homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

อิ่มหนำสำราญ ที่ร้าน “Maria” กับหลากหลายเมนูจานเด็ด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 มีนาคม 2555 16:52 น.
บรรยากาศภายในร้าน Maria ดูอบอุ่นชวนนั่งสบายๆ
       เวลาที่ได้ออกไปกินข้าวนอกบ้านยังร้านอาหารใดก็ตาม หากว่าที่ร้านอาหารแห่งนั้นมีอาหารหลายหลากสัญชาติให้ได้เลือกอิ่มอร่อย “ตระเวนกิน” จะชื่นชอบเป็นอย่างมาก เพราะว่าจะได้เลือกกินอาหารแบบหลากหลายรสชาติ ตอบสนองความต้องการของคนชอบเลือกกินอย่างเราให้ได้อิ่มหนำสำราญกันไปในมื้อ เดียว
โต๊ะนั่งด้านนอกชั้น 2 รับลมเย็นๆ
       เหมือนที่ในมื้อนี้ เมื่อเราได้ตระเวนกินมายังร้าน “Maria” (มาเรีย) ที่ตั้งอยู่ตรง ถ.ราชพฤกษ์ ที่นี่ถือว่าเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ที่มากมายไปด้วยอาหารนาชาติให้ได้เลือก อร่อยกันได้อย่างเต็มที่ โดยมีทั้งอาหารอิตาเลียนแบบโฮมเมดแท้ๆ ที่มีการปรุงแต่งรสชาติให้ถูกปากนักกินคนไทย แล้วก็ยังมีอาหารเวียดนาม อาหารจีน และอาหารไทย เรียกว่าหากขอเมนูอาหารมาเปิดดูจะเห็นอาหารหลากหลายมากมายกว่า 100 เมนู ที่ล้วนแล้วแต่น่าลองลิ้มทั้งนั้น
ออเดิร์ฟมาเรีย
       เอาเป็นว่ามื้อนี้ “ตระเวนกิน” ขอเลือกสั่งอาหารมาแบบหลากหลายสัญชาติ ที่ถือว่าเป็นเมนูเด่นประจำร้านที่ถ้าแล้วแนะนำว่าต้องสั่งมาชิมกันให้ได้ เริ่มจากอาหารอิตาเลียนกันก่อนดีกว่า เมนูแรกคือ ออเดิร์ฟมาเรีย (350 บาท) เป็นออเดิร์ฟสไตล์อิตาเลียน ที่พรั่งพร้อมไปด้วยอาหารหลายอย่าง มีมอสซาเรลล่าชีสที่ทางร้านทำชีสเองเป็นชีสสด นำมาหั่นแล้วคลุกกับเกล็ดขนมปังแล้วทอดให้เหลืองกรอบ ชิมชีสทอดกรอบนุ่มแน่นเคี้ยวหนึบปากจิ้มกินคู่กับซอสมะเขือเทศที่ทางร้าน ปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษตามสูตรเด็ดถูกปากดีจริง มีหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวใหญ่อบกับมอสซาเรลล่าชีสและผักโขม กินหอยเนื้อนุ่มหวานนุ่มหนืดชีสและผักโขมที่มีรสกลมกล่อมเข้ากันดี มีขนมปังกระเทียมที่ทางร้านนำขนมปังเฟรนช์เบรดที่ทำเองมาทาเนยกระเทียม แล้วอบกรอบ กินขนมปังกรอบๆ ได้รสเนยกระเทียมหอมอร่อย และยังมีไส้กรอกหมูสไตล์อิตาเลียนซูบลิค เอาไปกริลล์จนสุกหอม ได้ไส้กรอกหมูเนื้อแน่นรสดีกินคู่กับซาวเค้า และมีสลัดผักสดกับน้ำสลัดรสดีมาให้ด้วย
พิซซ่าคาร์โบนาร่า
       เมนูต่อมาต้องไม่พลาดพิซซ่า ซึ่งที่นี่มีเตาทำพิซซ่าโดยเฉพาะ และเป็นแบบครัวเปิดโชว์การทำพิซซ่าให้เห็นกันด้วย สำหรับพิซซ่าที่อยากนำเสนอก็คือ พิซซ่าคาร์โบนาร่า (350 บาท) เป็นพิซซ่าสไตล์อิตาเลียนแท้ๆ แบบบางกรอบ พิซซ่าหน้านี้ทางร้านคิดสูตรขึ้นมาเป็นพิเศษมีเฉพาะที่นี่เท่านั้น ตัวแป้งพิซซ่าทางร้านทำเองแบบโฮมเมด ตีแป้งพิซซ่าให้เป็นแผ่นแล้วทาด้วยซอสพิซซ่า ใส่มอสซาเรลล่าชีส ท็อปปิ้งด้วยซอสคาร์โบนาร่าสูตรเด็ดของทางร้าน และใส่ไข่ต้ม เบคอนทอดกรอบ เห็ดแชมปิยอง แล้วเข้าอบเตาที่ใช้ฟืนไม้สนเพื่อให้ได้กลิ่นหอม พิซซ่าเสิร์ฟมาร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ชิมแล้วขอยกนิ้วให้ในความบางกรอบของแป้งและหน้าพิซซ่ารสกลมกล่อมถูกปากดี จริง
แซลมอนย่างเนยวาซาบิ
       แซลมอนย่างเนยวาซาบิ (300 บาท) เมนูนี้ใครที่ชอบกินปลาแนะนำว่าต้องสั่ง เพราะทางร้านนำเนื้อปลาแซลมอนสดๆ ชิ้นใหญ่มากริลล์ให้เนื้อปลาสุกกำลังพอดี แล้วก็ราดด้วยซอสมายองเนสปรุงรสและแต่งรสด้วยวาซาบิ ด้านล่างเนื้อปลามีผักสดราดด้วยสลัดน้ำใส และมีหน่อไม้ฝรั่ง เห็ดหอม และมันฝรั่งทอดใส่เคียงมาให้กินคู่กัน ลิ้มรสแซลมอนเนื้อนุ่มหวานผสานรสชาติเข้ากันดีกับซอสเข้มข้นออกรสและกลิ่นวา ซาบิ
สลัดกุ้งทอดผลไม้
       จานต่อมาเป็น สลัดกุ้งทอดผลไม้ (200 บาท) หน้าตาชวนกิน มีกุ้งชุบแป้งคลุกเกล็ดขนมปังทอดกรอบ มาพร้อมกับสลัดผลไม้มีแก้วมังกร แคนตาลูป แอปเปิ้ล องุ่น สตรอเบอร์รี่ ราดด้วยน้ำสลัดครีมที่ปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษ ท็อปปิ้งด้วยอัลมอลด์และใส่มาในกระทงเผือกทอดกรอบ กินกุ้งกรอบนอกเนื้อในนุ่ม กินคู่กับสลัดผลไม้สดกรอบอร่อยโดนใจ
ออเดิร์ฟเวียดนาม
       จากนั้นมาชิมอาหารเวียดนามกันบ้าง ขอนำเสนอ ออเดิร์ฟเวียดนาม (320 บาท) มาแบบครบครันมีทั้งข้าวเกรียบปากหม้อ ที่แป้งบางใสเห็นไส้หมูสับที่ปรุงรสผัดรวมกับต้นหอม กินแล้วเนื้อแป้งบางนุ่มไส้รสละมุนปาก มีเปาะเปี๊ยะทอด ที่เป็นแป้งเปาะเปี๊ยะเวียดนามห่อด้วยไว้หมูผสมกับกุ้งทอดมาเหลืองกรอบ ชิมแล้วเคี้ยวกรอบกรุบไส้ข้างในรสดีถูกใจ มีเปาะเปี๊ยะสดที่ใช้แผ่งแป้งเปาะปี๊ยะเวียดนามห่อด้วยไส้หมูกับกุ้ง ถั่วงอก กะหล่ำปลี โหระพา ผักชีฝรั่ง แครอท สะระแหน่ ใบกุ้ยฉ่าย ห่อม้วนเป็นแท่ง กินกับน้ำจิ้มถูกลิ้นดีจริง มีหมูยอเวียดนามแบบธรรมดาและทรงเครื่องที่เนื้อนุ่มรสดี และก็มีแหนมเนืองที่จัดผักกับแป้งมาแบบพอดีคำ กินกับหมูและเครื่องเคียงต่างๆ และน้ำจิ้ม ห่อแหนมเนืองเป็นคำเอาเข้าปากเคี้ยวกร้วมคำโตอร่อยดีแท้
ไก่แช่เหล้ายำแมงกะพรุน
       ปิดท้ายขอแนะนำเป็นเมนูอาหารจีน ไก่แช่เหล้ายำแมงกะพรุน (200 บาท) ทางร้านเลือกใช้ไก่บ้านเนื้อแน่นไม่เละ ต้มแล้วนำมาแช่กับเหล้าจีนที่ผสมด้วยสูตรพิเศษ แช่นานกว่า 1 คืน จนเหล้าซึมถึงเนื้อในไก่ แล่หั่นมาเป็นชิ้นๆ และมียำแมงกะพรุนกับน้ำมันงาด้วย กินไก่เนื้อนุ่มได้รสชาติของเหล้าจีนหอมๆ ส่วนยำแมงกะพรุนเคี้ยวเด้งกรึบรสดีถูกปาก
บรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยง
       แต่ถ้าหากใครมากินกันหลายๆ คน แล้วอยากจะสั่งเมนูจานเด่นอื่นๆ มาชิมเพิ่มก็ยังเมนูอื่นๆ ที่อยากแนะนำ อาทิ ผักโขมอบชีส (150 บาท) ขาหมูเยอรมัน (320 บาท) หอยลายขนมปังกระเทียม (150 บาท) ปลากะพงทอดน้ำปลา (350 บาท) ห่อหมกหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ (200 บาท) สลัดเนื้อ/หมู เวียดนาม (200 บาท) น้ำสตรอเบอร์รี่ปั่น (60 บาท) และอีกสารพันเมนูอาหารรสเลิศอันหลากหลายที่ชวนให้มากินแบบอิ่มท้องกันได้ที่ร้าน “Maria”
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “Maria” (มาเรีย) ตั้งอยู่ที่ 31/1 หมู่ 4 ถ.ราชพฤกษ์ ต.บางรักเหนือ อ.เมือง จ.นนทบุรี การเดินทางถ้ามาจากถ.บรมราชชนนี ให้เลี้ยวเข้าถ.ราชพฤกษ์ มุ่งหน้ามาที่วงเวียนราชพฤกษ์ แล้ววิ่งตรงไปเรื่อยๆ ผ่านแมคโดนัลด์ก็ให้วิ่งตรงไปอีก ก็จะเห็นร้านMaria อยู่ทางซ้ายมือติดริมถนน มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. ทางร้านรับจัดเลี้ยงในสถานที่ด้วย ถ้ามากินศุกร์-อาทิตย์ แนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อน โทร. 0-2927-3564-5 และยังมีสาขาอื่นๆ อีก มีสาขาสีลม โทร. 0-2234-0440 สาขาโฮมเวิร์ค โทร. 0-2101-5329-30 หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.mariapizzeria.com/

อร่อยกับเมนูเอเชีย ที่ รร. ปทุมวัน ปริ๊นเซส

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มีนาคม 2555 13:49 น.
       หากใครที่ชอบทานเมนูไทยๆ เมนูที่เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ เรามีสถานที่มาแนะนำ ห้องอาหารนานาชาติ ซิตี้ บิสโทร โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส ตื่น ตาตื่นใจกับเมนูอาหารไทยตามแบบฉบับที่เรียงรายให้คุณได้ลิ้มลองอย่างเต็ม อิ่มไม่ว่าจะเป็น ต้มยำกุ้ง ผัดไทย ต้มข่าไก่ แกงเขียวหวาน และอื่นๆอีกมามาย บุพเฟ่ต์มื้อเย็นวันอาทิตย์-วันพฤหัสบดี ราคา 890 บาท/ท่าน เปิดบริการทุกวัน เวลา 6.00-23.00น. โทร.0-2216-3700 ต่อ 20100
       และมาต่อด้วยอาหารในแบบสไตล์อินเดีย ห้องอาหาร ธันดูร์ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สีลม เชิญ คุณมาลิ้มลองเมนูภารตะในแบบบุฟเฟ่ต์ ด้วยรสชาติและกลิ่นเครื่องเทศในแบบต้นตำรับ อาทิเมนู โรกันโจช (แกงเนื้อแพะตำรับแคว้นแคชเมียร์หอมเครื่องเทศ) ซาโมซา (กะหรี่ทัฟสไตล์อินเดียทั้งไส้ไก่ แกะและผัก) และเมนูอื่นๆอีกมากมาย ในราคา 499 บาท/ท่าน ทุกวันอาทิตย์ เวลา 11.30-15.00 โทร.0-238-4300
       ห้องอาหารจีน โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน เชิญ ลิ้มลองรสชาติความอร่อยของหลากหลายเมนู ติ่มซำนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น กรรเชียงปูนึ่งผงกะหรี่ เกี๊ยวกุ้งนึ่งเสฉวน ฮะเก๋าหุฉลามและอีกมามายในแบบบุฟเฟ่ต์ เปิดบริการวันจันทร์-วันเสาร์เวลา 11.30-14.30น. โทร.0-2650-8800 ต่อ 4334
       พบกับเมนูบาร์บีคิวบุฟเฟ่ต์ ในบรรยากาศริมชายหาด โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา จัด เมนูซีฟู้ด อาทิ กุ้ง หอย ปู ปลา เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ และอีกหลากหลายเมนู ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 18.00-22.30น. ในราคา 1399 บาท/ท่าน โทร.0-3830-1234 ต่อ 4397
       และสุดท้ายพบกับเมนูของหวาน ที่ เดอะ ครีม แอนด์ ฟัดจ์ แฟกตอรี่ ไอศกรีมแบบมิกซ์อิน จาก “จีเอฟอี” ในรสชาติแสนอร่อย ทักรสชาติเสิร์ฟบนถ้วย ไอซี่ คัพ ให้คุณดื่มด่ำได้เนิ่นนาน 2ถ้วยในราคาโปรโมชั่นพิเศษ 245 บาท (ปกติราคาถ้วยละ 140บาท) ได้ที่ร้าน เดอะ ครีม แอนด์ ฟัดจ์ แฟกตอรี่ ได้ทุกสาขา จนถึงวันที่ 27 มี.ค. 2555

“ข้าวแช่” เมนูอร่อยคลายร้อน จากวัฒนธรรมมอญสู่ไทย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 5 มีนาคม 2555 13:48 น.
ข้าวแช่เมนูอร่อยกินคลายร้อน
       “ฤดูร้อนก่อนเก่าทำข้าวแช่                      น่าชมแต่เครื่องกับสำรับฉัน
       ช่างทำเป็นดอกจอก และดอกจันทน์          งามจนชั้นกระชายทำเหมือนจำปา
       มะม่วงดิบหยิบดูจึ่งรู้จัก                           ช่างน่ารักทำเป็นเช่นมัจฉา”
      
       ความจาก “รำพันพิลาป” ของสุนทรภู่ รัตนกวีสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ได้กล่าวถึง “ข้าวแช่” ว่าเป็นของกินในฤดูร้อนที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
      
       เมื่อหน้าร้อนมาถึงคราใด “ข้าวแช่” จึงเป็นหนึ่งใน เมนูของกินคู่หน้าร้อน ที่นิยมกินกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ จนถึงทุกวันนี้ข้าวแช่โรยดอกมะลิหอมๆ กินกับเครื่องเคียงสารพัดอย่าง ก็ยังเป็นของกินที่เป็นที่นิยมอยู่
ข้าวแช่ชาววังแบบครบเครื่อง
       การเดินทางของข้าวแช่จากชาวมอญสู่ชาวไทย
      
       หลายคนอาจจะเคยลิ้มรสข้าวแช่หอมอร่อยเย็นชื่นใจกันมาบ้าง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ถึงความเป็นไปเป็นมาของข้าวแช่ว่ามีความน่าสนใจ เพราะข้าวแช่ไม่ได้มีเพียงรูปร่างหน้าตาและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่ความเป็นมาของข้าวแช่บนเส้นทางสายประวัติศาสตร์ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน
      
       “ข้าวแช่” ไม่ใช่ตำรับอาหารไทยแท้ แต่เป็นอาหารพื้นบ้านที่ชาวมอญนิยมทำขึ้นสังเวยเทวดาในพิธีตรุษสงกรานต์ โดยประเพณีของคนมอญโบราณกล่าวไว้ว่า ในวันสงกรานต์จะต้องทำข้าวแช่ถวายพระสงฆ์ เพราะถือเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่ถวาย ซึ่งข้าวแช่ หรือข้าวสงกรานต์ คนมอญเรียกว่า “เปิงด้าจก์” แปลว่า “ข้าวน้ำ” (เปิง หมายถึงข้าว และ ด้าจก์ หมายถึงน้ำ) และด้วยเหตุที่คนมอญกับคนไทย มีการติดต่อแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกันมาอย่างยาวนาน ทำให้ข้าวแช่ได้เข้ามาสู่สำรับอาหารไทยได้อย่างกลมกลืน
กะปิทอด
       สำหรับการเลื่อนชั้นเข้าวังของข้าวแช่มอญ ก็มาจากการที่สตรีมอญที่เข้ารับราชการฝ่ายใน (เป็นเจ้าจอมหม่อมห้ามของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน) และปรุงข้าวแช่ขึ้นถวายเป็นอาหารเสวย จึงกลายมาเป็น “ข้าวแช่ชาววัง” ซึ่งข้าวแช่ตำรับชาววังที่มีชื่อมาก เป็นของ ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์ ผู้เคยทำงานอยู่ในห้องเครื่องต้นสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านถือเป็นคนแรกๆ ที่ทำข้าวแช่ออกสู่ตลาด และทำให้ข้าวแช่ชาววังมีชื่อเสียงโด่งดังจนถึงปัจจุบัน
      
       ข้าวแช่ชาววัง จะเป็นข้าวแช่ที่กับข้าวหลายอย่างด้วยกัน มีกะปิทอด ที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของกับข้าวแช่ชาววัง จะดูกันว่าข้าวแช่ของใครที่มีฝีมือก็ต้องพิจารณากันที่ลูกกะปิทอดนี้เอง ถัดมาก็มีพริกหยวกสอดไส้ ปลายี่สนผัดหวาน เนื้อเค็มฝอยผัดหวาน หัวหอมสอดไส้ ผักกาดเค็มผัดหวาน ปลาแห้งผัดหวาน หมูสับกับปลากุเลา กับข้าวเหล่านี้ถือว่าเป็นเครื่องเคียงที่นิยมรับประทานแกล้มกับข้าวแช่
หมูฝอย
       และสิ่งสำคัญของข้าวแช่ชาววังที่ลืมไม่ได้เลยคือ ผักสดแกะสลัก เมื่อกับข้าวแช่ส่วนใหญ่เป็นของทอด ก็ย่อมต้องมีผักที่ให้กลิ่นหอมและรสออกเปรี้ยวและขื่นนิดๆ ไว้ตัดรส แตงกวา กระชาย มะม่วงดิบ ต้นหอม กระชาย และพริกชี้ฟ้าสด จึงถูกนำมาจัดเป็นผักสดไว้กินแนมกับข้าวแช่
      
       อีกทั้งการกินข้าวแช่ก็ยังต้องมีวิธีการกิน เริ่มจากนำข้าวใส่ในน้ำลอยดอกไม้ให้ได้สัดส่วนน้ำมากกว่าข้าว ใส่น้ำแข็งเล็กน้อยพอให้เย็นชื่นใจ เวลาจะกินให้ตักกับข้าวใส่ปากก่อนแล้วตักข้าวตาม ก็จะได้รสชาติทั้งเย็นฉ่ำ และความอร่อยกลมกล่อมของกับข้าว
ปลายี่สนผัดหวาน
       จากข้าวแช่ชาววังสู่ข้าวแช่เพชรบุรี
      
       ข้าวแช่ตำรับเมืองเพชรบุรีนั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างมาก สืบเนื่องมาจากการแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาล ที่ 4 ที่ทรงเสด็จมาประทับที่พระราชวังพระนครคีรี (เขาวัง) ในครั้งนั้นมีเจ้าจอมมารดากลิ่น (ซ่อนกลิ่น) เชื้อสายมอญทางเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง คชเสนี) ที่หลบหนีพม่ามาครั้งกรุงธนบุรี เจ้าจอมมารดากลิ่นได้ติดตามพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไปถวายราชการ ที่พระราชวังพระนครคีรีด้วย และคาดว่าในครั้งนั้นเองที่ข้าวแช่ของเจ้าจอมมารดากลิ่นได้รับการถ่ายทอดไป ยังห้องเครื่อง บ่าวไพร่สนมกำนัลได้เรียนรู้ และแพร่หลายไปยังสามัญชนย่านเมืองเพชรบุรีในที่สุด
พริกหยวกสอดไส้
       สำหรับข้าวแช่ตำรับเมืองเพชร นิยมใส่ดอกกระดังงาไทยในน้ำอบข้าวแช่ ซึ่งเป็นหม้อดินขนาดใหญ่ สามารถเก็บความหอมและความเย็นได้เป็นอย่างดี ซึ่งข้าวแช่ของที่อื่นอาจมีเพียงแค่ดอกมะลิกับกลีบกุหลาบโรยในน้ำที่อบควัน เทียนเท่านั้น ส่วนกับข้าวที่รับประทานกับข้าวแช่ของเมืองเพชรต้องมีรสหวานนำ และรสเค็มตามมีเพียง 3 อย่างเท่านั้น คือลูกกะปิ ปลากระเบนผัดหวาน และผักกาดเค็มผัดหวาน จึงแตกต่างไปจากตำรับข้าวแช่ชาววัง หรือข้าวแช่ที่อื่น ซึ่งมีเครื่องเคียงเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง เช่น พริกหยวกสอดไส้ หอมแดงสอดไส้ หมูสับปลาเค็มทอด ฯลฯ
หัวไชโป๊วผัดหวาน
       คุณยายพันธ์ทิพ ศุภจิต อดีตสาวชาววังหลวง วัย 84 ปี ผู้ที่คุ้นเคยกับอาหารชาววัง และช้าวแช่ตำรับชาววังเป็นอย่างดี ได้บอกเล่าเรื่องราวของข้าวแช่ให้ได้รับรู้ว่า
      
       “เราเห็นข้าวแช่มาแต่เล็กแต่น้อย พอโตมาเราก็สนใจอยากจะรู้อยากจะทำ ก็ได้ทำข้าวแช่มานานแล้ว เสน่ห์ของข้าวแช่ชาววังอยู่ที่การตบแต่ง รสชาติก็สำคัญ การตบแต่งผักที่รับประทานจะต้องแกะสลักสวยปราณีต” คุณยายพันธ์ทิพบอกเล่า พร้อมกับยังได้บอกถึงการทำข้าวแช่ให้ฟังอีกว่า
หอมทอด
       “ทุกวันนี้ข้าวแช่มีการประยุกต์ปรับเปลี่ยนไปบ้าง เมื่อสมัยก่อนใช้ข้าวสารธรรมดา คือข้าวสารธรรมดามันมีสองอย่าง คือ ข้าวขาวกับข้าวเหลือง อย่างข้าวเหลืองอ่อนมันออกจะนิ่มหุงลำบากมาทำข้าวแช่ลำบาก แล้วมีข้าวขาวเป็นข้าวที่กระด้าง ทำข้าวแช่ดี แต่ไม่อร่อย มันแข็ง บางทีบางเจ้าหุงแล้วสวยเกินไป แต่รู้สึกคนสมัยนี้จะติดข้าวหอมมะลิกัน ข้าวหอมมะลิทำง่าย คือ หุงให้สวยแล้วล้างนิดหน่อย ขออย่าให้น้ำข้าวแช่ขุ่น น้ำข้าวแช่ต้องใส พอข้าวสุกแล้วเราต้องล้างข้าวใส่ตะแกรง แล้วก็ใช้น้ำค่อยๆ เอามือลูบ ลูบแรงก็ไม่ได้ เดี๋ยวหักหมด ต้องค่อยๆ ลูบ คือข้าวแช่มันก็มีความปราณีตอยู่ในตัว การทำข้าวไม่ยุ่งยาก ถ้าเราหุงข้าวเป็นก็ใช้ได้ แต่ก็ต้องหุงให้สวย แข็งเกินไปจะไม่เป็นที่นิยม”
ผักสดตางๆ แกะสลักอย่างสวยงาม
       เมื่อถามถึงว่าข้าวแช่ชาววังกับข้าวแช่เพชรบุรีมีความแตกต่างกัน อย่างไร คุณยายพันธ์ทิพ อธิบายไว้ว่า ข้าวแช่ชาววังกับข้าวแช่เพชรบุรี มีความแตกต่างกันในเรื่องของความปราณีต และความสวยงาม ข้าวแช่เพชรบุรีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตรงที่กับข้าวของเพชรบุรีจะมีแค่ 3 อย่าง มีไชโป้ว มีปลาหวาน และกะปิ ซึ่งกะปิของเพชรบุรีจะต่างจากชาววังตรงที่กะปิของเพชรบุรีจะมีความแข็ง กรอบเพราะใส่ถั่วลิสง และสิ่งสำคัญที่แตกต่างกันของข้าวแช่ชาววังและข้าวแช่ของเพชรบุรีคือ ข้าวแช่เพชรบุรีจะไม่มีผักแบบตำรับชาววัง ซึ่งผักก็มีส่วนสำคัญ อย่างทานกะปิก็ต้องมีกระชายกินแนม
      
       “ข้าวแช่ยังเป็นอาหารที่นิยมอยู่ สมัยนี้เห็นมีขายกันมาก บางร้านมีขายทั้งปี ข้าวแช่ยังอยู่ในสังคมไทย ยังไม่หายไปไหน แต่ว่าก็ควรอนุรักษ์ไว้ เพราะว่าก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน ตราบใดที่ยังมีคนนิยมรับประทาน มันก็คงยังอยู่ต่อไป แต่ถ้าคนเลิกรับประทานก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปอนุรักษ์ พ่อแม่ควรจะชวนลูกๆ รุ่นหลังไปกินข้าวแช่กัน บ้านเราเป็นเมืองร้อน มารับประทานข้าวแช่กันดีกว่าชื่นใจดี” คุณยายพันธ์ทิพ กล่าวแบบเชิญชวน
คุณยายพันธ์ทิพ ศุภจิต
       ด้านอัญญการ พุ่มพวง ประธานกรรมการโรงแรม เซรา รีสอร์ท ได้เชิญชวนให้ผู้ที่สนใจอยากจะลิ้มรสข้าวแช่ชาววังอันเลิศรส สามารถเดินทางมาลองลิ้มกันได้ที่ โรงแรมเซรา รีสอร์ท ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งได้จัดให้มี “เทศกาลข้าวแช่” ขึ้น โดยจะมีข้าวแช่ชาววังจัดเป็นเซ็ทขาย ตั้งแต่มื้อกลางวันจนถึงมื้อเย็น ราคา 170 บาท ให้ได้ลิ้มรสกัน ตั้งแต่ 1 มี.ค. - 30 เม. ย. นี้
      
       “เราหวังแค่การสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมเก่าแก่ให้คงอยู่ ดังนั้นพอเข้าหน้าร้อน เราก็จัดเทศกาลข้าวแช่ เป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรมข้าวแช่ในโรงแรมของจังหวัดเพชรบุรีขึ้นมาอีกครั้ง หนึ่ง หลังจากห่างหายไป 5 ปี” อัญญการ กล่าวทิ้งท้าย

วิธีดื่มน้ำรักษาโรค จากหนังสือพิมพ์จีน

วิธีดื่มน้ำรักษาโรค จากหนังสือพิมพ์จีน
เคยอ่านวารสารทางการแพทย์ บอกว่าเมื่อตื่นนอนตอนเช้า
ความเข้มของโลหิตยังสูงและมีผลต่อระบบความดันโลหิตในร่างกาย
เพื่อลดความเข้มของโลหิต พวกเราลองดูละกัน อีกอย่างที่พบมาก็คือ
ท่านพุทธทาสก็ทำแบบนี้เหมือนกัน
เมื่อเร็วๆ นี้ มีคนมากมายส่งเสริมวิธีดื่มน้ำ
เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพสมบูรณ์ นี่เป็นแบบนิยมอันดีงามอย่างหนึ่ง
ชีวิตที่ดำรงอยู่ได้นอกจากอากาศที่บริสุทธิ์ก็คือน้ำ
น้ำหนักตัวของคนเรา 2 ใน 3 ส่วนเป็นน้ำ จึงมีคนว่าคนประกอบด้วยน้ำ
อันที่จริงน้ำสามารถปรับอุณหภูมิในร่างกายของคนได้
สามารถทำให้ไตทำงานเป็นปกติขับถ่ายสิ่งโสโครกให้ออกจากร่างกายได้
นายแพทย์แนะนำบ่อยๆ ว่าดื่มน้ำให้มากทุกๆ วัน
วิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ
ตามที่ได้ทดสอบมาแล้วได้ผลดีคือ ตื่นเช้าลุกขึ้น ไม่ล้างหน้า ไม่บ้วนปาก
แล้วดื่มน้ำสุก 5 แก้ว (ประมาณขวดวิสกี้บรรจุได้ 3 แก้ว)
หรือน้ำหนักของน้ำ 5 แก้ว เท่ากับ 1.26 ก.ก. ดื่มรวดเดียว
จะรู้สึกหายใจเหนื่อยอึดอัดนิดหน่อย
หลังจากนั้นจะปัสสาวะบ่อยๆ การปฏิบัติยากลำบากเช่นนี้
หากผู้ที่ไม่มีความเชื่อมั่นอาจจะเลิกเสียกลางคัน
ผู้ที่ใช้สมองทั้งวันทั้งคืนในธุรกิจการค้าหาเวลาว่างไปออกกำลังมิได้
ทุกเช้าควรปฏิบัติดื่มน้ำรักษาโรคแทนการออกกำลังกาย
เชื่อมั่นได้ว่าจะต้องปราศจากโรค ชีวิตยั่งยืนอย่างไม่ต้องสงสัย
วิธีดื่มน้ำรักษาโรคของจีนนี้ดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ
แต่ความเป็นจริงได้ผลอย่างนี้แน่นอนเนื่องจากทำให้ลำไส้ให_่ผลิต โลหิตใหม่มากขึ้น
ซึ่งโลหิตใหม่นี้ผลิตขึ้นจากฝอยคล้ายสักหลาดที่อยู่ในลำไส้ให_่
ซึ่งทำหน้าที่ดูดธาตุอาหารต่างๆ ผลิตให้เป็นเม็ดโลหิต
เนื่องจากลำไส้เคลื่อนไหวไม่เต็มที่ เป็นเหตุให้โลหิตจาง
มีอาการรู้สึกเพลียและเป็นโรค ลำไส้ให_่่ยาว 8 เมตร
ทำหน้าที่ดูดธาตุต่างๆ จากอาหาร ถ้าลำไส้สะอาด
อาหารที่ได้รับประทานเข้าไปผ่านการย่อยแล้วดูดไปผลิตให้เป็นโลหิตใหม่
เป็นการเร่งให้เกิดพลังงานในร่างกายให้สมบูรณ์ขึ้น โรคต่างๆ จะหายไปเอง อายุก็ยั่งยืน
มหาวิทยาลัยตามมณฑลต่างๆ ในประเทศจีนได้ผ่านการทดลอง
และประกาศเปิดเผยให้ทราบโดยทั่วกัน
วิธีดื่มน้ำรักษาโรคสามารถรักษาโรคดังต่อไปนี้ คือ
ท้องผูก ปวดหัว เวียนศีรษะ โลหิตจาง โรคประสาท ความดันโลหิตสูง อัมพาตทั้งกาย
เป็นลม ปากเบี้ยว โรคปวดตามข้อ โรคอ้วนพี ปวดในกระดูกเส้นเอ็น
ปวดเมื่อย หูอื้อ ใจเต้น มือเท้าอ่อนเพลีย โรคไอ โรคหืด หอบ หลอดลมอักเสบ วัณโรค
เยื่อสมองอักเสบ โรคตับ โรคไต เป็นนิ่ว กรดเปรี้ยวในกระเพาะอาหารมากเกินไป
กระเพาะอืด กระเพาะอาหารเป็นแผลเน่าเรื้อรัง โรคบิด โรคริดสีดวงทวาร
โรคเบาหวาน สายตาอ่อน โรคตาต่างๆ ตาออกเลือด
สตรีประจำเดือนไม่ปกติ ระดูขาว มะเร็งในมดลูก มะเร็งเต้านม จมูกอักเสบ เจ็บคอ และโรคผิวหนังต่างๆ
ผู้ที่ดื่มน้ำควรทราบ ดื่มน้ำสุกดีที่สุด หากดื่มน้ำประปา
ควรจะใส่ขวดไว้แรมคืนให้ตกตะกอนเสียก่อนเพื่อป้องกันท้องร่วง
เวลารับประทานอาหารดื่มน้ำได้ตามปกติ แต่หลังอาหารสองชั่วโมงไม่ควรดื่มอีก
ก่อนเข้านอนไม่ควรรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามรับประทานน้ำส้มคั้น
และจำพวกแอปเปิ้ล ผู้ที่มีโรคประจำตัวดื่มน้ำทีเดียว 5
แก้วไม่ใช่ของง่าย คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงไม่สามารถลุกขึ้นได้
ดื่มน้ำเสร็จให้สูดอากาศเข้าปอดให้มากๆ
และนวดที่บริเวณที่สะเอวให้น้ำไหลลงสู่ลำไส้ให้สะอาด
ดื่มน้ำวันแรกภายใน 1 ชั่วโมง จะปัสสาวะ 3 ครั้งติดๆ กัน แต่ต่อไป 3 - 4 วัน
การถ่ายท้องจะเป็นปกติ ภายใน 7 - 8 วัน การปัสสาวะเป็นเพียงครั้งเดียว
นับแต่นั้นไปจะรู้สึกร่างกายสบาย เวลารับประทานอาหารจะรู้สึกอร่อยเป็นพิเศษ
นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่ากระเพาะลำไส้ได้ถูกชำระสะอาดแล้ว
ผู้ที่หมดหวังแล้วจะรอดตายด้วยวิธีดื่มน้ำรักษาโรคต่างๆ นี้
จึงเขียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน ขอให้ทุกท่านจงปราศจากการไข้และป่วยต่างๆ
ข้อควรทราบ หลังจากอาตมาได้ทราบตามข้อนี้ และได้ปฏิบัติตาม
รู้สึกว่าโรคต่างๆ ที่คนชราโดยมากเป็นอยู่บัดนี้รู้สึกว่าเริ่มสบายขึ้นเป็นลำดับ
เห ็นว่าเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมจึงขอยืนยันมาให้ทราบ
เป็นการกุศลต่อไป ท่านที่รับหลักการนี้ไปปฏิบัติแล้ว
ถ้ามีประโยชน์ดีควรเผยแพร่ต่อไปเพื่อเป็นการกุศล.

ดื่มชาที่เหมาะสมกับตัวคุณเพื่อสุขภาพ

ดื่มชาที่เหมาะสมกับตัวคุณเพื่อสุขภาพ
ข้อมูลจาก : www.deedeejang.com 
ปัจจุบัน ?ชา? เป็น Healthy drink หรือ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ...นี่พูดจริงๆ นะ แล้วก็ไม่ได้พูดเพราะเห็นว่าการดื่มชาเป็นแฟชั่น! เพราะบรรดานักวิจัยเขาค้นพบกันว่าในใบชานั้นประกอบไปด้วยสารสำคั_ที่มี ประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะสารในกลุ่มโพลีฟีนอล หรือ ฟลาโวนอล ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านออกซิเดชั่น ลดอัตราการเสี่ยงของอนุมูลอิสระที่จะเข้าไปทำลายในเซลล์ ซึ่งถ้าปล่อยให้มีการทำลายเซล์เกิดขึ้นแล้วล่ะก็ โรคความจำเสื่อม โรคมะเร็ง ก็อาจถามหาและเกิดขึ้นกับตัวคุณได้

ชา จึงเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย อาทิ ช่วยกระตุ้นให้ระบบประสาทและร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย มีอิทธิพลต่อขบวนการเมตาโบลิซึ่ม ของเซลล์ร่างกาย ช่วยขยายขนาดหลอดเลือด และป้องกันโรคหัวใจตีบตัน ช่วยแก้กระหายและช่วยในการย่อยอาหาร เหล่านี้เป็นต้น

และ ชา ที่ผลิตออกมาขายในท้องตลาดก็มีมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียว ชาอูหลง ชาดอกไม้ ชาผสมน้ำผึ้ง ซึ่งแต่ละชนิดก็มีความพิเศษอยู่ในตัวเอง หากเลือกดื่มได้ตรงกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราก็จะดีต่อสุขภาพร่างกายยิ่ง ขึ้นค่ะ

ลองมาดูกันสิว่าชาชนิดไหนที่เหมาะจะมาเป็นเครื่องดื่มถ้วยโปรดของเรา.....

1. ผู้ที่ทำงานแบบใช้สมอง ต้องซีเรียสเครียดทั้งวัน หรือ นักเรียนนักศึกษาที่ตรากตรำอ่านตำหรับตำราจนดึก ดื่น ควรดื่ม ชามะลิ

2. ผู้ที่รักการออกกำลังกาย หรือทำงานที่ต้องใช้แรง เสียเหงื่อมากเหมาะกับ ชาอูหลง

3. ผู้ที่ต้องผจ_สูดดมอากาศเป็นพิษอยู่เสมอ อาทิ ผู้ที่ขับขี่ หรือ สั_จรไปมาด้วยรถจักรยานยนต์เป็น ประจำ เหมาะกับชาเขียว

4. ผู้ที่ในแต่ละวันนั่งตัวติดกับเก้าอี้ ไม่ค่อยขยับเขยื้อนกายไปไหนเลย อีกทั้งปกติไม่ชอบออกกำลังกายด้วยแล้ว เหมาะอย่างยิ่งกับ ชาเขียว หรือ ชาดอกไม้

5. ผู้ที่ชอบดื่มสุรา เครื่องดื่มมึนเมา ควรดื่ม ชาเขียว

6. ผู้นิยมรับประทานเนื้อสัตว์เป็นชีวิตจิตใจ เหมาะกับ ชาอูหลง

7. ผู้ที่เข้าห้องน้ำแต่ละครั้งช่างทุกข์ทรมานเสียเหลือเกินแล้วยังมักท้องผูกเสมอๆ เหมาะกับ ชาผสมน้ำผึ้ง

8. ผู้ที่มีระดับคอเรสเตอรอลสูง ไขมันในเลือดสูง เหมาะที่จะดื่ม ชาอูหลง หรือชาเขียว

9. สำหรับมนุษย์ยุคไฮเทคทั้งหลายที่ต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันทั้ง คืน หากได้ดื่มชาเป็นประจำจะดีมากๆ (ชาอะไรก็ได้ทั้งนั้น) เช่น

ว่างเมื่อไหร่ก็คว้าแก้วน้ำชาข้างมือยกมาดื่มสักอึกสองอึกแก้กระหาย จะช่วยป้องกันรังสีที่แผ่ออกมาจากเครื่อง อีกทั้งช่วยคลายเส้นคลายกระดูก ลดความอาการอ่อนเพลียได้อย่างชะงัดนักแล ค้นพบชาถ้วยโปรดแล้ว รีบชงมาดื่มนะครับ จะได้ดูดี แบบมี Healthy