เต้าหู้มาผ่อ (Mab Tofu)

เต้าหู้มาผ่อ (Mab Tofu)
ส่วนผสม และ วัตถุดิบ

เครื่องปรุง

หมูสับ 300 กรัม
เต้าหู้แผ่นหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 1 นิ้ว 300 กรัม
ผงทำเต้าหู้มาผ่อสำเร็จ 1 ซอง
ต้มหอมหั่นฝอย 50 กรัม

Ingredients

300 g minced pork
300 g squared board tofu approximately 1 inch
1 pack mabo tofu mixed
50 g thinly sliced spring onion

ส่วนผสม และ วัตถุดิบ

1. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย ใส่หมูสับลงผัดจนสุก
Preheated and lighly greased the wok and add minced pork to stir fry until well cooked.
Recipe 2552554142336.jpg  Recipe 2552554142538.jpg
2. ใส่น้ำซอสทำเต้าหู้ม่าผ่อสำเร็จลงไป เคี่ยวต่อให้เดือด ใส่เต้าหู้หั่น พอเดือดอีกครั้ง โรยต้นหอมฟั่นฝอยก่อนปิดไฟ
Add mabo tofu instant sauce, simmer until boil and add square board tofu. When it back to the boil, add thinly sliced spring onion before turning off the heat.
Recipe 2552554142642.jpg  Recipe 2552554142658.jpg  Recipe 2552554142715.jpg
3. ตักเสิร์ฟ
Ready to serve.
Recipe 2552554142940.jpg  Recipe 2552554142956.jpg  Recipe 2552554143010.jpg

credit  ทนายอ้วน
http://www.foodietaste.com/blog_recipe_detail.asp?id=ChubbyLawyer&rid=2035

ปิ้งย่างกลมกล่อม หอมกลิ่นเครื่องเทศ กับ “หมูสะเต๊ะ”

โดย : กุ๊กเล็ก


       วันหยุดสุดสัปดาห์ในช่วงอาทิตย์นี้ก็เป็นวันหยุดนาวที่ใครหลายคนจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวและเพื่อนฝูง “กุ๊กเล็ก” ก็เลยมีไอเดียดีๆ มาเสนอ ให้สมาชิกทุกคนมาร่วมด้วยช่วยกันปิ้งๆ ย่างๆ ของอร่อยกินกัน แต่ถ้าแค่ปิ้งหมูเนื้อไก่แบบปกติมันก็ธรรมดาไป มื้อนี้เลยอยากจะลองทำ “หมูสะเต๊ะ” มาลองชิมให้อิ่มจุใจ
      
       ส่วนผสมหมูสะเต๊ะ
       เนื้อหมูส่วนสะโพก หรือสันคอ 500 กรัม
       ขมิ้นผง ½ ช้อนชา , ผงกะหรี่ ½ ช้อนชา , ลูกผักชีคั่วป่น ¼ ช้อนชา , ยี่หร่าป่น ¼ ช้อนชา
       ตะไคร้โขลกละเอียด 1 ต้น , เกลือสมุทร ½ ช้อนชา , พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
       น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ , น้ำตาลทราย 1 ½ ช้อนโต๊ะ , น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
       นมข้นจืด ½ ถ้วย
      
       ส่วนผสมกะทิสำหรับพรมเวลาย่าง
       หางกะทิ 1 ถ้วย , ใบเตยฉีก 2 ใบ
       น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ , เกลือสมุทร ½ ช้อนโต๊ะ
      
       ส่วนผสมน้ำจิ้ม
       หัวกะทิ 2 ถ้วย , หางกะทิ 1 ถ้วย
       น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม , น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ , เกลือสมุทร 1 ช้อนโต๊ะ
       งาขาวคั่วป่น ¼ ถ้วย , ถั่วลิสงคั่วป่น ½ ถ้วย
       ส่วนผสมเครื่องแกงน้ำจิ้ม พริกชี้ฟ้าแห้งแกะเมล็ดแช่น้ำ 5 เม็ด
       เกลือสมุทร ½ ช้อนชา , ตะไคร้ซอย 1 ต้น , ผิวมะกรูดหั่นละเอียด ½ ช้อนชา
       เม็ดผักชีคั่วป่น 1 ช้อนชา , รากผักชีหั่น 2 ราก , กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ , หอมแดง 6 หัว
      
       ส่วนผสมอาจาด
       น้ำ 1 ½ ถ้วย , เกลือสมุทร 2 ช้อนชา
       น้ำตาลทราย 1 ½ ถ้วย , น้ำส้มสายชู ½ ถ้วย
       หอมแดง 3 หัว , แตงกวา 3 ลูก , พริกเหลือง 2 เม็ด
      
       วิธีทำ เริ่มจากนำเนื้อหมูมาหั่นเป็นชิ้นขนาดประมาณ 12 x 2.5 เซนติเมตร หนาประมาณ 0.3 เซนติเมตร นำไปหมักกับเครื่องเทศและเครื่องปรุงรสต่างๆ ทิ้งไว้ 3-4 ชั่วโมง (หรือจะหมักข้ามคืนก็ได้) จากนั้นนำมาเสียบไม้เสียบลูกชิ้น แล้วนำไปปิ้งด้วยเตาถ่าน ขณะปิ้งให้พรมน้ำกะทิ ที่ทำมาจากหางกะทินำไปตั้งไฟจนร้อน ใส่น้ำตาลทราย เกลือสมุทร และใบเตยฉีก ต้มต่อไปจนน้ำตาลละลาย นำไปพรมลงบนหมูสะเต๊ะขณะปิ้งเพียงเล็กน้อย จนหมูสะเต๊ะสุก
      
       สำหรับน้ำจิ้มให้นำส่วนผสมของเครื่องแกงสำหรับทำน้ำจิ้มไปโขลกรวมกัน จนละเอียด จากนั้น นำหัวกะทิ 1 ถ้วย ขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนแตกมัน แล้วใส่เครื่องแกงที่โขลกไว้ลงไป ผัดจนเดือด แล้วใส่หัวกะทิที่เหลือ และหางกะทิลงไปเคี่ยวให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และเกลือสมุทร เคี่ยวจนเริ่มข้นขึ้นมาเล็กน้อย ใส่งาขาวคั่วป่นและถั่วลิสงคั่วป่น คนให้เข้ากัน แล้วปิดไฟยกลงจากเตา
      
       ส่วนอาจาดสำหรับกินคู่กับหมูสะเต๊ะนั้น ใช้น้ำเปล่าตั้งไฟให้เดือด ใส่น้ำตาลทราย เกลือสมุทร และน้ำส้มสายชู เคี่ยวจนน้ำอาจาดเริ่มเหนียวขึ้นเล็กน้อย แล้วปิดไฟ ยกลงจากเตารอให้เย็น ซอยหอมแดง หั่นพริกเหลืองเป็นแว่นๆ และหั่นแตงกวา ใส่ลงไปในน้ำอาจาดที่เย็นแล้ว
      
       เวลาเสิร์ฟหมูสะเต๊ะ ให้ยกขึ้นตั้งโต๊ะแบบร้อนๆ จะได้รสชาติความอร่อยแบบหอมกรุ่นไปด้วยเครื่องเทศ พร้อมด้วยน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ และอาจาด ที่กินคู่กันเพิ่มความอร่อยให้มากยิ่งขึ้น

“พอร์คชอปพริกแกงพะแนง” อร่อยแบบฟิวชั่น

โดย : กุ๊กเล็ก


       เดี๋ยวนี้ไปกินข้าวนอกบ้านที่ร้านไหนๆ ก็มักจะเห็นเมนูฟิวชั่นเต็มไปหมด พอ “กุ๊กเล็ก” จะเข้าครัวทำอาหาร ก็เลยอยากลองทำเมนูฟิวชั่นดูบ้าง ซึ่งในคราวนี้ก็ได้สูตรอร่อยๆ มาจากโรงแรมใบหยก สวีท เป็นเมนูฟิวชั่นที่ผสมผสานความเป็นต่างชาติเข้ากับความเป็นไทย กับเมนูที่มีชื่อว่า “พอร์คชอปพริกแกงพะแนง”
      
       ส่วนผสม
       เนื้อสันนอกหมูติดกระดูก (พอร์คชอป) 180 กรัม
       ผลไม้รวม (แอปเปิ้ล, สับปะรด, แคนตาลูป) 20 กรัม
       พริกแกงพะแนง 10 กรัม
       กะทิ 10 กรัม
       น้ำตาลปี๊บ 10 กรัม
       น้ำปลา 10 กรัม
       มันฝรั่ง 30 กรัม
       ผักรวม 30 กรัม
       เนย 30 กรัม
       ไวน์แดง 20 กรัม
       น้ำมันมะกอก 15 กรัม
       พริกไทย 5 กรัม
       เกลือ 5 กรัม
       มัสตาร์ด 5 กรัม
      
       วิธีทำ หมักพอร์คชอปด้วยเกลือ พริกไทย น้ำมันมะกอก มัสตาร์ด และไวน์แดง ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที หั่นผลไม้ต่างๆ ผัดกับเนยจนหอม แล้วพักไว้ นำกระทะตั้งไฟ ใส่เนยลงไปทิ้งไว้ให้ละลาย แล้วนำพริกแกงพะแนงลงไปผัดจนหอม ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ และน้ำปลา เคี่ยวจนให้ได้น้ำพอขลุกขลิก จากนั้นนำพอร์คชอปที่หมักไว้ไปย่างบนกระทะ โดยใส่น้ำมันมะกอกตั้งไฟให้ร้อน จากนั้นนำพอร์คชอปลงย่างให้สุกเหลืองทั้งสองด้าน เติมเนยลงไปเล็กน้อยเพิ่มความหอม แล้วยกลงจากเตา นำมันฝรั่งลงไปทอดในน้ำมัน ส่วนผักรวมต่างๆ นำไปผัดกับเนยจนสุกหอม สุดท้าย นำพอร์คชอปที่ย่างสุกแล้วมาใส่จาน วางเคียงด้วยผักรวมผัดเนย และมันฝรั่งทอด ส่วนผลไม้รวมก็วางไว้ด้านข้าง แล้วราดด้วยซอสพะแนง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

รักษาสิวด้วย “หอมแดง”

       “หอมแดง” หนึ่งในพืชผักสวนครัวที่พ่อครัว แม่ครัว ทั้งหลายชอบนำมาใช้เป็นหนึ่งในส่วนผสมปรุงในเมนูอาหารนอกจากจะมีส่วนช่วย เพิ่มรสชาติให้ครบเครื่องแล้ว วันนี้ “108เคล็ดกิน” ยังมีเคล็ดไม่ลับที่เป็นประโยชน์ดีๆจากหอมแดงมาฝากอีกด้วย
      
       หอมแดง นอกจากจะเป็นเครื่องแกงช่วยให้รสชาติของอาหารน่าลิ้มลองแล้ว ยังมีสรรพคุณช่วยในการรักษาสิว ลบรอยด่างดำที่เกิดจากสิว เพราะในหอมแดงจะประกอบไปด้วยน้ำมันหอมระเหยและสารต่าง ๆ เช่น สารฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และหากกินเป็นประจำก็จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ทั้งยังมีธาตุฟอสฟอรัสปริมาณสูง ช่วยให้มีความจำดี อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี
      
       ที่สำคัญ คือ มีฤทธิ์ในการยั้บยั้งแบคทีเรียสาเหตุของสิวได้เป็นอย่างดี ซึ่งหนุ่ม สาว ที่มีปัญหาสิวเม็ดเป้งกวนใจ สามารถนำวิธีนี้ลองไปใช้ได้ ด้วยการนำ หอมแดงมาฝานเป็นแว่น ๆ บาง ๆ หรือทุบเบาๆ แตะน้ำที่ซึมออกมาจากหัวหอมแดง นำไปทาบริเวณที่เป็นสิว รอยด่างดำ ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก ใช้เป็นประจำรอยสิวหรือรอยจุดด่างดำจะค่อยๆหายไปเองตามธรรมชาติ

"น้ำลอยดอกมะลิ"หอมเย็น เคล็ดขนมไทย

       ในการทำขนมไทยแบบไทยๆนั้น สิ่งที่จะขาดเสียมิได้ก็คือ "น้ำลอยดอกไม้" ที่มีไว้สำหรับใช้คั้นกะทิ หรือใช้ผสมกับน้ำตาลทราย ทำเป็นน้ำเชื่อม ทำน้ำอบน้ำปรุง เพราะน้ำลอยดอกไม้มีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าการทำน้ำลอยดอกไม้เขาทำกันอย่างไร "108เคล็ดกิน" จึงมีวิธีการทำมาบอกเล่าเก้าสิบกัน
      
       ดอกไม้ที่นิยมนำมาลอยน้ำ ก็มีหลากหลายชนิดทั้ง กุหลาบ กระดังงา แต่ที่นิยมกันมากที่สุดก็คือ ดอกมะลิ การทำน้ำลอยดอกไม้ จะต้องทำเตรียมไว้ในตอนเย็น เพื่อทำขนมในวันรุ่งขึ้น เหตุผลที่ต้องทิ้งไว้ค้างคืน ก็เพื่ออบเอากลิ่นหอมของมะลิ เนื่องจากธรรมชาติของดอกมะลิ เป็นดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมในเวลากลางคืน ถ้าจะลอยด้วยดอกอื่น ควรทราบเวลาที่ดอกไม้ชนิดนั้นส่งกลิ่นจึงจะได้ผลดี
      
       การทำก็ไม่ได้ซับซ้อน เพียงแค่เก็บดอกมะลิ ปลิดขั้วต่อกับดอกออก ล้างน้ำอย่างเบามือที่สุด ต้มน้ำให้เดือด แล้วทิ้งไว้ให้เย็น เทใส่ภาชนะเคลือบหรือถังพลาสติกอย่างดีมีฝาปิด หย่อนดอกมะลิ (แนะนำใช้ดอกตูม)ให้ลอยทีละดอก ปิดฝาให้สนิททิ้งไว้ตลอดคืน รุ่งเช้าจึงเก็บดอกมะลิขึ้นก็จะได้น้ำลอยดอกไม้แล้ว
      
       สมัยก่อนน้ำที่นิยมใช้ในการลอยดอกไม้เป็นน้ำฝน แต่ปัจจุบันหากต้องการใช้น้ำประปา ควรรองน้ำทิ้งไว้ให้หมดกลิ่นคลอรีนก่อน การลอยดอกมะลิ ถ้าไม่ได้ใช้ดอกมะลิปลูกเอง ไม่ควรเอาดอกมะลิลอยในน้ำโดยตรง เพราะอาจมียาฆ่าแมลงตกค้าง ให้ใส่ดอกมะลิในภาชนะอื่น เช่น ขันใบเล็ก ๆ ลอยลงในน้ำอีกที