้งทุกครั้งก่อนนำมาตวงเพื่อให้อากาศเข้าแทรกระหว่างเนื้อแป้งทำให้แป้งฟูและเบา ถ้าจะใช้วิธีชั่งก็ต้องร่อนก่อนชั่ง
2.เนย หรือเนยเทียม ถ้าเป็นเนยสดจะตีหรือคนได้โดยง่ายต้องนำออกจากตู้เย็นก่อนนำมาใช้ แต่ไม่ควรนำไปตั้งไฟเพื่อเร่งให้อ่อนตัวเร็วขึ้นเพราะจะทำให้เนยสดละลายและ เหลวเกินไปซึ่งไม่สามารถตีให้ขึ้นฟูได้ ถ้าเป็นเนยเทียมหรือมากกลิ่นไม่เก็บในตู้เย็น
3.ใน กรณีที่ทำเค้กที่มีปริมาณน้ำตาลสูง มักนิยมตีแป้งกับเนยก่อนจึงเติมส่วนผสมอื่นๆ สำหรับน้ำตาลทรายควรละลายในส่วนผสมของ ของเหลวก่อนแล้วจึงเติมลงในส่วนผสมเพราะจะทำให้เปลือกขนมที่อบแล้วนุ่มขึ้น
4.การ ตีส่วนผสมเค้กชนิดที่มีไขมันเป็นหลัก ควรใช้พายยางปาดข้างอ่างผสมและที่ตีเสมอๆ เพื่อช่วยให้ส่วนผสมเข้ากับได้ง่ายขึ้นนอกจากนี้ควรหยุดเครื่องตีก่อนจึงใช้ พายปาดทุกครั้ง
5.การ เติมไข่หรือส่วนผสมที่เป็นของเหลวควรค่อยๆ เติมลงไปทีละน้อยหรือแบ่งเติมไปทีละส่วน ไม่ควรใส่หมดในทีเดียว ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ไขมันแยกตัวออกจากส่วนผสม
6.ใน การผสมเค้กในช่วงสุดท้าย มักจะเป็นการผสมนมหรือของเหลวอื่นสลับกับแป้งเป็นส่วนผสมสุดท้ายเพื่อ ป้องกันการแยกตัวของไขมัน ในส่วนผสมอื่นและเพื่อให้แป้งดูดซึมของเหลวบางส่วนไว้
7.ไข่ไก่ที่เหมาะในการทำขนมเค้กควรเป็นไข่ไก่สด และต้องไม่แช่ตู้เย็น
8.ใน การทำเค้กชนิดที่มีส่วนผสมของไข่เป็นหลัก ควรร่อนแป้งลงในส่วนผสมอื่นๆ หรือใช้วิธีตะล่อมแป้งให้เข้ากันทีละน้อย เพราะจะทำให้แป้งค่อยๆ ดูดซึมของเหลวและไม่จับตัวเป็นก้อน ทำให้ผสมกันได้มากขึ้น
9.ใน การตีไข่ขาวหรือไข่แดง สำหรับเค้กชนิดที่ต้องตีไข่ให้ขึ้นฟูควรตีด้วยความเร็วสูง จนไข่เริ่มตั้งยอดอ่อนๆ จึงเติมน้ำตาลลงทีละน้อยและเมื่อส่วนผสมของไข่ขาวและน้ำตาล เริ่มฟูเป็นฟองขึ้นจึงลดความเร็วลง ใช้ความเร็วปานกลางเพื่อให้ฟองอากาศยังคงอยู่ในส่วนผสม ข้อควรระวังการตีไข่ขาวนั้นอุปกรณ์เครื่องใช้ทุกอย่างได้แก่อ่างผสมที่ตี พายยางจะต้องสะอาดและแห้งสนิท ไม่เปื้อนไขมัน ไข่ขาวไม่ควรมีส่วนของไข่แดงปนอยู่แม้แต่น้อย
10.ใน การอบเค้กทุกชนิด ควรจุดเตาอบให้อุณหภูมิของเตาอบได้ตามความต้องการ ถ้าอบขนมให้มีลักษณะดีเหลือง สม่ำเสมอผู้ทำต้องศึกษาการใช้เตาอบนั้นๆ จนเกิดความเคยชิน
11.การ ทดสอบว่าเค้กที่อบสุกหรือยังนั้น ทำได้โดย ใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มตรงกลางขนมถ้าไม่มีเศษขนมติดไม้ออกมาแสดงว่าสุกและสัง เกตุว่าขอบขนมร่อนออกจากพิมพ์โดยรอบ
12.การอบ เค้กควรวางพิมพ์ให้อยู่กึ่งกลางเตาอบให้มากที่สุด หรือเมื่อต้องการอบอบพร้อมกันสองพิมพ์ หรือมากกว่านั้น ควรจัดวางพิมพ์ห่างกันประมาณ 1 นิ้ว ไม่ควรวางพิมพ์ชิดหรือติดผนังเตาอบถ้าอบทั้งสองชั้น ก็ควรวางสับหว่างกัน
13.ในการรองเค้ก ไม่ควรเปิดเตาอบขณะขนมกำลังขึ้น ถ้าจำเป็นจะต้องเปิดเตาอบดูขนบ ควรเปิดอย่างช้าๆ มิฉะนั้นขนมจะไม่ขึ้น และยุบได้

ลักษณะของเค้กที่ดี
1.สีของผิวรอบนอกควรเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาลอ่อนสม่ำเสมอ
2.สีของเนื้อใน เป็นไปตามส่วนผสมเช่นเค้กเนยก็เป็นสีเหลืองอ่อน เค้กช็อคโกแลตก็เป็นสีน้ำตาล
3.ลักษณะของ ของรอบนอก เรียบสม่ำเสมอกัน
4.การขึ้นฟูเป็นไปตาม ปริมาณ คาร์บอนไดออกไซด์ที่ผลิตได้ น้ำหนักเบาเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณของขนม
5.ลักษณะของหน้าขนม มัน เรียบ ไม่นูนเป็นแห่งๆ
6.กลิ่นหอม ชวนรับประทาน เป็นไปตามส่วนผสมที่ใส่แต่ต้องไม่มีกลิ่นหืน
7.ลักษณะของเนื้อในต้องละเอียด ไม่แน่น หนัก มีความชื้น ไม่ร่วนหรือแฉะ
8.มีความนุ่มนวล นิ่มเมื่อเอามือแตะเบาๆ จะสปริงหรือหยุ่นกลับที่เดิม เนื้อจะไม่แน่น
9.รสชาติกลมกล่อมเป็นไปตามส่วนผสมไม่ควรมีรสชาติผิดแผก แปลกออกไป เช่น รถเฝื่อนเป็นต้น

สาเหตุที่ทำให้เค้กเสียและวิธีการแก้ไข
การ ทำเค้กที่ดีจะต้องอาศัยเทคนิคแล้วยังต้องมีประสบการณ์ สัดส่วนและสิ่งที่ทำอย่างถูกต้อง ข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นเสมอและวิธีแก้ไขดังนี้
1.เค้กหน้าไม่เรียบ ฟู และแตก วิธีแก้ไข ก็คือใช้ที่ปาด(สแปดตูส่ง)แตะน้ำมันพืชทาบนเนื้อขนมก่อนเข้าอบ
2.เค้ก ยุบตรงกลางเป็นเพราะอุณหภูมิในการอบไม่ถูกต้องใช้ไฟอ่อนหรือไฟแรงเกินไป ควรปรับอุณหภูมิให้ถูกต้อง หรืออาจใส่ผงฟูหรือน้ำตาลมากเกินไป เป็นเพราะเคลื่อนย้ายเค้ก หรือเปิดเตาอบขณะเค้กกำลังขึ้น
3.ผิวหน้าเค้กแฉะ เป็นเพราะอบไว้ไม่สุกดี วิธีแก้ไขควรอบให้สุก ตรวจสอบอุณหภูมิของเตาอบ
4.เค้ก ที่มีรูใหญ่ๆ เป็นเพราะส่วนผสมแห้งเกินไป ผสมกันไม่ทั่ว เทเค้กลงในพิมพ์ไม่ต่อเนื่อง วิธีแก้ไขควรผสมให้เข้ากันอย่างทั่วถึง เทเค้กลงพิมพ์ให้ต่อเนื่องกัน ไล่อากาศก่อนเข้า เตาอบโดยเคาะพิมพ์เบาๆ หรือใช้พายยางลากไปมาในเนื้อขนมก่อนนำเข้าเตาอบ
5.เนื้อ เค้กแห้ง เป็นเพระตีไข่ขาวนานเกินไป หรืออบนานเกินไปวิธีแก้ไขควรตีไข่ขาวถึงจุดที่ต้องการเท่านั้นไม่ควรอบนาน เกินไปตรวจสอบอุณหภูมิอย่างถูกต้อง
ขอบคุณ โหระพาดอทคอม

ขนมปังฝรั่งเศส


frenchbread.jpg
ส่วนผสมสปองจ์

แป้งสาลีทำขนมปัง 3 1/2 ถ้วยตวง
น้ำ 1 ถ้วยตวง
ยีสต์ 1 1/2 ช้อนชา
ส่วนผสมโด
แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง 1 ถ้วยตวง
น้ำเย็น 1/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนชา
เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
เนยขาว 1 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
1.  ผสมส่วนผสมของสปองจ์ ให้เข้ากันแล้วหมักไว้ 3 ชั่วโมง
2.  เติมส่วนผสมของโด ยกเว้นเนยขาวลงในแป้งที่หมัก ผสมจนเข้ากันดี
3.  เติมเนยขาวลงไป นวดแป้งจนเหนียวได้ที่ พักแป้งไว้ประมาณ 15 นาที
4.  ตัดแบ่งแป้งออกเป็น 3 ส่วน แต่ละส่วนหนัก 270 กรัม ปั้นเป็นรูปหมอน พักแป้งไว้ประมาณ 15 นาที
5.  คลึงแป้งออกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หนาประมาณ 1/4 นิ้ว ม้วนแบบแยมโรลเป็นท่อนยาวประมาณ 15 นิ้ว วางบนถาดโรยแป้งไว้
6.  รอให้ขนมปังขึ้นประมาณ 30 นาที หรือขึ้นประมาณ 3/4 ของแป้งที่ขึ้นได้เต็มที่
7
.  ย้ายแป้งออกจากถาดมาวางบนตะแกรงลวด ทาผิวขนมปังด้วยน้ำให้ทั่ว ใช้มีดบั้งเป็นเส้นทแยงมุม 4-5 บั้ง นำเข้าอบไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 30 นาที หรือจนกระทั่งผิวแข็งกรอบ นำออกจากเตาอบ

================================================
โด (Dough) หมายถึง ส่วนผสมดิบที่มีลักษณะเหนียว เกิดจากการผสมแป้งของเหลวและส่วนผสมอื่นๆ
สปองจ์ (Sponge) หมายถึง การเตรียมส่วนผสมขั้นแรกในการทำขนมปังแบบ 2 ขั้นตอน โดยส่วนผสม แป้ง น้ำ ยีสต์ แล้วหมักแป้งโฮลวีทหรือแป้งรำ คือ แป้งที่โม่จากเมล็ดข้าวสาลี ซึ่งล้างสะอาดทั้งเมล็ด และมีส่วนประกอบต่าง ๆ ของเมล็ดข้าวสาลี ในปริมาณตามธรรมชาติครบถ้วน
เอ็มเพล็กซ์ (Emplex) เป็นตัวช่วยให้ขนมปังเนื้อนุ่มละเอียด และทำให้เก็บขนมไว้ได้สดนานขึ้น 
ขอบคุณ  โหระพาดอทคอม

รอยัลไอซิ่ง



ส่วนผสม

น้ำตาลไอซิ่ง 500 กรัม
ไข่ขาว 3 ฟอง
ครีมออฟทาร์ทาร์ 1 ช้อนชา
 
 วิธีทำ
1. ร่อนไอซิ่ง พักไว้
2. ตีไข่ขาวกับครีทออฟทาร์ทาร์ พอขึ้น ไส่ไอซิ่งจนหมด
3. ถ้าแห้งไปก็เติมไข่ขาว ถ้าเหลวไปก็เติมไอซิ่ง
4. แบ่งผสมสี บีบเป็นดอกไม้หรือการ์ตูน รูปสัตว์ต่างๆ โดยบีบลงบนกระดาษลอกลายหรือกระดาษไข พักให้แห้งและแข็ง โดยพักในที่แห้งและไม่โดนแสงมาก เช่น   นำไปตากแดดเพราะจะทำให้สีซีด
5. แห้งแล้วแกะออกจากกระดาษ เก็บในภาชนะปิดสนิท อย่าให้มีความชื้น
6. นำไปแต่งเค้กได้ตามความต้องการ 

ขอบคุณ  โหระพาดอทคอม

พายเลมอนอย่างง่าย




ส่วนผสม 1 ปอนด์

  • คุกกี้วานิลลาตามชอบ 250 กรัม

  • เนยเหลว 60 กรัม

  • ไข่ขาว 3 ฟอง

  • น้ำตาลทรายละเอียด 175 กรัม

  • แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ

  • ครีมคัสตาร์ดสำเร็จรูป 1 ถ้วย

  • น้ำมะนาวคั้นสด 4 ช้อนโต๊ะ

  • ผงเจลาติน 15 กรัม

  • กลิ่นเลมอนตามชอบ

  • แยมเลมอน

  • อัลมอนขูดตามชอบ

วิธีทำ
1. บดคุกกี้ให้ละเอียดนำมาเคล้ากับเนยเหลวเคล้าให้เข้ากัน
2. จากนั้นนำไปใส่ลงในพิมพ์กดให้แน่นเตรียมไว้ ผสมครีมคัสตาร์ด ไข่ขาว น้ำตาล แป้งผงเจลาติน น้ำมะนาว และกลิ่นเข้าด้วยกันแล้วตีจนขึ้นฟู
3. นำมาเทลงบนพิมพ์คุกกี้นำเข้าอบด้วยความร้อน 350 ํF ประมาณ 15 นาทีจนสุก
4.  พักให้เย็นลงก่อนทาด้วยแยมเลมอนนำไปแช่ให้เย็น พร้อมเสิร์ฟ
ขอบคุณ

โหระพาดอทคอม
Lisa

วิธีทำเค้กด้วยไมโครเวฟ (เพียง 2 นาทีครึ่งเท่านั้น)



ส่วนผสมแป้งเค้ก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลป่น 2 ช้อนโต๊ะ
ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ
กาแฟผง 1 ช้อนชา
ไข่ไก่ฟองเล็ก 1 ฟอง
นม 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะ
ชอคโกแลคสับหยาบ

วิธีทำ1. ใช้ถ้วยกาแฟใบใหญ่
2. ผสมแป้งเค้ก น้ำตาลป่น ผงโกโก้ และผงกาแฟ คนให้เข้ากัน
3. ตอกไข่ใส่และใช้ส้อมคนจนเข้ากัน
4. เติมนม น้ำมันทานตะวัน คนให้เข้ากัน
5. เติมชอคโกแลตสับหยาบหรือชอคโกแลตชิป
6. ใส่ไมโครเวฟ ใช้ไฟสูงสุด 2 1/2 นาที
7. หลังจากเอาออกจากไมโครเวฟ พักไว้ 1 นาที และเสิร์ฟพร้อมครีมหรือไอศกรีม

ขอบคุณ  โหระพาดอทคอม