homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

"โหว โหว คาเฟ่" มนต์เสน่ห์แห่งอาหารจีน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มิถุนายน 2551 08:47 น.
บรรยากาศภายในร้าน"โหว โหว คาเฟ่"
       "อาหารจีน" เป็นหนึ่งในอาหารที่คุ้นลิ้นคุ้นปากคนไทยมาช้านาน ในบ้านเรามีอาหารจีนเจ้าเด็ด รสเด่น อยู่มากมาย อย่างกับร้าน "โหว โหว คาเฟ่" (HOHO Caf’e) ที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ไปตระเวนกินในครั้งนี้
หากมากินกันหลายคนก็มีโต๊ะจีนให้เลือกนั่ง
       ร้านโหว โหว คาเฟ่ ร้านนี้ไม่ใช่ร้านอาหารจีนน้องใหม่ในบรรณพิภพร้านอาหารจีนบ้านเรา หากแต่ว่านี่คืออดีตของ ร้าน โหว โหว ฮ่องกงคิทเช่น หนึ่งในร้านอาหารจีนชื่อดังย่านสีลม ซึ่งวันนี้โหว โหว ฮ่องกงคิทเช่น ได้ย้ายร้านมาอยู่ที่ใหม่ในคลับเฮ้าส์ แร็กเก็ตคลับ ซ. สุขุมวิท 49/9 พร้อมกับเปลี่ยนชื่อร้านใหม่เป็น "โหว โหว คาฟ่"
       

       แม้จะเปลี่ยนที่ เปลี่ยนชื่อ แต่ว่าในเรื่องรสชาตินั้นยังยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยน โดยร้านนี้นำเสนอในเมนูอาหารจีนอันเลิศรสสไตล์ฮ่องกงรสเลิศ กับเมนูอาหารจีนประยุกต์ที่ชวนกินไม่น้อย
ปูนิ่มผัดพริกเกลือ
       ว่าแล้วเราก็ขอเลือกที่จะสั่งเมนูจานเด่นๆของที่นี่มาลิ้มลองกัน เริ่มจากสั่งเมนูกินเล่นเบาๆ ท้องกันก่อน อย่างปูนิ่มผัดพริกเกลือ (200 บาท+) เป็นปูนิ่มที่ทางร้านนำมาหมักกับซอสและปรุงรสชาติ ก่อนจะนำไปชุปแป้งทอดจนเหลืองกรอบ แล้วนำมาผัดคลุกเคล้ากับเครื่องพริกเกลือ ที่มีพริกชี้ฟ้าแดง พริกเซี่ยงไฮ้ กระเทียมสับ กระเทียมเจียว ผัดให้เครื่องทุกอย่างเข้ากับปูนิ่ม จะออกแห้งๆ ชิมปูนิ่มกรอบนอกนุ่มใน ได้รสชาติพริกเกลือออกเค็มๆ เคี้ยวมันปากกับกระเทียม
ปลาดอรี่นึ่งซีฟู้ด
       เมนูต่อมาเรารู้ว่ากินปลาแล้วดีต่อร่างกาย จึงเลือกสั่งมาเป็น ปลาดอรี่นึ่งซีฟู้ด (180 บาท+) ที่มีความพิเศษตรงที่ ทางร้านนำปลาดอรี่ ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดที่ต้องสั่งมาเป็นพิเศษจากเวียดนาม นำมาหมักด้วยสูตรเด็ด ก่อนจะนำไปนึ่งจนปลาสุกได้ที่ โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว แล้วมาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดที่ทางร้านทำเอง คีบปลาเนื้อขาวๆ ส่งเข้าปากเคี้ยวแล้วนุ่มนิ่มปาก ไม่มีกลิ่นคาว แถมยังหวานเนื้อปลาสดๆ และยิ่งจิ้มกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดแซบปาก กินไปกินมาเผลอแป๊บเดียวปลาหมดจานแบบไม่รู้ตัว
สลัดกุ้งตะกร้า
       เราจึงรีบสั่งเมนู สลัดกุ้งตะกร้า (400 บาท+) ซึ่งทางร้านบอกว่าเป็นเมนูจานเด็ดที่ขายดีมากๆ มากินกันต่อทันที เป็นกุ้งแชบ๊วยตัวโตๆ หมักปรุงรสชาติชุปแป้งทอดกรอบ และก็มีน้ำสลัดครีมข้นๆ สูตรเด็ดของทางร้านราดมาบนกุ้ง แล้วโรยด้วยงาขาว ที่สำคัญกุ้งนั้นใส่มาตะกร้าที่กินได้ เพราะทำมาจากเผือกทอดกรอบ ลิ้มรสชาติกุ้งตัวโตเนื้อแน่นหวานกรอบ ซึมรสชาติน้ำสลัดข้นๆ หวานมันปาก แกล้มด้วยการกินตะกร้าเผือกทอดเคี้ยวกรุบกรอบ
ก๋วยเตี๋ยวราดหน้ากุ้งไข่
       ก๋วยเตี๋ยวราดหน้ากุ้งไข่ (130 บาท+) เป็นอีกหนึ่งเมนูเด็ดที่ทางร้านแนะนำ เป็นราดหน้าสูตรเด็ดที่จะนำเส้นใหญ่ไปทอดจนกรอบ แล้วก็ทำน้ำราดหน้าสูตรเด็ดที่จะใส่ไข่ตีลงไปในน้ำราดหน้าด้วย และก็ใส่กุ้งตัวโตๆ ลงไป กินราดหน้าจานนี้แล้วรสโดนใจ เส้นใหญ่กรอบนอกแต่นุ่มใน กลมกลึงเข้ากับน้ำราดหน้ารสละมุนลิ้น กลมกล่อมปากชนิดที่ว่าไม่ต้องปรุงรสอะไรเพิ่มเลย
ปลาทับทิมทอดราดต้มยำ
       พอจัดการกับราดหน้าจนเกลี้ยงจานไปแล้ว เราเลือกที่จะปิดมื้ออิ่มด้วยเมนูปลามากินกันอีกหนึ่งอย่าง คือ ปลาทับทิมทอดราดต้มยำ (300 บาท+) ที่ถึงแม้จะไม่ใช่อาหารจีนสักเท่าไหร่ ถือว่าเป็นเมนูจีนดัดแปลงจานเด็ด ที่มาช่วยตัดรสชาติความเลี่ยนได้เป็นอย่างดี เมนูนี้เป็นปลาทับทิมที่นำไปทอดจนกรอบ และมีต้มยำจัดจ้านแบบไทยๆ ราดมาจนท่วมตัวปลา แล้วโรยหน้าด้วยเครื่องต้มยำที่นำไปทอดกรอบอีกที กินเมนูนี้แล้วต้องบอกว่าดีต่อสุขภาพจริงๆ เพราะได้กินปลาทับทิมเนื้อนุ่มหวาน และได้ซดน้ำต้มยำรสแซบปาก ชุ่มคอที่มีส่วนผสมของสมุนไพรทั้งนั้น
ติ่มซำนึ่งร้อนๆ
       มื้อนี้เราสั่งมากินกันเต็มโต๊ะถึง 5 เมนูจานเด็ด แต่ถ้าใครยกโขยงมากินกันเยอะๆ คิดว่าเมนูเหล่านี้คงจะยังไม่พอ ซึ่งเราก็อยากจะบอกว่าในเมนูอาหารนั้นยังมีอาหารอีกหลายอย่างที่ชวนสั่งมา กินกัน อาทิ ติ่มซำ (เข่งละ 39 บาท) ที่นึ่งมาร้อนๆ มีให้เลือกกว่า 8 อย่าง เนื้อสันฮ่องกง (200 บาท+) บาร์บีคิวเป็ดย่าง-หมูแดง (170 บาท+) ผักโขมผัดกระเทียม (100 บาท+) และอีกนานาอาหารจีนจานเด็ด ที่ร้าน "โหว โหว คาเฟ่" นำมากำนัลปากแก่นักกินที่ชื่นชอบอาหารจีน
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       "โหว โหว คาเฟ่" (HOHO Caf’e) ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 คลับเฮ้าส์ แร็กเก็ตคลับ ซ. สุขุมวิท 49/9 ถ.สุขุมวิท คลองตันเหนือ วัฒนา กทม. การเดินทางถ้ามาจากถ.สุขุมวิท ให้วิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนมาถึงซ.สุขุมวิท 49 ให้เลี้ยวเข้ามาในซอยนี้ และขับตามทางมาเรื่อยๆ จนมาถึงรพ. สมิติเวช ให้สังเกตป้าย ซ.สุขุมวิท 49/9 ก็ให้วิ่งตรงเข้ามาในซอยนั้น ก็จะเห็นคลับเฮ้าส์ แร็กเก็ตคลับอยู่ด้านใน และร้านโหว โหวฯ ก็จะตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของคลับเฮ้าส์ฯ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดอังคาร-อาทิตย์ 10.00-21.30 น. ทางร้านมีบริการส่งอาหารภายในเขตสุขุมวิทด้วย โทร. 0-2714-7277

"ศาลาบาร์" เพลงเพราะ อร่อยเพลิน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 มิถุนายน 2551 14:00 น.
ศาลาบาร์โดดเด่นด้วยการตกแต่งแบบ Thai-Classic
       "...รักคือความเข้าใจ รักคือยอมอภัย ทุกอย่าง อภัยให้กัน ดั่งดวงตะวัน ที่ยังยั่งยืนคู่ฟ้า ความรักจึงบังเกิดมา ให้เป็นภาษาทางใจ ให้ไว้เพื่อช่วยนำทาง คู่ใจของเรา..."
      
       เสียงเพลง "ความรัก"อันไพเราะแสนหวาน ประสานกับการพรมนิ้วพลิ้วไหวบนคีย์เปียโน ของ "ป้อม ออโตบาห์น" ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศแบบไทยประยุกต์ที่ ร้าน "ศาลาบาร์ มิวสิค แอนด์ เรสเตอร์รอง บาย ป้อม ออโตบาห์น"ย่าน ประชานุกุล ซึ่งเหมาะแก่การนั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมกับค่อยๆละเลียดอาหารรสดีคลอเคล้าไปกับเสียงเพลง ที่ช่วยทำให้มื้อนี้ของ"ผู้จัดการตระเวนกิน"กลายเป็นมื้อพิเศษขึ้นมาอีกมื้อ หนึ่ง
เย็นตาโฟหม้อไฟ
       สำหรับดนตรีเพราะๆที่ศาลาบาร์นั้น เกิดจากการรวมตัวของนักร้องนักดนตรีคุณภาพคับแก้วฝีมือชั้นครูที่ฝากผลงาน ไว้ในยุทธจักรเพลงไทยมากมาย นำทีมโดย "ป้อม ออโต้บาห์น" เจ้าของบทเพลง"แด่เธอ" อันลือลั่น ส่วนคนอื่นก็มี อาทิ สมิทธิ์ แห่ง สมิทธิ์ & เชน, วิยะดา โกมารกุล ณ นคร, วิน : วีรชัย งานไพโรจน์, โก้ มิสเตอร์แซกแมน เป็นต้น
      
       นอกจากนี้ในวันพิเศษ(ไม่สามารถระบุวันได้)ที่ศาลาบาร์ก็จะมีนักร้องนักดนตรีชื่อดังขึ้นมาแจมบนเวทีกันอย่างสนุกสนาน อาทิ ชรัส เฟื่องอารมณ์,นรีกระจ่าง คันธมาส ฯลฯ ซึ่งนี่ถือเป็นร้านอาหารที่สามารถรวบรวมนักดนตรีชั้นแนวหน้าของเมืองไทยมา ไว้ด้วยกันได้มากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยแนวทางของเพลงที่เล่นส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวก POP JAZZ และเพลงในยุค ’70-’80 ที่แฟนเพลงรุ่นนั้นฟังแล้วก็อดจะปลื้มไม่ได้
สลัดผลไม้กุ้งกรอบ
       อย่างไรก็ดีที่ "ศาลาบาร์"นั้นไม่ได้มีดีที่ดนตรีอย่างเดียว หากแต่ยังมีความโดดเด่นในเรื่องของอาหารอีกด้วย ซึ่งเราสามารถเลือกนั่งรับประทานอาหาร พร้อมฟังดนตรีภายในร้าน หรือนั่งรับลมสบายๆ แบบ outdoor ด้านนอกร้าน นอกจากนี้ ยังมีส่วน Wine Cellar ให้เลือกดื่มด่ำกับไวน์ชั้นนำจากในและต่างประเทศ สไตล์อาหาร เน้นอาหารไทยรสชาติจัดจ้าน และอีกหลากหลายเมนูมาให้เลือกสรร ทั้งอาหารฝรั่ง จีน ญี่ปุ่นอย่างเมนูที่ยกมาขึ้นโต๊ะในวันนี้
      
       เริ่มจาก สลัดผลไม้กุ้งกรอบ (200บาท) เป็นสลัดผลไม้อันหลากหลาย อาทิ แอปเปิ้ล แคนตาลูป ฝรั่ง มะละกอ ที่คลุกเคล้าเป็นหนึ่งเดียวกับน้ำสลัดสูตรพิเศษของทางร้าน สลัดจานนี้ให้รสชาติออกหวานๆ เปรี้ยวๆตามรสชาติของผลไม้ ซึ่งกินแล้วเข้ากันดีกับกุ้งชุบแป้งคลุกเกล็ดขนมทอดที่กรอบนอกนุ่มใน นับเป็นออร์เดิร์ฟเปิดมื้อที่ชวนกินเป็นอย่างยิ่ง
ไก่กรอบครีมมะนาว
       จากนั้นมาต่อกันด้วย ไก่กรอบครีมมะนาว(150บาท) ที่คัดเนื้อไก่ส่วนอกมาแล่เป็นแผ่นบางๆ แล้วเอามาหมักกับส่วนผสมสูตรลับเฉพาะ ก่อนจะนำไปชุบแป้งคลุกเคล้าเกล็ดขนมปังทอดจนกรอบหอม เสร็จแล้วจึงตักใส่จานพร้อมเครื่องเคียงอย่าง เส้นหมี่ขาวทอดกรอบที่รองอยู่ด้านล่าง และคะน้าเส้นทอดกรอบที่โรยอยู่รอบๆ พร้อมด้วยครีมสลัดสูตรเข้มข้น ที่เมื่อส่งเนื้อไก่เข้าปากแล้วเนื้อจะกรุบกรอบ ให้รสออกเปรี้ยวอมหวานลวตัวเข้ากันดีกับเครื่องเคียงที่ให้มา
ปลาช่อนสมุนไพร
       จากเมนูแห้งเปลี่ยนมาลิ้มลองเมนูน้ำๆกันบ้าง กับอีกหนึ่งเมนูเด็ดเลื่องชื่อของทางร้าน เย็นตาโฟหม้อไฟ(180บาท) ที่เด่นแต่ไกลด้วยกลิ่นหอมเสิร์ฟมาแบบไม่หวง ทั้ง ลูกชิ้นปลาเส้น ลูกชิ้นปลา ปลาหมึกกรอบ และอีกสารพัดเครื่อง เย็นตาโฟหม้อนี้เด่นด้วยกลิ่นหอมและสีสันของน้ำซุปสีแดงเข้มที่จัดจ้านเข้ม ข้นถึงใจ ชนิดที่ใครดื่มกรึ่มๆแล้วได้ซดน้ำร้อนๆก็จะทำให้สร้างและโล่งคอดีไม่น้อยเลย
หัวปลาแซลมอนย่างเกลือ
       เมนูต่อมาหันมากินเมนูสุขภาพบ้างกับ ปลาช่อนสมุนไพร (180บาท) ที่ใช้ปลาช่อนสดตัวเขื่อง นำมาบั้งเป็นขีดๆก่อนนำลงทอดใน ไฟปานกลาง กินคู่กับน้ำยำรสดีที่มีเครื่องสมุนไพรมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ขิง มะนาว หอมแดง หรือตะไคร้ซอย เนื้อปลาช่อนสีขาวกรอบนอกนุ่มใน กินกับน้ำยำมากด้วยสมุนไพร ส่งให้แต่ละคำที่ตักเข้าปาก ช่างกลมกล่อมครบรส เปรี้ยว หวาน เค็ม ยิ่งนัก
      
       จานสุดท้ายตบท้ายขบวนด้วยเมนูปลาเบาๆ อย่าง หัวปลาแซลมอนย่างเกลือ (100บาท) จานนี้เป็นเมนูแบบญี่ปุ่น หัวปลาแซลมอนขนาดใหญ่ถูกนำมาทาเกลือ ก่อนย่างไฟอ่อนๆหมั่นพลิกปลาบ่อยๆ พลิกไปพลิกมาจนเนื้อปลาสุก เสิร์ฟใส่จาน ที่มีสลัดกับไข่กุ้งและไชเท้าขูดรออยู่ กินหัวปลาแซลมอนเนื้อแน่น นุ่ม หวานคู่กับสลัดไข่กุ้ง ที่มีไข่กุ้งเม็ดสีส้มเล็กๆเคี้ยวเปาะแปะในปากก็เข้ากันดีไม่หยอก
"ศาลาบาร์" อีกหนึ่งความสุขที่เลือกได้
       ขอกระซิบอีกว่า เมนูที่นี่ยินมีดีอีกเยอะที่น่าลอง อย่าง ยำก้านคะน้า (80บาท),กุ้งผัดไข่เค็ม (200บาท),แซลม่อนแช่น้ำปลา (180บาท),ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว (200บาท),ปลากะพงทอดน้ำปลา (250บาท),ปีกไก่ทอด (120บาท),ปลาซาบะย่าง (80บาท) คิดถึงวันวาน คิดถึงบทเพลงอันคุ้นเคย ลองมาที่ศาลาบาร์ "ป้อม ออโตบาห์น"บอกว่าใครมาแล้วยินดีเอนเตอร์เทนสุดหัวใจ
ชมวงดนตรีและพบนักดนตรีคุณภาพได้ที่ "ศาลาบาร์"
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน "ศาลาบาร์" ตั้งอยู่ที่ 9/242 ซ. รัชดาภิเษก 66 บางเขน กรุงเทพ 10800 การเดินทางจากแยกประชานุกุลให้วิ่งตรงมายังเส้นที่จะไปวงศ์สว่าง แล้วกลับรถใต้สะพานที่จะข้ามไปยังสี่แยกวงศ์สว่าง ขับมาอีกเล็กน้อยจะพบป้ายร้านขนาดใหญ่และร้านตั้งอยู่ซ้ายมือ จุดสังเกตร้านตั้งอยู่ริมถนน ด้านหลัง ร.พ.เกษมราษฏร์ ประชาชื่น เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00 - 01.00น. ส่วนดนตรีจะเล่นประมาณ 20.30-21.00 ไปจนถึงปิดร้าน ทางร้านยินดีรับบัตรเครดิตทุกชนิดและมีบริการจัดเลี้ยง สามารถจอดรถได้ภายในร้าน ผู้สนใจสอบถามได้ที่โทร.0-2910-1371

"บ้านสีเขียว" ร้านเดียวอร่อย 2 รสชาติ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2551 10:26 น.
บรรยากาศร้านอาหารบ้านสีเขียว ดูโปร่งโล่งชวนนั่ง
       ช่วงนี้ฟ้าฝนตกกระหน่ำลงมาได้ทุกวัน ทำเอาบรรยากาศในกรุงเทพชุ่มฉ่ำไปด้วยสายฝน ฝนตกๆ อย่างนี้หลายๆคน อาจจะไม่ค่อยอยากออกจากบ้านไปไหน เพราะคงเบื่อกับรถที่ชอบติดยามฝนตกหนัก หรือไม่กลัวว่าจะเปียกฝนไม่สบายกันไปได้
โต๊ะหินกลมด้านหน้า ชวนนั่งแบบสบายๆ
       แต่สำหรับ "ผู้จัดการตระเวนกิน" แล้วถึงฝนจะตก ฟ้าจะร้องเราก็ยังชอบที่จะออกจากบ้าน เพื่อเดินทางไปตระเวนกินอาหารที่ใจปรารถนาอยากจะไปกินกัน อย่างในมื้อนี้เมื่อเราเกิดนึกอยากกินทั้งอาหารเวียดนาม และอาหารไทยขึ้นมาพร้อมๆ กัน เราก็รีบขับรถฝ่าสายฝนพรำตรงดิ่งมายังซ.เสนานิคม 1 เพราะว่าสืบเสาะรู้มาว่าที่ซอยเสนาฯ นี้มีร้านอาหารชื่อว่า "บ้านสีเขียว" ที่หากมาที่ร้านนี้เพียงที่เดียว ก็จะได้อิ่มกับทั้งอาหารเวียดนามรสดีที่กินดีต่อสุขภาพ และยังจะได้ลิ้มรสชาติกับอาหารไทย-อีสาน อันจัดจ้านชวนกิน
แหนมเนือง
       เรามาถึงร้านบ้านสีเขียว พร้อมกับสายฝนที่หยุดตกพอดี หลังจากที่เดินปรี่หาที่นั่งในมุมสบายได้แล้ว เราก็รีบขอเมนูมาเปิดสั่งอาหารกันทันที ซึ่งเราเลือกที่กินทั้งอาหารเวียดนาม และอาหารไทย-อีสานมากินกันแบบให้สมใจอยาก เริ่มจากขอสั่งเมนูเวียดนามจานเด่นของที่นี่มากินกันก่อนเลย คือ แหนมเนือง (70, 100, 160 บาท) ที่เสิร์ฟมาเป็นชุดพร้อมสรรพ มีหมูบดละเอียดปรุงรสชาติปั้นเป็นก้อนกลมๆ แล้วเสียบไม้ย่างด้วยเตาถ่าน ได้หมูหอมๆ รสดีนำมาห่อกินกับแผ่นแป้ง ใส่เครื่องเคียงสารพัด และห่อใส่ผักสดๆ แล้วราดด้วยน้ำจิ้มสูตรเด็ดที่ทางร้านจะใส่ข้าวเหนียวลงไปด้วยในน้ำจิ้ม เพื่อเพิ่มความเข้มข้น เมื่อห่อแหนมเนืองได้คำโต ก็ส่งเข้าปากเคี้ยวกร้วมคำใหญ่ สัมผัสได้ถึงแผ่นแป้งเนื้อบางเหนียวนุ่ม เนื้อหมูนิ่มๆ ออกรสเข้มข้น กลมกล่อมเข้ากันกับน้ำจิ้มรสเข้มข้นออกหวานนำ เจือเผ็ดนิดหน่อยถูกปากนักเชียว และกินแนมกับผักสดๆ หลากชนิดที่ใส่มาเต็มตะกร้า
ปอเปี๊ยะทอดทะเล
       ถัดมาเป็นอีกหนึ่งเมนูเวียดนามที่ขายดี ปอเปี๊ยะทอดทะเล (70 บาท) เป็นแผ่นแป้งปอเปี๊ยะญวนห่อกับไส้ปรุงรสที่มีวุ้นเส้น หอมใหญ่ ถั่วงอก เนื้อกุ้งและเนื้อปลาหมึกบด ห่อม้วนเป็นโรลแล้วทอดจนเหลืองกรอบ มาพร้อมกับน้ำจิ้มรสเด็ดที่ทางร้านทำเอง ตักชิ้นปอเปี๊ยะร้อนๆ ราดด้วยน้ำจิ้มแล้วก็ส่งเข้าปากเคี้ยวกร้วมคำโต แผ่นแป้งปอเปี๊ยะเคี้ยวดังกรุบกรอบ ได้รสชาติของไส้ที่กลมกล่อมบวกกับรสชาติน้ำจิ้มหวานๆ ถูกปากดีแท้
ยำหมูยอ
       ยำหมูยอ (70 บาท) เมนูนี้อาจดูเป็นเมนูธรรมดาๆ แต่ถ้าได้ลองลิ้มรสชาติแล้วจะรู้ว่าไม่ธรรมดาเลย เพราะหมูยอนั้นเป็นหมูยอหนังรสดี ที่ทางร้านสั่งตรงมาจากหนองคายโดยเฉพาะ นำมายำปรุงรสแซบเด็ด กินแล้วเคี้ยวสัมผัสได้ถึงหมูยอเนื้อนุ่มไม่แข็ง แถมยังมีหนังหมูให้เคี้ยวมันกรึบๆ ปาก
ข้าวเหนียวไก่ทอด
       จากอาหารเวียดนามสลับรสชาติมากินอาหารไทย-อีสาน กันบ้าง มีเมนูกินง่ายๆ ที่ผู้ใหญ่กินได้ เด็กกินดี อย่างข้าวเหนียวไก่ทอด (60 บาท) ชวนให้ลิ้มลอง มีข้าวเหนียวนึ่งปั้นเป็นลูกกลมๆ ไปชุบไข่ปรุงรสถึง 2 รอบแล้วทอดจนเหลืองกรอบ กินข้าวเหนียวทอดร้อนๆ เคี้ยวกรอบนอกแต่เนื้อในนุ่มเหนียวได้รสชาติ กินคู่กับไก่ทอดกรอบที่หมักรสชาติได้ถึงเครื่องเข้มข้นถูกปาก
ต้มยำกุ้งมะพร้าวน้ำหอม
       ส่งท้ายด้วยเมนูที่เหมาะแก่การสั่งมาซดน้ำให้คล่องคอ ที่ถ้าใครชอบต้มยำกุ้งเป็นทุนเดิม ขอบอกให้ลองชิม ต้มยำกุ้งมะพร้าวน้ำหอม (ถ้วย 95 บาท หม้อไฟ 160 บาท) ดูแล้วจะติดใจ เป็นต้มยำกุ้งน้ำข้นครบเครื่องต้มยำ ที่ใส่กุ้งก้ามกรามตัวโต และทางร้านเลือกที่จะใส่เนื้อมะพร้าวน้ำหอม และน้ำมะพร้าวลงไปด้วย เพื่อเพิ่มรสชาติความหอมหวาน และความกลมกล่อมที่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ซดน้ำต้มยำร้อนๆ ผ่านลำคอลงไปสัมผัสได้ถึงรสชาติต้มยำกุ้งที่เข้มข้นจัดจ้านถึงใจ
มุมสวนเล็กๆ หน้าร้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวดูสดชื่น
       ทั้งหมดนี้คือเมนูจานเด็ดที่เราได้ลิ้มลองในมื้อนี้ แต่ถ้าหากใครมากินแล้วอยากจะลองลิ้มรสชาติเมนูอื่นๆ บ้างก็ไม่ว่ากัน เพราะว่ายังมีเมนูที่ชวนกินอีกมาก อาทิ กุ้งพันอ้อย (80 บาท) คอหมูย่าง (65 บาท) ต้มส้มไก่บ้านใบมะขามอ่อน (70, 120 บาท) ปลาสำลีทรงเครื่อง (160-220 บาท) กุ้งอบวุ้นเส้น (80 บาท) และอีกหลากหลายเมนูเวียดนาม ไทย-อีสาน ที่ชวนให้สั่งมานั่งกินท่ามกลางบรรยากาศร้านที่ชวนนั่ง ที่เน้นความโล่ง โปร่งสบายๆ และได้สัมผัสกับสายลมเย็นๆ จากธรรมชาติ อีกทั้งทางร้านยังเลือกที่จะปลูกต้นไม้สีเขียวๆ รายล้อมรอบร้าน ช่วยเพิ่มความสดชื่นสบายตา และสร้างความร่มรื่นให้กับบรรยากาศการนั่งกินอาหารที่ร้าน "บ้านสีเขียว"
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

      
       "บ้านสีเขียว" ตั้งอยู่ที่ 17/692 ซ.เสนานิคม1 ถ.พหลโยธิน ลาดพร้าว กทม. การเดินทางถ้ามาจากถ.พหลโยธินให้วิ่งตรงมายังซ.พหลโยธิน32 (เสนานิคม1) วิ่งตรงเข้ามาในซอยจนถึง 4 แยกวังหิน และตรงเข้ามาประมาณ 700 ม.จะเห็นร้านบ้านสีเขียวอยู่ทางซ้ายมือติดถนน จุดสังเกตจะถึงก่อนธ.ไทยพาณิชย์ มีที่จอดรถด้านข้างร้าน เปิดทุกวัน เวลา 11.00-23.00 น. โทร. 0-2570-1196, 0-89445-7154
       

"บังคาร่า ราเม็ง"น้ำซุปเด่น เส้นเหนียวนุ่ม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 กรกฎาคม 2551 15:34 น.
บรรยากาศโต๊ะนั่งภายในร้าน "บังคาร่า ราเม็ง"
       "อิ รัด ไช มา เสะ" เสียงบริกรหนุ่มสาว กล่าวคำทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า ยินดีต้อนรับ ดังลั่นร้าน เมื่อ "ผู้จัดการตระเวนกิน" เดินเยื้องกายเข้ามาภายในร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งนี้ที่มีนามว่า "บังคาร่า ราเม็ง" (Bankara Ramen) เป็นร้านราเม็งน้องใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวในเมืองไทยได้ไม่ถึงเดือน แต่นับว่ามีความน่าสนใจเชิญชวนให้มากินเป็นอย่างมาก
มุมโต๊ะนั่งสบายๆ ได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นๆ
       บังคาร่าฯ ร้านนี้นำเสนอราเม็งสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ เพราะเป็นเฟรนไชส์ของร้านบังคาร่า ราเม็งชื่อดังจากญี่ปุ่นที่มีความโดดเด่นอยู่ที่เส้นราเม็ง และน้ำซุปอันเลิศรส เมื่อมาอยู่ในเมืองไทยก็ยังคงรสชาติราเม็งแบบต้นตำรับแท้ๆ จากญี่ปุ่นไว้ โดยไม่ได้มีการปรับแต่งรสชาติแต่อย่างใดเลย พวกวัตถุดิบแทบจะทุกอย่างในการทำราเม็งของที่นี่ส่งตรงมาญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำซุป เส้นราเม็ง และวัตถุดิบปรุงรสอื่นๆ แถมยังมีพ่อครัวญี่ปุ่น มาลงฝีมือปรุงราเม็งรสเลิศให้กินกันด้วย
บังคาร่า ราเม็ง
       สำหรับราเม็งที่ชวนกินของที่นี่มีราเม็งหลักๆ อยู่ 4 แบบให้เลือกกินกันตามใจชอบ มี บังคาร่า ราเม็ง (160 บาท) เป็นราเม็งต้นตำรับจากสูตรของเจ้าของร้านบังคาร่าฯที่ญี่ปุ่น ที่มีความโดดเด่นอยู่ตรงที่น้ำซุปเป็นน้ำซุปกระดูกหมูที่ผ่านการเคี่ยวกรำ นานกว่า 15 ชม. จนได้น้ำซุปกระดูกหมูที่เข้มข้น และผสมกับซอสโชยุญี่ปุ่นสูตรพิเศษ ส่วนเส้นราเม็งเป็นเส้นหยักขนาดกลาง พร้อมกับใส่เครื่องมีชาชูคือหมูสไลด์ หน่อไม้ญี่ปุ่น สาหร่ายและโรยหน้าด้วยต้นหอมซอย ลิ้มรสราเม็งคีบเส้นส่งเข้าปากเส้นราเม็งเคี้ยวนิ่มเหนียวนุ่มปาก เข้ากับน้ำซุปที่ซดแล้วรสชาติเข้มข้น ออกเค็มนิดๆ และมีกลิ่นของโชยุ หน่อยๆ ส่วนเนื้อหมูรสดีเคี้ยวนุ่ม หน่อไม้ญี่ปุ่นมีรสชาติเคี้ยวกรึบกรับปากดี
ทงคัตซึ ราเม็ง
       ชามต่อมาเป็น ทงคัตสึ ราเม็ง (170 บาท) ที่ส่งกลิ่นหอมๆ ของน้ำซุปกระดูกหมูยั่วน้ำลาย น้ำซุปกระดูกหมูนั้นผ่านการเคี่ยวกรำนานหลายชั่วโมงจนกระดูกหมูนั้นละลายได้ น้ำซุปเป็นสีขาวๆ เหมือนน้ำนมที่มีความเข้มข้นมากๆ ส่วนเส้นเป็นราเม็งเส้นเล็กยาวตรง และก็ใส่เครื่องอย่างเห็ดหูหนู ชาชู และต้นหอมซอย กินแล้วต้องบอกว่าถูกปากเอามากๆ ตรงที่ได้ซดน้ำซุปกระดูกหมูที่หอมหวานกลมกล่อมลิ้น บวกกับได้เคี้ยวเส้นราเม็งเล็กๆ ที่เหนียวนุ่มนิ่ม เข้ากันดีกับเครื่องที่ใส่มา
ซึเคเมน ราเม็ง
       กินราเม็งแบบมีน้ำซุปร้อนๆ ใส่มาไปแล้วถึง 2 ชาม ชามต่อมาขอแนะนำ ซึเคเมน ราเม็ง(190 บาท) ที่มีจุดเด่นอยู่ตรงที่น้ำซุปกับเส้นนั้นมาแยกกัน ทางร้านใช้เส้นราเม็งขนาดใหญ่นำมาต้มจนสุกแล้วนำไปแช่เย็น ออกมาเหมือนบะหมี่เย็น เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำซุปสูตรเด็ดที่มีส่วนผสมของน้ำซุปถึง 2 อย่างคือซุปกระดูกหมูและน้ำซุปทะเลที่ได้จากปลาต่างๆเคี่ยวจนเป็นน้ำซุปที่ เข้มข้น แล้วใส่เครื่องมีชาชู หน่อไม้ญี่ปุ่น และหอมซอย ตามด้วยใส่น้ำมันพริกเผาของญี่ปุ่นคล้ายๆ กับน้ำพริกเผาบ้านเรา เวลากินต้องคีบเส้นราเม็งมาจุ่มในน้ำซุปแล้วก็ส่งเส้นเข้าปากเคี้ยวเส้นรา เม็งเต็มปากเค็มปากเหนียวนุ่มเด้งๆ อยู่ในปาก และได้รสชาติน้ำซุปออกมัน เค็ม เจือหวานและเผ็ดนิดหน่อยจากน้ำมันพริกเผา
มิโซะบูตะ ราเม็ง
       ราเม็งชามสุดท้าย มิโซะบูตะ ราเม็ง (230 บาท) เป็นราเม็งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะด้วยความกลมกล่อมของน้ำซุปที่ได้จากน้ำซุปกระดูกหมู บวกกับใส่มิโซะ (เต้าเจี้ยวญี่ปุ่น) และซอสสูตรพิเศษปรุงรสลงไปจนได้น้ำซุปที่เข้มข้นหอมกลิ่นเต้าเจี้ยว ส่วนเส้นเป็นเส้นราเม็งขนาดใหญ่สำหรับมิโซะโดยเฉพาะ พร้อมกับยังใส่เครื่องหลายอย่าง มีถั่วงอกผัด บูตะเป็นหมูสไลด์เป็นแผ่นและผัดกับซอสพิเศษ โรยหน้าด้วยต้นหอม คีบเส้นราเม็งเข้าปากเคี้ยวนุ่ม ซดน้ำซุปร้อนๆ ตามไปออกรสซอสมิโซะที่เค็มๆ หวานๆ แล้วก็เคี้ยวหมูบูตะนุ่มๆ ที่มีรสชาติกลมกล่อมถูกปากเอามากๆ
คาคูนิด้ง
       และการกินราเม็งของที่นี่ทางร้านยังมีท็อปปิ้งอีกกว่า 7 อย่าง ให้สามารถสั่งใส่เพิ่มมาในราเม็งแต่ละอย่าง ทำให้การกินราเม็งเพิ่มรสชาติความอร่อยไปอีกแบบ มีทามาโกะ (25 บาท) เป็นไข่ต้มยางมะตูม คาคูนิ (40 บาท) เป็นหมูสามชั้นตุ๋น ชาชู (30 บาท) คือหมูแผ่นหมักซอสหั่นเป็นแผ่นๆ คาราเนงิ (20 บาท) เป็นต้นหอมคลุกกับพริกเผาญี่ปุ่น โนริ (25 บาท) คือสาหร่ายแผ่น เนยแข็ง (10 บาท) และข้าวโพดต้ม (10 บาท)
      
       นอกจากราเม็งที่เป็นเมนูเด่นชูโรงแล้วทางร้านก็ยังมีเมนูกินเล่นอื่นๆ ที่ชวนสั่งมาลิ้มลองอีกมาก อาทิ คาคูนิด้ง (90 บาท) เป็นข้าวญี่ปุ่นใส่คาคูนิ ไข่ต้มยางมะตูมราดด้วยมายองเนส โรยหน้าด้วยต้นหอมซอยและสาหร่ายซอย เกี๊ยวซ่า (60 บาท) ที่แป้งเกี๊ยวบางนุ่ม ไส้เกี๊ยวเป็นหมูรสกลมกล่อม เนงิบูตะเมชิ (60 บาท) เป็นหมูชาชูนำมาสับปรุงรสชาติ ซึมามิชาชู (70 บาท) เป็นหมูชาชูผัดกับน้ำซุปสูตรพิเศษ เสิร์ฟพร้อมซอสญี่ปุ่น และมีของหวานอย่าง แอนนินโดฟุ (40 บาท) เป็นเต้าฮวยเย็นญี่ปุ่นที่ชวนกิน "ผู้จัดการตระเวนกิน" ขอแนะนำว่าร้าน "บังคาร่า ราเม็ง" เป็นอีกหนึ่งร้านราเม็งสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ที่ชวนให้มาลองลิ้มรสชาติกันไม่น้อยเลย
เกี๊ยวซ่า
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       "บังคาร่า ราเม็ง" ตั้งอยู่ภายในเดอะ แมนเนอร์ ซ.สุขุมวิท 39 ถ.สุขุมวิท กทม. การเดินทางนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานีพร้อมพงษ์ แล้วลงทางฝั่งซ.สุขุมวิท 39 ตรงเข้ามาในซ.สุขุมวิท 39 ประมาณ 400 ม. จะเห็นตึกเดอะแมนเนอร์ทางขวามือ ร้านบังคาร่าฯ จะตั้งอยู่ภายในตึกนั้น มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 11.00-23.00 น. โทร. 0-2662-5162-3