homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

อาหารไทย-ซีฟูด เพลินรส เพลินลิ้น ที่ร้าน “เพลิน”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กุมภาพันธ์ 2555 12:23 น.
บรรยากาศร้านเพลิน ชวนนั่งสบายๆ
       สภาพอากาศบ้านเราช่วงนี้แปรปรวนเสียจริง ภายในวันเดียว มีทั้งร้อน ฝน และหนาว เล่นเอาปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศกันไม่ทัน ถึงแม้ว่าอากาศจะปรวนแปรไม่แน่นอน แต่สำหรับ “ตระเวนกิน” แล้วเรา มีความแน่นอนมานำเสนอ นั่นคือการไปเสาะแสวงหาร้านอาหารอร่อยๆ มากำนัลปากให้เหล่ามิตรรักกินได้ตามไปลองลิ้มกินให้อิ่มท้องกันอยู่เสมอ
      
       สำหรับมื้อนี้เราขอพามาตระเวนกินอาหารเลิศรสอันหลากหลายที่ร้าน “เพลิน” (ploen) ตั้งอยู่ตรงถ.วิภาวดีรังสิต เป็นร้านอาหารเก่าแก่เปิดขายมานานกว่า 38 ปี มีการพัฒนาและปรับปรุงทั้งพื้นที่และอาหารอยู่เสมอ อย่างที่ตอนนี้ทางร้านก็ได้ปรับปรุงพื้นที่ร้านให้กว้างขวาง มีหลายโซนที่จัดเป็นโต๊ะให้เลือกนั่งตามใจชอบ ถ้าชอบสัมผัสลมเย็นธรรมชาติก็มีโซนโต๊ะนั่งด้านนอก หรือถ้าชอบนั่งแบบเย็นสบายก็มีโซนโต๊ะนั่งในห้องแอร์ให้เลือกนั่ง และยังมีห้องจัดเลี้ยงที่จุจำนวนคนได้หลากหลายให้เลือกใช้บริการ ซึ่งแต่ละห้องมีคาราโอเกะให้บริการด้วย
โต๊ะนั่งด้านในห้องแอร์
       ส่วนเรื่องอาหารได้มีการพัฒนาและคิดค้นสูตรอาหารขึ้นมาใหม่ เป็นอาหารสไตล์ไทยโมเดิร์นและยังเน้นซีฟูดสดๆ เหมือนเดิม รวมถึงยังมีอาหารยุโรป จีน ญี่ปุ่น สไตล์ฟิวชั่นเพิ่มเติมขึ้นมาอีก ซึ่งทางร้านได้คิดค้นสูตรขึ้นมาโดยเฉพาะ เรียกว่ามีเมนูอาหารให้เลือกหลากหลายกว่า 200 เมนู และยังมีการคิดค้นเมนูใหม่ๆ หมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้ลูกค้าไม่เกิดความจำเจ และได้กินเมนูใหม่ๆ ที่เน้นเรื่องการคัดสรรวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพมาปรุงแต่งเป็นอาหารจานเด็ดให้ถูกปากนักกินทั้งหลาย
ยอดกระเฉดไฟแดง
       ในมื้อนี้เราก็มีเมนูเด่นๆ มาแนะนำมากมาย ประเดิมด้วย ยอดกระเฉดไฟแดง (120 บาท) เป็นเมนูที่มีคู่กับร้านมานานที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่ว่าไม่ธรรมดา เพราะทางร้านคัดแต่ยอดผักกระเฉดอ่อนๆ เท่านั้น มาเป็นยอดยาวๆ นำมาผัดใส่พริก ใส่น้ำมันหอย แบบผัดไฟแดงออกสไตล์จีน กินแล้วยอดผักกระเฉดอ่อนมากเคี้ยวกรุบกรอบไม่เหม็นเขียวรสชาติดีขอยกนิ้วให้
นิวอิงแลนด์ ฟรายด์ซีฟูด
       ตามมาที่เมนูซีฟูดทอด นิวอิงแลนด์ ฟรายด์ซีฟูด (ชุดรวม 220 บาท) ทางร้านนำอาหารทะเลสดๆ อย่างกุ้ง หอยนางรม หอยเชลล์ มาชุบแป้งสูตรพิเศษมีส่วนผสมของโยเกิร์ตและทอดสไตล์นิวอิงแลนด์ เสิร์ฟมาร้อนๆ ลิ้มรสซีฟูดทอดกรอบนอกนุ่มในได้ความหวานของซีฟูดสดๆ ด้วย มีทาร์ทาร์ซอสให้จิ้มกินคู่กัน
ซีฟูดย่างซอสเนย
       ต่อด้วย ซีฟูดย่างซอสเนย (ไซด์ใหญ่ 520 บาท ไซด์เล็ก 290 บาท) เป็นซีฟูดสไตล์ตะวันตกที่นำเอากุ้งก้ามกรามตัวโตๆ หอยเชลล์ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หมึก และเนื้อปลากะพง มาย่างกับเนยชุ่มๆ จนได้ที่ แล้วราดด้วยซอสเนยกระเทียมหอมมัน เสิร์ฟพร้อมกับผักย่าง มันบด และเฟรนช์ฟรายบนกระทะร้อน กินแล้วหอมกลิ่นซอสเนยกระเทียมได้รสชาตินุ่มละมุนเข้ากับซีฟูดสดๆ เนื้อหวาน
สามสหายแช่น้ำปลา
       ถัดมาเป็นซีฟูดแบบแซบๆ สามสหายแช่น้ำปลา (200 บาท) มีเนื้อปลาแซลมอนดิบ กุ้งดิบ และเนื้อปลาทูน่าที่กริลล์ให้สุกแค่ข้างนอก แล้วก็มีน้ำยำราดสูตรเด็ดมาราดทำสไตล์แบบแช่น้ำปลา ชิมแล้วทั้งเนื้อปลาแซลมอน ปลาทูน่า และกุ้งเนื้อสดนุ่มเคี้ยวหวานปาก ผสานกับรสชาติน้ำยำเปรี้ยว เผ็ดจัดจ้านถึงใจดีจริง
เป็ดยอดหญ้า
       กินซีฟูดไปหลายเมนูสลับรสชาติมากิน เป็ดยอดหญ้า (180 บาท) เป็นเมนูยอดฮิตเก่าแก่ตั้งแต่เปิดร้าน ทางร้านเลือกใช้เป็ดไทยตัวไม่ใหญ่มากมาตุ๋นกับน้ำพะโล้นาน 4-5 ชม. จนเปื่อยแล้วก็เลาะเอากระดูกออกเอาแต่เนื้อเท่านั้น และก็ทำกุ้งสับที่ปรุงรสเรียบร้อยแล้วมาวางบนเนื้อเป็ดที่ทำไว้แล้ว และก็นำไปคลุกเกล็ดขนมปังทอดจนเหลืองกรอบ วางเรียงจัดใส่จานด้านล่างรองด้วยคะน้าซอยทอดกรอบ วางเป็ดลงไปและราดด้วยซอสสูตรพิเศษสไตล์จีน แต่งด้วยมะนาวฝานและลูกเชอร์รี่ ชิมเป็ดแล้วรสชาติกลมกลืนเข้ากับเนื้อกุ้งกรอบนอกนุ่มใน ซอสที่ราดมาออกหวานๆ อมเปรี้ยวนิดๆ ถูกปากดีแท้
ขาหมูเยอรมัน
       ขาหมูเยอรมัน (270 บาท) เป็นอีกเมนูที่ชวนกิน เพราะขาหมูของที่นี่มีความพิเศษและพิถีพิถันในการทำมากๆ ตั้งแต่คัดขาหมูส่วนโคนขาหน้าขนาดกำลังดี เอามาดองกับน้ำเกลือสูตรพิเศษของทางร้านนาน 15 วัน เพื่อให้น้ำเกลือซึมถึงกระดูกขาหมู พอดองได้ที่ก็เอามาต้มอีก 6 ชม. รมควันอีก 3 ชม. ก่อนจะเสิร์ฟก็ทอดจนเหลืองกรอบ เสิร์ฟพร้อมกับซาวเคราท์และมันบด และน้ำจิ้ม 4 ชนิด หั่นเนื้อขาหมูส่งเข้าปากเคี้ยวแล้วสัมผัสได้ถึงความกรอบของหนังและเนื้อขา หมูที่หอมนุ่มเคี้ยวนิ่มโดนใจปากจริงๆ
ผัดไทยแชมเปี้ยน
       มาถึงเมนูนี้ ผัดไทยแชมเปี้ยน (145 บาท) เป็นเมนูผัดไทยประยุกต์ที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาใหม่และนำไปแข่งขันจนได้รับ รางวัลชนะเลิศมา มีความพิเศษแปลกใหม่ตรงที่ทางร้านใช้เส้นจันท์ผสมรวมกับเส้นบุกมาผัดกับซอส ผัดไทยสูตรเด็ดที่ทางร้านทำขึ้นมาโดยเฉพาะ และใส่เครื่องผัดไทยแบบครบเครื่อง เวลาเสิร์ฟจะมีไข่ปรุงรส 2 ชิ้นที่มีรสชาติต่างกันด้วย เอามาประกบกับผัดไทยที่ทำไว้แล้วให้เหมือนเบอเกอร์ และมีกุ้งกุลาดำตัวใหญ่ 2 ตัวผัดกับซอสผัดไทยจนเข้าเนื้อมาให้กินคู่กับผัดไทยด้วย ชิมแล้วผัดไทยเส้นเคี้ยวนุ่มและมีความเด้งกรึบๆ ของเส้นบุกอยู่ด้วย รสชาติกลมกล่อมได้ใจแปลกใหม่ดีจริง
หม้อไฟทะเลชุดแปซิฟิค
       ส่งท้ายด้วยเมนูซีฟูดอลังการ หม้อไฟทะเลชุดแปซิฟิค (980 บาท) เป็นหม้อไฟชุดใหญ่ที่มีซีฟูดสดๆ มากมาย มีปลาจาระเม็ด ปลากะพงขาว หอยเชลล์ หมึกไข่ กุ้ง มาให้กินกันแบบหม้อไฟพร้อมชุดเตาแก๊ส ซึ่งน้ำซุปมีความเด็ดอยู่ที่เป็นน้ำซุปที่ได้มาจากกระดูกปลาจำนวนมากนำไปต้ม กับเครื่องเทศและสมุนไพรหลายอย่าง ต้มนาน 6 ชม.จนโปรตีนจากเนื้อปลาละลายในน้ำจนเป็นสีขาวๆ ได้น้ำซุปที่มีความหอมหวานกลมกล่อมลงตัว นำซีฟูดลงไปต้มลวกกินแล้วอร่อยโดนใจมากๆ และมีน้ำจิ้ม 4 ชนิด ให้เลือกจิ้มกิน มีน้ำจิ้มงาขาวหอมมัน น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้กลมกล่อมเผ็ดแบบไทยๆ น้ำจิ้มซีฟูดรสแซบถึงใจ และน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวรสอร่อยแบบดั้งเดิม
      
       ถึงแม้จะนำเสนอเมนูเด่นไปมากมาย แต่อย่างที่บอกที่นี่มีเมนูเยอะและยังมีเมนูอร่อยๆ ให้เลือกกินอีกเพียบ อาทิ ผัดไทยกุ้งสด (70 บาท) กระทงทอง (100 บาท) หอยเชลล์อบฃีส (220 บาท) หูหมูแก้ว (80 บาท) หน่อไม้ทะเลเจี๋ยน (220 บาท / 410 บาท) หม้อไฟทะเลชุดอ่าวไทย (290 บาท) และอีกหลากหลายเมนูเด็ด ที่ถ้าหากมิตรรักกินพากันมาที่ร้าน “เพลิน” รับรองว่ามีแต่อาหารอร่อยๆ ให้ได้เลือกกินแบบอิ่มท้องกันอย่างแน่นอน
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “เพลิน” (ploen) ตั้งอยู่ที่ 7/428 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวง/เขตจตุจักร กทม. การเดินทางถ้ามาจากปตท.สำนักงานใหญ่ ถ.วิภาวดีรังสิต ให้ตรงไปทางดอนเมือง ระหว่างทางจะเห็นร้านเพลินซีฟูด อยู่ทางซ้ายมือ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน (ตรงข้ามกับอาคารชินวัตร 3) ที่มีจอดรถด้านหน้าร้าน เปิดทุกวัน เวลา 10.30-23.00 น. (ครัวปิด 22.15 น.) ทางร้านมีแคร์เตอร์รี่บริการ รับจัดงานเลี้ยงทั้งในและนอกสถานที่ ถ้ามากินศุกร์-อาทิตย์ แนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะ โทร. 0-2537-8906-9

อิ่มหนำ 3 สไตล์ ที่ "The 55th Corner" หัวหิน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 มีนาคม 2551 11:40 น.
       "หัวหิน" สถานที่พักผ่อนชายทะเลที่มีชื่อเสียงมานานของประทศไทย ที่ทุกวันนี้ก็ยังได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลายจากผู้ที่อยากมาเที่ยว พักผ่อนชายทะเลที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก เพื่อที่จะได้มาสัมผัสกับชายทะเล ที่มีลมทะเลเย็นๆ หาดทรายสวยๆ น้ำทะเลใสๆ ที่ตัดกับท้องฟ้าสีครามอันเป็นเสน่ห์ของหัวหินที่โดนใจ
      
       และเมื่อมาเที่ยวหัวหินก็ใช่ว่าจะมาผ่อนคลายอารมณ์กับชายทะเลเท่า นั้น เพราะหัวหินยังมีแหล่งเที่ยวแหล่งกินอีกมากมาย อย่างถ้ามาหัวหินก็ต้องไม่พลาดการกินอาหารทะเลสดๆ หรือไปเดินหาของกินที่ตลาดโต้รุ่งยามค่ำคืนที่มากมายไปด้วยของกินของขาย สารพัน
       แต่หากว่าใครกำลังคิดจะมาเที่ยวหัวหินในเร็ววันนี้ "ผู้จัดการตระเวนกิน" ขอแนะนำว่าตอนนี้หัวหินมีอีกหนึ่งแหล่งกินที่มีความน่าสนใจ ไม่ใช่ตลาดแต่อย่างใด แต่ถือว่าเป็นศูนย์รวมร้านอาหารน้องใหม่ที่มีชื่อว่า "The 55th Corner" (เดอะฟิฟตี้ฟิฟ คอร์เนอร์) ที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนซอยหัวหิน 55 ที่ซึ่งภายในตึกแห่งนี้คุณจะพบกับความอิ่มอร่อย และความสุขสันต์ของร้านอาหารเก๋ไก๋ถึง 3 ร้านที่มีรูปแบบอันแตกต่างกันออกไป ที่สามารถตอบสนองความสุขของนักกินทุกคนได้อย่างหลากหลาย
       สำหรับร้านอาหารร้านแรกที่ตั้งอยู่ด้านล่างร้านที่จะทำให้ทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่พิสมัยการดื่มกาแฟต้องเดินตามกลิ่นหอมๆ ของกาแฟ เข้าไปในร้าน ก็คือร้านกาแฟที่มีชื่อเก๋ๆ ว่า "Ca phe sua da" (คา เฟ เซอ ด๊า) ซึ่งเป็นร้านกาแฟที่น่ารัก ตกแต่งบรรยากาศแบบเวียดนามร่วมสมัย มีโต๊ะเก้าอี้ โซฟานุ่มๆ หลายมุม ให้บรรยากาศที่อบอุ่นชวนนั่ง พร้อมชวนให้สั่งกาแฟมาดื่มกัน
       กาแฟของที่ร้านนี้นั้น ทางร้านได้นำเข้ากาแฟสูตรต้นตำรับมาจากเวียดนาม ที่มีความโดดเด่นของเมล็ดกาแฟที่หอมกรุ่นกลิ่น French Vanilla ที่ผ่านการคั่วแบบพิเศษ อีกทั้งกาแฟของที่นี่จะเสิร์ฟมาพร้อมกับเครื่องชงกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ของ เวียดนามแท้ๆ สำหรับกาแฟที่ขอบอกว่าต้องสั่งมาลองดื่มก็มี คา เฟ เซอ ด๊า ( 75 บาท) ก็คือกาแฟใส่นมข้นหวาน (มากเป็นพิเศษ) และมาพร้อมกับแก้วน้ำแข็ง และคุกกี้ 1 ชิ้น การกินกาแฟแก้วนี้ก็ต้องทำการชงกาแฟผ่านเครื่องชงกาแฟตามแบบฉบับของชาว เวียดนาม จากนั้นจึงค่อยเทกาแฟใส่แก้วน้ำแข็ง และก็ดื่มได้เลย จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟ และรสชาติกาแฟที่เข้มข้น หวานนม ดื่มแล้วเย็นชุ่มคอชื่นใจ แต่ถ้าใครชอบดื่มกาแฟร้อนๆ ก็ต้องสั่ง คา เฟ น๊อง (60 บาท ) ก็เหมือนกับคา เฟ เซอ ด๊า แต่ว่าไม่มีน้ำแข็งมาให้ และใส่นมข้นหวานน้อยกว่า จะได้รสชาติของกาแฟที่เข้มข้นมากๆ
       และใช่ว่าจะมีแต่กาแฟเท่านั้น เพราะที่คา เฟ เซอ ด๊า ยังมีอาหารเวียดนารสดี สไตล์ต้นตำรับเวียดนามแท้ๆให้บริการความอิ่มกันอีก เมนูที่ชวนกินก็มีมากมาย อาทิ เฝอเนื้อ (75 บาท) ร้อนๆ ที่เนื้อเคี้ยวนุ่ม หอมหวานน้ำซุปกลมกล่อม ปอเปี๊ยะสด (70 บาท) ที่เคี้ยวเต็มปากไปด้วยผัก และก็มีเมนูพิเศษอย่าง ไข่พะโล้ทองคำ (75 บาท) ที่หากินได้ที่นี่แห่งเดียวเท่านั้น ยังไม่หมดเพราะยังมีเบเกอรี่โฮมเมดอีกสารพัด ที่ให้ทุกคนได้อิ่มหนำอย่างเต็มที่
       แต่ถ้าใครยังไม่อิ่มอยากจะหาของหวานกินล้างปาก ขอบอกว่าเดินถัดมาจากร้านคา เฟ เซอ ด๊า มาสักนิด ก็จะพบกับร้าน "Red Mango" (เรด แมงโก้) เป็นร้านไอศกรีมแฟรนไชส์นำเข้าจากเกาหลี สำหรับไอศกรีมเรด แมงโก้ นี้ต้องบอกว่ามีความไม่ธรรมดา เพราะว่าตัวไอศกรีมเป็นโยเกิร์ตสูตรไร้ไขมัน ที่กินมากก็ไม่อ้วนนะจะบอกให้
       แถมยังมีท็อบปิ้งผลไม้สดนานาชนิดให้เลือกใส่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น มะม่วง สตรอเบอร์รี่ กีวี ลำไย ลิ้นจี่ กล้วย สัปปะรด ฯลฯ ซึ่งเราสามารถเลือกกินไอศกรีมนี้ได้ถึง 2 แบบ คือแบบแรกเป็นไอศกรีมโยเกิร์ตสูตรไร้ไขมัน อย่าง เดียวมีไซด์ (SS 49 บาท, S 89 บาท, M 139 บาท, L 189 บาท) ถ้าใส่ท็อปปิ้งเลือกได้ตามใจชอบ 1 อย่างเพิ่มอีก 10 บาท 3 อย่าง 20 บาท 5 อย่าง 30 บาท หรือจะเลือกกินแบบ ไอศกรีมโยเกิร์ตเกล็ดหิมะ (S 109 บาท, M 159 บาท, L 189 บาท ทุกอย่าง+ท็อปปิ้ง 4 อย่าง) จะมีน้ำแข็งเป็นเกล็ดหิมะใส่มาพร้อมกับไอศกรีมโยเกิร์ตที่หวานเย็นอมรส เปรี้ยวโยเกิร์ตนิดๆ และมีเกล็ดน้ำแข็งให้เคี้ยวเพิ่มความเย็น กรุบกรอบอยู่ในปาก และก็ยังมี น้ำผลไม้ปั่นพร้อมไอศกรีมโยเกิร์ต (แก้วละ 89 บาท) หลากรสผลไม้ อาทิ กีวี มะม่วง กล้วย ลิ้นจี่ สับปะรด มะนาว ให้ได้เลือกกินกันได้แบบไม่ต้องกลัวอ้วนเลย
       และเมื่อเดินถัดจากร้านเรด แมงโก้ มาทางด้านหลังร้านก็จะพบกับมุมแกลอรี่เล็กๆ ที่จัดแสดงภาพวาดของศิลปินชาวเวียดนามสวยๆ ให้ได้ชมกัน ซึ่งในอนาคตจะมีภาพของศิลปินไทยมาจัดแสดงด้วย และถ้าใครเป็นนักกินที่ชื่นชอบร้านอาหารแบบกิน ดื่ม ฟังเพลงและมีนักดนตรีมาเล่นเพลงให้ฟังแล้วล่ะก็ เพียงแค่เดินขึ้นไปที่ชั้น2 ของ“The 55th Corner” ก็จะได้พบกับ “Stonehead Tavern” (Pub & Restaurant) ที่ตกแต่งสไตล์ไอริชผับย้อนยุค 60's,70's สุดเท่ห์ ด้านในเน้นใช้สีโทนสีแดง-ดำ ผนังกำแพงรอบด้านเต็มไปด้วยรูปภาพที่ชวนดูมากมาย มีที่นั่งให้เลือกหลายมุม มีมุมโต๊ะเคาเตอร์บาร์ที่บริการเครื่องดื่มแบบครบครัน มีโซฟาสีน้ำตาลนุ่มๆ ให้เลือกนั่ง อีกทั้งมีมุมโต๊ะพูลเอาใจคนชอบเล่นพูลด้วย ส่วนเรื่องดนตรีที่จะมาคอยขับกล่อม ที่นี่จะมีวงดนตรีนักร้องเสียงดีจากฟิลิปปินส์มาขับกล่อมบทเพลงเพราะๆ ให้เคลิ้มเคลิ้ม ไปพร้อมกับการกินดื่มและลิ้มรสอาหารสไตล์ตะวันตกและอิตาเลียน ที่มีให้เลือกอิ่มแบบสุขสันต์
       "The 55th Corner" แห่งนี้จึงถือได้ว่าเป็นศูนย์รวมแหล่งกิน-ดื่ม ที่หากใครกำลังจะเดินทางมาเที่ยวที่หัวหิน ก็ลองแวะมาสัมผัสกับ 3 ร้านเก๋นี้กันได้ แล้วจะรู้ว่ามาหัวหินไม่ใช่ได้แค่เล่นน้ำทะเล แต่จะได้ความอิ่มหนำสำราญท้องกลับบ้านไปพร้อมๆ กัน
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       "The 55th Corner" (เดอะฟิฟตี้ฟิฟ คอร์เนอร์) ตั้งอยู่ที่ 41,41/1-2 ถนน เพชรเกษม อ. หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ภายในมีร้านอาหาร "Ca phe sua da" เปิดบริการ 7.00- 22.00 น. ศุกร์-เสาร์ ถึง 23.00 น. "Red Mango" เปิดบริการ 10.00-22.00น. ศุกร์-เสาร์ ถึง 23.00 น. และ "Stonehead Tavern" เปิดบริการทุกวัน 18.00 -01.00น. โทร. 0-3251-2320, 0-3252-1319,

"kakao cafe"หวานรักรสช็อคโกแลต

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กุมภาพันธ์ 2551 17:05 น.
       รู้กันไหมว่า "ช็อคโกแลต"เป็นหนึ่งในอาหารที่มี คุณสมบัติพิเศษ ที่ช่วยเสริมสร้างไฟรักในร่างกายให้ลุกโชนเป็นอาหารเสริมพลังรักอย่างดี ช็อคโกแลตช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟิน กินแล้วช่วยผ่อนคลายความเครียด หลายคนกินช็อคโกแลตแล้วจะรู้สึกอารมณ์ดีมีความสุข เป็นขนมที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ให้พลังงานคาร์โบไฮเดรตและไขมันวิตามิน เอ ดี เค และธาตุเหล็กค่อนข้างสูง
      
       จึงไม่แปลกที่ในโอกาสพิเศษต่างๆหลายครั้ง ช็อคโกแลต จะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นสิ่งพิเศษให้แก่คนสำคัญของเรา อย่าง"วันวาเลนไทน์"ปีนี้ นอกเหนือจากกุหลาบแดงแทนใจแล้ว "ผู้จัดการตระเวนกิน"แนะนำให้ลองพาคนที่คุณรักและห่วงใยมาเติมพลังรักแสนหวานแก่ชีวิตด้วยช็อคโกแลตกันที่ "kakao cafe"(คาเคา คาเฟ่) ในซอยสุขุมวิท 24 กันดู แล้วจะรู้ว่าความหวานของช็อคโกแลตช่วยคุณได้อย่างไร
       "kakao cafe" เป็นร้านช็อคโกแลตเพื่อคนรักช็อคโกแลต ซึ่งนำเสนออาหารรูปแบบใหม่ที่ชูช็อคโกแลตให้เป็นพระเอก เป็นจุดเด่นของร้าน แถมด้วยไอเดียเก๋ไก๋ทั้งรูปลักษณ์และการดีไซน์ ที่โดยมาก ช็อคโกแลต ที่นิยมกินกันแล้วสัมผัสได้ว่ามีรสลื่นๆในปากและละลายช้านั้น เกิดจากการใช้ส่วนผสมของ palm oil ในการทำ แต่ช็อคโกแลตของ kakao จะใช้ส่วนผสมของ cocoa butter ซึ่งมีราคาสูงและหายากในเมืองไทย
      
       รสชาติของช็อคโกแลตที่ kakao จึงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์อีกทั้งแหล่งที่มาของช็อคโกแลตที่นี่ ก็ล้วนแต่คัดมาจากแหล่งผลิตช็อคโกแลตชั้นเยี่ยมจากทุกมุมโลก อาทิ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส เป็นต้น
      
       kakao cafe เป็นร้านที่ตกแต่งด้วยความร่วมสมัย สไตล์หลุยส์ประยุกต์ บรรยากาศตกแต่งโทนสีเย็นตา ที่ร้านมี 2 ชั้น ชั้นล่างจัดเป็นที่นั่งมีเก้าอี้รูปช็อคโกแลตแปลกตา มีตู้โชว์สินค้าคือช็อคโกแลต ที่ด้านในมีช็อคโกแลตชนิดพอดีคำมากมายหลายรสยั่วยวนอยู่ เมื่อขึ้นมาชั้นสองจึงจะพบโซนของคาเฟ่ ที่มีมุมนั่งสบายๆทั้งในห้องแอร์และส่วนให้นั่งรับลมที่ระเบียงด้านนอก
       ด้านเมนูอาหาร พระเอกยอดนิยมของ kakao cafe ที่ใครมาเป็นต้องสั่งเห็นจะหนีไม่พ้น Pure Kakao (140บาท++) นมสดร้อนๆจุดไฟด้านล่าง แก้วเพื่อในนมอุ่นตลอดเวลา เสิร์ฟพร้อมกับเม็ดช็อคโกแลต ที่สามารถเลือกได้ว่าจะกินรสไหนระหว่าง ดาร์กช็อคโกแลต มิลค์ช็อคโกแลต และไวท์ช็อคโกแลต หรือ เหมาหมดทั้งสามอย่างก็ยังได้
      
       แต่ทางร้านมักแนะนำให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อที่รสชาติจะได้กลมกลืนไปในทิศทางเดียวกัน Pure Kakao มีความน่าสนใจอยู่ที่ วิธีการกิน คือการนำช็อคโกแลตเม็ดกลมใส่ลงไปในนมสดที่ร้อนๆใช้ช้อนคนให้ช็อคโกแลตละลาย ง่ายๆเท่านี้ก็ได้ลิ้มรสอัน หอม หวาน ของช็อคโกแลตที่ละลายในนมสดได้แล้ว
       มีพระเอกแล้วก็ต้องมีนางเอก Kakao Lava Metl (240บาท++) ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนางเอกของร้านที่ได้รับความนิยม นอกเหนือจากจากส่วนผสมของ แป้ง ไข่ น้ำตาล เนย เมนูนี้ยังรังสรรค์จากช็อคโกแลตเข้มข้นที่มีส่วนผสมของเม็ดวนิลาแท้ ช่วยส่งให้อาหารจานนี้หอมกรุ่นน่ากินยิ่งขึ้น เคล็ดลับจานนี้เชฟมือทองของร้านแอบกระซิบว่าอยู่ที่กระบวนการอบที่ลองผิดลอง ถูกนานกว่า 7 เดือน จึงออกมาเป็นลาวาเมลท์แสนถูกใจนักกินช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ทั้งหลาย
      
       ความพิเศษของจานนี้อยู่ที่ เค้กลาวาเมลท์แสนนุ่ม ที่เมื่อตักผ่านเนื้อนอกเข้าไปชั้นใน จะเจอช็อคโกแลตเหลวที่ยังร้อนๆอยู่ กินคู่กับไอศกรีมวนิลาหวานเย็น ที่ราดท็อปปิ้งสตรอเบอรี่ และมีสตรอเบอรี่สดวางตกแต่งอยู่พร้อมกับใบสาระแหน่ ข้างๆมีวิปปิ้งครีมที่เป็นสูตรพิเศษคิดค้นมาเพื่อความลงตัวของช็อคโกแล ตเคียงคู่อยู่
       อีกหนึ่งเมนูที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน"ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวและอยากบอกต่อคือ Waffles kakao (240บาท++) วาฟเฟิลสูตรพิเศษลับเฉพาะที่มีทั้งความ กรอบ หวาน นุ่ม และหอมกลิ่นวนิลากลิ่นที่ช่วยกระตุ้นไฟรักในลุกโชน กินคู่กับไอศกรีมวนิลา ราดหน้าด้วยช็อคโกแลตเข้มข้นและวิปปิ้งครีม โรยด้วยผงช็อคโกแลต ตกแต่งด้วยใบสาระแหน่ มีกล้วยหอมตัดเป็นชิ้นๆ รสหวานละมุนดี
       และถ้าคุณเป็นกูเมต์ช็อคโกแลตตัวจริงไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลอง Mill Crepe (140บาท++) เครปที่มีความสูงถึง 22 ชั้น สอดแทรกด้วยวนิลา คัสตาสด์ และช็อคโกแลต ในแต่ละชั้นสลับกันไปจนครบ 22 ชั้น ราดด้วยท็อปปิ้งสตรอเบอรี่และตกแต่งด้วยสตรอเบอรี่สีแดงจะได้เครปที่มีรส ชาติหวานหอมและเปรี้ยวนิดๆ
       สำหรับใครที่ไม่มีเวลาว่างพอจะพาคนรู้ใจมานั่งกินที่ร้าน ก็ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งคือ สั่งกลับบ้านเป็นของขวัญของฝากด้วย ช็อคโกแลตแบบชิ้น ที่มีให้เลือกหมุนเวียนมากกว่า 30 รายการ สนนราคาอยู่ที่ชิ้นละ30บาทและ40บาทต่อชิ้น
      
       แต่สำหรับวาเลนไทน์นี้ทางร้านมีช็อคโกแลตพิเศษเฉพาะช่วงวาเลนไทน์ให้ลิ้มลองอย่าง Sexy Champagne (40บาทต่อชิ้น) ช็อคโกแลตรูปหัวใจสีแดงที่มีส่วนผสมของแชมเปญเวลากัดเข้าไปแล้วจะรู้สึกถึงกลิ่นของแชมเปญได้ทันที นอกจากนี้ยังมี pink Champagne ช็อคโกแลตสีชมพูก้อนกลม คลุกเคล้าด้วยไอซิ่งสีชมพูรสหวาน (40บาทต่อชิ้น)เหมาะสำหรับเป็นของขวัญแด่คนรู้ใจเช่นกัน
       เพราะความที่เป็นร้านช็อคโกแลต kakao cafe จึงสะสมเมนูช็อคโกแลตไว้มากมายรอให้ชาวช็อคโกแลตมาชมชิม เครื่องดื่มที่อยากแนะนำในช่วงวาเลนไทน์นี้ก็มีอย่าง Strawberry Kiss (220บาท)เครื่องดื่มที่เหมาะกับคุณผู้หญิงมีส่วนผสมของวอดก้าอ่อนๆอาหารก็หลากหลายเมนูเช่น Deep Freeze Chocolate (180บาท++),Caramel Freeze (180บาท++),Extreme Kakao Cake (240บาท++),Virgin Strawberries(110บาท++)
       และเนื่องในวันแห่งความรักนี้ หากใครจะจูงมือคนรู้ใจไปนั่งกินช็อคโกแลตที่ kakao cafe ก็เก๋ไม่หยอกเลยทีเดียว
      
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “kakao cafe” ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 จากปากซอยเข้ามาประมาณ 500 เมตร จุดสังเกตร้านจะอยู่ตรงข้ามโรงแรม The Davis ร้านอยู่ขวามือในตึก President Park เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00-23.00น.ในวันจันทร์-พฤหัสบดี และวัน ศุกร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-24.00น.ยินดีรับเครดิตของวีซ่า มาสเตอร์การ์ด รับประทานเกิน 1,000 รับบัตรสมาชิก โทร.0-2661-1777,0-2661-1766-7

ขอต้อนรับสู่ "ทำเนียบขาว" (DINNER WITH HILLARY CLINTON) ดินเนอร์กับ "นางฮิลลารี่" / สันติ เศวตวิมล

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มกราคม 2555 16:22 น.
 โดย : สันติ เศวตวิมล
ภายในห้องดินเนอร์ทำเนียบขาว
       ครั้งหนึ่งในชีวิตของอีชั้น ก็เคยดินเนอร์ในทำเนียบ เรื่องมันยาว เอาว่าตอนนี้ดินเนอร์กับนางคลินตันมีเรื่องน่าเปิบพิสดารมากมาย
      
       สัปดาห์นี้..."ป้าช้อย" ไม่พาผมไปเปิบพิสดาร อาหารอร่อย...อร่อยเหมือนทุกสัปดาห์
      
       ป้าถือหนังสือฝรั่งเล่มโต หนักเป็นกิโลฯ มาให้ผมอ่าน อธิบายให้ผมเข้าใจด้วยว่าทำไมจึงอยากให้ผมอ่าน
ขนมปังราดซอส "มาเพิลไซรับ" กับถั่วอัลมอนด์
       "เพื่อนป้าส่งมาจากอเมริกาเป็นของขวัญปีใหม่"
      
       เมื่อผมพลิกดูก็สงสัย เพราะชื่อหนังสือไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเปิบพิสดาร
      
       หนังสือชื่อ "AN INVITATION TO THE WHITEHOUSE" หรือเป็นแปลไทยก็ได้ความว่า "ขอต้อนรับสู่ทำเนียบขาว"
      
       หน้าปกก็มีรูป "นางคลินตัน" หรือเรียกกันให้เต็มยศก็ต้องว่า "ฮิลลารี่ คลินตัน" ยืนยิ้มเห็นฟันขาว คงจะถ่ายที่ห้องรับแขกในทำเนียบขาว เหมือนกำลังคอยต้อนรับแขกที่จะเข้ามาเยือน
จานแรก หอยเชลล์สไตล์ "คาจูน"
       ขอต้อนรับสู่ทำเนียบขาว
       ณ บ้านที่เป็นประวัติศาสตร์
       (AN INVITATION TO THE WHITEHOUSE AT HOME HISTORY)
      
       หนังสือเล่มนี้เขียนถึงเรื่องราวของนางคลินตันในระหว่างพักอยู่ "ทำเนียบขาว" ในฐานะเป็นภรรยาของประธานาธิบดีบิล คลินตัน
      
       เรื่องเล่าถึงภายในตัวทำเนียบที่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ รวมทั้งเรื่องราวของแขกที่ได้รับเชิญเข้ามาสู่สถานที่ประวัติศาสตร์ชาติ อเมริกัน ซึ่งประกอบด้วยผู้นำและบุคคลสำคัญของประเทศต่างๆ ในโลก ผู้สร้างคุณงามความดีให้กับประเทศอเมริกา ทหารกล้าผู้ผ่านศึกสงคราม ศิลปินและผู้ประสบความสำเร็จในอาชีพต่างๆ รวมทั้งผู้ยากไร้และผู้พิกลพิการทุกคนที่ได้รับเชิญมามีหลักการพิจารณา ว่า...จะต้องเป็นผู้ที่มีเกียรติ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณค่าเป็นที่ยอมรับของสังคม
จานสอง ไก่ซอสมะม่วงผสมน้ำผึ้ง
       "คาร์ล เอนโทนี" นักเขียนประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันเขียนสรุปคุณค่าของหนังสือเล่มนี้ว่า
      
       ...หนังสือเล่มนี้เขียนทำให้ทำเนียบขาวมีชีวิตประการหนึ่งที่ทำให้ชีวิตมีชีวาก็เพราะรสอาหารและดนตรีกวีนิพนธ์...
      
       อย่างที่ผมเขียนเรียนว่า หนังสือเล่มนี้ใหญ่โตขนาดตัดพิเศษ 24 หน้ายก มีจำนวนถึง 300 กว่าหน้า กระดาษที่พิมพ์เป็นกระดาษอาร์ตมัน พิมพ์สี่สี มีรูปภาพมากมายเป็นพันรูป
      
       รูปเหล่านี้ถ่ายในทำเนียบขาวตามเหตุการณ์วาระต่างกัน ทำให้เห็นว่าการเป็นประธานาธิบดี หรือเป็นภรรยาของประธานาธิบดีเป็นงานที่หนักหนาสาหัส
ของหวาน "ขนมผลไม้"
       ไม่ใช่เป็นหัวคะแนน ไม่ใช่เป็นพี่น้องของผู้นำทางการเมือง หรือเป็นนักการเมืองอาชีพ หรือเป็นผู้มีเงินทองความร่ำรวยมหาศาล ก็สามารถเป็นใหญ่ในบ้านเมืองนี้ได้
      
       คนที่จะมาบริหารบ้านเมือง ประการแรกจะต้องมีความเสียสละ และประการต่อมาจะต้องมีการศึกษา มีความรอยรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวมากมาย...และที่สำคัญแม้แต่ความรู้หรืออาหารคาวหวานหรือศิลปสาขาต่างๆ ก็ต้องมีความเข้าใจ
      
       ในหนังสือเล่มนี้ คุณก็จะได้เห็นความเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถรอบด้านของ "นางฮิลลารี่" เมื่อครั้งเธอเป็น "สตรีหมายเลข 1" ของอเมริกา จนกระทั่งปัจจุบันเธอก็ยังเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ตำแหน่งที่ถือว่าเป็นหน้าตาของประเทศ
      
       เมื่อเร็วๆ นี้เธอก็เดินทางมาเมืองไทยพร้อมกับกลับด้วยข่าวที่เธอเขียนบันทึกเตือนความจำไว้ว่า
      
       เธอไม่เข้าใจถึง 21 ครั้งในการพูดคุยกับผู้นำของประเทศไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษสนทนา
       เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดของนาง "คลินตัน" เพราะภาษาอังกฤษมีความสำคัญสำหรับผู้บริหารบ้านเมือง เพราะเป็นภาษาของโลก ประเทศต่างๆ ทั่วโลกใช้ภาษาองกฤษมากกว่าทุกภาษา
      
       นางฮิลลารี่ถึงจะมีความรอบรู้เก่งกาจอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่บางทีเธออาจจะไม่รู้ว่า...ในประเทศไทยประเทศนี้ ภาษาอังกฤษไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ
      
       นักการเมืองที่พูดอังกฤษชนิดฟุต...ฟิต ฟอ...ไฟ ไอ...ไอ ยู...ยูจึงสามารถเป็นใหญ่เป็นโตได้ในประเทศนี้ครับ
      
       "สันติ เศวตวิมล"
      
       (ดูรายละเอียดเรื่องเมนูอาหารใน "ทำเนียบขาว" กับนาง "ฮิลลารี่ คลินตัน" ได้ที่ www.simonsays.com)