homeowners insurance Claim home insurance Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim commercial insurance Claim cheap auto insurance Claim cheap health insurance Claim indemnity Claim car insurance companies Claim progressive quote Claim usaa car insurance Claim insurance near me Claim term life insurance Claim auto insurance near me Claim state farm car insurance Claim comprehensive insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim progressive renters insurance Claim state farm insurance quote Claim metlife auto insurance Claim best insurance companies Claim progressive auto insurance quote Claim cheap car insurance quotes Claim allstate car insurance Claim rental car insurance Claim car insurance online Claim liberty mutual car insurance Claim cheap car insurance near me Claim best auto insurance Claim home insurance companies Claim usaa home insurance Claim list of car insurance companies Claim full coverage insurance Claim allstate insurance near me Claim cheap insurance quotes Claim national insurance Claim progressive home insurance Claim house insurance Claim health insurance quotes Claim ameritas dental Claim state farm renters insurance Claim medicare supplement plans Claim progressive renters insurance Claim aetna providers Claim title insurance Claim sr22 insurance Claim medicare advantage plans Claim aetna health insurance Claim ambetter insurance Claim umr insurance Claim massmutual 401k Claim private health insurance Claim assurant renters insurance Claim assurant insurance Claim dental insurance plans Claim state farm insurance quote Claim health insurance plans Claim workers compensation insurance Claim geha dental Claim metlife auto insurance Claim boat insurance Claim aarp insurance Claim costco insurance Claim flood insurance Claim best insurance companies Claim cheap car insurance quotes Claim best travel insurance Claim insurance agents near me Claim car insurance Claim car insurance quotes Claim auto insurance Claim auto insurance quotes Claim long term care insurance Claim auto insurance companies Claim home insurance quotes Claim cheap car insurance quotes Claim affordable car insurance Claim professional liability insurance Claim cheap car insurance near me Claim small business insurance Claim vehicle insurance Claim best auto insurance Claim full coverage insurance Claim motorcycle insurance quote Claim homeowners insurance quote Claim errors and omissions insurance Claim general liability insurance Claim best renters insurance Claim cheap home insurance Claim cheap insurance near me Claim cheap full coverage insurance Claim cheap life insurance Claim

ขอต้อนรับสู่ "ทำเนียบขาว" (DINNER WITH HILLARY CLINTON) ดินเนอร์กับ "นางฮิลลารี่" / สันติ เศวตวิมล

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 มกราคม 2555 16:22 น.
 โดย : สันติ เศวตวิมล
ภายในห้องดินเนอร์ทำเนียบขาว
       ครั้งหนึ่งในชีวิตของอีชั้น ก็เคยดินเนอร์ในทำเนียบ เรื่องมันยาว เอาว่าตอนนี้ดินเนอร์กับนางคลินตันมีเรื่องน่าเปิบพิสดารมากมาย
      
       สัปดาห์นี้..."ป้าช้อย" ไม่พาผมไปเปิบพิสดาร อาหารอร่อย...อร่อยเหมือนทุกสัปดาห์
      
       ป้าถือหนังสือฝรั่งเล่มโต หนักเป็นกิโลฯ มาให้ผมอ่าน อธิบายให้ผมเข้าใจด้วยว่าทำไมจึงอยากให้ผมอ่าน
ขนมปังราดซอส "มาเพิลไซรับ" กับถั่วอัลมอนด์
       "เพื่อนป้าส่งมาจากอเมริกาเป็นของขวัญปีใหม่"
      
       เมื่อผมพลิกดูก็สงสัย เพราะชื่อหนังสือไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเปิบพิสดาร
      
       หนังสือชื่อ "AN INVITATION TO THE WHITEHOUSE" หรือเป็นแปลไทยก็ได้ความว่า "ขอต้อนรับสู่ทำเนียบขาว"
      
       หน้าปกก็มีรูป "นางคลินตัน" หรือเรียกกันให้เต็มยศก็ต้องว่า "ฮิลลารี่ คลินตัน" ยืนยิ้มเห็นฟันขาว คงจะถ่ายที่ห้องรับแขกในทำเนียบขาว เหมือนกำลังคอยต้อนรับแขกที่จะเข้ามาเยือน
จานแรก หอยเชลล์สไตล์ "คาจูน"
       ขอต้อนรับสู่ทำเนียบขาว
       ณ บ้านที่เป็นประวัติศาสตร์
       (AN INVITATION TO THE WHITEHOUSE AT HOME HISTORY)
      
       หนังสือเล่มนี้เขียนถึงเรื่องราวของนางคลินตันในระหว่างพักอยู่ "ทำเนียบขาว" ในฐานะเป็นภรรยาของประธานาธิบดีบิล คลินตัน
      
       เรื่องเล่าถึงภายในตัวทำเนียบที่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ รวมทั้งเรื่องราวของแขกที่ได้รับเชิญเข้ามาสู่สถานที่ประวัติศาสตร์ชาติ อเมริกัน ซึ่งประกอบด้วยผู้นำและบุคคลสำคัญของประเทศต่างๆ ในโลก ผู้สร้างคุณงามความดีให้กับประเทศอเมริกา ทหารกล้าผู้ผ่านศึกสงคราม ศิลปินและผู้ประสบความสำเร็จในอาชีพต่างๆ รวมทั้งผู้ยากไร้และผู้พิกลพิการทุกคนที่ได้รับเชิญมามีหลักการพิจารณา ว่า...จะต้องเป็นผู้ที่มีเกียรติ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณค่าเป็นที่ยอมรับของสังคม
จานสอง ไก่ซอสมะม่วงผสมน้ำผึ้ง
       "คาร์ล เอนโทนี" นักเขียนประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันเขียนสรุปคุณค่าของหนังสือเล่มนี้ว่า
      
       ...หนังสือเล่มนี้เขียนทำให้ทำเนียบขาวมีชีวิตประการหนึ่งที่ทำให้ชีวิตมีชีวาก็เพราะรสอาหารและดนตรีกวีนิพนธ์...
      
       อย่างที่ผมเขียนเรียนว่า หนังสือเล่มนี้ใหญ่โตขนาดตัดพิเศษ 24 หน้ายก มีจำนวนถึง 300 กว่าหน้า กระดาษที่พิมพ์เป็นกระดาษอาร์ตมัน พิมพ์สี่สี มีรูปภาพมากมายเป็นพันรูป
      
       รูปเหล่านี้ถ่ายในทำเนียบขาวตามเหตุการณ์วาระต่างกัน ทำให้เห็นว่าการเป็นประธานาธิบดี หรือเป็นภรรยาของประธานาธิบดีเป็นงานที่หนักหนาสาหัส
ของหวาน "ขนมผลไม้"
       ไม่ใช่เป็นหัวคะแนน ไม่ใช่เป็นพี่น้องของผู้นำทางการเมือง หรือเป็นนักการเมืองอาชีพ หรือเป็นผู้มีเงินทองความร่ำรวยมหาศาล ก็สามารถเป็นใหญ่ในบ้านเมืองนี้ได้
      
       คนที่จะมาบริหารบ้านเมือง ประการแรกจะต้องมีความเสียสละ และประการต่อมาจะต้องมีการศึกษา มีความรอยรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวมากมาย...และที่สำคัญแม้แต่ความรู้หรืออาหารคาวหวานหรือศิลปสาขาต่างๆ ก็ต้องมีความเข้าใจ
      
       ในหนังสือเล่มนี้ คุณก็จะได้เห็นความเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถรอบด้านของ "นางฮิลลารี่" เมื่อครั้งเธอเป็น "สตรีหมายเลข 1" ของอเมริกา จนกระทั่งปัจจุบันเธอก็ยังเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ตำแหน่งที่ถือว่าเป็นหน้าตาของประเทศ
      
       เมื่อเร็วๆ นี้เธอก็เดินทางมาเมืองไทยพร้อมกับกลับด้วยข่าวที่เธอเขียนบันทึกเตือนความจำไว้ว่า
      
       เธอไม่เข้าใจถึง 21 ครั้งในการพูดคุยกับผู้นำของประเทศไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษสนทนา
       เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดของนาง "คลินตัน" เพราะภาษาอังกฤษมีความสำคัญสำหรับผู้บริหารบ้านเมือง เพราะเป็นภาษาของโลก ประเทศต่างๆ ทั่วโลกใช้ภาษาองกฤษมากกว่าทุกภาษา
      
       นางฮิลลารี่ถึงจะมีความรอบรู้เก่งกาจอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่บางทีเธออาจจะไม่รู้ว่า...ในประเทศไทยประเทศนี้ ภาษาอังกฤษไม่ได้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ
      
       นักการเมืองที่พูดอังกฤษชนิดฟุต...ฟิต ฟอ...ไฟ ไอ...ไอ ยู...ยูจึงสามารถเป็นใหญ่เป็นโตได้ในประเทศนี้ครับ
      
       "สันติ เศวตวิมล"
      
       (ดูรายละเอียดเรื่องเมนูอาหารใน "ทำเนียบขาว" กับนาง "ฮิลลารี่ คลินตัน" ได้ที่ www.simonsays.com)

“Farm Design” ชีสเค้กละมุนลิ้น รสต้นตำรับฮอกไกโด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กุมภาพันธ์ 2555 09:50 น.
ด้านหน้าร้าน Farm Design
       ยิ่งเข้าใกล้วันแห่งความรักมากเท่าไหร่ บรรยากาศหวานๆ ก็ยิ่งมีให้เห็นมากขึ้น “ผ่านมาแวะกิน” ก็ต้องขอเกาะกระแสความหวานแบบนี้ด้วยการพาไปลองชิมของหวานแสนอร่อย โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบชีสเค้กนั้น จะต้องถูกใจเป็นอย่างแน่นอน เพราะร้านที่จะไปกันในมื้อนี้นั้นเป็นต้นตำรับชีสเค้กจากฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว
      
       ร้านนี้มีชื่อว่า “Farm Design” (ฟาร์ม ดีไซน์) เป็นร้านเบเกอรี่ชื่อดังจากฮอกไกโด มีชื่อเสียงในเรื่องการทำชีสเค้กที่มีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใคร รวมถึงรสชาติและดีไซน์ที่ชวนชิม ที่ได้มาเปิดสาขาในประเทศไทยที่โครงการเดอะไนน์เป็นที่แรก นอกจากนี้ยังมีสาขาเซ็นทรัล พระราม 9 และสาขา Terminal 21 อีกด้วย
บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองภายในร้าน
       สูตรเด็ดเคล็ดลับ และวัตถุดิบต่างๆ ภายในร้านล้วนแต่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รสชาติดั้งเดิมเหมือนที่ฮอกไกโดจริงๆ โดยในแต่ละวันนั้นจะมีชีสเค้กมาให้ลองชิมถึง 12 ชนิด และจะมีอยู่ 1 ชนิดที่เป็นสเปเชียลเมนู ออกมาเฉพาะเทศกาล และหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
      
       บรรยากาศในร้านก็ดูอบอุ่นเป็นกันเอง เพราะตกแต่งด้วยไม้เป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีมุมที่เป็นครัวเปิด สามารถมองเห็นการทำขนมได้แบบสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน แถมยังได้กลิ่นหอมยั่วยวนใจให้ต้องลองลิ้มกันสักที
Classic Cheesecake และ Chocomooooo Cheesecake
       เริ่มต้นความอร่อยเมนูแรกที่ Classic Cheesecake (ชิ้นละ 95 บาท ปอนด์ละ 850 บาท) เอาใจคนที่ชอบรสชาติของชีสเค้กแบบเต็มปากเต็มคำ ฐานล่างจะเป็นบิสกิตผสมเนย ช่วงกลางเป็นชีสเค้กที่เน้นหนักด้วยรสชาติเข้มข้นของชีส นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่เมื่อลองชิมแล้วจะมีเนื้อแน่น เสิร์ฟมาในจานแผ่นชีสดูน่ารักดี
      
       ตามมาด้วย Chocomooooo Cheesecake (ชิ้นละ 105 บาท ปอนด์ละ 950 บาท) ชิ้นนี้เป็นฮอกไกโดชีสเค้กที่สอดไส้ช็อคโกแลตแบบเข้มข้นแต่งแต้มเป็นลายวัว น่ารัก ฐานล่างเป็นโอริโอบด ลองชิมแล้วจะได้รสชาติแบบผสมผสาน ทั้งความนุ่มฟูจากชีสเค้ก และความเข้มข้นจากช็อคโกแลต
Berry White Choco Cheesecake
       ต่อมาเป็น Berry White Choco Cheesecake (ชิ้นละ 120 บาท ปอนด์ละ 1,050 บาท) ที่ฐานล่างเป็นโอริโอบด เนื้อเป็นชีสเค้กที่ผสมมิกซ์เบอรี่และไวท์ช็อคโกแลตลงไปด้วย ทำให้ได้รสชาติความหวานหอมตัดกับความเปรี้ยวเล็กน้อย และยังคงความฟูเบาของเนื้อชีสเค้กอยู่ กินไปแล้วละลายในปากจริงๆ
      
       แถมอีกหนึ่งความอร่อยที่เมนู Deep Chocola Cheesecake (ชิ้นละ 115 บาท ปอนด์ละ 980 บาท) ชิ้นนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเข้มข้นของช็อคโกแลต เพราะได้นำเอาช็อคโกแลตละลายผสมลงไปในเนื้อชีสเค้กเลย ทำให้ได้ความขมเล็กๆ หอมหวานและฟูเบาอร่อยลิ้น
Deep Chocola Cheesecake
       นอกจากชีสเค้กที่อร่อยถูกใจแล้ว ทางร้านก็ยังมีเมนูพุดดิ้งให้ลิ้มลองกันอีกด้วย เริ่มจาก Milk Pudding (50 บาท) จะเป็นพุดดิ้งสไตล์ญี่ปุ่นที่มีส่วนผสมของนมสด ส่วน Choco Mooooo Pudding (50 บาท) ก็เป็นส่วนผสมเหมือนกัน แต่จะใส่ช็อคโกแลตแทรกเข้าไปให้เป็นลายวัว จะได้รสชาติผสมผสานกัน
      
       และยังมีพุดดิ้งโยเกิร์ต เริ่มที่ Yogurt Rare Cheese (Original) (65 บาท) เป็นรสชาติดั้งเดิมที่ผสมครีมชีสกับโยเกิร์ตเข้าด้วยกัน จะได้รสชาติออกเปรี้ยวเล็กน้อย ตามมาด้วย Raspberry Rare Cheese (70 บาท) ก็คือเนื้อครีมชีสผสมโยเกิร์ต แล้วท็อปปิ้งด้วยราสเบอร์รี่ให้ได้รสชาติความเปรี้ยวหวานเพิ่มขึ้น และยังมี Apricot Rare Cheese (70 บาท) และ Bluberry Rare Cheese (70 บาท) ให้ลองชิมความแตกต่างอีกด้วย
Milk Pudding และ Choco Mooooo Pudding
       แถมท้ายให้กับคนที่อยากชิมเครื่องดื่มอร่อยๆ ทางร้านก็มีไว้ให้ลิ้มลองไม่ว่าจะเป็น Ringo Cider (75 บาท) Raspberry Fizzy (75 บาท) หรือ Iced Mint Macchiato (100 บาท) แต่ถ้ายังไม่อิ่มกับชีสเค้กและเบเกอรี่อร่อยๆ ก็มีแนะนำอีก อาทิ Choco Banana Cheesecake (ชิ้นละ 100 บาท ปอนด์ละ 900 บาท) Cream Cheese Beownie (ชิ้นละ 50 บาท) Cheese Cake Croissant (ชิ้นละ 25 บาท) เป็นต้น
      
       และหากใครที่อยากจะซื้อกลับบ้านทางร้านก็จะแพ็คใส่น้ำแข็งให้ และจะอยู่ได้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แต่เมื่อถึงบ้านแล้วก็นำใส่ตู้เย็นช่องแช่แข็งจะอยู่ได้ 2 อาทิตย์ ส่วนช่องธรรมดาอยู่ได้ 1 อาทิตย์ และความพิเศษของเทศกาลแห่งความรักในช่วงนี้ ทางร้านจะเสนอเมนูชีสเค้กพิเศษสำหรับต้อนรับวันวาเลนไทน์โดยเฉพาะ ซึ่งก็ชักชวนกันมาลองชิมความอร่อยได้เลย
โยเกิร์ตพุดดิ้งรสชาติต่างๆ
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “Farm Design” (ฟาร์ม ดีไซน์) ตั้งอยู่เลขที่ 999 ห้อง D102 ชั้น 1 โครงการเดอะ ไนน์ ถ.พระราม 9 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม. การเดินทางจากแยกพระราม 9 มุ่งหน้าไปทางมอเตอร์เวย์ จะเห็นโครงการเดอะไนน์ตั้งอยู่ด้านซ้ายมือ ก่อนถึงแยกศรีนครินทร์ ร้านฟาร์มดีไซน์ตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ภายในโครงการเดอะไนน์ ใกล้กับบันไดเลื่อน สามารถจอดรถได้บริเวณที่จอดรถของโครงการ ร้านเปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น. โทร. 0-2716-7878 ทางร้านรับสั่งทำเค้กปอนด์ (ไซด์ 2 ปอนด์) ราคาเริ่มต้นที่ 850 บาท และควรโทรสั่งล่วงหน้า 1 วัน

อิ่มอร่อยอวลไออุ่นรัก ที่ “Sea Section”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กุมภาพันธ์ 2555 15:44 น.
บรรยากาศร้าน “Sea Section” ชวนนั่งชิลล์ ชิลล์
       ความรักเป็นสิ่งสวยงาม หากเกิดขึ้นกับใครก็ตามคนๆนั้นก็จะมีแต่ความสุข ทำให้มีพลังในการดำเนินชีวิตอย่างน่ามหัศจรรย์ และยิ่งใกล้ “เทศกาลวาเลนไทน์” (14 ก.พ.) ก็ดูเหมือนว่าโลกทั้งใบจะกลายเป็นสีชมพูไปแล้ว เพราะว่าเป็นวันแห่งความรัก ที่คนที่มีความรักทั้งหลายต่างจะหยิบยื่นสิ่งที่ดีงาม และความรักอันบริสุทธิ์ให้แก่กัน
      
       “ตระเวนกิน” ก็มีความรักที่ดีงามมาส่งมอบให้กับแฟนๆ นักกินทุกคนเหมือนกัน ด้วยการขอพาไปอิ่มอร่อยกับอาหารเลิศรส ในบรรยากาศทะเลแสนโรแมนติกแบบชิลล์ ชิลล์ กันที่ร้าน “Sea Section” (ซี เซ็คชั่น) ที่ตั้งอยู่ตรงถ.เกษตร-นวมินทร์ (ตอม่อที่ 94)
มุมโต๊ะนั่งน่ารักๆ
       ร้าน “Sea Section” มีบรรยากาศร้านที่น่ารักชวนนั่ง ตกแต่งได้อารมณ์เหมือนมานั่งกินข้าวริมทะเล ตัวร้านเปิดโล่งรับลมธรรมชาติเย็นๆ มีต้นมะพร้าวตกแต่งได้บรรยากาศ มีโซนด้านล่างจัดโต๊ะเก้าอี้สีขาวชวนนั่งสบายๆ มีมุมโต๊ะนั่งหวานๆ ให้ได้เลือกนั่งตามใจชอบ มีมุมโต๊ะพูลให้ได้เล่น และมีโซนโต๊ะนั่งด้านบนด้วย
      
       แถมยังมีเพลงเพราะๆ เปิดแผ่นให้ฟังแบบเพลิดเพลิน และทุกวันศุกร์-เสาร์ จะมีดนตรีสดมาเล่น วงแรกเล่นเวลา 18.00 น. วงที่ 2 เล่นเวลา 22.30 น. แล้วถ้าใครชอบโชว์พลังเสียง ก็มีห้องคาราโอเกะ 3-4 ห้อง ที่มีเพลงทันสมัยมากมายให้ได้เลือกร้องกันอย่างสนุกสนาน
ปีกไก่ทอดน้ำปลา
       ส่วนเรื่องอาหารของที่ร้านนี้มีอาหารไทยหลากหลายให้ได้เลือกสั่งมากินกัน เมนูเด่นๆ เลิศรสที่อยากแนะนำก็มี ปีกไก่ทอดน้ำปลา (120 บาท) เป็นปีกไก่ส่วนกลางนำมาหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ นาน 1 ชม. แล้วทอดจนไก่สุก กรอบ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มไก่ ชิมแล้วเนื้อไก่กรอบนุ่มหอมอร่อยถูกปาก
ทอดมันกุ้ง
       ทอดมันกุ้ง (150 บาท) เป็นอีกหนึ่งเมนูทอดๆ ที่น่ากิน ตัวทอดมันทำจากเนื้อกุ้งล้วนๆ ปรุงรสตามสูตรเด็ด แล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆ เหมือนโดนัท คลุกเกร็ดขนมปังแล้วทอดจนเหลืองกรอบ หั่นชิ้นทอดมันกุ้งส่งเข้าปาก เคี้ยวกร้วมกรอบนอกนุ่มในสัมผัสได้ถึงเนื้อกุ้งที่มีรสชาติดี กินคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยหวานๆ
ปลากะพงทอดน้ำปลา
       เมนูต่อมา คือ ปลากะพงทอดน้ำปลา (290 บาท) ที่ทางร้านสั่งปลากะพงสดๆ มาจากแม่กลอง นำปลามาแบะแล้วทอดจนเหลืองกรอบ พร้อมกับทำน้ำปลาที่ปรุงรสมาเป็นพิเศษราดบนตัวปลา เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำยำมะม่วง ลิ้มรสปลากะพงเนื้อนุ่มกรอบหอม ได้รสชาติกลมกล่อม กินกับน้ำยำมะม่วงเปรี้ยวๆหวานๆ โดนใจปาก
ปูม้าผัดผงกะหรี่
       จากเมนูปลามากินเมนู ปูม้าผัดผงกะหรี่ (250 บาท) ปูม้าสดๆ นำมาผัดกับเครื่องผงกะหรี่ครบเครื่อง ใส่ไข่ ใส่นมสดด้วย ผัดมาแบบน้ำขลุกขลิก กินกับข้าวสวยร้อนๆ รสชาติเครื่องผัดผงกะหรี่หอมมันเข้มข้นกลมกล่อมเข้ากับเนื้อปูดีแท้
ซี่โครงอบสับปะรด
       แล้วมากินเมนูนี้ ซี่โครงอบสับปะรด (250 บาท) เป็นเมนูใหม่ที่ทางร้านเพิ่งคิดขึ้น มาอย่างสวยงามน่ากิน เป็นซี่โครงหมูนำมาหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ และเอามาผัดให้เข้ากับเนื้อสับปะรด ใส่ไส้กรอก พริกหวานสามสี เห็ดหอม และใส่มาในลูกสับปะรดโรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ลิ้มรสซี่โครงหมูเนื้อนุ่มรสกลมกล่อมฉ่ำเนื้อสับปะรดหอมหวาน
ต้มยำกุ้งแม่น้ำมะพร้าวอ่อน
       ปิดท้ายด้วยเมนูซดน้ำแซบๆ ต้มยำกุ้งแม่น้ำมะพร้าวอ่อน (270 บาท) เสิร์ฟมาแบบหม้อไฟร้อนๆ เป็นต้มยำกุ้งน้ำข้นแบบครบเครื่อง ใส่กุ้งแม่น้ำ เห็ดฟาง และเนื้อมะพร้าวอ่อน ซดน้ำต้มยำร้อนๆ เปรี้ยว เผ็ดแซบได้ใจ กุ้งแม่น้ำเนื้อหวานดีจริง
บรรยากาศห้องคาราโอเกะ
       ถึงแม้เราจะปิดมื้ออิ่มไปกับหลายเมนูแล้ว แต่ว่าในเมนูอาหารก็ยังมีเมนูจานเด็ดอื่นๆ ที่ชวนกินอีก อาทิ ปลาหมึกผัดไข่เค็ม (150 บาท) บล็อกโคลี่ผัดกุ้ง (150 บาท) เนื้อผัดพริกไทยดำ (150 บาท) ยำ sea section (150 บาท) ฯลฯ และทางร้านยังมีร้านกาแฟ Coffee Club 99 ที่มีเบเกอรี่โฮมเมด เป็นเค้กส้มและเค้กช็อคโกแลต (ชิ้นละ 50 บาท) ให้ได้ลิ้มลอง พร้อมกับมีเครื่องดื่ม-กาแฟ และไอศกรีมโฮมเมดหลายรสชาติให้ได้ลิ้มรสกันด้วย
      
       เรียกว่าหากมิตรรักนักกินคนไหนกำลังมองหาสถานที่อยากจะพาคนรู้ใจ หรือคนในครอบครัวและคนที่คุณรัก ไปอิ่มอร่อยกับอาหารในบรรยากาศโรแมนติก อารมณ์ทะเล ก็ควงแขนกันมาได้ที่ร้าน “Sea Section” แห่งนี้
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       “Sea Section” (ซี เซ็คชั่น) ตั้งอยู่ที่ 111/8 หมู่ 4 ซ.ประเสริฐมนูกิจ 25 ถ.เกษตร-นวมินทร์ (ตอม่อที่ 94) จระเข้บัว ลาดพร้าว กทม. การเดินทางจากแยกเกษตร ให้วิ่งตรงมาที่ถ. เกษตร-นวมินทร์ ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงตอม่อที่ 94 หรือเห็น ซ.ประเสริฐมนูกิจ 25 ก็จะเห็นร้าน Sea Section อยู่ริมถนนมีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน ให้เลี้ยวเข้าไปจอดรถด้านในซอย ร้านเปิดทุกวัน เวลา 18.00-01.00 น. ทางร้านรับจัดเลี้ยงในสถานที่ด้วย และถ้ามาร้องคาราโอเกะแนะนำว่าควรโทร.มาจองห้องก่อน โทร. 08-7010-9000, 08-6336-6338

"เดอะ ออยสเตอร์ บาร์" (THE OYSTER BAR) ถ้าคุณชอบเปิบหอยนางรม / สันติ เศวตวิมล

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กุมภาพันธ์ 2555 17:33 น.
 โดย : สันติ เศวตวิมล
       หอยนางรม...ที่นี่รวบรวมหอยชั้นดีทั่วโลก
      
       ซีซาร์... คัสซาโนว่า หรือ "ร็อกกี้ เฟลเลอร์"
      
       เป็นนักกินหอยระดับโลกทั้งนั้น
      
       "หอยนางรม"...ของกินเล่นของบรรดาอัครเศรษฐีในปัจจุบันรวมทั้งผู้นำในประวัติศาสตร์มากมาย
      
       อย่างที่รู้จักกัน เช่น "จูเลียส ซีซาร์" นั้นบันทึกประวัติศาสตร์ของโรมเขียนเล่าว่า
      
       หอยนางรม...เป็นอาหารโปรดของซีซาร์
      
       หรืออย่างยอดนักรักบันลือโลก เช่น "คาสโนว่า" นั้นเพื่อนกินหอยนางรมวันละครึ่งโหลเป็นประจำ ด้วยเหตุผลสำคัญก็คือ
      
       หอยนางรม...เป็นอาหารโด๊ปชูกำลัง ใครกินแล้วจะมีแรง ไม่ต้องกลัวตกหลังม้า
      
       หรือแม้แต่อัครมหาเศรษฐีของโลกชาวอเมริกา "ร็อกกี้ เฟลเลอร์" นั้นก็มีสูตรทำหอยนางรมที่นักกินหอยทั้งหลายจะต้องสยบให้ เรียกเมนูหอยนี้ว่า
      
       ...หอยนางรม ร็อกกี้ เฟลเลอร์...
       "ป้าช้อย"...แกบอกผมว่าในเมืองนอกเมืองนาจะมีบาร์ขาย "หอยนางรม" ที่เรียกว่า "ออยสเตอร์ บาร์"
      
       บาร์พวกนี้เป็นที่ชุมนุมของพวกเศรษฐี เพราะหอยนางรมถือว่าเป็นของกินเล่นชั้นดี คนร่ำรวยเท่านั้นที่มีปัญญากินกัน
      
       กินแล้วจะอิ่มจะออกที่ไหน
      
       กินเหมือนกินเงิน...กินทองอวดกัน แล้ววิธีกินก็ไม่ได้วิริศมาหราตรงไหน เพราะจะต้องกินกันดิบ...ดิบ เริ่มจากตอกหอยออกจากเปลือก ก่อนจะตอกก็จะต้องเลือก...จี่ จ๋า จี่ (คนญวนเขาใช้ร้องเวลาออกหาปลา)จะกินตัวไหนดี
      
       จะกินตัวไหนก็ได้ ถ้าเป็นหอยชนิดดีที่จะต้องได้มาจากน้ำเย็น เนื้อหวานหอมเป็นพิเศษ เมื่อตอกหอยออกจากเปลือกก็ให้ตัวหอยอยู่ในเปลือกก่อน จะกินเมื่อไหร่ก็ให้บีบมะนาว แล้วตามด้วยซอสที่มีส่วนผสมไวน์ขาว กระเทียม หรือหอมซอยแล้วจึงปล่อยลงเข้าไปในปาก
      
       เคี้ยวช้า...ช้า เพื่อให้กำซาบรสชาติของหอย ที่จะอร่อยแตกต่างกัน
      
       แต่ที่สำคัญ หอยแต่ละตัวนั้นจะต้องได้ความเค็มของน้ำทะเลที่มาแตกต่างกันไป ก็ตรงนี้ล่ะคือความอร่อยของการกินหอยนางรม
       ความอร่อยของ "หอยนางรม"
      
       หอยนางรมจากญี่ปุ่นที่ชื่อว่า "ชิโกกุ" นักกินหอยว่าอร่อยตัวละ 120 บาท
      
       หอย "คูมูโมโต้" ก็เป็นหอยญี่ปุ่นอร่อยเป็นรองตัวละ 120 บาทเช่นกัน
      
       แต่สุดยอดเป็นหอยชื่อ "ฟายด์ เดอ คาเลียร์" ของฝรั่งเศสตัวละ 150 บาท
      
       ส่วนหอยจากแคนาดา ออสเตรเลีย หรือที่อื่นเฉลี่ยตัวละ 95-100 บาท
      
       "หอยสุราษฎร์"..."หอยอ่างศิลา" บ้านเรา ไม่เข้าอันดับจึงไม่ขึ้นโต๊ะของนักเลงกินหอยในโลกครับ
      
       เล่าไปก็เท่านั้น "ป้าช้อย" แกจูงมือผมไปร้าน "ออยสเตอร์ บาร์" ให้รู้แจ้งแดงแจ๋ ว่าหอยนางรมระดับโลกนั้นรสชาติมันเป็นอย่างไรกันนักกันหนา
      
       ร้านนี้ไม่มีชื่อเรียกเฉพาะ เศรษฐีทั้งคนไทยคนเทศเรียกกันสั้น...สั้นว่า "ออยสเตอร์บาร์" และบาร์หอยนางรมที่ว่าดูเหมือนจะมีร้านเดียวบาร์เดียวในบ้านเรา
      
       แต่จำได้ว่าเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เคยมีอยู่ที่ซอยร่วมฤดีเจ้าหนึ่ง แล้วตอนหลังก็ปิดตัวเอง...ไม่รู้ว่าเป็นเวรเป็นกรรมอะไร?
       "ออยสเตอร์บาร์"...เจ้านี้มีหอยนางรมให้เลือกเป็นสิบ...สิบประเทศ เป็นหอยนางรมสั่งพิเศษเข้ามาขายโดยเฉพาะ จะหากินที่ไหนก็ไม่ได้
      
       นอกจากหอยนางรมแล้ว เขาก็มีของทะเลแพง...แพง อย่าง "ปูอลาสก้า" หรือ "ปูทัสมาเนีย" รวมทั้ง "กุ้งทะเลลึก" กับ "กุ้งลอบสเตอร์" บรรดาซีฟู้ดอาหารทะเลของเศรษฐีเขานิยมกินกัน
      
       "ป้าช้อย" แกขมีขมันเลือกสรรกุ้ง หอย ปู แต่ไม่มีปลาให้ผมได้เปิบคืนนั้น
      
       กลับมาฝันว่าเป็น "โพไซดอน" เจ้าสมุทร...เจ้าทะเล มีอะไรอร่อย...อร่อยในทะเลกินเรียบ
      
       เขียนเล่าเรื่อง "ออยสเตอร์บาร์" ก็ไม่ได้อยากจะเชิญชวนให้คุณไปเสียกะตังค์หรอกครับ...ข้าวยากหมากแพงอย่างตอนนี้กินหอยอยู่ที่บ้านกันดีกว่าครับ...
      
       "สันติ เศวตวิมล"
       THE OYSTER BAR ถนนนราธิวาส ซอย 24 โทรศัพท์ 02 212 4809

งาดำมีประโยชน์มากกว่าที่คิด

งาดำมีประโยชน์มากกว่าที่คิด (Woman's Story)
"งาดำ" นั้นเป็นพืชที่มีประโยชน์มาก และควรจะรับประทานอย่างต่อเนื่องในรูปแบบของ "อาหาร" เป็นประจำ จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพ เมื่ออายุมาก ชราลง ร่างกายจะแข็งแรงกว่าคนที่ละเลยไม่รับประทาน


          งาดำ เป็นอาหารสารพัดประโยชน์ ช่วยบำรุงหลายส่วนของร่างกาย ทั้งผมผิวพรรณ เล็บ กระดูก เพิ่มแคลเซียม ช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ บำรุงหัวใจให้แข็งแรง มีกรดไขมันดีมาก มีสารอาหารที่ดีต่อร่างกายหลายชนิด แม้คนที่ยังเด็กหรือไม่มีอาการป่วย ก็ควรรับประทานเป็นประจำเพื่อสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่ร่างกายตัวเอง และสำหรับผู้หญิงที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยทอง งาดำจำเป็นมาก เพราะจะช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุนได้เนื่องจากมีแคลเซียมสูง

          การรับประทานงาดำไม่แนะนำให้โรยในข้าวหรือใส่กับเครื่องดื่ม เพราะวิธีการรับประทานงาดำที่ดีที่สุดคือการเคี้ยว หาก เราโรยข้าวหรือใส่เครื่องดื่ม บางครั้งไม่ได้เคี้ยว ร่างกายอาจจะดูดซึมไม่ได้เต็มที่ เข้าไปอย่างไรก็ออกมาอย่างนั้น ดังนั้น ต้องเคี้ยวเท่านั้นค่ะทราบแบบนี้แล้วอย่าลืมมองหางาดำมารับประทานเพื่อ สุขภาพกันนะคะ..


ขอขอบคุณข้อมูลจาก